ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

อยากทราบการส่งผลของบุญ-บาปครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 komwit

komwit
  • Members
  • 8 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 January 2006 - 11:58 PM

ช่วยตอบให้หน่อยได้ไหมครับว่า บุญ-บาป ส่งผลเมื่อไหร่

#2 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 12:26 AM

ส่งผลทันทีเมื่อทำ..(จิตเศร้าหมอง -จิตผ่องใส) ครับ...
..............................................................
เช่นว่า....ผู้ทำบาป (กายกรรม3 วจีกรรม 4 มโนกรรม3)
เขาย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ เมื่อเขาละโลกไปแล้ว ก็เศร้าโศกโสกา เช่นกัน คือประมาณว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง คือ โลกมนุษย์ และ อบายภูมิ...เพราะว่าเขาเห็นกรรมของเขา จึงเศร้าโศกและเดือดร้อนครับ...
...................................................................................................
A sinful person, having realized his evil dssds, has to experience a twofold regret, i.e., in this present life and in the hereafter..
(Buddha).............Dh. 25/17
................................................................................................
ในส่วนของบุญครับ......
......ผู้ที่ทำบุญแล้ว (ทานมัย ศิลมัย ภาวนามัย ไวยาวัจจมัย .....บุญกิริยาวัตถุ 10)เขาย่อมยินดี ปิติ สุขใจ ยินดีในโลกนี้ ตายแล้วก็ย่อมยินดี ชื่อว่ายินดีทั้งสองโลกคือ มนุสภูมิ และ เทวภูมิ เขาย่อมยินดี ว่าเราทำบุญไว้แล้ว ไปสู่สุคติ ย่อมดียิ่งขึ้น.......
...........................................................................................
He who has done meritorious deeds rejoices both in his present life and in the hereafter. In this present life he rejoices that he has done goods deeds.in the hereafter he will rejoice all the more.
(Buddha)....................Dh.25/17

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#3 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 12:48 AM

ถามอย่างนี้ คงต้องเอาเรื่องของกรรมที่จำแนกตามระยะเวลาในการส่งผลมาอธิบายแล้วล่ะครับ

กรรมที่จำแนกตามระยะเวลาในการส่งผลนั้น มีอยู่ด้วยกัน ๔ ประเภท ได้แก่

๑. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม คือ กรรมที่ส่งผลอย่างเป็นปัจจุบันทันตาเห็น ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน ๒ ฝ่าย อันได้แก่
๑.๑ ฝ่ายกุศล คือ การบำเพ็ญมหัคตกุศล ให้ได้บรรลุถึงซึ่งสมาธิในระดับอัปปณาสมาธิ (สมาธิในระดับของการบรรลุฌานในขั้นต่างๆ ได้แก่ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน และปัญจมฌาน) ไปจนกระทั่งถึงการบรรลุมรรคผลในระดับขั้นสูงสุด คือ อรหัตผล อีกทั้งการทำบุญกับพระอริยเจ้าที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ก็สงเคราะห์นับเนื่องอยู่ในข้อนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
๑.๒ ฝ่ายอกุศล คือ การทำอนันตริยกรรมทั้ง ๕ ประการ ซึ่งมีลำดับของความหนักเบาจากมากไปหาน้อย ดังนี้
การทำสังฆเภท (การทำให้สงฆ์แตกแยก) > การทำให้พระพุทธเจ้าทรงห้อพระโลหิต > การฆ่าพระอรหันต์ > การฆ่ามารดา = การฆ่าบิดา (ในกรณีนี้ หากฝ่ายของบิดาเป็นผู้ที่มีคุณธรรม ส่วนมารดานั้น ไม่มี การฆ่าบิดาย่อมเป็นคุรุกรรมที่หนักกว่าการฆ่ามารดา แต่หากท่านทั้งสอง เป็นผู้ที่คุณเสมอกันแล้วไซร้ วิบากที่จะเกิดขึ้นตามมาก็ย่อม (มีความรุนแรง) เสมอกัน)

๒. อุปัชเวทนียกรรม คือกรรมที่ให้ผลเป็นชาติที่ ๒ นับแต่ปัจจุบันชาติ (มีทั้งฝ่ายของกุศลและอกุศลเช่นกัน ทว่าการส่งผลของกรรมประเภทนี้ จะให้ผลอยู่เพียงแค่ชาติที่ ๒ เท่านั้น หากในภพชาติดังกล่าว (ชาติที่ ๒) กรรมชนิดนี้ มิอาจสบโอกาสในการให้ผลแล้ว ก็จะกลายเป็นอโหสิกรรมไป)

๓. อปราปรเวทนียกรรม คือ กรรมที่ส่งผลตั้งแต่ภพชาติที่ ๓ (นับแต่ชาติปัจจุบัน) จนกระทั่งเข้าสู่พระนิพพาน ซึ่งมีทั้งฝ่ายของกุศลและอกุศลเช่นกัน
๓.๑ ฝ่ายกุศล คือ การบำเพ็ญมหัคตกุศล ให้ได้บรรลุถึงซึ่งสมาธิในระดับอัปปณาสมาธิ (สมาธิในระดับของการบรรลุฌานในขั้นต่างๆ ได้แก่ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน และปัญจมฌาน) ไปจนกระทั่งถึงการบรรลุมรรคผลในระดับขั้นสูงสุด คือ อรหัตผล อีกทั้งการทำบุญกับพระอริยเจ้าที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ก็สงเคราะห์นับเนื่องอยู่ในข้อนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
๓.๒ ฝ่ายอกุศล คือ การทำอนันตริยกรรมทั้ง ๕ ประการ ซึ่งมีลำดับของความหนักเบาจากมากไปหาน้อย ดังนี้
การทำสังฆเภท (การทำให้สงฆ์แตกแยก) > การทำให้พระพุทธเจ้าทรงห้อพระโลหิต > การฆ่าพระอรหันต์ > การฆ่ามารดา = การฆ่าบิดา (ในกรณีนี้ หากฝ่ายของบิดาเป็นผู้ที่มีคุณธรรม ส่วนมารดานั้น ไม่มี การฆ่าบิดาย่อมเป็นคุรุกรรมที่หนักกว่าการฆ่ามารดา แต่หากท่านทั้งสอง เป็นผู้ที่คุณเสมอกันแล้วไซร้ วิบากที่จะเกิดขึ้นตามมาก็ย่อม (มีความรุนแรง) เสมอกัน)

๔. อโหสิกรรม คือ กรรมที่มีผลเป็นโมฆะ (เลิกให้ผล)

แต่ถ้าหากจะตอบแบบไม่อิงตำราแล้วนั้น เนื่องจากตามรู้ในเรื่องการส่งผลของกรรม จัดอยู่ในลักษณะของความคิดที่เป็น "อจินไตย" ในกรณีเช่นนี้ คงตอบได้แต่เพียงว่า กรรมทั้งที่เป็นฝ่ายกุศลและอกุศลนั้น จะให้ผลก็ต่อเมื่อ ถึงวาระอันควร ๑ (เปรียบได้กับผลไม้ที่สุกงอมอย่างเต็มที่ เมื่อถึงจุดอิ่มตัวเต็มที่แล้ว ย่อมร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน) ได้ช่องสบโอกาสที่จะให้ผล ๑ นอกเหนือจากนี้ ต้องอาศัยภาวนามยปัญญาในการช่วยเป็นแสงสว่างนำทาง โดยอาศัยการเห็นอันวิเศษ (วิปัสสนา) แต่เพียงเท่านั้น จึงจะรู้ จึงจะหมดสงสัย และเข้าใจทุกอย่างได้ตลอดอย่างกระจ่างหมดจด ด้วยมหาปัญญาญาณที่บังเกิดขึ้นภายใน ซึ่งเกิดจากการรู้ เห็น และใคร่ครวญพิจารณา ด้วยปัญญาของตัวท่านเอง ดังนี้


#4 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 01:16 AM

QUOTE(komwit @ 13/1/2006 23:58) ดูโพสต์

ช่วยตอบให้หน่อยได้ไหมครับว่า บุญ-บาป ส่งผลเมื่อไหร่

ตอบ ถ้าอยากทราบจริงๆ ขอให้คุณปฏิบัติตามที่ผมบอกอย่างเคร่งครัด รับสัจจะปฏิบัติด้วยหลังจากผมอธิบายบอกไปแล้วครับ
วิธีทดสอบว่าบุญส่งผลได้จริงในชาตินี้หรือไม่??
1. ให้คุณเลือกวัตถุทานที่คุณชอบมากๆ 1 ชนิด เช่น ส้ม กล้วย ลิ้นจี่ ทุเรียน ฯลฯ ตามแต่ใจคุณชอบ
2. นึกถึงบุคคลที่คุณจะให้ทานเขาใครก็ได้ 1 คน
3. ให้นึกน้อมใจไปในวัตถุทาน นึกด้วยใจ จะหลับตาหรือลืมตาก็ได้ ให้วัตถุทานนั้นใส และมีสีเหมือนอย่างเดิม มีแสงเรืองอ่อนๆ
4. กำหนดจิตว่าเราจะให้เขาคนนั้นเพราะเราอยากให้เขาได้กินอาหารที่มีรสชาติแบบ....??? นึกถึงรสชาติ เราอยากให้เขาได้กลิ่นอาหารที่มีกลิ่น....??? นึกถึงกลิ่น ให้นึกถึงวัตถุทานกับบุคคลที่จะให้ชัดเหมือนลืมตาเห็น ถ้ายินดีในการให้มากผลบุญจะทันตาเห็นครับ
5. จากนั้นให้นำวัตถุทานไปให้กับเขา
6. ช่วงที่จิตยังจำภาพวัตถุทานได้ดี ให้คุณนึกถึงภาพวัตถุทานนั้นให้ต่อเนื่องด้วยจิตยินดีที่เราได้ให้ทานในวันนี้ กำหนดด้วยจิตยินดีที่ให้ไม่ใช่ต้องการจะได้กลับมานะครับ นึกปลื่มที่ได้ให้ ไม่ใช่นึกอยากให้อาหารนั้นกลับมานะครับ ถ้านึกอยากให้กลับมาไม่เรียกว่าทานครับเรียกว่า "มารมาเอาบุญเราไปกินหมดแล้ว"
7. ผลจะเกิดเป็นปัจจัตตัง คุณจะทราบถึงอำนาจของบุญทันทีครับ

***สำหรับเรื่องบาป ผมไม่ส่งเสริมให้ทดสอบครับเพราะกรรมจะหนักมากอันตรายบาปแม้เพียงน้อยนิดก็อย่าคิดทำเลย***
กระบวนการรับผลของบาป
1.จิตทำหน้าที่บันทึกการกระทำ คำพูด อารมณ์ทุกอย่าง??
2. ถ้าคุณทำชั่วเช่น ชอบแย่งไอติมเด็กกิน การกระทำ คำพูด อารมณ์ขณะแย่ง อารมณ์ใจอยากให้คนอื่นเดือดร้อนมากหรือน้อย ใจคุณตั้งใจแย่ง อยากจะแย่งมากหรือน้อยจะถูกบันทึกโดยใจของเรา
3.ถ้าคุณนึกถึงภาพหรือเหตุการณ์ที่จิตเคยทำบาปไว้ตลอดเวลา เดี๋ยวคุณจะอัศจรรย์ใจว่า???
4. เอทำไมเราโดนเพื่อนแย่งกินขนมบ่อยจังนะ????

ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นปัจจัตตังครับ คุณต้องลองปฏิบัติเองแล้วสังเกตดูถึงจะแจ้งกับใจได้ครับ


#5 ยิ้ม

ยิ้ม
  • Members
  • 87 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 02:13 AM

ใจใสๆ ก็เปิดช่องให้บุญส่งผล
ใจหมองๆ ก็เปิดช่องให้บาปส่งผล

ใช่ป่าวคะ ^-^


#6 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 03:25 AM

ส่งผลในทันทีค่ะ เอาแบบคราวๆนะค่ะ
ในภพชาตินี้ก็จะไปตัดรอนวิบากกรรม หนักเป็นเบา เบาก็จะหาย ร้ายเป็นดี
ช่วยต่ออายุ ตายก็จะไปดี ฯลฯ
สัหรับในภพชาติต่อไป อํานาจบุญจะทําให้มีวิมาน สวน สระ ราชรถ บริวาร อาหาร เครื่องประดับของบริวารและเจ้าของวิมาน ปฏิมากรรม ฯลฯ
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#7 Pro

Pro
  • Members
  • 134 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 08:36 AM

คิดว่าจะเป็นแบบเรียงคิวครับ
จะเรียงอันดับไปเรื่อยๆ แต่ถ้าจิตใจเศร้าหมอง ก็อาจมีการลัดคิวเกิดขึ้น
หรือถ้ามีการทำบุญใหญ่ตัดหน้าบาปที่ใกล้จะส่งผลก็อาจลัดคิวมาหน้าสุดได้ครับ
ยิ้มแล้วรวย อ่านกระทู้อยู่ก็ยิ้มได้ครับ

#8 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 01:41 PM

QUOTE
คิดว่าจะเป็นแบบเรียงคิวครับ
จะเรียงอันดับไปเรื่อยๆ แต่ถ้าจิตใจเศร้าหมอง ก็อาจมีการลัดคิวเกิดขึ้น
หรือถ้ามีการทำบุญใหญ่ตัดหน้าบาปที่ใกล้จะส่งผลก็อาจลัดคิวมาหน้าสุดได้ครับ

ตอบ ถูกต้องแล้วคร๊าบบ
การรับกรรมถ้าจะว่าเหมือน stack ก็ใช่ครับ เข้าก่อนออกทีหลัง จะเกิดในภาวะอารมณ์ปกติกลางๆ แต่ถ้าจิตหมองก็จะไปกระตุ้นบาปให้ส่งผลก่อน จะกลายเป็นแบบ Random ไปครับ ดังนั้นถ้าใครใจใสตลอดเวลาโอกาสรับผลกรรมดีก็จะมีมาก แต่ก็ใช่ว่าจะเลี่ยงกรรมชั่วได้นะครับ เช่น พระโมคคัลลานะต้องถูกโจรต่างศาสนาทุบตีจนร่างแหลกก่อนจะเข้านิพพานเป็นต้น

#9 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 03:55 PM

ลองปล่อยปลาดูครับ
ลองปล่อย1กิโลก่อน
อีกวันหรือ2วันปล่อยอีก5กิโล
ทำใจสบายๆ
ช่วงเวลาที่ปลารอดตายลงน้ำจะมีคลื่นเย์นตีสวนขี้นมาทันที
ยีงปฏิบัติในหมวดวิชชา3จับคลื่นรู้เห็นละเอียดๆจะเห็นและสัมผัสได้ชัดแน่นอนขี้น
ว่ามีธารสว่างสวนมาใส่ตัวเราเอง
ว่าบุญมีจริงครับ
จักรตะวัน


#10 จักรตะวัน

จักรตะวัน
  • Members
  • 41 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 04:30 PM

บุญมีจริงครับ

#11 Streamdhamma

Streamdhamma

    หยุด นิ่ง เฉย ได้ไหม

  • Members
  • 528 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 15 January 2006 - 04:38 PM

อนุโมทนาค่ะ
"เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"



#12 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 06 February 2007 - 08:53 AM

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ