ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ใครว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงสอนให้ไปสวรรค์


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 12:32 PM

คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นมีหลากหลายถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ ครอบคลุมจริตของมนุษย์แทบทุกประเภท ยกเว้นประเภทที่ดื้อจัด แม้พระพุทธเจ้าก็ทรงโปรดไม่ได้ อย่างนี้จะไม่ทรงสอน นอกจากนั้นจะทรงสอนให้ถูกกับจริตทั้งสิ้นน่ะครับ ซึ่งก็มีเหมือนกันที่บางท่านชอบและถนัดในธรรมะประเภทบรรลุธรรมโดยเร็วพลัน อยากให้คนอื่นปฏิบัติตามเช่นนี้ ถ้าถามผมว่า ดีไหม ผมก็ตอบว่า เจตนาดีมากครับ แต่วิธีการสอนต้องระวัง คือ สามารถชักชวนให้คนเห็นประโยชน์ของไปนิพพานโดยเร็วได้ อย่าไปเที่ยวแวะข้างทางที่สวรรค์หรือที่ไหนนั้นได้ แต่ต้องระวัง อย่าไปบอกว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงสอนให้แวะข้างทาง คือ ไปสวรรค์ ใครสอนว่า ไปสวรรค์ ถือว่าเป็นสาวกปลอม

ตรงนี้ถือเป็นความเข้าใจที่ยังคลาดเคลื่อนน่ะครับ แล้วยิ่งไปกล่าวตู่พระพุทธเจ้าว่าไม่ได้ทรงสอน ก็อาจจะมีวิบากกรรมติดตัวไป เพราะความจริงแล้วพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ครับ เพื่อให้เหมาะกับจริตอัธยาศัยของคนแต่ละแบบ ดังเรื่องราวใน สิงคาลกสูตร ที่พระพุทธองค์ทรงสอนอย่างชัดเจนว่า ถ้าปฏิบัติทิศ 6 อย่างสมควร จะมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไปน่ะครับ อ้างอิงจากสิงคาลกสูตรในพระไตรปิฏกข้างล่างนี้ ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ครับ

http://84000.org/tip...h...3923&Z=4206
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#2 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 01:38 PM

คือว่าพระองค์ทรงรู้วาระจิต ควรจะสอนอย่างไร รอให้ใจเปิดก่อน แล้วค่อยสอนละเอียดใช่ไหมครับ

#3 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 02:02 PM

ส่วนหนึ่งใช่ครับ คุณปัจเจกชน ไม่เฉพาะแต่ใจเปิดอย่างเดียว แต่ทรงรอให้บารมีถึงพร้อมด้วยน่ะครับ ที่คุณยกมา เปรียบเสมือน เด็กมหาวิทยาลัยที่เรียนไม่เก่ง แต่พบครูดี ครูก็สอนให้ถูกจริต ก็เข้าใจและเรียนจบได้ อุปมาดั่ง ผู้มีบารมีพอจะบรรลุธรรมได้ในชาตินี้ แต่ยังไม่มีใจศรัทธา พระพุทธองค์ทรงเทศน์สอนเปิดใจเขาให้ศรัทธา ก็บรรลุธรรมได้

แต่ยังมีอีกประเภทหนึ่ง คือ เขายังเป็นนักเรียนประถม มัธยมอยู่ ถ้าครูที่ดีจะสอนเขาในความรู้ระดับประถม มัธยมไปก่อน เมื่อเขาพัฒนาความรู้จนสอบผ่านได้แล้ว ค่อยไปสอนความรู้ในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป ครูที่ดีจะไม่เร่งรัดลูกศิษย์ที่ยังไม่พร้อมน่ะครับ ครูที่ดีจะไม่บอกกับศิษย์ทุกคนว่า การเรียนประถม มัธยมถือเป็นการแวะข้างทาง เสียเวลา การเรียนมหาวิทยาลัยเลย จึงจะเรียนจบได้โดยเร็ว แต่คุณครูจะเลือกบอกเฉพาะศิษย์ที่พร้อมและอยากเรียนจบเร็วๆ จริงๆ น่ะครับ

เช่นเดียวกัน เพื่อนมนุษย์ผู้ยังบำเพ็ญบารมีมีหลายระดับ พระพุทธเจ้า จึงตรวจดูบารมีก่อนน่ะครับ ก่อนจะที่สอนให้ตรงกับระดับบารมี หากเขาเพิ่งบำเพ็ญบารมี หรืออยู่กลางทาง พระองค์ก็จะสอนแบบหนึ่ง แต่หากเขาบารมีใกล้ถึงพร้อม หรือถึงพร้อมแล้ว พระองค์ก็จะเร่งสอนให้เขาบรรลุธรรมในชาตินี้น่ะครับ

อีกประการหนึ่ง นอกจากพระพุทธเจ้งจะทรงดูบารมีแล้ว จะทรงดูความปรารถนาของเขาด้วยครับ หากเขาปรารถนาจะเรียนจบโดยเร็ว พระองค์ก็จะยกธรรมะประเภทตรงไปสู่จุดหมายให้จบโดยเร็ว แต่ถ้าเขาเป็นประเภทอยากเป็นครูบ้างในอนาคต ขอเรียนให้ละเอียด (อยากเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง) อย่างนี้ก็จะทรงสอนอย่างละเอียด ไม่เร่งสอนให้เขารีบจบ (รีบเข้านิพพาน) น่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#4 DREAMLOVER

DREAMLOVER
  • Members
  • 84 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 02:11 PM

สาธุ

#5 Peacefulness ™

Peacefulness ™
  • Members
  • 1145 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:On the planet Earth.
  • Interests:Almost everything that helps me to become better and better; especially, the Grestest Dharma of the Lord Buddha

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 03:42 PM





พระพุทธเจ้า
บุรุษผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบรมครูของครูทั้งหลาย ผู้ที่เป็นครูผู้สอน ของเหล่า พรหม เทวดา มนุษย์ และ เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ย่อมทรงรู้ว่าจะเมตตาต่อ เหล่าสรรพสัตว์ ด้วย ธรรมะบทไหน ขนาดไหน เวลาไหน ที่ไหน บุคคลไหน ฯลฯ อย่างเหมาะสมที่สุด

โดยทั้งนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัพพุทธเจ้า พระองค์ผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้หยั่งรู้ ทุกๆสิ่ง ในกลไกต่างๆ อย่างท้องแท้ ในวัฎฎะสงสาร แห่งนี้ ทรงเมตตาประสงค์ ปราถนาจะให้ เหล่าสรรพสัตว์ ได้รู้ถึงวิธีปฏิบัติ เพื่อ เข้าถึง ความสุขที่แท้จริง อันประเสริฐ ก็คือ พระนิพพาน ที่สรรพสัตว์ทุกๆชีวิต มีสิทธิ สามารถจะเข้าถึงได้ ด้วยการ หมั่นเพียรพยายาม ฝึกฝนตนเอง อย่างสม่ำเสมอ ตามที่ พระองค์ ได้ทรงเมตตาโปรดสั่งสอน โดยมี เหล่าพุทธสาวก และ เหล่า ท่านคุณครูบาอาจารย์ ผู้ที่ได้ลองปฏิบัติตาม พระธรรม คำสั่งสอน มากพอ จนสามารถจะ เห็นแจ้งแล้ว รู้แจ้งแล้ว มาโปรดเมตตาสอน พวกเรา ด้วยอีกเช่นกัน

QUOTE(พุทธสุภาษิต)
วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ
คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร


และข้าพเจ้าใคร่ ขอขอบคุณ และ อนุโมทนาบุญทุกๆบุญ กับ ทุกๆท่าน สำหรับ ทุกๆความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อ ผู้อ่าน และผู้ศึกษา อย่างเช่นข้าพเจ้าเป็นต้น ด้วยนะครับ

สาธุ...สาธุ...สาธุ...ครับ

The basic knowledge of Buddhism to become a better Buddhist Edition 2
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
.

Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

For any inquiries please

.

รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า:
คลิ๊กที่นี้
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ ได้รับ ภาพทั้งหมดของ คำสอนคุณยาย ฉบับรวมเล่ม และภาพ (ฉบับสมบรูณ์)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 157 files, 557.61 MB, ธรรมมะเทศนา มงคล 38 โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ปล. สืบเนื้องมาจาก กระทู้นี้ โพสต์โดย ท่าน ฟ้าร้าง
.
เรื่อง การสร้างบารมีของพระโพติสัตว์ เข้าใจได้ไม่ยาก โปรดลอง คลิ๊กที่นี้
.
สนใจอ่าน

The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้

(With some english explanation)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

"Do not confuse having a career with having a life"
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>>
CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
Lastest Revised: 16/12/2006 | 08:43 PM

#6 ThDk

ThDk
  • Members
  • 259 โพสต์
  • Location:Struer, Denmark
  • Interests:จุดมุ่งหมายของการประพฤติพรรหมจรรย์ เพื่อสำรอกราคะ... เพื่อละสังโยชน์... เพื่อถอนอานุสัย.. เพื่อรู้รอบสังสารวัฎอันยืดยาว... เพื่อความสิ้นอาสวะ... เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผลคือ วิชชาและวิมมุติ... เพื่อญาณทัศนะ... เพื่อปรินิพพาน อันปราศจากอุปทาน.

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 04:20 PM

สวัสดีค่ะ เพื่อนกัลยาณมิตร

ดิฉันได้เขียนข้อความต่างๆในแนวทางที่เกียวข้องกับเรื่อง สวรรค์ และ นิพพาน
ดิฉันทราบว่าผู้อ่านเป็นผู้ที่มีทิฐิแตกต่างกัน บางคนอ่านก็เข้าใจในเจตนาของผู้เขียน บางคนอ่านก็ไม่สามรถทราบเจตนาของผู้เขียน
ดิฉันก็ยังเป็นผู้ศึกษาอยู่ ไม่แตกต่างจากท่านทั้งหลาย

ใครวางเป้าหมายของตนอย่างไร ก็เดินไปอย่างนั้น ถ้าอ่านบทความของดิฉันแล้ว จิตหวั่นไหว ก็แสดงว่าท่านต้องฝึกฝนจิตของตนให้ยิ่งขึ้น
บทความที่ดิฉันเขียน ใครอ่านแล้วเห็นจิตตน รู้จิตตน ผู้นั้นก็จะรู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน และระยะทางจากที่ตนยืนอยู่ไปถึงจุดหมายปลายทางนั้นยาวเท่าใด
ธรรมะ คือ การศึกษา จิตของตน

ดิฉันไม่ได้เขียนให้ใครเกิดความพอใจเมื่ออ่าน หรือเกิดความไม่พอใจเมื่ออ่าน แต่เพื่อให้ผู้อ่าน อ่านแล้วรู้ เห็น จิตของตน
รู้ว่า ยืนอยู่ที่ไหน และที่จะก้าวต่อไปนั้น มั่นใจแล้วนะ ถ้าเขามั่นใจไม่หวั่นไหว การอ่านบทความของดิฉันก็เป็นเสมือนการสะกิดข้างหลังเบาๆแล้วถามว่า " คุณกำลังรู้สึกตัวอยู่ใช่ไหม คุณตื่นใช่ไหม คุณไม่ได้หลับนะเพื่อน" เท่านั้นเอง

ศาสนาอื่นเขาก็พากันไปสวรรค์มากมายเพราะเขาไม่รู้เรื่อง ไตรลักษณ์ หรือ อริยสัจจ์สี่ หรือนิพพาน ความดับทุกข์ + การพ้นจากสังสารวัฏนี้

ดิฉันเพียงแต่เห็นคนมากมาย มีความเห็นผิดในเรื่อง บุญ คิดแต่ว่าทำบุญมากๆจะได้พ้นนรก พ้นสภาพของการเป็นมนุษย์ และจะได้ไปหลบภัยอยู่ที่สวรรค์ ไปอยู่วิมานสวยๆ เสพความสุขในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส คุณก็รู้ว่าศาสนาอื่นเขาก็ทำกันครึกโครม.

เราประกาศตนเป็นชาวพุทธ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราก็ควรสำรวจตนว่า เรารู้หรือยัง เราตื่นหรือยัง เราเบิกบานหรือยัง หรือว่ายังหวาดกลัวและโลภ

พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องของ นรก เพื่อให้ผู้ฟังทราบว่า ผลของการทำบาปเป็นอย่างไร
และทรงแสดงเรื่อง สวรรค์ เพื่อให้ผู้ฟังทราบว่า ผลของการทำความดีเป็นอย่างไร
และทรงแสดงต่อไปอีกถึงความพ้นจากสังสารวัฎ ว่าคือความพ้นจากทุกข์ทั้งปวง

ทรงแสดง สวรรค์ เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความปิติที่จิต เมื่อปิติเกิด ใจก็อยู่ในกุศล ใจก็สงบและก็ตั่งมั่นพร้อมที่จะสอนและอบรมในเรื่องที่สูงยิ่ง คือ ความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง.

*** แต่ก็มีหลายคนที่ฟังสวรรค์แล้วชอบอกชอบใจ เกิดกิเลส โลภะ มากกว่าตอนที่ยังไม่ได้ยินเรื่องสวรรค์ น่าสงสารมาก

ใครมีความตั่งใจอย่างไร เมื่อพิจารณาด้วยปัญญาแล้ว เห็นว่าตนยังอยู่ในรอยของพระอริยเจ้าทั้งหลายก็ขอให้เดินต่อไป
ใครที่เห็นว่าตนกำลังออกนอกรอยก็ขอให้ทำความรู้สึกตัวและก้าวเข้าสู่รอยแห่งพระอริยเจ้าทั้งหลาย เพื่อความดับทุกข์ทั้งปวง.
ใครที่สงสัยและไม่รู้ว่า ตนอยู่ใน หรือ อยู่นอกรอย ก็ใช้ มรรคองค์แปด เป็นเครื่องช่วยในการพิจารณาได้ค่ะ

ขอความเจริญในธรรมบังเกิดขึ้นแก่ เพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน มัจจุราชเขาไม่แจ้งกำหนดเวลามาของเขา ขอให้ท่านทำความรู้ตัวทั่วพร้อม เจริญ สติ และ อบรมปัญญาอย่างเต็มที่ เพื่อให้การเกิดมาในชาตินี้ ไม่ถอยหลัง หรือย่ำที่เดิมๆ

โลกอยู่ภายใต้การครอบงำของชรา ก้าวเข้าไปสู่ชรา ไม่ยั่งยืน

โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่มีผู้เป็นใหญ่

โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวง

โลกพร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา.

- สละโลกได้ ก็พ้นทุกข์ได้


#7 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 04:38 PM

ท่อนนี้ควรปรับปรุงนะครับ เพราะจะเป็นตู่พระพุทธองค์น่ะครับ ถึงแม้เรามีเจตนาดี แต่ถ้าบอกในสิ่งที่พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงสอน ผลร้ายจะย้อนมาหาเราเอง ประโยคนี้ครับ

"พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องของ นรก เพื่อให้ผู้ฟังทราบว่า ผลของการทำบาปเป็นอย่างไร และทรงแสดงเรื่อง สวรรค์ เพื่อให้ผู้ฟังทราบว่า ผลของการทำความดีเป็นอย่างไร และทรงแสดงต่อไปอีกถึงความพ้นจากสังสารวัฎ ว่าคือความพ้นจากทุกข์ทั้งปวง"

ควรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ครับ
"พระพุทธองค์ทรงตรวจดูจริตของผู้ฟังธรรม ว่ามีอัธยาศัยน้อมไปสู่การหลุดพ้นหรือไม่ หากเห็นว่ามี พระพุทธองค์จะทรงแสดงเรื่องของ นรก เพื่อให้ผู้ฟังทราบว่า ผลของการทำบาปเป็นอย่างไร และทรงแสดงเรื่อง สวรรค์ เพื่อให้ผู้ฟังทราบว่า ผลของการทำความดีเป็นอย่างไร และทรงแสดงต่อไปอีกถึงความพ้นจากสังสารวัฎ ว่าคือความพ้นจากทุกข์ทั้งปวง หากทรงเห็นว่า เขายังต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป ก็จะทรงแสดงเรื่องของ นรก เพื่อให้ผู้ฟังทราบว่า ผลของการทำบาปเป็นอย่างไร และทรงแสดงเรื่อง สวรรค์ เพื่อให้ผู้ฟังทราบว่า ผลของการทำความดีเป็นอย่างไร"
แล้วพอไว้แค่นี้ก่อน ยังไม่สอนต่อไปถึงเรื่องนิพพาน กับผู้ฟังธรรมทุกๆ คนน่ะครับ (ดังพระสูตรที่ผมยกมาข้างต้น)

เราเป็นชาวพุทธ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับศาสนาอื่นอย่างไร ไม่เป็นไรครับ สำคัญว่า พระพุทธองค์ทรงสอนอย่างไร เราก็สอนตามนั้นสิครับ แต่อย่าไปบอกว่าพระพุทธองค์ไม่ได้สอน ในสิ่งที่ก็ทรงสอนสิครับ คนรุ่นหลังจะเข้าใจพระพุทธศาสนาคลาดเคลื่อนกันพอดี
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#8 ThDk

ThDk
  • Members
  • 259 โพสต์
  • Location:Struer, Denmark
  • Interests:จุดมุ่งหมายของการประพฤติพรรหมจรรย์ เพื่อสำรอกราคะ... เพื่อละสังโยชน์... เพื่อถอนอานุสัย.. เพื่อรู้รอบสังสารวัฎอันยืดยาว... เพื่อความสิ้นอาสวะ... เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผลคือ วิชชาและวิมมุติ... เพื่อญาณทัศนะ... เพื่อปรินิพพาน อันปราศจากอุปทาน.

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 05:24 PM

ดิฉันทราบค่ะว่า ผู้ที่เข้ามาอ่านธรรมะ คือผู้ที่มีความใคร่ในการศึกษาธรรมะ เป็นฐาน
ดิฉันไม่ได้คิดว่าจะต้องตรวจจริตของผู้เข้ามาอ่านทุกท่านก่อนการเสนอข้อความ

ดิฉันเสนอข้อความจากจุดที่ตนยืน
ท่านผู้อ่าน อ่านข้อความจากจุดที่ท่านยืน
บางคนก็ยืนไกลจากจุดที่ดิฉันยืน บางคนก็ยืนใกล้กับจุดที่ดิฉันยืน
จึงมีความคืดเห็นต่างๆกัน

ดิฉัน อนุโทนา สาธุ กับทุกท่านที่ตั้งใจจริงต่อ การบำเพ็ญบารมีในธรรม

แต่ขอให้ข้อสังเกตุเตือนใจว่า หากท่าน *** ละสังโยชน์เบื้องต้น สามประการ คือ สักกายทิฐิ วิจิกิจฉา และ สีลัพพรตปามาส ได้การเข้ามาศึกษาและปฎิบัติธรรมของท่านก็ไม่เสียเปล่า และท่านก็จะไม่ไปสู่ที่ตกต่ำอีกเลย.

ขอขอบคุณความคิดเห็นของทุกๆท่านมา ณ ที่นี้ค่ะ

ขออนุญาต ถามผู้ที่มุ่งมั่น บำเพ็ญบารมี หน่อยนะคะว่า ท่านเห็นประโยชน์อันใด ค่ะ

โลกอยู่ภายใต้การครอบงำของชรา ก้าวเข้าไปสู่ชรา ไม่ยั่งยืน

โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่มีผู้เป็นใหญ่

โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวง

โลกพร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา.

- สละโลกได้ ก็พ้นทุกข์ได้


#9 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 05:44 PM

คุณ ThDk สามารถเน้นในที่สาธารณะ ให้ทุกคนมุ่งหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้น่ะครับ เพียงแต่ต้องระวังนิดนึงที่จะกล่าวว่า
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไปสวรรค์ แต่คุณสามารถพูดได้ครับว่า คุณไม่เป็นประโยชน์ที่จะไปเสียเวลากับสวรรค์ ควรมุ่งไปนิพพานเลยดีกว่า จะเห็นว่า 2 ประโยคนี้ต่างกันนะครับ

ประโยคที่ว่า คุณหมั่นชักชวนให้ทุกคนมุ่งไปนิพพานเลย เป็นสิ่งที่ดีครับ ผมเห็นด้วย ซึ่งผู้อ่านก็จะเข้าใจว่า คุณเป็นผู้มีจริตเห็นภัยในวัฏฏสังสารอย่างมาก อยากให้ทุกคนมุ่งหลุดพ้นโดยเร็ว นั้นเป็นสิ่งที่ดียิ่งครับ ผมขอสรรเสริญในข้อนี้
แต่ประโยคที่ว่า พระพุทธเจ้าไม่ทรงสอนให้สวรรค์นี้ เป็นการกล่าวถึงคุณครูคลาดเคลื่อนน่ะครับ เพราะนักเรียนมีหลากหลาย ครูท่านก็ต้องสอนหลากหลาย ให้ไปนิพพานเลยก็มี ให้ไปสวรรค์ก่อนก็มี ให้อยู่เป็นสุขในโลกปัจจุบันก่อน ก็ยังมีเลยล่ะครับ
ขอให้เข้าใจเจตนาผมด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่า ไม่ถูกจริต แล้วสอนไม่ได้ ไม่ใช่ครับ สอนได้ครับ แต่ต้องระวังอย่าบอกว่า อีกอย่างครูไม่ใได้สอนไว้เลย น่ะครับ

ส่วนตัวผม แน่นอนมุ่งบำเพ็ญบารมี และชักชวนให้ผู้อื่นบำเพ็ญบารมี ก็มุ่งหวังในทุกๆ ชีวิตพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมีน่ะครับ ดังนั้น ผมไม่รู้สึกไม่เห็นด้วยเลย ที่คุณจะเร่งสอนให้ทุกคน มุ่งพ้นทุกข์โดยเร็ว ผมเห็นด้วยครับ เพียงแต่อย่าบอกว่า การพ้นทุกข์ช้าไปอีกสักหน่อยนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน พอจะเข้าใจเจตนาผมบ้างหรือยังครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#10 ศูนย์กลางกาย

ศูนย์กลางกาย
  • Members
  • 94 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 06:23 PM

วาทธรรมประจำโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันทุกท่านคงจำได้
สิ่งที่ต้องสั่งสมคือบุญกุศล
สิ่งที่ต้องแสวงหาคือ พระรัตนตรัยภายใน
เป้าหมายชีวิต คือ ที่สุดแห่งธรรม
ที่พักระหว่างทางคือดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์

พุทธบริษัท ๔ ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

ธรรมกาย คือ พระในตัวคุณ ที่คุณสามารถเข้าถึงได้ด้วยการทำใจหยุดนิ่ง

ประเด็นที่ว่าพุทธเจ้าสอนให้ไปสวรรค์หรือไม่นั้น ทุกท่านที่ตอบกระทู้มาถูกหมดเลย เพียงแต่มองคนละมุมกันแค่นั้น เราน่าจะมาลองมาดูอย่างนี้ดีกว่ามั้ย

เป้ามายสูงสุด คือ ดีที่สุดคือการหมดกิเลสเข้าสู่นิพพาน แต่การหมดกิเลสได้ตั้งสั่งสมบารมี
จนบารมีเต็มเปี่ยมหมดกิเลสบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์เข้าสู่นิพพาน
แต่ในระหว่างสั่งสมบารมีต้องเวียนว่ายตายเกิดท่องอยู่ในภพ3
ฉะนั้น การไปอยู่สรรค์ย่อมดีกว่าการไปอยู่อบาย
และควรอธิษฐานจิตว่า ให้ท่องเที่ยวอยู่แต่ในสุคติภูมิ ในระหว่างการสั่งสมบารมี คือ โลกมนุษย์ และสวรรค์ ดีที่สุดคือดุสิตบุรี
ทำไมต้องดุสิตบุรี เพราะในสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นสวรรค์ชั้นเดียวที่มีพระโพธิสัตว์ทั้งหลายผู้เป็นบัญฑิตอาศัยอยู่ ล้วนปรารถนา พุทธภูมิ หมดกิเลส ไปนิพพานกันทั้งนั้น ไม่มีการร้องรำทำเพลง อยู่ในกามคุณเหมือนสวรรค์ชั้นอื่น มีแต่ปฏิบัติธรรม เป็นที่อยู่ของนิยตโพธิสัตว์และอนิยตโพะสัตว์รวมถึงพระอริยบุคคล ล้วนอยู่ในชั้นนี้ เพื่อปรารถนาหลุดพ้นจากวัฏฏะ สู่พระนิพพาน


ฉะนั้น ที่ครูไม่ใหญ่ให้ต้องวาทธรรม ทุกวัน ว่าที่พักระหว่างทางคือดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ ก็ด้วยเหตุผลที่ว่ามาดังกล่าวว่าทำไม ต้องดุสิตบุรี

และอยากให้ลองดูดังนี้ว่า

1.แน่นอน คำสอนพุทธศาสนาต่างจากศาสนาอื่น คือ มีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร ไม่ได้สอนไปติดอยู่แดนสวรรค์นิรันดร แต่พระพุทธศาสนา มีเป้าหมายสูงสุด คือ พระนิพพาน ซึ่งไม่มีในศาสนาอื่น นี้เอามาจากไหน ในโอวาทปาฏิโมกข์ กล่าวว่า นิพพานัง ปรมัง วทันติ พุทธา พระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม

2.พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิเสธสวรรค์ พรหม อรูปพรหม ว่าไม่มี ใช่หรือไม่ ทรงตรัสว่าสวรรค์มีอยู่ อนุปุพพิกถา ทาน ศีล สวรรค์ โทษของกาม อานิสงส์การออกจากกาม

3.พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนเรื่องสวรรค์ หรือไม่
3.1สวรรค์นั้นพระองค์ทรงตรัสกับนางวิสาขาใน วิตถตสูตร
( พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต เล่มที่๓๗ หน้า ๕๐๔ บรรทัดที่ ๕ – ๑๕ ) ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์
ถ้าเทียบเป็นบุญแล้วไม่ถึงเสี้ยวแห่งส่วนที่สิบหกของสวรรค์ ชั้นต่ำที่สุดก็คือชั้นจาตุมฯ ดูก่อนวิสาขาอายุ ๕๐ ปี ในเมืองมนุษย์เท่ากับ ๑ วัน ๑ คืนในสวรรค์ชั้นจาตุมฯ ๓๐ ราตรีเป็น ๑ เดือน ๑๒ เดือน เป็น ๑ ปี จาตุมฯมีอายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ ก็ไล่ไปเลยทีเดียว จาตุมฯ ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวตี ๑,๖๐๐ ปี เท่ากับ ๑ วัน ๑ คืน ของปรนิมมิตสวตี ๓๐ ราตรี เป็น ๑ เดือน ๑๒ เดือน เป็น ๑ ปี มีอายุ ๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์

3.2 วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ “ปฐมราชสูตร” ( มโนรถปูรณี อรรถกถาอังคุตตรนิกาย ติกนิบาตบรรทัดที่ ๓ - ๑๕ )
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในดิถีที่ ๘ แห่งปักษ์ พวกอำมาตย์บริวารของมหาราชทั้งสี่เที่ยวดูโลกนี้ ดิถีที่ ๑๔ แห่งปักษ์ พวกบุตรของมหาราชทั้งสี่ เที่ยวดูโลกนี้ วันอุโบสถ ๑๕ ค่ำนั้น มหาราชทั้งสี่ เที่ยวดูโลกนี้ด้วยตนเอง (เพื่อสำรวจ)ว่า ในหมู่มนุษย์ คนที่เกื้อกูลมารดาบิดา บำรุงสมณพราหมณ์ อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในสกุล อธิษฐานอุโบสถ ถือปฏิชาครอุโบสถ ทำบุญมีจำนวนมากอยู่หรือ
ถ้าในหมู่มนุษย์ คนที่เกื้อกูลมารดาบิดา ฯลฯ ทำบุญมีจำนวนน้อย มหาราชทั้งสี่ก็บอกแก่คณะเทวดาดาวดึงส์ผู้นั่งประชุมในสุธัมมาสภาว่า ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ในหมู่มนุษย์ คนที่เกื้อกูลมารดาบิดา ฯลฯ ทำบุญมีจำนวนน้อย เพราะข้อที่บอกนั้นคณะเทวดาดาวดึงส์ก็เสียใจ (บ่นกัน) ว่า ทิพกายจักเบาบางเสียละหนออสุรกายจักเต็ม
แต่ถ้าในหมู่มนุษย์ คนที่เกื้อกูลมารดาบิดา ฯลฯ ทำบุญมีจำนวนมาก มหาราชทั้งสี่ก็บอกแก่คณะเทวดาดาวดึงส์ ณ สุธรรมสภาว่าข้าแต่ท่านผู้ นิรทุกข์ทั้งหลาย ในหมู่มนุษย์ คนที่เกื้อกูลมารดาบิดา ฯลฯ ทำบุญมีจำนวนมาก เพราะข้อที่บอกนั้น คณะเทวดาดาวดึงส์ก็ชื่นชม (แสดงความยินดี)ว่า ทิพยกายจักบริบูรณ์ละพ่อคุณ อสุรกายจักเบาบาง จะได้บันเทิงกันอย่างนั้นเป็นต้นใน


3.3สวรรค์ชั้นต่างๆในธรรมจักรกัปปวัตนสูตร(พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่มที่๓๑ หน้า ๔๒๒)
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศธรรมจักรแล้ว พวกภุมมเทวดาได้ประกาศว่า นั่นธรรมจักรอันยอดเยี่ยม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศแล้ว ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดามารพรหมหรือใคร ๆ ในโลก ประกาศไม่ได้ พวกเทพชั้นดาวดึงส์ได้ฟังเสียงของพวกภุมมเทวดาแล้ว...
พวกเทพชั้นดาวดึงส์ได้ฟังเสียงของพวกเทพชั้นจาตุมหาราชแล้ว ...
พวกเทพชั้นยามาได้ฟังเสียงของเทพชั้นดาวดึงส์แล้ว...
พวกเทพชั้นดุสิตได้ฟังเสียงของพวกเทพชั้นยามาแล้ว...
พวกเทพชั้นนิมมานรดีได้ฟังเสียงของพวกเทพชั้นดุสิตแล้ว...
พวกเทพชั้นปรนิมมิตวสวัตตีได้ฟังเสียงของพวกเทพชั้นนิมมานรดีแล้ว...
พวกเทพที่นับเนื่องในหมู่พรหมได้ฟังเสียงของพวกเทพชั้นปรนิมมิตวสวัตตีแล้ว
ได้ประกาศว่า นั่น ธรรมจักรอันยอดเยี่ยม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศแล้ว ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวันกรุงพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลกประกาศไม่ได้.
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจักรจบลง โกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม จาก โกณฑัญญะเปลี่ยนเป็นอัญญาโกณฑัญญะ จากโกณฑัญญะ อัญญาแปลว่า อะ..แปลว่าได้ ญา..แปลว่ารู้ โกณฑัญญาแปลว่า ได้รู้แล้วหนอ อัญญาสิวตโภ โกณฑัญโญ แปลว่า โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนออย่างนี้ ภุมมานัง เทวานัง สัตทัง สุตวา จาตุม ฯ...ไล่ไปเลยทีเดียว เป็นภาษาบาลีว่า ภุมเทวาได้ฟังเสียงแล้ว ได้แซ่สร้องสาธุการต่อไปจนถึงจาตุมฯ ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นี่คือความที่โกลาหลในสวรรค์ ว่า สังฆรัตนะ บังเกิดขึ้นแล้ว
โดยขณะนั้น โดยครู่นั้น เสียงได้ระบือขึ้นไปจนถึงพรหมโลกด้วยประการฉะนี้ ก็หมื่นโลกธาตุนี้สะเทือนสะท้านหวั่นไหว ทั้งแสงสว่างอันยิ่ง หาประมาณมิได้ ได้ปรากฏแล้วในโลกล่วงเทวานุภาพของพวกเทพดาทั้งหลาย.

3.4อกุศลสูตร เหตุให้ตกนรก และขึ้นสวรรค์ (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่มที่ ๓๔ หน้า ๕๘๖)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการย่อมอุบัติในนรก เหมือนถูกนำตัวไปเก็บไว้ฉะนั้น ธรรม ๓ ประการ คืออะไรบ้าง? คือ กายกรรมเป็นอกุศล วจีกรรมเป็นอกุศล มโนกรรมเป็นอกุศล บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการเหล่านี้แล ภิกษุทั้งหลายย่อมอุบัติในนรก เหมือนถูกนำไปเก็บไว้ฉะนั้น.


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ย่อมอุบัติในสวรรค์ เหมือนเขาเชิญตัวไปเก็บไว้ฉะนั้น ธรรม ๓ ประการคืออะไรบ้าง?คือ กายกรรมเป็นกุศล วจีกรรมเป็นกุศล มโนกรรมเป็นกุศล บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ อย่างเหล่านี้แล ภิกษุทั้งหลาย ย่อมอุบัติในสวรรค์ เหมือนเขาเชิญตัวไปเก็บไว้ฉะนั้น.

3.5 เพราะให้ทานและไม่ให้ทาน จึงทำให้ไปเป็นเทวดาที่แตกต่างกัน ทรงตรัสไว้ในสุมนสูตร ว่าด้วยเทวดามีความพิเศษต่างกันด้วยเหตุ ๕
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต เล่ม ๓๖ หน้า ๖๐
ครั้งนั้นแล สุมนาราชกุมารี แวดล้อมด้วยรถ ๕๐๐ คันและราชกุมารี ๕๐๐ คน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ๒ คน มีศรัทธามีศีล มีปัญญาเท่า ๆ กัน คนหนึ่งเป็นผู้ให้ คนหนึ่งไม่ให้ คนทั้งสองนั้น เมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ แต่คนที่สองนั้น ทั้งที่เป็นเทวดาเหมือนกัน พึงมีความพิเศษแตกต่างกันหรือ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนสุมนา คนทั้งสองนั้นพึงมีความพิเศษแตกต่างกัน คือ ผู้ให้เป็นเทวดาย่อมข่มเทวดาผู้ไม่ให้ด้วยเหตุ ๕ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุข ยศและอธิปไตยที่เป็นทิพย์ ดูก่อนสุมนา ผู้ที่ให้เป็นเทวดา ย่อมข่มเทวดาผู้ไม่ให้ด้วยเหตุ ๕ ประการนี้.


ดังกล่าวข้างต้นจะเห็นว่า
พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องสรรค์ว่ามีจริง เพื่อเป็นที่พักระหว่างทางในระหว่างการเวียนว่ายตายเกิด แต่โดยที่สุดแล้วคือการได้เกิดดวงตาเห็นธรรมเข้าถึงพระธรรมกาย( ธรรมกาย คือพระในตัวคุณที่คุณสามารถเข้าถึงได้ด้วยการทำใจหยุดนิ่ง , ธรรมกาย คือ การแห่งการตรัสรู้ธรรม ที่ประกอบด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ เป็นที่รวมประชุมของธรรม 84000 พระธรรมขันธ์ ซึ่งมีอยู่ในศูนย์กลางกายของมนุษยชาติทุกคน)
เมื่อเข้าถึงพระธรรมกายได้ เกิดจักษุ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง พิจารณาอริยสัจ 4 กำจัดทุกข์เป็นชั้นๆ จนหมดกิเลส เป็นพระอรหันต์ เข้าถึงบรมสุขคือพระนิพพาน

สำหรับหมู่คณะเรามีมโนปณิธานที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อวัฏฏะนี้ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม
ฉะนั้น สิ่งที่ตั้งสั้งสมคือบุญกุศล
สิ่งที่ต้องแสวงหาคือ พระรัตนตรัยภายใน
เป้าหมายชีวิต คือ ที่สุดแห่งธรรม
ที่พักระหว่างทางคือดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์

หมั่นปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายกันเถอะนะ สาธุๆ happy.gif


#11 ThDk

ThDk
  • Members
  • 259 โพสต์
  • Location:Struer, Denmark
  • Interests:จุดมุ่งหมายของการประพฤติพรรหมจรรย์ เพื่อสำรอกราคะ... เพื่อละสังโยชน์... เพื่อถอนอานุสัย.. เพื่อรู้รอบสังสารวัฎอันยืดยาว... เพื่อความสิ้นอาสวะ... เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผลคือ วิชชาและวิมมุติ... เพื่อญาณทัศนะ... เพื่อปรินิพพาน อันปราศจากอุปทาน.

โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 07:09 PM

สาธุ อนุโมทนาค่ะ

ขอบคุณในความคิดเห็นของ คุณหัดฝัน
ขอบคุณในธรรมะของ คุณศูนย์กลางกาย

ใครก็ตามที่มีความรู้สึก ทุกข์ ย่อมปราถนาความพ้นไปจากทุกข์
แต่ละท่านก็มีทางของตน และพยายามทำอย่างดีที่สุดตามกำลังของสติปัญญา

ขอความพ้นทุกข์บังเกิดแก่ทุกๆท่าน

* กระแสเหล่าใดในโลก สติ เป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น เรากล่าวธรรมเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น, กระแสเหล่านี้อัน ปัญญา ย่อมปิดกั้นได้ ( กระแส - ตัณหา ทิฐิ กิเลส ทุจริต อวิชชา )

* วิโมกข์ ความหลุดพ้นจากกิเลส มี 3 ประการ
1. สุญญตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นอนัตตา คือ ความว่าง.
2. อนิมิตตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นอนิจจัง แล้วถอนนิมิตได้.
3. อัปปณิหิตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็น ทุกข์ แล้วถอนความปราถนาได้.

* กิเลส เครื่องกังวลใดมีอยู่ในกาลก่อน. เธอจงยังกิเลสเครื่องกังวลนั้นให้เหือดแห้งไป. กิเลสเครื่องกังวลจงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง. ถ้าเธอจักไม่ยึดถือ ขันธ์ ในท่ามกลาง จักเป็นผู้สงบระงับเที่ยวไป.

โลกอยู่ภายใต้การครอบงำของชรา ก้าวเข้าไปสู่ชรา ไม่ยั่งยืน

โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่มีผู้เป็นใหญ่

โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวง

โลกพร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา.

- สละโลกได้ ก็พ้นทุกข์ได้


#12 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 28 January 2007 - 07:48 AM

กราบอนุโมทนาบุญในธรรมะของทุกท่านที่มาถกกันนะครับ สาธุ คงทำให้หลายคนได้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อย ตามแต่สติปัญญาของแต่ละท่านที่จะเก็บเกี่ยวไปสอนตนเองได้