ผู้หนักแผ่นดิน
#1
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 07:54 PM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#2
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 08:22 PM
ที่ข่มขืนพระอุบลวรรณาเถรี
จากนั้น แผ่นดินใหญ่ก็มีอาการประหนึ่งว่าไม่สามารถจะรองรับน้ำหนักของเขา
เอาไว้ได้ จึงอ่อนตัวยุบลงแล้วนันทมาณพก็จมดิ่งลงในแผ่นดิน ไปเกิดในอเวจีมหานรก
DMC The only one
ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก
ไม่หยุดไม่ถึงพระ ตัวหยุดนี้แหละเป็นตัวสำเร็จ
ผลไม้ดกนกชุม น้ำเย็นปลาชอบอาศัย
คติธรรม พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
#3
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 08:34 PM
พระจอมมุนี ได้เอาชนะคำกล่าวใส่ร้ายของ นางจิญจมาณวิกา
ซึ่งทำอาการเหมือนดั่งตั้งครรภ์ เพราะเอาท่อนไม้กลมผูกไว้ที่
หน้าท้อง ด้วยวิธีทรงสมาธิอันงาม คือ ความกระทำพระทัยให้ตั้งมั่นนิ่งเฉย
ในท่ามกลางหมู่ชน,
#4
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 08:47 PM
พระพุทธองค์ทรงหยุดแสดงธรรมและกล่าวกับนางว่า “ดูก่อนน้องหญิง เรื่องนี้เจ้ากับเราสองคนเท่านั้นรู้กันว่าจริงหรือไม่จริงตามคำของนาง” นางจึงตอบว่า “จริงทีเดียว เพราะการที่ข้าพเจ้ามีครรภ์ขึ้นนี้ มีแต่ท่านกับข้าพเจ้าเท่านั้นที่รู้กัน”
ในขณะนั้น ได้ทรงเนรมิตให้บังเกิดเป็นลูกหนูเข้าไปกัดเชือกที่ผูกท่อนไม้รองในติดที่ท้องของนางจิญจมานวิกา ท่อนไม้นั้นก็ขาดตกลงมาถูกหลังเท้าของนาง ได้รับความเจ็บปวดและเกิดมีลมแรงพัดเอาเสื้อผ้าของนางให้ปลิวขึ้น จนปรากฏแก่คนทั้งหลายว่า นางมิได้ตั้งครรภ์ นางได้กล่าวตู่หาความใสร้ายพระพุทธองค์ คนทั้งหลายพากันลุกฮือขึ้นไล่ทุบตี พระพุทธองค์สั่งห้ามและตรัสว่า อย่าไปทำร้ายนางเลย เพราะแค่นี้นางก็ไม่มีทีจะไปแล้ว ต่อจากนั้น พอนางออกไปพ้นประตูพระเชตวันมหาวิหาร นางก็ถูกแผ่นดินสูบ และลงไปเกิดยังอเวจี และ ณ ตอนนี้นางก็ยังทนทุกทรมานอยู่เลยนะคะ เรียกว่าไม่มีโอกาสจะได้มาเกิด ประมาณนั้นค่ะ คงอยู่ใกล้ๆกับท้าวเทวทัต
#5
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 09:30 PM
#6
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 01:08 AM
วันหนึ่งได้เข้าไปกระทำการล่วงเกินทางเพศแก่พระเถรีท่านนี้ ในกระท่อมในป่าที่ท่านอยู่
ทั้งที่ท่านไม่ยอม เมื่อเสร็จกิจออกไปจากกระท่อมนั้นแล้วก็ถูกธรณีสูบ
พระพุทธองค์จึงได้ตรัสตั้งกฎห้ามมิให้ภิกษุณีทั้งหลายอยู่ในที่ไม่ปลอดภัย
รวมทั้งไม่ให้มีการบวชภิกษุณีอีกหลังจากพระองค์แล้ว
คือจำได้คร่าวๆ จะไปหาข้อมูลมาใหม่นะคะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#7
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 06:58 AM
ตอนที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในนิโครธาราม มีพระเจ้าสุปปะพุทธะเป็นพระราชา ครองราชสมบัติกรุงเทวทหะ เสียใจและผูกอาฆาตในพระศาสดาอยู่ 2 ประการ คือ
๑. พระสมณโคดมนี้ ทิ้งลูกสาว (พระนางพิมพา) ของเราออกไปบวช
๒. ทำให้ลูกชาย (พระเทวทัต) ของเราบวชแล้วก่อเวรจนถูกธรณีสูบ
ด้วยความโกรธบวกด้วยความอาฆาตที่มีต่อพระพุทธเจ้า ทรงมีความดำริว่า บัดนี้ เราจักไม่ให้สมณโคดมนั้นไปฉันยังสถานที่นิมนต์ จึงแกล้งนั่งปิดทางเสด็จของพระพุทธศาสดา นั่งเสวยน้ำจัณท์ (สุรา) ในระหว่างทาง
เมื่อพระศาสดา พร้อมด้วยหมู่สงฆ์ เสด็จมาถึงที่นั้น พวกมหาดเล็กกราบทูลว่า พระศาสดาเสด็จมา พยักคะ จึงตรัสให้มหาดเล็กไปกราบทูลก่อนว่า พระสมณโคดม องค์นี้ ไม่ได้เป็นใหญ่กว่าเรา และเราก็จักไม่เปิดทางให้แก่สมณโคดมนั้น แม้พวกมหาดเล็กจะกราบทูลเตือนเท่าไร ๆ แต่พระเจ้าสุปปพุทธะ ก็ไม่ฟัง ยังคงประทับนั่งอยู่อย่างนั้นเอง
เมื่อพระศาสดาไม่ได้หนทาง ก็เสด็จกลับจากที่นั้น แต่พระเจ้าสุปปพุทธะ ได้ส่งคนไปสอดแนม เพื่อจะได้ทราบว่า พระพุทธองค์ ทรงตรัสอะไรบ้าง ในขณะที่พระพุทธองค์เสด็จกลับที่นั้น ได้ทรงทำการแย้มพระโอฐ จึงตรัสกับพระอานนท์ว่า
อานนท์ เธอเห็นสุปปพุทธะไหม?
พระอานนท์ทูลว่า เห็น พระเจ้าข้า
พระพุทธองค์ ตรัสว่า เจ้าสุปปพุทธะไม่ให้ทาง (ปิดทาง) แก่พระพุทธเจ้าผู้เช่นเรา ทำกรรมหนักแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ ๗ เจ้าสุปปพุทธะจะถูกแผ่นดินสูบ ณ ที่ใกล้เชิงบันใดของประสาทนั้น
เมื่อบุรุษผู้สอดแนมทราบเรื่องทั้งหมด ก็กลับมากราบทูลพระเจ้าสุปปพุทธะให้ทรงทราบ และเมื่อพระเจ้าสุปปพุทธะทรงทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ก็มีความดำริ มุ่งที่จับผิดพระศาสดาด้วยคำเท็จ ธรรมดาพระพุทธเจ้าตรัสสิ่งใดแล้ว สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง ๆ เสมอ เช่น พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ มีถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ มีข้อไหนบ้างที่พระพุทธองค์ตรัสผิด สั่งสอนผิด เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นสัจจธรรม พิสูจน์ได้ทุกเวลาที่เราต้องการในเมื่อเป็นเช่นนี้ พระเจ้าสุปปพุทธะต้องการที่จะพิสูจน์ให้ชาวโลกได้รู้เห็นว่า พระพุทธเจ้านั้น ตรัสคำที่ไม่จริงก็มี เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า พระเจ้าสุปปพุทธะ จักถูกธรณีสูบในวันที่ ๗ ใกล้ที่เชิงบันใดของปราสาทนั้น
พระเจ้าสุปปพุทธะ ก็มีความดำริว่า ในเมื่อเราไม่ลงสู่พื้นดินแล้ว ธรณีจะสูบได้อย่างไร ตอนนี้แหละ ชาวโลกจะได้รู้ว่า พระพุทธเจ้าพูดโกหก ดังนั้น พระเจ้าสุปปพุทธะ สั่งให้พวกมหาดเล็กขนเครื่องใช้สอยของพระองค์ทั้งหมด ไปไว้บนปราสาทชั้นที่ ๗ ให้ชักบันใดออก ปิดประตูทั้งหมด จัดหาคนที่แข็งแรงที่สุดเฝ้าประตู ๆ ๒ คน แล้วตรัสสั่งว่า ถ้าเราต้องการจะลงไปข้างล่าง พวกเจ้าต้องห้ามเราเสีย แล้ว พระเจ้าสุปปพุทธะ ก็ประทับอยู่บนปราสาทชั้นที่ ๗ อย่างสบาย
พระศาสดา ทราบทราบเรื่องนั้นทั้งหมด จึงตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลาย เจ้าสุปปพุทธะ แม้จะอยู่บนพื้นปราสาทอย่างเดียว
ต่อให้เหาะขึ้นสู่เวหาส นั่งในอากาศ ก็ตาม ไปสู่มหาสมุทรด้วยก็ตาม
เข้าซอกภูเขาก็ตาม ธรรมดาพระดำรัสของพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะเป็น ๒ ไม่มี
พระเจ้าสุปปพุทธะจักถูกธรณีสูบในสถานที่เราพูดไว้นั่นแหละ
ในวันที่ ๗ ม้ามงคลของพระเจ้าสุปปพุทธะในภายใต้ปราสาท คึกคะนอง ร้อง กระแทกข้างฝา ทำเสียงดังโครมคราม พระเจ้าสุปปพุทธะ ตรัสถามว่า นั่นเสียงอะไรกัน?
พวกมหาดเล็กทูลว่า ม้ามงคล คึกคะนอง พระเจ้าค่ะ
แต่ม้ามงคลนี้ ถ้าเห็นพระเจ้าสุปปพุทธะ ก็จะหยุดนิ่งทันที
ขณะนั้น พระเจ้าสุปปพุทธะ พระประสงค์จะจับม้านั้น ได้เสด็จลุกจากที่ประทับ บ่ายพระพักตร์มาทางประตู ประตูทั้ง ๗ ชั้น ก็เปิดเอง บันไดทั้ง ๗ ชั้น ก็ตั้งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ชักออก คนแข็งแรงยืนเฝ้าประตูทั้ง ๗ ชั้น ก็หลับ
ขณะที่พระเจ้าสุปปพุทธะเดินลงจากปราสาท พอเท้าเหยียบพื้นดินที่ใกล้เชิงบันไดของปราสาทเท่านั้นเอง มหาปฐพีแตกแยกออก สูบเอาพระเจ้าสุปปพุทธะลงสู่พื้นดิน (ธรณีสูบ) ในขณะนั้นเอง
Ref. http://www.wattampa....2/lungta16.html
#8
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 11:25 AM
" คนหนักแผ่นดิน "
ในครั้งอดีตกาล พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายได้ถือปฏิสนธิในกำเนิดช้าง ได้เป็นช้างใหญ่อยู่ในป่าลึก
ครั้งหนึ่งช้างใหญ่นั้นได้เดินหากินลัดเลาะในป่าไพร ได้ยินเสียงคนร้องไห้มาแต่ไกลก็ให้สงสัยนัก ทั้งนึกกลัวและสงสาร ใจหนึ่งก็เกรงว่าจะเป็นภัย อีกใจหนึ่งก็หวังอยากจะช่วยเจ้าของเสียงนั้นด้วยกรุณา สุดท้ายช้างใหญ่ผู้มีใจกรุณาจึงตัดสินใจจะช่วย จึงเดินไปตามเสียงจนพบ
เจ้าของเสียงนั้นเป็นพรานป่านักล่าสัตว์ แม้จะหวั่นใจกลัวพรานป่าจะฆ่า แต่ด้วยความกรุณาจึงเข้าเจรจาด้วยไมตรี "นายพรานป่า ท่านเป็นอะไรหรือ ถึงร้องไห้คร่ำครวญจนลั่นป่า" ช้างใหญ่เจรจาขึ้นก่อน
"ข้าหลงป่ามาหลายวันแล้ว ไม่รู้ทางออกจากป่าใหญ่แห่งนี้ คิดถึงลูกเมีย และกลัวความตายจึงร่ำไห้อย่างที่เห็นนี่แหละ" นายพรานสะอื้นตอบ
ช้างใหญ่เดินเข้าไปใกล้แล้วใช้งวงยกนายพรานไว้บนหลัง พานายพรานออกจากป่าจนใกล้ถึงทางใหญ่ จึงวางนายพรานป่าลงพร้อมด้วยกล่าวว่า "ขอให้ท่านโชคดีนะ"
แต่นายพรานป่านั้น เป็นคนไม่รู้คุณคน มีใจทุจริตคิดไม่ซื่อ มือไม่สะอาด หวังแต่ประโยชน์ตนฝ่ายเดียว ไม่คิดเหลียวถึงความกตัญญู ในขณะที่นั่งบนหลังช้างออกจากป่าใหญ่นั้นก็พยายามสังเกตทางเดินจนแม่นยำ เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ไม่กี่วันต่อมาก็กลับมายังทางเก่าเพื่อไปหาช้างใหญ่ตัวนั้น
"อ้าว ท่านมาทำไมอีก" ช้างใหญ่ทักขึ้นเมื่อเห็นเขามาอีกครั้ง
"ข้ายากจนแสนเข็ญเหลือเกิน อยากจะมาขอความกรุณากับท่านอีกครั้ง"
"ท่านจะขออะไรอีกล่ะ" ช้างใหญ่ถาม
"งวงของท่านยาวสวยงาม ถ้าแม้นได้ตัดเอาไปขายเพียงนิดเดียวคงได้ราคางาม"
พอสิ้นคำขอของนายพราน ช้างใหญ่ก็เข้าใจในความหมาย จึงน้อมตัวลงต่ำให้นายพรานตัดงาเอาไปเสียโดยดี นายพรานไม่รอช้าใช้เลื่อยที่นำมาเข้าตัดอย่างชำนาญ ทุกครั้งที่เลื่อยอันคมถูกดึงไปดึงมา น้ำตาช้างใหญ่พรากด้วยความเจ็บ แต่ก็ทนด้วยความกรุณา
พอได้งาช้างแล้ว นายพรานป่าก็รีบหอบกลับบ้านอย่างสบายใจ ผ่านไปได้ไม่กี่วันทรัพย์ที่ได้จากการขายงานั้นก็หมดสิ้น จึงไปขอตัดงากับช้างใหญ่อีก ช้างใหญ่ก็ให้ตัดไปด้วยกรุณาเช่นเคย และในไม่นาน นายพรานก็มาอีกครั้งเพื่อขอตัดงาครั้งสุดท้าย ซึ่งเหลือสั้นเต็มที เลื่อยที่ลงตัดงาจึงเฉือนโดนเนื้อช้างอย่างตั้งใจ ช้างใหญ่น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ..
พอนายพรานป่าได้งาตามต้องการ ก็ถือเดินมา ด้วยความอกตัญญูไม่รู้คุณคน จนแผ่นดินใหญ่ไม่อาจจะทานทนบุรุษผู้มีนิสัยไร้กตัญญูเช่นนี้ได้ แผ่นดินใหญ่แตกแยกออกจากกันสูบนายพรานป่าเข้าหาอเวจีมหานรก ..
ความกตัญญู แม้กับสัตว์ สถานที่ ในฐานะที่เราเป็นคน ก็ไม่ควรละเลย
#9
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 11:30 AM
และก็นายโคฆาต ที่ฆ่าสัตว์เป็นอาจิณ วันหนึ่งหิวมาก เตรียมเนื้อสัตว์ไว้ แต่เพื่อนบ้านถือวิสาสะมาเอาไป ด้วยความอยากกินเนื้อมาก จึงหยิบมีดไปที่วัวของตัวเอง และดึงลิ้นวัวออกมา ตัดลิ้นวัว เดี๋ยวนั้นเลย วัว ทนทุกข์ทรมาณมากจนตาย
#10
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 01:07 PM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#11
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 03:25 PM
พระเทวทัต
ด้วยเหตุที่ทำอนันตริกรรมถึง 2 อย่างคือ โลหิตุบาท และสังฆเภท
และยั่วยุให้พระเจ้าอชาตศัตรูกระทำปิตุฆาต
นันทมานพ
ที่ข่มขืนพระอุบลวรรณาอรหันต์เถรี
นางจิญจมาณวิกา
ใส่ร้ายพระพุทธเจ้าว่าทำนางตั้งครรภ์
พระเจ้าสุปปพุทธะ
ปิดทางโคจรพระพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวก ไม่ให้ไปบิณฑบาตในเมือง
นันทยักษ์
ทำอนันตริยกรรมประหารพระสารีบุตรอรหันต์เถระ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#12
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 04:54 PM
พระเทวทัต
ด้วยเหตุที่ทำอนันตริกรรมถึง 2 อย่างคือ โลหิตุบาท และสังฆเภท
และยั่วยุให้พระเจ้าอชาตศัตรูกระทำปิตุฆาต
นันทมานพ
ที่ข่มขืนพระอุบลวรรณาอรหันต์เถรี
นางจิญจมาณวิกา
ใส่ร้ายพระพุทธเจ้าว่าทำนางตั้งครรภ์
พระเจ้าสุปปพุทธะ
ปิดทางโคจรพระพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวก ไม่ให้ไปบิณฑบาตในเมือง
นันทยักษ์
ทำอนันตริยกรรมประหารพระสารีบุตรอรหันต์เถระ
ถูกต้องนะครับ เอาไปเลย ๑o เต็ม
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#14
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 09:19 PM
ปริยัติไม่สำคัญเท่าปฏิบัติหรอกค่ะ
ไม่รู้เรื่องนี้ แต่ถ้าปฏิบัติได้ ก็ดีเกินพอแล้วล่ะค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#16
โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 11:07 AM
#17
โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 01:53 PM
************************
ความ รู้ ที่ ได้ เรียน มา คืน พระ อา จารย์ ไป แล้ว บาง ส่วน
ขอบ คุณ ที่ ตั้ง กระ ทู้ ทบ ทวน ความ จำ
*************************
แล้ว ใน ยุค สมัย นี้
จะ มี โอ กาส เกิด
ธรณี สูบ สำ หรับ คน
หนัก แผ่น ดิน ได้ หรือ เปล่า คะ
*************************
แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป
แต่..
เ ป้ า ห ม า ย ไ ม่ เ ป ลี่ ย น แ ป ร
#18
โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 04:37 PM
...................เก็บใบไม้ สะเทือนถึงดวงดาว.......................
หน้าที่ของกัลยาณมิตรคือการให้กำลังใจมีใช่หรือคะ
ใช่แล้วค่ะ คนเดียวกันค่ะ ไม่มีการสวมรอย(เคยมีคนถาม)
ปล. ถ้าเจอตัวจริงก็ทักกันได้นะคะ หนูไม่กัดหรอกค่ะ
เกรดการเรียนก็มีขึ้นมีลงค่ะ
แค่เรื่องทางโลก รู้ไปใช้ได้ไม่เท่าไหร่ค่ะ
ต้องรู้เรื่องทางธรรม รู้เรื่องใจหยุดใจนิ่งค่ะ
นายดคฆาตนี่แค่ลิ้นขาดหล่นลงไปบนจานแล้วชักตายไม่ใช่เหรอคะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#19
โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 06:56 PM
นายโคฆาตไม่ได้ถูกธรณีสูบนะครับ แต่หลังจากที่ได้ฆ่าโคมาเป็นเวลากว่า ๕๕ ปีแล้ว เมื่อถึงวันที่วิบากกรรมชั่วนั้นตามมาส่งผล ปรากฏว่าหลังจากที่เขาได้ลงไปตัดลิ้นวัวเพื่อนำมาให้ภรรยาประกอบอาหาร เมื่อภรรยาของเขาปรุงอาหารเสร็จ เขารับประทานอาหารไปได้เพียงไม่กี่คำ ลิ้นของเขาก็หลุดลงมาในชามข้าว เขาลงคลานสี่ขาร้องเหมือนวัวเป็นเวลานานถึง ๗ วัน ในวันที่ ๘ เขาทำกาละแล้ว เกิดในอเวจีมหานรกต่างหากล่ะครับพี่หัดฝัน
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#20
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 09:36 AM
#21
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 12:09 PM
#22
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 01:43 PM
ขอบคุณคุณ sage_072 ที่ช่วยขยายเรื่องให้สมบูรณ์
ลืมนึกถึงความสมบูรณ์ นึกว่าทดสอบยังไม่เอาจริง ๆ เลย ยกตัวอย่างแค่ย่อ ๆ
ขอโทษครับ แฮะ แฮะ
#23
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 04:22 PM
ปล. ถ้าเจอตัวจริงก็ทักกันได้นะคะ หนูไม่กัดหรอกค่ะ
แค่เรื่องทางโลก รู้ไปใช้ได้ไม่เท่าไหร่ค่ะ
ต้องรู้เรื่องทางธรรม รู้เรื่องใจหยุดใจนิ่งค่ะ
.ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ
#24
โพสต์เมื่อ 24 June 2006 - 01:30 AM
และอนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมตอบในกระทู้นี้
อืมใช่เลย ที่พี่แมรี่ได้ยกตัวอย่างข้างบนคือ นันทมานพ
1 ใน 5 ที่น้องวิวตอบไว้อย่างถูกต้องครบถ้วนค่ะ
มีทั้งหมด 5 ท่าน
พระเทวทัต
ด้วยเหตุที่ทำอนันตริกรรมถึง 2 อย่างคือ โลหิตุบาท และสังฆเภท
และยั่วยุให้พระเจ้าอชาตศัตรูกระทำปิตุฆาต
นันทมานพ
ที่ข่มขืนพระอุบลวรรณาอรหันต์เถรี
นางจิญจมาณวิกา
ใส่ร้ายพระพุทธเจ้าว่าทำนางตั้งครรภ์
พระเจ้าสุปปพุทธะ
ปิดทางโคจรพระพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวก ไม่ให้ไปบิณฑบาตในเมือง
นันทยักษ์
ทำอนันตริยกรรมประหารพระสารีบุตรอรหันต์เถระ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#25
โพสต์เมื่อ 26 June 2006 - 09:28 AM
เค้าเรียนที่ไหน เรียนกันยังงัยค่ะ???
#26
โพสต์เมื่อ 26 June 2006 - 10:24 AM
เค้าเรียนที่ไหน เรียนกันยังงัยค่ะ???
ก็เรียนด้วยการฟัง คิด อ่าน เขียน ธรรมะไงคะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#27
โพสต์เมื่อ 26 June 2006 - 10:50 AM
อ๋อ...ค่ะ ขอบคุณค่ะ ... คิดว่าต้องไปลงทะเบียนเรียนตรงไหนเสียอีก
เมื่อวานได้ยินท่านผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวว่า น้อง Omena...เนี๊ยเค้าลงมาจากเบื้องบน...ได้ยินแล้วปลื้มอกปลื้มใจแทนจัง!!
#28
โพสต์เมื่อ 26 June 2006 - 12:40 PM
เท่าที่ทราบ นันทยักษ์ลองกระบองฟาดใส่พระสารีบุตรที่นั่งเข้านิโรธสมาบัติอยู่ พระสารีบุตรไม่เป็นอะไรเลย แต่นันทยักษ์โดนธรณีสูบ พระโมคคัลลานะเห็นเหตุการณ์อยู่ในที่ไกลจึงเหาะมาสนทนากับพระสารีบุตรในขณะที่ออกจากนิโรธสมาบัติ พระโมคคัลลานะกล่าวว่าอัศจรรย์ที่พระสารีบุตรไม่เป็นอะไรเลยเพียงแต่เจ็บนิดหน่อยที่ศรีษะ แล้วพระสารีบุตรก็กล่าวตอบว่าอัศจรรย์ที่พระโมคคัลลานะอยู่ในที่ไกลแต่กลับเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ส่วนพระเจ้าอชาตศัตรูก็ไม่ได้ถูกธรณีสูบนะครับ แต่สวรรคตแล้วไปอุสสทนรกขุมบริวารรอบอเวจีเพราะบุญที่ทำไว้มากช่วยผ่อนปรนครับ
รบกวนช่วยตรวจสอบด้วยครับ
#29
โพสต์เมื่อ 26 June 2006 - 06:06 PM
รบกวนช่วยตรวจสอบด้วยครับ
ถูกต้องทั้งสองเลยครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#30
โพสต์เมื่อ 27 June 2006 - 04:06 PM
ถ้าอย่างนั้นก็ 9 คะแนนน่ะสิคะ
เมื่อวานได้ยินท่านผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวว่า น้อง Omena...เนี๊ยเค้าลงมาจากเบื้องบน...ได้ยินแล้วปลื้มอกปลื้มใจแทนจัง!!
เราก็มาจากเบื้องบนกันหมดล่ะค่ะ ถึงได้มีโอกาสมาอยู่ ณ ที่นี้อย่างไรล่ะคะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที