ในประเทศอังกฤษเองนั้น เป็นที่ทราบกันดีแล้ว จากข่าวของ พระเขมธัมโม ( พระไทยชาวอังกฤษ ศิษย์ของหลวงพ่อชา) ซึ่งได้เข้าไปสอนปฏิบัติธรรมให้แก่นักโทษในเรือนจำของอังกฤษกว่า 26 ปี จนเกิดผลดีช่วยลด ปัญหาของเรือนจำได้มาก ....กระทั่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากสมเด็จพระราชินีอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่ง สหราชอาณาจักร
ไม่เพียงแต่เท่านั้น ยังมีนักโทษจำนวนมากมายที่หันมานับถือพุทธศาสนา บางรายที่พ้นโทษ ออกมาก็ได้มาเป็นอาสาสมัครในการเผยแผ่พุทธธรรมด้วย พุทธศาสนิกชน ชาวอังกฤษเชื่อว่าศาสนาพุทธจะขยายตัวออกไปเรื่อยๆ และจะเป็นศาสนาที่สำคัญที่สุดในตะวันตก
ย้อนไปเมื่อ 35 ปีที่แล้วท่านเป็นดาราทีวี สนใจเรื่องพระพุทธศาสนา จนได้พบหลวงพ่อชา นับเป็นศิษย์ฝรั่ง รุ่นแรกๆ ที่ฉันปลาแดกข้าวเหนียวเป็น เหมือนกับลูกอีสานขนานแท้ ตอนไปอยู่เมืองดอกบัวใหม่ๆ ท่านพูดภาษาไทยไม่ได้สักคำ แต่ก็ฟังหลวงพ่อชารู้เรื่อง ด้วยการหมั่นสังเกตและปฏิบัติตาม แล้วก็สะสมวันละนิดจนเป็นความรักอันบริสุทธิ์จนมากเป็นหลายเท่าทวีคูณ
ว่ากันว่าหลวงพ่อชานั้นท่านมีเทคนิคการสอนธรรมที่ไม่ค่อยเหมือนใคร คือจะบอกให้รู้ ทำให้ดู เช่น บอกให้ยกท่อนไม้ขึ้น แล้วก็ให้หยุดอยู่ พอรู้ว่าเมื่อยแล้วก็จะใช้ภาษามือสื่อให้พระฝรั่งโยนท่อนไม้ทิ้ง แล้วก็จะพูดสั้นๆ ว่า แบกไว้มันทุกข์ ทิ้งไปมันก็สุขเอง
เพียงปริศนาธรรมเล็กน้อยแค่นี้ ทำให้ลูกศิษย์อึ้ง ถึงกับลงมือฝึกจิตตนเอง ไม่สนใจเปลือกนอก หลวงพ่อชาท่านช่างมีพรสวรรค์ในการปั้นคนจริงๆ
สำหรับพระอาจารย์เขมธัมโม หลังจากที่ได้เรียนรู้และติดหนึบอยู่กับความสุขที่เกิดจากการปฏิบัติแล้ว ก็อยากจะแบ่งปันความสุขที่ได้จากพระพุทธศาสนาให้กับชาวอังกฤษบ้านเกิดเมืองนอนของท่านบ้าง ท่านจึงเดินทางไปพร้อมกับหลวงพ่อชาเมื่อปี 1977 เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา จนกระทั่งปี ค.ศ.1986 ได้ร่วมกับศิษย์ชาวพุทธสร้างวัดสอนฝรั่งที่เมืองวอริค ใช้ชื่อว่า วัดป่าสันติธรรม (The Forest Hermitage)
ท่านได้ผันตัวเองไปทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมคุก คือ เข้าไปสอนนักโทษในเรือนจำโดยไม่จำกัดว่าศาสนาอะไร สอนให้สวดมนต์ ปฏิบัติกรรมฐาน ใหม่ๆก็ได้รับแรงกดดันไม่น้อยแต่ก็คงไม่เท่ากับแดจังกึม ทั้งการกีดกันจากผู้มีอิทธิพลทางลัทธิศาสนาไม่อนุญาตเข้าไปสอนบ้าง อ้างเลศ บ่ายเบี่ยงบ้าง แต่ท่านก็มิได้ท้อถอย สวมบทวิญญาณตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก จนในที่สุดก็ต้องยอมอนุญาตให้เข้าไปอบรมสอนได้ แต่ก็ไม่เต็มร้อย เพราะเนื่องจากนักโทษมีพฤติกรรมที่แข็งกร้าว และเกรงจะทำร้ายท่าน
อีกเหตุผลหนึ่งคือ กลัวว่าท่านจะปั่นหัวนักโทษเอาลัทธิความเชื่อแบบตะวันออกมาเผยแพร่ กีดกันขนาดไหนไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าถึงขนาดต้องมีการตรวจสอบกลั่นกรองการนำเสนอของท่านเป็นเวลาหลายเดือน เมื่อรู้ว่าท่านนำเสนอข้อเท็จจริงและพูดแต่ความดีงามไม่กระทบความเชื่อของศาสนาใดเลย จึงอนุญาตเพราะความต้องการของคนคุก ต่อมามินานนัก หลังจากท่านได้นำเอากรรมฐานไปอบรมปรากฏว่านักโทษมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากก้าวร้าวเป็นสงบเสงี่ยม
บางรายถึงกับขอบวชเณร 7 วันแล้วกลับเข้าไปอยู่ในคุกต่อ จนกระทั่งเกิดรวมกลุ่มนักโทษที่หันมานับถือพระพุทธศาสนา ท่านจึงก่อตั้งองค์การ "องคุลิมาล" ซึ่งเป็นองค์การสอนพระพุทธศาสนาในเรือนจำขึ้นมา แล้วขยายเครือข่ายกระจายออกไปทุกราชทัณฑ์ทั่วเกาะอังกฤษโดยการสนับสนุนของรัฐบาล
หลวงพ่อเขมธัมโม ได้อุทิศชีวิตบำเพ็ญประโยชน์ให้กับชาวอังกฤษกว่า 27 ปี จน เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2546 สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักรได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โอ.บี.อี. (Officer of the Most Excellent Order of the British Empire) แก่ท่าน ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุด
อนึ่ง ท่านได้เผยแผ่พุทธธรรมด้วยความวิริยะอุตสาหะ ไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก จนมหาเถรสมาคม โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้เสนอขอพระราชทานสมณศักดิ์ที่ "พระภาวนาวิเทศ" เพื่อยกย่องคุณงามความดีและสร้างขวัญกำลังใจ
Reference: http://www.foresthermitage.org.uk
การเผยแผ่พระพุทธศาสนา...ในคุกอังกฤษ
เริ่มโดย n00m, Jan 17 2008 07:30 AM
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 17 January 2008 - 07:30 AM
#2
โพสต์เมื่อ 17 January 2008 - 07:48 AM
Sa Thu Krub
#3
โพสต์เมื่อ 17 January 2008 - 09:04 AM
สาธุ
ดีมากๆเลยค่ะ
ดีมากๆเลยค่ะ
Relax & Alert
#4
โพสต์เมื่อ 17 January 2008 - 10:46 AM
ดีจังเลยค่ะ
สาธุค่ะ
สาธุค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 17 January 2008 - 02:17 PM
สาธุค่ะ
#6
โพสต์เมื่อ 17 January 2008 - 03:50 PM
ซาบซึ้งมาก
ขอกราบอนุโมทนาบุญครับ
ขอกราบอนุโมทนาบุญครับ
#7
โพสต์เมื่อ 17 January 2008 - 11:07 PM
สาธุ สาธุ ขอให้ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป
#8
โพสต์เมื่อ 18 January 2008 - 10:27 PM
หลวงปู่ชาท่านเป็นพระที่สำคัญมารูปหนึ่งที่ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาในตะวันตก ท่านเป็นพระสายป่าเพียงรูปเดียวที่ไม่ได้สังกัดหรือยัตินิกายใหม่เป็นพระธรรมยุติ เพราะคำที่หลวงปู่มั่นท่านบอกว่า อยู่นิกายไหนก็ปฏิบัติได้เหมือนกัน ท่านก็เลยเป็นพระสงฆ์สายป่าเพืยงรูปเดียวในสมัยนั้นที่สังกัดมหานิกายแบบวัดพระธรรมกายของเรา ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ไม่เคยยึดติดคำว่านิกายนั้น นิกายนี้อีกเลย และท่านยังมีเพื่อนสหธรรมิกต่างนิกายหลายรูปทั้งในและนอกประเทศ โดยท่านชอบนำคำสอนเรื่องเซนมาสอนให้ลูกศิษย์เช่นกัน โดยท่านบอกว่า "ธรรมมันเป็นสภาวะที่ใสบริสุทธิ์ มันอยู่ที่ใจ ใครหายใจเป็น ก็ปฏิบัติได้ "
ท่านไม่นำนิกายมาแบ่งแยกกัน ก็ตรงกับคุณครูไม่ใหญ่(หลวงพ่อธัมมชโย) ของพวกเรา ที่ท่านไม่เคยแบ่งแยกนิกาย และมีมโณปณิธานที่จะรวมสงฆ์เป็นหนึ่งเดียวกัน
สาธุครับ
ท่านไม่นำนิกายมาแบ่งแยกกัน ก็ตรงกับคุณครูไม่ใหญ่(หลวงพ่อธัมมชโย) ของพวกเรา ที่ท่านไม่เคยแบ่งแยกนิกาย และมีมโณปณิธานที่จะรวมสงฆ์เป็นหนึ่งเดียวกัน
สาธุครับ
#9
โพสต์เมื่อ 19 January 2008 - 10:11 AM
สาธุ..ค่ะ
แม้มืดตื้อ..มืดมิด..ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม
#10
โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 04:33 PM
อนุโมทนา สาธุค่ะ _/\_
#11
โพสต์เมื่อ 23 January 2008 - 02:47 AM
สุดยอดเลยครับ
สาธุๆๆ
สาธุๆๆ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก
#12
โพสต์เมื่อ 30 January 2008 - 12:26 PM
ที่คุก น่าจะมี DMC นะ จะได้สานต่อ พุทธศาสนาครับ