...คนที่ชอบเอาของเก่า(ใช้แล้ว)ไปถวายวัด...
#1
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 09:25 AM
บังเอิญว่าเค้าจะเอาพรมเก่าไปถวายวัด ทั้ง ๆ ที่พรมเหล่านั้นก็ไม่ใช่ของเค้าเอง เค้าได้มาจากธนาคารไทยแห่งหนึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ ธนาคารย้ายอาคารสำนักงาน ก็ทิ้งพรมไว้ เค้าหัวใสค่ะ ไปรื้อเอามาเก็บไว้ที่ร้านกิจการดอกไม้ของเค้า ซึ่งเป็นตึกใหม่และกำลังจองพื้นเพื่อเปิดร้านค้า หลาย ๆ ร้านที่ขี้เกียจไปหาซื้อ ก็ซื้อพรมเหล่านั้นปู ก็ขายได้จำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลือเค้ารู้สึกแกะกะ ก็เลยขนไปถวายวัด...พอแย้งเค้าไป เค้าบอกว่า หูยยยยยย...ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เอาของเก่าไปถวายวัดประจำ พระไม่เห็นว่าอะไรเลย
จึงขอถามผู้รู้ด้วยค่ะ...จริง ๆ แล้วสมควรทำหรือปล่าวค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 09:53 AM
มีโอกาสได้ทำบุญทั้งที ทำบุญด้วยของดีๆ ของใหม่ๆ ดีกว่านะคะ
อย่างน้อย อย่าให้ทานที่ประณีตน้อยกว่า ของที่ตัวเองใช้
ถ้าจะได้อานิสงส์ดี ก็ควรให้ทานที่ประณีตกว่า ดีกว่า ของที่ตัวเองใช้ เวลาบุญส่งผลจะได้รับสิ่งของที่ประณีต น่าพอใจค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 09:57 AM
ถ้าเขาไม่มีของดีให้ ให้ของมือสองก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้ามี ก็ให้ของใหม่ดีกว่า ผลบุญก็จะแรงขึ้น
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#4
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 10:18 AM
แต่ของที่ถวายพระต้องเป็นของดี สวยงาม สะอาด ละเอียด ประณีต
ถวายของที่ใช้แล้วก็ได้บุญเช่นกัน
แต่อานิสงส์ที่ได้ก็ต่างจากบุญที่ทำด้วยของสวยงามและประณีต
ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นน่ะค่ะ
เวลามีสมบัติเกิดขึ้น ก็อาจจะได้ของเกรดต่ำ ของไม่ดี ใช้ได้ไม่นาน
หรือมีวิมานก็อาจจะเป็นวิมานเก่า ผุๆ ก็เป็นได้
คนที่ถวายด้วยของดี สวยงาม บนวิมานก็สว่างไสวพรึ่บพรั่บไปด้วย
อัญมณีชื่นตาชื่นใจ เหมือนในหนังที่หลวงพ่อท่านทำให้ดูน่ะค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 10:32 AM
ถวายของเก่า ของมือสอง เวลาผลบุญส่งผลก็ได้ของมือสองมาใช้ เช่น สามีภรรยามือสอง สมบัติก็ชอบแต่ของมือสอง อะไรแบบนี้แหละครับ
ด้วยเหตุนี้คนโบราณถึงมักเอาสิ่งที่ดีที่สุดถวายพระ แม้แต่ข้าวที่ใช้ตักบาตรก็ยังเป็นข้าวปากหม้อเลยครับ
แต่เหตุที่พระท่านไม่ว่าอะไร อย่างที่เพื่อนเจ้าของกระทู้กล่าวอ้าง ก็เพราะพระท่านไม่ถือสาไงครับ ทายกถวายของอย่างไร ท่านก็ใช้ไปตามนั้น แต่ ส่วนผลบุญที่ทายกได้ ก็คือได้สมบัติแน่นอน เพราะทำทานย่อมทำให้ได้ทรัพย์สมบัติ แต่ก็เป็นของมือสองอยู่ดี
แต่ถ้าผู้ถวายนั้นไม่มีปัญญาจะถวายของใหม่จริง อย่างเช่นเป็นคนยากคนจน อันนี้ไม่เกี่ยวครับ เพราะทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์เต็มที่และสิ่งที่เค้าถวายคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เค้ามีอยู่ครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#6
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 11:06 AM
ที่น่ากลัวสำหรับผู้หญิงคือ ผู้ชายมือสองนั่นไง ( ก็เป็นเมียน้อยเขา ) ไม่เว้นด้วย กรรมแบบนี้
เป็นกรรมประเภทชอบทำเป็นประจำ ถวายของมือสองประจำ
#7
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 11:42 AM
ขึ้นอยู่กับกรณีน่ะค่ะ
ถ้าเราให้ของมือสองทั้งๆที่มีของใหม่เพราะความตระหนี่
ผลบุญก็จะให้ได้แค่ของเก่า
แต่ดูอย่างกรณีพรามณ์สามีภรรยาที่มีผ้าเพียงผืนเดียวสิคะ
แม้จะเป็นของเก่า แต่ก็ให้เพราะไม่มีไทยธรรมอย่างอื่นแล้วค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#8
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 12:59 PM
จะยุ่งนะครับ
เ พี ย ง พ บ พ า น . . . _ เ พื่ อ ผ่ า น ภ พ
Passing by to meet you.
#9
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 01:24 PM
#10
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 01:58 PM
เสียดายของที่มีอยู่ เลยนำไปถวาย หรือเหลือจากการใช้ หรือขายแล้ว
เก็บไว้ก้ไม่เกิดประโยชน์ จำหน่ายจ่ายแจกดีกว่า
#11
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 02:29 PM
#12
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 02:36 PM
แม้จะเป็นของเก่า แต่ก็ให้เพราะไม่มีไทยธรรมอย่างอื่นแล้วค่ะ
สังเกตที่จิตใจของสามีภรรยาคู่นี้ ผ้าผืนเดียวผืนนี้เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เขามี พวกเขาจะมีปกติเก็บรักษาอย่างดี ผลัดกันใช้เพราะมีผืนเดียว ในใจพวกเขาสิ่งนี้ไม่ใช่ของด้อยค่า แต่ความรู้สึกของเขาคือ ของมีค่ามาก เจตนาคือให้หมดทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อบูชาธรรม
กับกรณีพรม ที่ผู้ถวายไปนั้น มีทรัพย์มีกำลังความสามารถที่จะไปซื้อหาพรมของใหม่มาถวายได้
คือใจเป็นกุศลอยากถวาย แต่เจตนาไม่ให้ความสำคัญเรื่องความประณีตของวัตถุทานนั้น คือไม่ให้ความสำคัญนั่นเอง ย่อมได้รับผลแห่งทานที่จิตเป็นกุศลนั้น แต่ผลที่ได้รับจะสะท้อนภาพของทานที่ทำไปแล้วค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 04:30 PM
บางทีก็ได้ทีวีเสียๆ เครื่องซักผ้าพังๆ พัดลมเก่าๆ ก็ต้องหาเงินไปซ่อม ไปบำรุงอีก
ถ้าเขาคนนั้นยังมีพฤติกรรมของถวายของเก่าให้วัด ก็ลองแนะนำเขาแบบนี้สิคะ
ลำบากพระท่าน (และเด็กวัด) เปล่าๆ ค่ะ เอาไปถวายให้เป็นภาระท่านทำไม ท่านไม่มีปัจจัยจะเอาเงินไปบำรุงรักษาของเก่ามากมายหรอกนะคะ มีแต่จีวรกับบาตรเท่านั้น พอเลี้ยงชีวิตได้ไปวันๆ ถ้าจะถวายทั้งที ถวายของดีๆ แก่ท่านดีกว่าค่ะ อย่างพรมเนี่ย เอาไปแล้ว ท่านก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี เพราะมีแต่ฝุ่น เอาฝุ่นไปให้ท่าน ก็เหมือนเอาโรคเอาภาระไปให้ท่าน ท่านก็ต้องหาจ้างคนมาซักพรม (ค่าซักพรมไม่ใช่ถูกๆ) ถ้าจะถวายพรมเก่าแบบนั้น ทิ้งยังดีเสียกว่าอีก แบบนี้ไม่ได้บุญหรอก ได้แต่บาปเสียล่ะมากค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#14
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 04:42 PM
คิดในอีกมุมนึง เราถวายของเก่า ถ้าทางวัดเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ก็ได้บุญครับ ดีกว่าไม่ได้ทำบุญอะไรเลย แต่ถ้าเรามีกำลังที่จะถวายของใหม่ แน่นอน ว่าของใหม่ก็ย่อมจะดีกว่าของเก่าครับ อย่าคิดมากครับ
ผมเองก็ถวายของที่ไม่ใช่ของใหม่อยู่บ่อยๆครับ (ไม่อยากเรียกว่าของเก่า มันดูเก่ายังไงไม่รู้ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้เก่าอะไรมาก)
กลัวได้คู่ครองมือสองเหมือนกันครับ : P
#15
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 07:05 PM
บังเอิญว่าเค้าจะเอาพรมเก่าไปถวายวัด ทั้ง ๆ ที่พรมเหล่านั้นก็ไม่ใช่ของเค้าเอง เค้าได้มาจากธนาคารไทยแห่งหนึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ ธนาคารย้ายอาคารสำนักงาน ก็ทิ้งพรมไว้ เค้าหัวใสค่ะ ไปรื้อเอามาเก็บไว้ที่ร้านกิจการดอกไม้ของเค้า ซึ่งเป็นตึกใหม่และกำลังจองพื้นเพื่อเปิดร้านค้า หลาย ๆ ร้านที่ขี้เกียจไปหาซื้อ ก็ซื้อพรมเหล่านั้นปู ก็ขายได้จำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลือเค้ารู้สึกแกะกะ ก็เลยขนไปถวายวัด...พอแย้งเค้าไป เค้าบอกว่า หูยยยยยย...ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เอาของเก่าไปถวายวัดประจำ พระไม่เห็นว่าอะไรเลย
จึงขอถามผู้รู้ด้วยค่ะ...จริง ๆ แล้วสมควรทำหรือปล่าวค่ะ
ตอบ ทานแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
1. ทาสทาน คือ การให้ทานที่มีค่าต่ำกว่าที่ตนมีอยู่
2. สหายทาน คือ การให้ทานที่มีค่าเสมอกับที่ตนมีอยู่
3. สามีทาน คือ การให้ทานที่มีค่าสูงกว่าที่ตนมีอยู่
ทั้งนี้การให้ทานนั้นจะมีอานิสงส์มากหรือน้อยเราจะดูแต่ประเภททานอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องดูเหตุอย่างอื่นประกอบด้วย
1.แม้เป็นของไม่ดีมาก แต่ทานที่จะให้นั้นบริสุทธิ์ ก่อนที่จะให้ทานก็มีจิตที่บริสุทธิ์คิดจะให้ทานด้วยความเต็มใจ ในขณะให้ก็มีจิตใจที่ยินดีในขณะที่ให้ และเมื่อได้ให้ทานนั้นแล้วมีความยินดีปลื้มใจไม่คิดเสียดายทานที่ได้ให้ไป ทานนั้นก็ย่อมจะมีอานิสงน์ได้มาก
2.ทานที่จะให้นั้น ผู้ให้ได้ให้แก่ใคร ถ้าหากเป็นทักขิไณยบุคคล เป็นคนมีศีลมีคุณธรรม พระอริยบุคคล พระอริยสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทานที่ให้แม้มีไม่มาก แต่ถ้าให้ด้วยจิตที่ศรัทธา ย่อมมีอานิสงส์มาก
กับกรณีพรม ที่ผู้ถวายไปนั้น มีทรัพย์มีกำลังความสามารถที่จะไปซื้อหาพรมของใหม่มาถวายได้
คือใจเป็นกุศลอยากถวาย แต่เจตนาไม่ให้ความสำคัญเรื่องความประณีตของวัตถุทานนั้น คือไม่ให้ความสำคัญนั่นเอง ย่อมได้รับผลแห่งทานที่จิตเป็นกุศลนั้น แต่ผลที่ได้รับจะสะท้อนภาพของทานที่ทำไปแล้วค่ะ
สาธุ_/|\_
ในบางครั้งสิ่งของที่ด้อยค่าสำหรับคนหลายคน อาจมีค่ามากสำหรับบางคน
สิ่ง ของที่คิดว่าเป็นทาสทานสำหรับคนที่มีฐานะดีหลายคน อาจจะเป็นสามีทานของคนที่มีฐานะไม่ดีอีกหลายคนก็ได้
ฉะนั้น ทานที่เราได้กระทำ บางครั้งจะขึ้นอยู่กับสิ่งของเพียงอย่างเดียวไม่ได้ หากแต่ต้องดูเจตนาและศรัทธาของคนที่จะให้ด้วยว่ามีกุศลศรัทธาเจตนามากน้อยเพียงไร_/|\_
***************************************
ใ ค ร เ ชิ ด. . .ใ ค ร ชู. . .ช่ า ง เ ข า
ใ ค ร เ บื่ อ. . .ใ ค ร บ่ น. . .ท น เ อ า
ใ จ เ ร า. . .ร่ ม เ ย็ น. . .เ ป็ น พ อ
. . .|2@|<_|3( )( )|\| @ |-|()T/\/\@I|_.C()/\/\. . .
#16
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 07:19 PM
อืมไม่รู้หลักวิชาความจริงเสียแล้ว
ก็รีบไปแนะ ไปเตือนเพื่อนใหม่นะคะ
#17
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 07:29 PM
แต่ทำบุญด้วยของดีๆ ก็ได้บุญดีกว่าแน่นอน
ยกตัวอย่าง
เราจะให้มือถือนาย จะเอา 3310 ขาวดำ หรือ N70 มีล้านกว่าสี มีกล้อง มีนู้น มีนี้
นายจะเอาเครื่องไหนดีละ ...?
#18
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 10:56 PM
และหมั่นตรึกระลึกถึงบุญสมำเสมอครับ
#19
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 11:54 PM
1.แม้เป็นของไม่ดีมาก แต่ทานที่จะให้นั้นบริสุทธิ์ ก่อนที่จะให้ทานก็มีจิตที่บริสุทธิ์คิดจะให้ทานด้วยความเต็มใจ ในขณะให้ก็มีจิตใจที่ยินดีในขณะที่ให้ และเมื่อได้ให้ทานนั้นแล้วมีความยินดีปลื้มใจไม่คิดเสียดายทานที่ได้ให้ไป ทานนั้นก็ย่อมจะมีอานิสงน์ได้มาก
2.ทานที่จะให้นั้น ผู้ให้ได้ให้แก่ใคร ถ้าหากเป็นทักขิไณยบุคคล เป็นคนมีศีลมีคุณธรรม พระอริยบุคคล พระอริยสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทานที่ให้แม้มีไม่มาก แต่ถ้าให้ด้วยจิตที่ศรัทธา ย่อมมีอานิสงส์มาก
สิ่ง ของที่คิดว่าเป็นทาสทานสำหรับคนที่มีฐานะดีหลายคน อาจจะเป็นสามีทานของคนที่มีฐานะไม่ดีอีกหลายคนก็ได้
ฉะนั้น ทานที่เราได้กระทำ บางครั้งจะขึ้นอยู่กับสิ่งของเพียงอย่างเดียวไม่ได้ หากแต่ต้องดูเจตนาและศรัทธาของคนที่จะให้ด้วยว่ามีกุศลศรัทธาเจตนามากน้อยเพียงไร
สาธุ... สาธุ... สาธุ... จะได้บุญมากหรือน้อยนั้น มิได้ขึ้นอยู่กับประเภทแห่งทานและปริมาณที่ให้ หากแต่ขึ้นอยู่กับปริมาณแห่งดวงใจ ใจที่ผ่องใสและเปี่ยมล้นไปด้วยศรัทธา (ที่มีสัมมาปัญญาเป็นเครื่องประกอบ)
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#20
โพสต์เมื่อ 17 June 2006 - 12:47 PM
กับกรณีพรม ที่ผู้ถวายไปนั้น มีทรัพย์มีกำลังความสามารถที่จะไปซื้อหาพรมของใหม่มาถวายได้
คือใจเป็นกุศลอยากถวาย แต่เจตนาไม่ให้ความสำคัญเรื่องความประณีตของวัตถุทานนั้น คือไม่ให้ความสำคัญนั่นเอง ย่อมได้รับผลแห่งทานที่จิตเป็นกุศลนั้น แต่ผลที่ได้รับจะสะท้อนภาพของทานที่ทำไปแล้วค่ะ
นั่นล่ะค่ะถึงบอกว่าแล้วแต่กรณี
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#21
โพสต์เมื่อ 17 June 2006 - 09:45 PM
ยกตัวอย่าง เช่น
นำดอกไม้ เครื่องสังฆทาน ที่เค้าจบไหว้พระพุทธรูป
เครื่องสังฆทานที่ถวายพระมาแล้ว นำมาขายต่อ
บางทีตามสถานที่สำคัญต่างๆ
เช่น ลานพระรูป หรือ ตามอนุสาวรีย์ต่าง ๆ
ตอนนี้คิดว่าเกือบทุกวัดจะเป็นเหมือนกันหมดนะค่ะ
จึงจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย แล้วคนซื้อเค้าก็ทราบนะค่ะ
แต่โยมที่ซื้อเค้าก็ถือว่า บริจาคให้วัดไปทำนุบำรุงพุทธศาสนา
ขออนุญาตนะค่ะ ไม่เว้นแม้แต่วัดเรา อย่าโกรธกันนะ
บางทีเห็นแล้วก็ไม่เหมาะสม แต่บางทีก็คิดว่า
ของที่มาถวายหากโยมนำมาอีกก็จะล้น ไม่มีที่เก็บ
แต่คนโบราณส่วนใหญ่ จะจัดเตรียมของมาถวายเอง
เป็นของใหม่ ๆ ที่ไม่ผ่านการถวายพระมาก่อน
หากเป็นดอกไม้ก็จะไม่ผ่านการจบการอธิษฐานครั้งแล้วครั้งเล่า
พ่อเรา บอกว่า ตามจริงไม่ควรทำหรอก ของไม่บริสุทธิ์ โดยเฉพาะดอกไม้
ที่บูชาพระรัตนตรัย ควรเป็นของใหม่ ๆ
จึงใคร่ขอถามผู้รู้ ช่วยชี้แนะข้อข้องใจตรงนี้ด้วยค่ะ
ว่าในแง่ กรรมหรือวิบากกรรมต่าง ๆ นี่ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น
#22
โพสต์เมื่อ 17 June 2006 - 10:07 PM
แต่เพื่อนเจ้าของกระทู้ ดูเหมือนว่า ไม่รู้จะเอาไปไหนเนี่ยะซิค่ะ ก็เอาไปถวายวัดไม่ใช่เหรอ..
ส่วนตัวเราเอง ไม่เคยคิดถวายของเก่าให้พระท่านเลยค่ะ...ใจไม่ค่อยคุ้นยังไงไม่ทราบค่ะ...
หากถวายจริง ๆ คงไม่สบายใจซะมากกว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง แม่จะเอากระติกน้ำที่ซื้อมาแต่เป็นมือสอง ไปถวายให้กับพระ(เคยเป็นลูกน้องเก่าแม่) ยังบอกแม่ว่า "อย่าถวายเลย ถึงแม้พระเคยเป็นลูกน้องเก่า จะบวชยาวหรือสั้นแค่ไหน หากไม่ถวายของใหม่ ๆ ก็อย่าถวายซะยัง เฉย ๆ ไปเลยซะยังดีกว่า ..."
เราคิดน่ะคะว่า ยังไง ๆ ของใช้แล้วก็คือของใช้แล้ว...จะมีค่าสำหรับแค่ไหนสำหรับเรา...ก็คือของใช้แล้ว...แต่ในกรณีที่ถวายผ้าผืนเดียวในชีวิตนี้ อย่าง มหาทุคตะ ท่านก็เป็นกรณีศึกษาชั้นยอด คือ ท่านมีความตั้งใจเจตนาแรงกล้า กุศลจิตรุนแรงย่อมส่งผลแน่ ๆ
แต่ในความคิดของตัวเรา ยังไงพระท่านก็มีศีลสูงกว่าเราเยอะมาก ๆ จะเอาที่ใช้แล้วไปถวายก็กระไรอยู่...เราพูดในแง่คนที่พอที่จะจ่ายซื้อของใหม่ถวายท่านได้นะค่ะ...
ก็คงเหมือนหลาย ๆ ท่าน ที่คิดคล้าย ๆ กัน คือ จะของเก่าหรือใหม่ จะถวายสิ่งใด ๆ ก็แล้วต้องดูความจำเป็นของท่านด้วย ว่าจำเป็นแค่ไหน ท่านต้องการหรือเปล่า เป็นภาระท่านหรือเปล่า
หากถวายแล้วพระท่านใช้เป็นสิ่งของที่ท่านใช้ส่วนตัว ใช้เป็นประจำ เช่น บางรูปท่านชอบฉันน้ำร้อน มีกระติกใบเล็กประจำตัว สมมุติใบเก่าสภาพดูไม่ค่อยดีแล้ว ก็น่าจะถวายของใหม่ ๆ ให้ท่านมากกว่าที่จะนำของใช้แล้วไปถวายให้ท่าน
แต่หากสิ่งของเหล่านั้น ท่านก็นำไปเก็บไว้ให้ญาติโยมนำไปใช้ตอนทำบุญ ทั้งที่บ้านที่วัด
ก็คงไม่เป็นไร...
#23
โพสต์เมื่อ 17 June 2006 - 10:39 PM
พระท่านมีประสงค์รักษาศรัทธาญาติโยมเป็นปกติ ใครถวายของดีหรือของไม่ดี ท่านก็จะนิ่งเฉยๆ ไม่แสดงออกว่ารู้สึกไม่ดี เพราะท่านไม่ปิดทางบุญของผู้อยากได้บุญ
เพราะบางคนยากจน ของที่เขาตั้งใจนำมาถวาย เพราะเงินไม่ค่อยมี ของบางอย่างก็อาจเรียกว่า ไม่ดีนัก คุณภาพไม่ค่อยจะดี เป็นต้น หากพระท่านทำอาการไม่พอใจที่ได้รับสิ่งของนั้น ผู้ถวายก็คงเสียใจ น้อยใจ ทำให้บุญตกหล่นค่ะ
แต่ผู้ถวาย ควรพิจารณาว่าเมื่อเราถวายไปแล้ว พระท่านสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่า อยากถวายเฉยๆ แล้วกลายมาเป็นภาระให้วัด ต้องมาดูแลแต่ไม่ได้ใช้
#24
โพสต์เมื่อ 19 June 2006 - 09:01 AM
#25
โพสต์เมื่อ 19 June 2006 - 08:01 PM
#26
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 12:53 PM
#27
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 11:57 AM
ไม่ผิดค่ะ
การนำไทยธรรมที่เป็นดอกไม้ไปถวายนั้น ก็เพื่อให้เราได้ปลื้มยิ่งขึ้น
แต่ความจริงแลเว ปัจจัยทั้งหมดก็เอาเข้าวัดล่ะค่ะ
ที่ทุกวัดทำก็เป็นเหมือนกันค่ะ
ไม่ผิด
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#28
โพสต์เมื่อ 01 July 2006 - 03:23 PM
#29
โพสต์เมื่อ 19 July 2006 - 01:54 AM
การให้ที่ถือว่าได้บุญได้บารมีสูงสุดนั้นต้องประกอบด้วย 3 ประการคือ
1.ผู้ให้บริสุทธิ์
2.สิ่งของบริสุทธิ์
3.ผู้รับบริสุทธิ์
#30
โพสต์เมื่อ 19 July 2006 - 01:13 PM
ถ้าวัดสระแก้วป่าวประกาศรับของเก่าทั่งหมด (ไม่ได้เป้นภาระที่พระท่านต้องไปซ่อมเอง) เพื่อให้ชาวบ้านนำไปทำมาหากินตามแต่ทักษะของตนเอง แล้วเราบริจาคของมือสอง ก็ไม่น่าจะผิดอะไร เพียงแต่วัตถุประสงค์ของการให้นั้นส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการช่วยเหลือคน และ อีกส่วนหนึ่งเป็นการบริจาคทานให้วัด แทนที่จะเป็นการบริจาคของให้วัดเพียงอย่างเดียว
เพื่อน ๆ มีความเห็นยังไงบ้างหละ