ก็เลยอยากทราบนะคะ...สามารถเรียนอย่างนี้ได้ใช่หรือไม่คะ
ต้องขออภัยด้วยหากไม่เหมาะสม
เมื่อเณรน้อยเจ้าปัญหา ต้องศึกษาเรื่องเพศ
ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะเห็นเด็กนักเรียนกระโปรงบานขาสั้นเรียนวิชาเพศศึกษา พูดถึงเพศสัมพันธ์ เรียนรู้การใส่ถุงยางอนามัย รู้จักการคุมกำเนิดวิธีต่างๆ แต่...ตอนนี้ไม่ใช่แค่เด็กนักเรียนทั่วไปแล้วที่เรียนวิชานี้ เพราะมีนักเรียน "ห่มจีวร" สามเณรแห่งโรงเรียนมหาปัญญา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก็เรียนวิชาเพศศึกษา พูดถึงเพศสัมพันธ์ เรียนรู้การใส่ถุงยางอนามัย รู้จักการคุมกำเนิดวิธีต่างๆ เหมือนเด็กทั่วไปเช่นกัน
จากการไปสำรวจบรรยากาศชั้นเรียน "เพศศึกษา" ในโรงเรียน ซึ่งใช้สถานที่ในวัดถาวรวราราม หาดใหญ่ ก็ให้ประจักษ์ว่า "เณรน้อยเจ้าปัญญา" ตั้งอกตั้งใจเรียนกันน่าดู จากคำถามของครูที่ว่า "ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและไม่พร้อมผลเสียที่ตามมาก็คืออะไร?"
พวกเขาต่างช่วยกันระดมความคิดและเขียนคำตอบลงในกระดาษ "ติดเชื้อเอดส์ ตั้งท้อง การเรียนเสีย หมดอนาคต มีบุตร จนเพราะมีลูก ชาวบ้านนินทา" และหลังจากเขียนคำตอบลงในกระดาษ ครูก็ให้ช่วยแสดงความคิดเห็น เณรน้อยแต่ละรูปต่างยกมือแสดงความคิดเห็น บรรยากาศการเรียนของพวกเขาไม่ต่างจากการเรียนการสอนในโรงเรียนทั่วไปเลย
หลากหลายคำถามคงกำลังเกิดขึ้นในใจใครหลายคน
"สามเณร" ถือศีล 10 เรียนวิชาที่มีเนื้อหาเกี่ยวการมี "เพศสัมพันธ์" ใน "วัด!" ได้อย่างไร
เรื่องนี้ ครูผู้สอนวิชาเพศศึกษา "ครูกุ้ง" สุภาพร สิทธิพันธุ์ อายุ 26 ปี ผู้นำวิชานี้มาให้สามเณรเรียนเป็นครั้งแรก เล่าที่มาที่ไปว่า หลังจากเข้าร่วมประชุมโครงการเพศศึกษาเพื่อเยาวชน "ก้าวย่างอย่างเข้าใจ" จัดโดยองค์กรแพธ เมื่อ พ.ศ.2547 ของภาคใต้ ทำให้เกิดแนวคิดการนำเพศศึกษาไปสอนสามเณรในโรงเรียน จึงปรึกษากับ พระมหาพล ฐิตาโก พระครูใหญ่ของโรงเรียน จากการปรึกษาหารือมีความเห็นตรงกันว่าวัยของสามเณรสมควรที่จะรู้เรื่องเพศศึกษา จึงขอเข้าร่วมโครงการก้าวย่างฯในภาคใต้ ซึ่งตนได้เข้าร่วมอบรมครูรุ่นปี 2548 แล้วนำแผนการสอนมาใช้สอนสามเณรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2548 เป็นต้นมา
"สามเณรก็คือเยาวชนหรือวัยรุ่น พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่มีฮอร์โมน พัฒนาการด้านร่างกาย และอารมณ์เหมือนวัยรุ่นทั่วไป จะแตกต่างกันที่ขณะนี้พวกเขาครองสมณเพศ ครั้งแรกที่นำวิชานี้มาสอน คิดอยู่แล้วว่าอาจจะได้รับการต่อต้าน แต่เมื่อคิดถึงเหตุผลว่าสามเณรส่วนใหญ่ 99% เมื่อเรียนจบชั้น ม.3 หรือ ม.6 จะลาสิกขาไปเป็นฆราวาส การให้พวกเขาเรียนเพศศึกษาจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะเมื่อสึกออกไป พวกเขาจะได้นำความรู้เรื่องเพศไปใช้เป็นภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิต โดยไม่ต้องเสี่ยงลองผิดลองถูกเอง"
ครูกุ้งบอกว่า สามเณรทั้งหมด 60 กว่ารูป ซึ่งเป็นเยาวชนด้อยโอกาส อายุ 13-18 ปี มาจากทุกภาคทั่วประเทศ ทุกคนมาอยู่วัดเพราะมีปัญหาทางครอบครัว เช่น พ่อแม่แยกทางกัน ครอบครัวยากจนไม่มีผู้ส่งเสียเลี้ยงดู จะเรียนเพศศึกษาซึ่งเป็นหนึ่งในเนื้อหาวิชาสุขศึกษาและการอนามัยเหมือนเด็กในโรงเรียนทั่วไป เนื้อหาวิชาไม่เน้นเพศสัมพันธ์อย่างเดียว แต่จะเป็นเรื่องเพศรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น สัมพันธภาพทางเพศ พฤติกรรมทางเพศ การสาธิตการใช้ถุงยางอนามัย อุปกรณ์คุมกำเนิด สุขอนามัย การป้องกันโรค สังคมและวัฒนธรรม เรียนภาคเรียนละ 10 คาบ
แม้ว่าเนื้อหาวิชาจะสอน "เพศรอบด้าน" แต่การที่ต้องสอนลูกศิษย์ "ผู้ชายครองสมณเพศ" จึงทำให้บางบทเรียนที่มีเนื้อหาล่อแหลม และต้องทำกิจกรรมร่วมกับผู้หญิงถูกตัดออกไป แต่การเรียนการสอนก็มิได้ราบรื่นเสียทีเดียว ด้วยวัยที่อยากรู้อยากเห็น บางครั้ง "เณรน้อยเจ้าปัญหา" ก็ยิงคำถามให้ "ครูผู้หญิง" ต้องลำบากใจในการสอนไม่น้อย
"เณรมักจะถามคำถามที่ลึกมาก โดยเฉพาะเรื่องเพศสัมพันธ์ที่บางคำถามลำบากใจที่จะตอบ แต่ก็ต้องหาคำตอบมาตอบให้ได้ จะไม่ปิดบัง ไม่สอนครึ่งๆ กลางๆ เพราะยิ่งปิดจะยิ่งอยากรู้อยากเห็น การสอนของครูไม่กลัวเป็นการชี้โพรงให้กระรอก ตรงกันข้ามคิดว่าเป็นเรื่องที่เณรต้องรู้ เพราะวิถีชีวิตของเณรในปัจจุบันมีโอกาสเข้าถึงสื่อต่างๆ ได้ง่าย เช่น โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต แช็ต สามเณรจึงต้องเท่าทันและรู้จักจัดการกับอารมณ์ ความรู้สึก หรือพฤติกรรมต่างๆ ของตัวเองได้เหมือนๆ วัยรุ่นทั่วไปเช่นกัน และที่สำคัญขณะนี้สามเณรอยู่ในสมณเพศ สามเณรจะสำรวมศีลมาก จึงไม่ห่วงว่าสามเณรจะกระทำนอกลู่นอกทาง"
จะเป็นอย่างที่ครูว่าจริงไหม เรื่องนี้คงต้องถามผู้เรียนเอง สามเณร เจนวิทย์ จันทร์คำ วัย 14 ปี บวชมาแล้ว 1 ปี บอกว่า ก่อนบวชรู้เรื่องเพศมาบ้างจากการเรียนชั้นประถม และจากการดูวิดีโอ ซีดี หนังสือ และอินเตอร์เน็ต แต่หลังจากบวชและได้เรียนเรื่องเพศศึกษาทำให้เข้าใจเรื่องเพศมากขึ้นว่าไม่ได้มีแต่เรื่องเพศสัมพันธ์อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องวิถีชีวิตทางเพศที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เกิดจนตาย
"เรียนเพศศึกษาตั้งแต่ปีที่แล้ว รู้สึกเฉยๆ ไม่คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าศึกษาไว้เพื่อวันข้างหน้าสึกออกไปจะได้นำความรู้ไปใช้อย่างถูกต้อง เรียนเพื่อรู้ไว้ก่อน ถึงบางครั้งจะอยากลองทำตามที่เรียน แต่ตอนนี้อยู่ในผ้าเหลือง อยู่ในพระธรรมวินัย จึงห้ามใจ ไม่ทำในสิ่งที่ผิดต่อศาสนา"
ด้านสามเณรชาวญี่ปุ่น สณ.ยูกิ โอยาม่า วัย 14 ปี บวชมาแล้ว 2 ปี บอกด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำว่า การเรียนเพศศึกษาสำหรับสามเณรไม่ใช่เรื่องผิด เพราะการเรียนเป็นแค่เรียนเพื่อให้เป็นความรู้ ไม่ได้ทำให้อยากลอง การเรียนวิชานี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ถ้าไม่ศึกษาเราก็จะไม่รู้ว่าต้องดูแลตัวเองอย่างไร
"ถึงจะเรียนเรื่องเพศ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกหมกมุ่น เพราะเรามีศาสนามายึดเหนี่ยวจิตใจไว้ไม่ให้ไหลไปตามโลก การเรียนเพศศึกษาทำให้เราเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อารมณ์ ทำให้เข้าใจธรรมชาติตามหลักวิทยาศาสตร์ที่มีเหตุและผล ตั้งแต่เรียนวิชานี้มา 2 ปี ไม่เคยคิดอยากลอง ตรงกันข้ามยิ่งรู้ยิ่งรู้สึกสงบและเข้าใจโลกมากขึ้นว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ"
ที่มา : นสพ.มติชน 24 ม.ค.50 ข่าวนี้มีผู้อ่านแล้ว 50 คน