ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

สามเณรเรียนวิชา "...ศึกษา" ได้ใช่มั๊ยค่ะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 12 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 09:58 AM

บุญโตอ่านข่าวนี้
ก็เลยอยากทราบนะคะ...สามารถเรียนอย่างนี้ได้ใช่หรือไม่คะ

ต้องขออภัยด้วยหากไม่เหมาะสม


QUOTE


เมื่อเณรน้อยเจ้าปัญหา ต้องศึกษาเรื่องเพศ

ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะเห็นเด็กนักเรียนกระโปรงบานขาสั้นเรียนวิชาเพศศึกษา พูดถึงเพศสัมพันธ์ เรียนรู้การใส่ถุงยางอนามัย รู้จักการคุมกำเนิดวิธีต่างๆ แต่...ตอนนี้ไม่ใช่แค่เด็กนักเรียนทั่วไปแล้วที่เรียนวิชานี้ เพราะมีนักเรียน "ห่มจีวร" สามเณรแห่งโรงเรียนมหาปัญญา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก็เรียนวิชาเพศศึกษา พูดถึงเพศสัมพันธ์ เรียนรู้การใส่ถุงยางอนามัย รู้จักการคุมกำเนิดวิธีต่างๆ เหมือนเด็กทั่วไปเช่นกัน

จากการไปสำรวจบรรยากาศชั้นเรียน "เพศศึกษา" ในโรงเรียน ซึ่งใช้สถานที่ในวัดถาวรวราราม หาดใหญ่ ก็ให้ประจักษ์ว่า "เณรน้อยเจ้าปัญญา" ตั้งอกตั้งใจเรียนกันน่าดู จากคำถามของครูที่ว่า "ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและไม่พร้อมผลเสียที่ตามมาก็คืออะไร?"

พวกเขาต่างช่วยกันระดมความคิดและเขียนคำตอบลงในกระดาษ "ติดเชื้อเอดส์ ตั้งท้อง การเรียนเสีย หมดอนาคต มีบุตร จนเพราะมีลูก ชาวบ้านนินทา" และหลังจากเขียนคำตอบลงในกระดาษ ครูก็ให้ช่วยแสดงความคิดเห็น เณรน้อยแต่ละรูปต่างยกมือแสดงความคิดเห็น บรรยากาศการเรียนของพวกเขาไม่ต่างจากการเรียนการสอนในโรงเรียนทั่วไปเลย

หลากหลายคำถามคงกำลังเกิดขึ้นในใจใครหลายคน

"สามเณร" ถือศีล 10 เรียนวิชาที่มีเนื้อหาเกี่ยวการมี "เพศสัมพันธ์" ใน "วัด!" ได้อย่างไร

เรื่องนี้ ครูผู้สอนวิชาเพศศึกษา "ครูกุ้ง" สุภาพร สิทธิพันธุ์ อายุ 26 ปี ผู้นำวิชานี้มาให้สามเณรเรียนเป็นครั้งแรก เล่าที่มาที่ไปว่า หลังจากเข้าร่วมประชุมโครงการเพศศึกษาเพื่อเยาวชน "ก้าวย่างอย่างเข้าใจ" จัดโดยองค์กรแพธ เมื่อ พ.ศ.2547 ของภาคใต้ ทำให้เกิดแนวคิดการนำเพศศึกษาไปสอนสามเณรในโรงเรียน จึงปรึกษากับ พระมหาพล ฐิตาโก พระครูใหญ่ของโรงเรียน จากการปรึกษาหารือมีความเห็นตรงกันว่าวัยของสามเณรสมควรที่จะรู้เรื่องเพศศึกษา จึงขอเข้าร่วมโครงการก้าวย่างฯในภาคใต้ ซึ่งตนได้เข้าร่วมอบรมครูรุ่นปี 2548 แล้วนำแผนการสอนมาใช้สอนสามเณรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2548 เป็นต้นมา

"สามเณรก็คือเยาวชนหรือวัยรุ่น พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่มีฮอร์โมน พัฒนาการด้านร่างกาย และอารมณ์เหมือนวัยรุ่นทั่วไป จะแตกต่างกันที่ขณะนี้พวกเขาครองสมณเพศ ครั้งแรกที่นำวิชานี้มาสอน คิดอยู่แล้วว่าอาจจะได้รับการต่อต้าน แต่เมื่อคิดถึงเหตุผลว่าสามเณรส่วนใหญ่ 99% เมื่อเรียนจบชั้น ม.3 หรือ ม.6 จะลาสิกขาไปเป็นฆราวาส การให้พวกเขาเรียนเพศศึกษาจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะเมื่อสึกออกไป พวกเขาจะได้นำความรู้เรื่องเพศไปใช้เป็นภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิต โดยไม่ต้องเสี่ยงลองผิดลองถูกเอง"

ครูกุ้งบอกว่า สามเณรทั้งหมด 60 กว่ารูป ซึ่งเป็นเยาวชนด้อยโอกาส อายุ 13-18 ปี มาจากทุกภาคทั่วประเทศ ทุกคนมาอยู่วัดเพราะมีปัญหาทางครอบครัว เช่น พ่อแม่แยกทางกัน ครอบครัวยากจนไม่มีผู้ส่งเสียเลี้ยงดู จะเรียนเพศศึกษาซึ่งเป็นหนึ่งในเนื้อหาวิชาสุขศึกษาและการอนามัยเหมือนเด็กในโรงเรียนทั่วไป เนื้อหาวิชาไม่เน้นเพศสัมพันธ์อย่างเดียว แต่จะเป็นเรื่องเพศรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น สัมพันธภาพทางเพศ พฤติกรรมทางเพศ การสาธิตการใช้ถุงยางอนามัย อุปกรณ์คุมกำเนิด สุขอนามัย การป้องกันโรค สังคมและวัฒนธรรม เรียนภาคเรียนละ 10 คาบ

แม้ว่าเนื้อหาวิชาจะสอน "เพศรอบด้าน" แต่การที่ต้องสอนลูกศิษย์ "ผู้ชายครองสมณเพศ" จึงทำให้บางบทเรียนที่มีเนื้อหาล่อแหลม และต้องทำกิจกรรมร่วมกับผู้หญิงถูกตัดออกไป แต่การเรียนการสอนก็มิได้ราบรื่นเสียทีเดียว ด้วยวัยที่อยากรู้อยากเห็น บางครั้ง "เณรน้อยเจ้าปัญหา" ก็ยิงคำถามให้ "ครูผู้หญิง" ต้องลำบากใจในการสอนไม่น้อย

"เณรมักจะถามคำถามที่ลึกมาก โดยเฉพาะเรื่องเพศสัมพันธ์ที่บางคำถามลำบากใจที่จะตอบ แต่ก็ต้องหาคำตอบมาตอบให้ได้ จะไม่ปิดบัง ไม่สอนครึ่งๆ กลางๆ เพราะยิ่งปิดจะยิ่งอยากรู้อยากเห็น การสอนของครูไม่กลัวเป็นการชี้โพรงให้กระรอก ตรงกันข้ามคิดว่าเป็นเรื่องที่เณรต้องรู้ เพราะวิถีชีวิตของเณรในปัจจุบันมีโอกาสเข้าถึงสื่อต่างๆ ได้ง่าย เช่น โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต แช็ต สามเณรจึงต้องเท่าทันและรู้จักจัดการกับอารมณ์ ความรู้สึก หรือพฤติกรรมต่างๆ ของตัวเองได้เหมือนๆ วัยรุ่นทั่วไปเช่นกัน และที่สำคัญขณะนี้สามเณรอยู่ในสมณเพศ สามเณรจะสำรวมศีลมาก จึงไม่ห่วงว่าสามเณรจะกระทำนอกลู่นอกทาง"

จะเป็นอย่างที่ครูว่าจริงไหม เรื่องนี้คงต้องถามผู้เรียนเอง สามเณร เจนวิทย์ จันทร์คำ วัย 14 ปี บวชมาแล้ว 1 ปี บอกว่า ก่อนบวชรู้เรื่องเพศมาบ้างจากการเรียนชั้นประถม และจากการดูวิดีโอ ซีดี หนังสือ และอินเตอร์เน็ต แต่หลังจากบวชและได้เรียนเรื่องเพศศึกษาทำให้เข้าใจเรื่องเพศมากขึ้นว่าไม่ได้มีแต่เรื่องเพศสัมพันธ์อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องวิถีชีวิตทางเพศที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เกิดจนตาย

"เรียนเพศศึกษาตั้งแต่ปีที่แล้ว รู้สึกเฉยๆ ไม่คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าศึกษาไว้เพื่อวันข้างหน้าสึกออกไปจะได้นำความรู้ไปใช้อย่างถูกต้อง เรียนเพื่อรู้ไว้ก่อน ถึงบางครั้งจะอยากลองทำตามที่เรียน แต่ตอนนี้อยู่ในผ้าเหลือง อยู่ในพระธรรมวินัย จึงห้ามใจ ไม่ทำในสิ่งที่ผิดต่อศาสนา"

ด้านสามเณรชาวญี่ปุ่น สณ.ยูกิ โอยาม่า วัย 14 ปี บวชมาแล้ว 2 ปี บอกด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำว่า การเรียนเพศศึกษาสำหรับสามเณรไม่ใช่เรื่องผิด เพราะการเรียนเป็นแค่เรียนเพื่อให้เป็นความรู้ ไม่ได้ทำให้อยากลอง การเรียนวิชานี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ถ้าไม่ศึกษาเราก็จะไม่รู้ว่าต้องดูแลตัวเองอย่างไร

"ถึงจะเรียนเรื่องเพศ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกหมกมุ่น เพราะเรามีศาสนามายึดเหนี่ยวจิตใจไว้ไม่ให้ไหลไปตามโลก การเรียนเพศศึกษาทำให้เราเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อารมณ์ ทำให้เข้าใจธรรมชาติตามหลักวิทยาศาสตร์ที่มีเหตุและผล ตั้งแต่เรียนวิชานี้มา 2 ปี ไม่เคยคิดอยากลอง ตรงกันข้ามยิ่งรู้ยิ่งรู้สึกสงบและเข้าใจโลกมากขึ้นว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ"

ที่มา : นสพ.มติชน 24 ม.ค.50 ข่าวนี้มีผู้อ่านแล้ว 50 คน




#2 Pungpa

Pungpa
  • Members
  • 458 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ผ่านการอบรมมัชฌิมธรรมทายาทหญิง รุ่นที่ 13 /2549 แล้วค่ะ<br /><br />รับบุญ : ฝึกงานอยู่ที่ ศูนย์ประสานงานโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 11:12 AM

ไม่เข้าใจ ทำไมคนส่วนใหญ่ต้องว่า สามเณรคือผู้ด้วยโอกาส ท่านคือผู้ได้โอกาส กว่าใครหลายๆคนด้วยซ้ำ ที่ได้ศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในความคิดของเด็กคนหนึ่ง เรื่องเพศศึกษาไม่ควรศึกษาเลยนะคะกับสามเณร หรือแม้พระภิกษุสงฆ์ก็ตามที สู้เอาเวลาที่เรียนวิชานี้ไปนั่งธรรมะทำให้จิตใจสงบ แทนที่จะทำให้จิตใจฟุ้งซ่านยังจะดีกว่าอีก


หยุดนั่นแหละเป็นตัวสมถะ
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด

#3 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 01:25 PM

เห็นด้วยครับ ไม่ควรศึกษาเหมือนคุณ Pungpa แทนจะได้ประโยชน์ จะฟุ้งซ่านซะเปล่า ๆ

#4 ThDk

ThDk
  • Members
  • 259 โพสต์
  • Location:Struer, Denmark
  • Interests:จุดมุ่งหมายของการประพฤติพรรหมจรรย์ เพื่อสำรอกราคะ... เพื่อละสังโยชน์... เพื่อถอนอานุสัย.. เพื่อรู้รอบสังสารวัฎอันยืดยาว... เพื่อความสิ้นอาสวะ... เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผลคือ วิชชาและวิมมุติ... เพื่อญาณทัศนะ... เพื่อปรินิพพาน อันปราศจากอุปทาน.

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 03:59 PM

ถ้าพระสอน เพศศึกษา ประกอบด้วยได้ก็จะดี เพราะพระท่านก็สามารถสอนในแนวของธรรมะ
สอนให้สามเณร ได้เรียนรู้ เวทนา (ความรู้สึก) และ จิต อย่างแท้จริง เห็น เวทนาเกิด และดับ เห็นราคะเกิด และดับ.
ธรรมะ ใดที่ดับ เวทนานั้นได้
ธรรมะ ใด ที่ช่วยให้จิต ละ ราคะ ได้.

สามเณร ควรเรียน ว่า * เมื่อจิตมีราคะ ก็ให้รู้ว่า จิตมีราคะ *
แล้ว ตั้งสติ (1),
เลือกเฟ้นธรรมะมาพิจารณา(2),
ตั่งความเพียร (3) ในการพิจารณาธรรมะนั้น,
เมื่อราคะจิตดับไป ก็ให้รู้ตัว แล้วก็เกิดปิติ(4),
และ ความสงบใจก็ตามมา(5),
และ สมาธิ ความตั้งใจมั่นก้บังเกิดขึ้น(6),
และอุเบกขา ก็จะเกิดขึ้น (7)

นี่แล โพชฌงค์ 7 ธรรม อันเป้นองค์ประกอบในการตรัสรู้
( รู้ จิต, รู้ การเกิด และ ดับ ของจิต, รู้จิต ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีอำนาจไปบังคับบัญชาหรือ สั่งการ, จิต นี้มีไว้ เรียนรู้ และฝึกฝน * จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้)


โลกอยู่ภายใต้การครอบงำของชรา ก้าวเข้าไปสู่ชรา ไม่ยั่งยืน

โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่มีผู้เป็นใหญ่

โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวง

โลกพร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา.

- สละโลกได้ ก็พ้นทุกข์ได้


#5 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 04:16 PM

ยุคสมัยมันเปลี่ยนครับ ค่านิยมของคนทางโลก
เดี๋ยวนี้พระเณรไม่ค่อยจะศึกษาพระธรรม มักจะเน้นเรียนทางโลก
เทียบจำนวนพระเณรที่เรียน บาลี กับเรียนวิชาการทางโลกแล้ว เทียบกันไม่ติด
เรื่องเพศศึกษานี้ก็เหมือนกัน ความจริงแล้วเรื่องเกี่ยวกับสรีระสังขาร เรื่องเพศ พระพุทธองค์ท่านก็ทรงสอนไว้หมดแล้ว ในพระไตรปิฏกมีอะไรอีกตั้งมากมาย มาเรียนแบบโลกๆ ก็ได้ความรู้แบบโลกๆ ซิครับ ถ้ามานั้งสมาธิกัน ใจสงบแล้วก็เห็นหมดทั้งสังขารชายหญิง อย่างนี้น่าจะดีกว่าสำหรับ พระเณร
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#6 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 05:25 PM

วัตถุประสงค์ในการบวชของคนนั้นเปลี่ยนไปน่ะครับ จากบวชเพื่อหนีวัฏฏะ หรือรื้อวัฏฏะ มาเป็นบวชเพื่ออย่างอื่นแทน มันก็เลยกลายเป็นแบบนี้แหละครับ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในอดีต พระพุทธศาสนาแม้เจริญยั่งยืนมานานแสนนาน แต่พอพระพุทธเจ้าปรินิพพานลง พระพุทธศาสนาในอดีตก็จะค่อยๆ เสื่อมลงจนหมดไป แล้วก็มีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ มาตรัสรู้พระพุทธศาสนาใหม่อีกครั้ง เป็นวัฏจักรเช่นนี้มานานแสนนานนับไม่ถ้วนแล้ว
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#7 somch

somch
  • Members
  • 249 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 06:08 PM

ผมว่าเรียนแบบ วิชากายวิภาคศาสตร์(Anatomy) ที่แพทย์ พยาลเรียนดีกว่าครับ

ต้องนิยามคำว่าเพศศึกษาก่อนว่าขอบเขตแค่ไหน

เรียนแค่รู้คร่าวๆก้อพอแล้ว


#8 joeintra

joeintra
  • Members
  • 261 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 06:41 PM

อะไรมันบังตาครับเนี่ย ทำให้สัมมาทิฐิมันลดลง เพศศึกษา ไม่เห็นต้องสอนเลยครับ ถ้าคนเรา มีคุณธรรมประจำใจแล้ว ก็ไม่เห็นต้องมานั่งสวมถุงยางอนามัยเลย สามเณรเป็นผู้ได้โอกาส ไม่ใช่ผู้ด้้อยโอกาส เป็นเหล่ากอของสมณะ ตราบใดที่ยังเป็นสามเณรอยู่ก็ไม่ควรที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ จะมาเหมารวมว่าจะลาสิกขากันหมดได้อย่างไร แล้วไม่คิดถึงสามเณรที่ตั้งใจศึกษาธรรม เพื่อเป็นเนื้อนาบุญของพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตหรอกครับ เด๋วนี้จิตใจคนตกต่ำจริงๆ

#9 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1961 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 09:00 PM

คนๆคนนี้ไม่สมควรเป้นครูเลยนะคะ ไม่ควรเลย
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#10 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1961 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 09:06 PM

หลวงพ่อนำออกในร.รด้วยนะคะวันนี้ต้องอนุโมทนาบุญกับพี่บุญโตที่นำมาบอกเล่ากันด้วยนะค่ะ สาธุๆๆๆ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#11 นิ่งๆ นุ่มๆ

นิ่งๆ นุ่มๆ
  • Members
  • 618 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2007 - 09:35 PM

โอยยยยยยยยยยยยย คิดได้ไงเนี้ยยยยยยยยยยค่ะ เอาส่วนไหนคิ้ดดด
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้

#12 นับดาว

นับดาว
  • Members
  • 422 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 January 2007 - 01:26 PM

เมื่อคืนได้ฟังในรร.อนุบาลเหมือนกันค่ะ

รู้สึกอนาถมากๆเลย

เฮ้อ...คิดได้ไงเนี่ย
ถ้าใจใส

เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน

#13 บุญเพิ่มทุกวัน

บุญเพิ่มทุกวัน
  • Members
  • 49 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 11:00 PM

ฟันธงเลย (ธงขาดกระจุย) ว่าไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องเรียน....ศึกษา