ผมอยากเป็นพระพุทธเจ้า
#1
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 01:12 PM
อยาจะขอถามท่านผู้รู้ว่า
1.ผมควรจะเริ่มต้นไล่ตามความฝันว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างไรจึงจะถูกต้องตามหลักวิชชา
2.การที่ผมใช้วลี "สูงสุดในจักรวาลไม่มีใครเทียบได้ไปตลอดกาล" ผลบุญนั้นจะส่งผลเช่นไร
3.การที่ผมอธิษฐานว่า "ให้ได้บริจาคทานมากที่สุดเท่าที่มนุษย์จะบริจาคได้" จะส่งผลเช่นไร ผมจะได้บริจาคทานในระดับนั้นได้จริงหรือ
4.การที่ผมอธิษฐานว่า "ให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าผู้มีบารมีสูงสุด" ถ้าบุญแรงพอจะส่งผลเช่นไร ถ้าบุญแรงไม่พอจะส่งผลเช่นไร
5.การที่ผมอธิษฐานว่า "สามารถ 'โปรด' พญามารได้(แม้มันจะเป็นไปไม่ได้)" จะส่งผลเช่นไร ถ้าเป็นไปได้บุญจะส่งผลอย่างไร ต้องทำบุญกับพระสงฆ์เนื้อนาบุญเป็นจำนวน'กี่ครั้ง' ผลบุญถึงจะแรงพอที่ให้เป็นไปได้ หรือจะต้องทำบุญใหญ่ 'บุญไหน?' หรือบุญใหญ่ขนาดไหน? กี่ครั้งถึงจะแรงพอ
ขอให้ตอบเป็นข้อๆนะครับ
ผมขอเตือนว่า คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ซีเรียสมาก ใครก็ตามที่อ่านคำถามเหล่านี้แล้วเห็นว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน หรือตอบคำถามโดยที่ไม่ 'รู้จริง' ผลกรรมอันร้ายแรงก็เกิดกับตัวท่านแน่นอนที่สุด
ถ้าไม่มีใครตอบได้ก็ช่วยตามท่านผู้ 'รู้จริง' มาตอบด้วยนะครับ
#2
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 01:19 PM
#3
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 01:31 PM
อยากอนุโมทนาและสรรเสริญครับที่มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ แต่ว่าผังนี้จะสำเร็จได้ด้วยบุญเท่านั้นครับ เท่าที่ผมรู้มานะในหมู่คณะของเรานี่แหละก็เคบมีหลายคนตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเยอะเหมือนกันนะครับ แต่ว่าก็เปลี่ยนใจในภายหลังๆจากเจอพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรานี่แหละ
รอท่านอื่นมาเสริมอีกทีนะครับ
#4
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 01:50 PM
1. พระไตรปิฎกและอรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์
2. มุนีนาถทีปนี หรือในอีกชื่อว่า ศาสตร์ว่าด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า ของพระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร)
3. สัมภารวิบาก (เล่มนี้แหละที่บอกว่า กว่าพระพุทธเจ้าของเราจะได้รับพุทธพยากรณ์ ได้ผ่านพระพุทธเจ้ามา 3 แสนกว่าพระองค์)
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตั้งความปรารถนากันทั้งนั้นครับ ดูแต่เมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาเสด็จลงจากดาวดึงส์พิภพ ได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดโลก ว่ากันว่าครั้งนั้นแม้แต่มดยังตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเลยครับ
#5
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 03:09 PM
#6
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 03:22 PM
ข้อ2 สุงสุดในจักรวาล ก็มีแต่พระพุทธเจ้า ก็ทำได้ถ้าปรารถนาเช่นนั้น แล้วแต่กำลังบุญบารมี สูงสุดยิ่งกว่า จักรวาล ยังมี แสนโกฏจักรวาล อนันตจักรวาล
ข้อ3 ก็คล้ายๆกับ อธิษฐานว่า ขอให้มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ไม่รู้จักหมดจักสิ้น สามารถเลี้ยงคนทั้งโลกได้ ก็ขึ้นอยู่กับกำลังทานบารมีที่สังสมมา
ข้อ 4 ได้เป็นพระพุทธเจ้าผู้มีบารมี ก็มีตั้งแต่ ศรัทธิกะพุทธเจ้าสร้างบารมี ๒๐ อสงไขย ปัญญาธิกะพุทธเจ้า ๔๐ อสงไขย วิริยาธิกะพุทธเจ้า ๘๐ อสงไขย แต่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ขนสรรพสัตว์ไปได้แค่หยิบมือหนึ่ง พระพุทธเจ้ามีมากกว่าเมล็ดทรายในท้องมหาสมุทร ทั้ง 4 แล้ว ก็ยังขนสรรพสัตว์ยังไม่หมดเลย ไม่สนใจที่จะสร้างบารมีที่ยิ่งกว่านั้นหรือ สร้างบารมีไม่มีกำหนดอสงไขย ไม่มีกำหนดเวลา บารมีนั้นแก่รอบนับไม่ได้ สร้างบารมีจนกว่าจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อวัฏฏะสงสารนี้ไปจนหมดสิ้น ไม่มีเหลือ นั่นก็คือมโนปณิธานหมู่คณะของเรา มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม ก็มาอยู่ในวงบุญนี้ได้ ตามติดติดตามมหาปูชนียาจารย์ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
เมื่อก่อนก็เคยคิดเหมือนกันที่จะสร้างบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พอมาเจอหมู่คณะ ยังมียิ่งกว่านั้นอีก คือที่สุดแห่งธรรม จึงขอติดตามตามติด
มหาปูชนียาจารย์ไปทุกภพทุกชาติ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม สรรพสัตว์เข้านิพพานหมดไม่มีเหลือ
ข้อ 5 ไม่มีการโปรด มีแต่การปราบเท่านั้น การจะทำเช่นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้กำลังบุญ บารมี อย่างมากมายมหาศาล จึงจะไปสู้รบปรบมือกับเขาได้ ซึ่งมีแต่วงบุญพิเศษเท่านั้นที่ทำอยู่ บุญทุกบุญที่ทางวัดทำอยู่ล้วน เป็นบุญใหญ่ๆทั้งนั้น เป็นไขยๆ กัป ต้องสร้างบุญทุกบุญให้เข้มข้นทับทวี ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
เพราะเป้าหมายของหมู่คณะคือ รื้อสัตวืขนสัตว์ ปราบมารประหารกิเลส ให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ยกตนและสรรพสัตว์ทั้งหลายสู่ที่สุดแห่งธรรม
#7
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 03:27 PM
#8
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 03:51 PM
ชอบการโปรดและการช่วยเหลือมากกว่า
ที่ช่วยงานวัดอยู่ทุกวันนี้ก็ด้วยเหตุผลนี้
ผมไม่คิดว่าจะบารมีใดที่ยิ่งกว่าการช่วยเหลือมนุษย์ให้พ้นจากความทุกข์ทั้งหลายหรอกครับ
ถึงมีผมก็คงไม่สนใจ เพราะผมรักงานทางด้านนี้
และไม่เคยทำความดีโดยหวังว่าจะได้บุญบารมี
เมื่อก่อนเวลาที่ได้เจอคนที่ได้รับความทุกข์อย่างสาหัส หรือดูข่าวน้ำท่วมหรือแผ่นดินไหว
หรือเวลาที่อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์แล้วทำให้รู้สึกว่า ผมซึ่งเป็นเพียงแค่'เด็ก'ตัวเล็กๆในขณะนั้นอยากจะทำอะไรสักอย่างที่จะสามารถช่วยให้ผู้คนเหล่านั้นหลุดพ้นจากความทุกข์ต่างๆไปได้
#9
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 03:55 PM
ข้อ 1 ผ่าน ไม่มีความเห็นเสริม
ข้อ 2 สูงสุดในจักรวาลนี่ ถ้าเป็นคุณธรรมนี่จะเป็นผลดีไม่มีข้อเสียเลยครับ แต่ถ้าเป็นทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ และคุณสมบัติล่ะก็ ให้อธิษฐานให้มีคุณธรรมล้อมคอบให้ดี ดังเช่น บางคนในอดีต ถวายทานแด่ฤษี แล้วอธิษฐานว่า ขอให้ได้เป็นศาสดาเอก มีลูกศิษย์นับถือ มากที่สุด แต่ไม่พูดว่า ศาสนาไหน พอถึงเวลาบุญส่งผล ก็มาเป็นศาสดาของศาสนาเทวนิยม มันจะยุ่งทีเดียวนะครับ และก็แนะนอนว่า ต้องลงมือสร้างบารมีไม่ธรรมดา ดังที่ข้างบนเขาโพสมา
ข้อ 3 ถ้าคุณทำบุญไม่ถูกเนื้อนาบุญ ทำบุญนิดๆ หน่อยๆ แล้วอธิษฐานเช่นนี้ บุญก็ส่งผลแค่ตามกำลังบุญน่ะครับ
ข้อ 4 ถ้าบุญยังไม่แรง ก็เป็นพระโพธิสัตว์ระดับบารมีคิดในใจน่ะครับ ถ้ามีบุญมากขึ้น ก็เปล่งวาจา ถ้ามากขึ้นก็ได้รับพุทธพยากรณ์
ข้อ 5 โปรดมารได้หรือไม่ ถ้ามารเด็กๆ ล่ะก็โปรดได้ครับ ดังเช่น พระอุปคุต โปรดเทพบุตรมารให้กลับใจ ส่วนมารจริงๆ ก็เหมือนความมืด กับแสงสว่าง ทุกครั้งที่แสงสว่างปรากฏความมืดจะหายไป ถามว่า แสงสว่างมีเจตนาคิดทำร้ายความมืดหรือเปล่า ตอบว่า เปล่า แล้วแสงสว่างกับความมืดจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขไม่ได้เลยหรือ คำตอบคือ ไม่ได้ ทำไมล่ะ ก็มันเป็นธรรมชาติของมันน่ะครับ
#10
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 04:31 PM
ดิฉันตอบคุณไม่ได้ค่ะ
แต่...
ผู้รู้จริง อยู่ในตัวคุณเองค่ะ ไม่มีใครตามหาท่าน ผู้รู้จริง แทนคุณได้ นอกจากคุณจะออกตามหาท่านด้วยตัวของคุณเอง
หาท่านให้เจอแล้วถามท่านสิคะ ว่าแต่ละข้อที่คุณปรารถนาอยู่นั้น คำตอบจะเป็นอย่างไร รับรองว่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#11
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 05:37 PM
#12
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 06:48 PM
และขอเสนอแนะว่า ระหว่างที่รอคำตอบจากผู้รู้นั้น คุณท่านต้นก็พยายามลงมือปฏิบัติด้วยนะคะ
เริ่มต้นด้วยการคิดถึงพระพุทธเจ้าบ่อยๆ คิดให้ได้ทุกอนุวินาที
แล้วคุณสมบัติของพระพุทธเจ้าจะถ่ายทอดมาสู่เราค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 07:46 PM
#15
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 09:20 PM
ผมเองตอนเข้าวัดครั้งแรกนั้น ยังรู้อะไรไม่มาก ก็อยากที่จะตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกับคุณนี่แหละครับ เพราะคิดว่า อยากที่จะเป็นผู้นำขนสรรพสัตว์ออกจากวัฎฎะสงสารด้วยตนเอง และตัวเรานั้นเมื่อได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วยังมีพุทธานุภาพอย่างไม่มีประมาณอีกด้วย อีกอย่าง ไม่ต้องมาลำบากลำบนในการสร้างบารมี ต้องผจญกับมารในระหว่างเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่รู้จักจบสิ้นจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม ซึ่งระยะเวลาที่จะถึงที่สุดแห่งธรรมนั้น โอย ยาวนานจนไม่รู้จะว่ายังไง อาจจะนานกว่าวัฎฎะสงสารที่ตั้งมาครั้งแรกในธาตุธรรมด้วยซ้ำ ซึ่งว่ากันว่า วัฎฎะสงสารนั้นหาเบื้องต้นและสิ้นสุดไม่ได้ แม้จะมีผู้มีอภิญญาไปนับว่าวัฎฎะสงสารเริ่มมานานเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถนับได้อยู่ดี แต่ที่ว่าสังสารวัฎหาเบื้องต้นมิได้นั้น ไม่ได้หมายความว่าไม่มีจุดเริ่มต้นนะครับ จุดเริ่มต้นน่ะมีอยู่ แต่มันนานจนไม่รู้จะนับยังไง แม้จะใช้หน่วยที่ยาวนานที่สุดของพระพุทธศาสนาคือ อสงไขยมหากัป ก็เถอะ ก็ยังนับไม่ได้อยู่ดี
ความคิดในตอนนั้น ผมจึงอยากเป็นพระพุทธเจ้าภาคโปรด เพราะถึงจะนานมากขนาดไหนกว่าจะได้เป็น แต่ยังไงก็สร้างบารมีเต็มที่ไม่เกิน 80 อสงไขย ขึ้นอยู่กับจริตของตัวเรา ว่าเราเป็นแบบไหน ถ้าเราเป็นแบบปัญญาธิกะ ก็ไม่นานมาก 20 อสงไขย ถ้าจริตของเราเป็นแบบศรัทธาธิกะ ก็ 40 อสงไขย คือคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่ต้องเหนื่อยยากรอจนถึงที่สุดแห่งธรรม ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะถึงเมื่อไหร่
แต่พอตอนหลังนั้นได้รู้เรื่องอะไรๆมากขึ้นเยอะ ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว จะยากลำบากมากขนาดไหน จะรอไปนานขนาดไหนก็ไม่หวั่น ผมตั้งความปรารถนาจะติดตาม หลวงปู่สด หลวงพ่อธัมมชโย ไปถึงที่สุดแห่งธรรมอย่างเดียว
ผมจะบอกคำใบ้ให้นะครับ เราจะไปกันทั้งดุ้น เปรียบเสมือนปูที่มีเปลือกแข็ง หรือเต่าที่มีกระดอง ไม่ใช่ ปูนิ่ม หรือ เต่าไม่มีกระดอง
หวังว่า ท่านต้น เจ้าของกระทู้คงจะเปลี่ยนใจเหมือนผม สร้างบารมีกับหมู่คณะไปจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรมนะครับ ไม่ว่าหนทางจะอีกยาวไกล จะเหนื่อยยากลำบาก จะผจญอุปสรรคซักแค่ไหน แต่เราไม่ได้เดินทางคนเดียว หรือไปกันแค่หมู่เล็กๆ แต่เรายังมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้ง 2 หลวงพ่อสด และหลวงพ่อธัมมชโย คอยห่วงใยพวกเรา และชวนเราสร้างบารมีอย่างเดียว ทำให้ไม่ต้องกลัวที่จะพลัดไปอบายเลย แต่ถ้าตั้งความปรารถนาแยกออกไป จะต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ซึ่งจะต้องมีบางชาติที่ต้องถูกอกุศลเข้าสิงจิตให้กระทำความผิดพลาดเกิดขึ้น และมีอะไรเป็นที่ไปล่ะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็เคยเจอมาแล้วทั้งนั้น อยู่กับหมู่คณะของเราปลอดภัยที่สุดครับ
แต่ถ้าไม่ว่ายังไง ท่านต้น ก็ยังอยากจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝ่ายโปรดอยู่ดี ยังไงก็เป็นความคิดที่ยิ่งใหญ่มากๆอยู่ดี ก็แล้วแต่เราจะเลือกครับ ขึ้นอยู่กับตัวเรา สาธุครับ
--------------------------------
แก้ไขโดย ฟ้าร้าง
#16
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 09:47 PM
#17
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 10:05 PM
ต้องสร้างบารมีสุดๆ มากมหาศาล
หนทางอีกยาวไกล
ต้องจริงจัง และทำจริง
กาลเวลายาวนานมาก แต่ต้องไม่เลิกล้ม เลิกละไปเสียก่อน
.....................................
มีผู้ปรารถนาจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้วมากมาย ได้ประกอบเหตุ สร้างบารมีอย่างยิ่งยวดเพื่อจะไปเป็นดังปรารถนา
ผู้สร้างบารมีอยู่เหล่านี้ จำนวนไม่น้อย เมื่อสร้างบารมีไปนานๆ เข้า ก็รู้สึกอยากเข้าพระนิพพานเร็วๆ
เพราะไม่อยากอยู่ในสังสารวัฎอีกต่อไปแล้ว
เมื่อถึงชาติหนึ่งที่ได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมจากพระองค์ท่าน
เลยเปลี่ยนใจ ขอบรรลุเป็นพระอรหันต์ในชาตินั้น เข้าพระนิพพานไปก่อนก็มี
การบังเกิดขึ้นของพระอรหันต์ว่ายากแล้ว การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งยากกว่านั้นอีก
.....................................
ไม่ว่าอย่างไร ขอให้ท่านต้นรักษามโนปณิธานนี้ไว้ให้คงมั่น
อย่าได้สนใจเลยว่าเวลาจะนาน...เวลาจะผ่านไปสักเท่าไหร่
เพียงแต่ต้องทำต่อไป ทำต่อไป และต่อไป จนกว่าจะสำเร็จ
#18
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 10:16 PM
ถ้าไปพร้อมกับหมู่คณะได้ก็คงจะดี
#19
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 10:17 PM
เหมือนกับเราจะสร้างตึก 100 ชั้น แต่แบบแปลนก็ยังไม่มี ที่ดินก็ยังไม่มี ในกรณีนี้ การพูดมากเกินไปไม่เป็นผลดี หากมีใครมาถาม เราก็ยังไม่สามารถตอบใครได้ด้วยซ้ำ เพราะมันยังเลื่อนลอยอยู่ มีแต่ความตั้งใจ
แต่พอเราได้แบบแปลนมาแล้ว ทำงานเก็บเงินซื้อที่ดินได้แล้ว ก็ถือว่ามีอะไรให้เห็นบ้าง เรายังพอพูดได้ว่า เราจะสร้างตึก 100 ชั้นบนพื้นที่นี้ แต่ความเป็นจริงยังอีกห่างไกล เพราะยังไม่รู้ว่าจะหาวัสดุก่อสร้างมาจากไหน ยิ่งถ้าเราบอกคนอื่นว่า เราจะสร้างตึกที่สูงที่สุดในโลก หรูหราที่สุด เป็นตึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งพูดยิ่งมีแต่คนหมั่นไส้ เผลอ ๆ จะทำให้ไม่มีใครมาช่วยสร้างอีกด้วย
ผู้ที่สร้างตึกแบบนั้นได้จริง ทั้งต้องมีความสามารถในตนเองแล้ว ยังต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ดีเป็นเลิศ รู้จักนิสัยคน รู้จักความสามารถของแต่ละคน รู้จักฝึกคน ที่จะทำให้การสร้างตึกนั้นเป็นไปด้วยดีและเป็นไปได้ เพราะไม่มีทางที่ใคร ๆ ในโลกนี้จะสร้างตึกที่สูงที่สุดได้ด้วยตัวคนเดียวแม้ว่าจะเก่งแค่ไหน และการหาคนที่จะมาช่วยให้เราสร้างสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้นั้น ก็หายากเต็มที
สำหรับผู้ตั้งเป้าหมายใหญ่อย่างนี้ การที่คิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องดีกว่าคนอื่น จึงเป็นเรื่องที่ขัดกันเองอยู่บ้างครับ (โดยเฉพาะคำที่บอกว่าไม่มีใครเทียบได้) เพราะเราจะต้องอาศัยคนที่ดีกว่าเราอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มพูนบารมีของตน และยังต้องยินดีกับการที่เห็นผู้อื่นดีกว่าเราอยู่เสมอด้วยครับ เพราะจะทำให้งานของเรานั้นเป็นไปได้มากขึ้น และเราจะต้องดีเกินลิมิตของตัวเองขึ้นไปเรื่อย ๆ แม้ผู้อื่นก็เช่นกัน
แต่ถ้าหากเป็นความปรารถนาดีอย่างแท้จริง ที่เจ้าของกระทู้บอกว่าอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ แต่บารมีสูงสุดนั้นคืออย่างไร มันอยู่ที่ใจเราครับ ว่าเราคิดไปแค่ไหน เราเห็นสัตว์โลกประมาณน้อย เราคิดว่าอยากช่วยเหลือเขา แต่เรามองออกหรือไม่ว่า ความทุกข์ของสัตว์โลกจริง ๆ แล้วคืออะไรกันแน่ ความรู้สึกที่อยากจะช่วยสัตว์โลกนั้นคือความเมตตา ไม่จำเป็นต้องเป็นการโปรดเสมอไป การปราบคือการกำจัดต้นเหตุของความทุกข์ก็ทำด้วยความปรารถนาเดียวกันนั้น เพียงแต่วิธีการต่างกัน คือฝ่ายโปรด นำสัตว์โลกประมาณหนึ่งออกไปจากวัฏสงสาร ส่วนฝ่ายปราบมุ่งกำจัดวัฏสงสารให้ออกไปจากสัตว์โลก เป็นเรื่องเฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับสามัญสำนึกของเรา
และแม้ฝ่ายโปรด ก็ไม่ใช่ว่าจะปราบไม่เป็น เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ชื่อว่าพระผู้ชนะมาร พระองค์ทรงปราบมารที่อยู่ในใจของพระองค์และเหล่าสาวกได้แล้ว ไม่อย่างนั้นพระองค์ก็นำสัตว์โลกออกไปจากวัฏสงสารไม่ได้ เราเห็นแค่คำว่าโปรด หรือปราบ เราอาจจะนึกเอาเองว่า โปรดมันมีเมตตา ปราบมันเด็ดขาด แต่จริง ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เมตตา คือธรรมของฝ่ายพระอยู่แล้ว และพระอรหันต์ทั้งหลายก็ชนะศึกด้วยเมตตา เมตตานี่คืออาวุธของฝ่ายธรรมะครับ ถ้าเราไปนึกถึงการปราบบนโลก เราจะไม่เข้าใจ การปราบไม่ใช่การขาดเมตตาอย่างที่คิด
ยิ่งถ้าเราเห็นว่า แทนที่เราจะมีบารมีสูงสุดแต่เพียงคนเดียว แล้วช่วยสัตว์โลกได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าหากเราร่วมมือกับผู้มีบารมีสูงสุดอื่น ๆ เราสามารถทำเรื่องที่ใหญ่กว่าวิสัยตัวเองได้ครับ แม้กระทั่งกำจัดทุกข์ให้หมดไปจากโลกนี้ชนิดที่ไม่ให้เหลือแม้แต่ปลายผมปลายขนก็เป็นไปได้
เพราะการมีบารมีสูงสุดอยู่เพียงคนเดียว ก็เหมือนกองทัพที่มีช้างศึกอยู่ตัวเดียว ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีช้างศึกเป็นกองทัพ จะคิดว่าโปรดหรือปราบก็ไม่ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าพากองทัพออกไปจากวงล้อมของข้าศึกนี่ยังพอเป็นไปได้ ที่ผ่านมากองทัพที่มีช้างศึกไม่เคยได้รบร่วมกันเลย แตกเป็นกองทัพย่อย ๆ ไม่สามารถปราบข้าศึกให้เด็ดขาดไปได้สักครั้ง และไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางเก่งไปกว่ากองทัพข้าศึกที่รวมกันเป็นหนึ่งได้ เพราะกำลังของเขากับกำลังของเราก็พอ ๆ กัน เราเก่งขึ้นได้ เขาก็เก่งขึ้นได้ แต่เราเสียเปรียบตรงที่กองทัพเราไม่รวมกัน ต่อให้กองทัพของเราเป็นกองทัพที่เก่งที่สุดในกองทัพพันธมิตรแล้วก็ตาม ก็สู้กองทัพที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเขาไม่ได้ กองทัพที่ต่างคนต่างรบ อย่างมากก็ทำให้ศัตรูถอยหนีไปได้หมด แต่ไปถล่มเมืองเขาไม่ได้ กำลังยังไม่พอ
ทุกกองทัพนั้นก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือขจัดต้นเหตุแห่งทุกข์ให้หมดสิ้นไป พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็บังเกิดขึ้นมาเพื่อการนี้ พระองค์ไม่ได้คิดว่าจะถอยทัพหนีไปไหน จึงได้ทรงให้นัยแก่พระอานนท์เพื่อจะอยู่ได้ตลอดกัป ในเมื่อยังมีสัตว์โลกที่เดือดร้อนเพราะการรุกรานของกิเลสอยู่อีกมากมายนับประมาณไม่ได้ มันจึงไม่มีเหตุผลที่พระองค์ผู้ซึ่งสามารถอยู่ได้ตลอดกัปและปรารถนาจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้หมดนั้น ต้องมาปรินิพพานด้วยสาเหตุเพียงแค่นี้ นอกเสียจากว่ามันมีความจำเป็นบางอย่าง คือสาวกของพระองค์ไม่ได้มีบารมีมากเหมือนพระองค์ ไม่ได้บรรลุสัพพัญญุตญาณเช่นพระองค์นั่นเอง เมื่อพรรคพวกไม่เข็มแข็งพอ จึงช่วยเหล่าสรรพสัตว์ที่เหลือไม่ได้
ความสามัคคี จึงเป็นธรรมที่สำคัญที่สุดสำหรับทำงานใหญ่ เพราะต่อให้เราทุ่มเททุ่มใจสร้างบารมีได้มากแค่ไหน มันก็สู้หลายคนที่ทุ่มเททุ่มใจสร้างบารมีกันสุดชีวิตไม่ได้ เหมือนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แม้จะใหญ่กว่าต้นไม้ทุกต้นในโลก แต่ก็ไม่ร่มรื่นเท่ากับป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ไปได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่ควรเปรียบเทียบชิงดีชิงเด่นกับใครทั้งสิ้น ควรยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่า และควรทำตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อตัวเองและหมู่คณะอยู่เสมอ ใครพลาดเราก็ช่วยกันดึง เราพลาดก็ต้องยอมให้คนอื่นช่วยดึง มันจึงจะสำเร็จ โลกนี้จะร่มเย็นได้ด้วยป่า ไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้นฉันใด ความสงบสุขของสรรพสัตว์ทั้งปวง ก็เกิดขึ้นได้ถ้าหากเราร่วมมือกับคนทั้งโลกทำใจให้สงบ ฉันนั้น
-------------------------------
แก้ไขโดย ฟ้าร้าง..
#20
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 10:59 PM
อยากให้ ระมัดระวังในการใช้ ภาพ แทนตัวเองนะคับ
ของที่ควร มาอยู่กับของไม่ควร นับว่าไม่ควร
ต้องระมัดระวังด้วยนะคับ
เช่น
ภาพหลวงปู่สด วัดปากน้ำ เอามาใช้ ในกระทู้อย่างนี้ เช่น น้องอัตตา นะคับ
พี่ว่า ไม่ควรเลยนะ ได้โปรดเถิด ช่วยเปลี่ยนด้วยนะ
อย่าเอารูปหลวงปู่เลย
ขอบคุณมาก
อยากให้ ทุกคนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นในทางที่สร้างสรรค์ ช่วยกันจรรโลงจิตใจเรา พัฒนาจิตให้สะอาด บริสุทธิ์ ยิ่งๆ ขึ้นไปนะ
เพื่อสันติสุขอันไพบูลย์จักได้เกิดขึ้นจาก น้ำใจ และน้ำมือของเราทุกคน
อนุโมทนากับทุกคนทุกความเห็น ณ ที่นี้
ด้วยจิตคารวะในน้ำใจเยี่ยงพระบรมโพธิสัตว์ทุกดวง....
#21
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 11:05 PM
ที่กล่าวว่า "พระพุทธเจ้ามีมากกว่าเมล็ดทรายในท้องมหาสมุทร ทั้ง 4"
หมายถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวที่เราทั้งหลายรู้จัก แต่เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือ หมายถึง มีพระพุทธเจ้า องค์ที่ 1 , พระพุทธเจ้า องค์ที่ 2 , ที่ 3 คะ
แล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กับพระพุทธเจ้า ที่กล่าวกันนี่ หมายถึงพระองค์เดียวกันหรือเปล่าคะ
รบกวนขอความกระจ่างด้วยนะคะ ไม่มีพื้นฐานเรื่องนี้เลยค่ะ ยิ่งอ่าน เลยยิ่ง งง
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#22
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 11:12 PM
หมายถึง พระพุทธเจ้าตั้งแต่พระองค์แรกจนถึงพระสิทธัตถะซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันครับ
พระพุทธเจ้ามี 2 ประเภทเท่านั้นครับ คือ
1.พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมายถึงพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แล้วทรงมีเมตตาโปรดสรรพสัตว์
2.พระปัจเจกพุทธเจ้า หมายถึงพระพุทธเจ้าที่ไม่ทรงโปรดสรรพสัตว์ครับ
#23
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 11:25 PM
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#24
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 11:36 PM
นานมากจนหลักฐานเหล่านั้นสูญสลายไปหมดแล้ว
พระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนนี่นานยิ่งกว่านั้นเยอะแยะมากมายเลยล่ะครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นเวลากี่อสงไขย
นานกว่าพุทธศักราชแน่นอนครับเพราะ พุทธศักราชนี่เริ่มนับตั้งแต่พระสิทธัตถะเข้าสู่ปรินิพพานครับ
หาได้จากพระไตรปิฎกมีบันทึกไว้ครับ
แต่ผมไม่ทราบแน่ชัดว่าอยู่ในบทไหน
แต่ผมก็เคยอ่านหนังสือของวัดที่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ
#25
โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 11:56 PM
ที่สำคัญท่านต้นจะได้ สั่งสมบุญจากการให้ความรู้เป็นวิทยาทานด้วยไงคะ เมื่อตั้งใจไว้ดีแล้ว ก็เริ่มสั่งสมบุญบารมีตั้งแต่นาทีนี้เลยนะคะท่านต้น
ขออนุโมทนา สา...ธุด้วยค่ะ
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#26
โพสต์เมื่อ 29 July 2006 - 12:08 AM
สาธุครับ
#27
โพสต์เมื่อ 29 July 2006 - 12:24 AM
จะหาข้อมูลได้ที่ไหนล่ะครับ
#28
โพสต์เมื่อ 29 July 2006 - 12:35 AM
มีหลายเวบไซท์ให้ศึกษานะครับ เช่น
http://www.84000.org/
http://dhammathai.or...ddha/buddha.php
หรือจากตัวอย่างแฟ้มที่แนบมา ครับ
ป.ล. ส่วนหนังสือที่น่าสนใจ คือตามที่คุณTanay007 แนะนำไว้
ไฟล์แนบ
#29
โพสต์เมื่อ 29 July 2006 - 02:31 AM
#30
โพสต์เมื่อ 29 July 2006 - 12:58 PM
ลองศึกษาพุทธประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระชาติแรกพระองค์เป็นมาณพหนุ่ม ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคจากภัยธรรมชาติ เพื่อให้ตนและมารดาในชาตินั้นรอดจากการจมน้ำในมหาสมุทร เกิดจิตปรารถนาอันแรงกล้าที่จะพ้นจากภัยในวัฏฏะสงสารและนำพาสรรพสัตว์ทั้งหมดข้ามห้วงโอฆะไปสู่ฝั่งพระนิพพาน สรุปคือเป็นบุคคลผู้มีใจใหญ่นั่นเอง
3.การที่ผมอธิษฐานว่า "ให้ได้บริจาคทานมากที่สุดเท่าที่มนุษย์จะบริจาคได้" จะส่งผลเช่นไร ผมจะได้บริจาคทานในระดับนั้นได้จริงหรือ
4.การที่ผมอธิษฐานว่า "ให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าผู้มีบารมีสูงสุด" ถ้าบุญแรงพอจะส่งผลเช่นไร ถ้าบุญแรงไม่พอจะส่งผลเช่นไร
5.การที่ผมอธิษฐานว่า "สามารถ 'โปรด' พญามารได้(แม้มันจะเป็นไปไม่ได้)" จะส่งผลเช่นไร ถ้าเป็นไปได้บุญจะส่งผลอย่างไร ต้องทำบุญกับพระสงฆ์เนื้อนาบุญเป็นจำนวน'กี่ครั้ง' ผลบุญถึงจะแรงพอที่ให้เป็นไปได้ หรือจะต้องทำบุญใหญ่ 'บุญไหน?' หรือบุญใหญ่ขนาดไหน? กี่ครั้งถึงจะแรงพอ
อธิษฐานล้อมกรอบเพื่อกันความผิดพลาดแบบที่คุณหัดฝันแนะนำ น่าจะดีครับ สา...ธุ
แก้ไข พระปัญญาธิกะพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมี 20อสงไขยแสนมหากัป สำหรับพระศรัทธาธิกะพุทธเจ้า 40อสงไขยแสนมหากัป