ทุกข์ใจคับ
#1
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 07:30 AM
อนุโมทนาบุญ 1000 บาท ซึ่งที่บ้านของผมไม่ชอบวัดพระธรรมกายมาก ทำยังไงที่บ้านก็ไม่เชื่อ แม่ของผมก็ว่าผมอกตัญญู
บอกว่าผมเนรคุณ น้าสาวของผมก็บอกว่าผมโดนหลอกเงิน ผมเคยทำบุญที่วัด มีค่ายาพระสงฆ์ ทำบุญวิหาร ซึ่งผมทำแล้วก็มี
ความสบายใจที่ได้ทำบุญ แต่แล้วผมกลับโดนไล่ออกจากบ้านครับ ที่บ้านของผมทิ้งหนังสือทางวัดไปหมด วันที่ผมโดนไล่
ออกจากบ้านนี้ผมเสียใจมากๆครับ เสียใจที่ว่าเราทำผิดหรือ เราไม่ได้ไปทำตัวให้เสื่อมเสียนะ แม่ของผมให้ผมไปเก็บเสื้อผ้า
ออกไปจากบ้านบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ส่วนน้าก็พูดเสริมว่าทางวัดเป็นวัดธุรกิจมีแต่คนรวยไปทำบุญ บอกว่าผมโดน
หลอกเงินบอกว่าผมโง่ น้าก็บอกว่าเคยเห็นคนทำงานทั้งอาทิตย์เหนื่อยแทบตาย พอวันหยุดดันเอาเงินไปทำบุญซะหมด
แล้วจะทำงานทำไม ผมบอกน้าว่าเขาทำบุญนะไม่ได้ทำบาปแล้วเป็นความสุขทางใจของเขาด้วย น้าผมบอกผมโง่มาก
แม่ก็ด่าผมเสียหาย แม่บอกว่าต่อไปห้ามเปิดฟังพระเทศอีก วันที่ผมโดนไล่ออกจากบ้านนี้ผมไม่รู้จะไปไหนเลยครับ ผมเดินไป
เรื่อยๆแต่สุดท้ายผมก็กลับบ้านตอนดึกโดยไม่ได้คุยกลับใคร แม่ก็ไม่ได้คุยกับผม หนังสือพระทางวัดในห้องผมก็โดนทิ้งไปหมด
แล้วคับ ผมทำยังไงดี * หมายเหตุ ผมยังเรียนไม่จบนะครับ เรียนปี3 มหาล้ย
#2
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 07:51 AM
เพราะบางกรณี ถึงตอบโต้และชี้แจงไป มันไม่เกินผลดี กับเราเลย แต่กับกลายเป้นว่า เราไปโต้แย้งเขา
ทำให้เขาโกรธและโมโหได้อีก ก็เวลาเขาพูดอะไร ก็ให้เฉยๆ วางอุเบกขา ถ้าอยากมาวัด ก็มา แต่ถ้าช่วงนี้มาแล้วแล้วโดนว่า
ก็หยุดสักพัก นั่งสมาธิที่บ้านก็ได้ รอให้ สภาวะมันดีขึ้นกว่านี้ ส่วนการทำบุญ ก็ทำตามที่ใจต้องการเหมือนเดิม
แต่ก้ต้องดูว่าเงินที่เราเอามาทำบุญมาจากไหน อย่าให้ทางบ้านมาว่าเราได้ ลองคิดดูว่ามันอาจจเป้ฯภาพในอดีตที่เราเคยห้ามคนไม่ให้ไปทำบุญ ก็อาจจะได้ครับ เรื่องแบบนี้ต้องค่อยๆเป้นค่อยๆ ไป
มันลำบากใจ แต่ก็ต้องนิ่งเฉยไว้ ทำตัวเป็นลูกที่ดีก่อน อย่าไปเถียง ทำให้เขาเห็นว่าวัดสอนให้เราเป้นคนดี
สักวันเขาก็จะเห็นตรงนั้นเอง เป็นกำลังใจให้นะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 07:53 AM
#4
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 08:14 AM
#5
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 09:10 AM
เมื่ออยู่บ้านให้สำรวม กาย วาจา ใจ อย่าเอาตนไปรองรับการกระทบกระทั้งเลี่ยงสิ่งทำให้ใจหยาบ นึกถึงบุญที่เราเคยสร้างมานึกแล้วจดเอาไว้จะได้ไม่ลืม และอารธนาบุญบารมีที่เราเคยสร้างสมมานับตั้งแต่ปฐมชาติปฐมกัปที่ได้กำเนิดเกิดเป็นมนุษน์ได้เพศบริสุทธิ์ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย และอารธนาบุญบารมีในปัจจุบันชาติที่ได้ตั้งใจประกอบมหาทานที่ทำด้วยความปลื้มปิติ บุญอันเกิดจากการที่เราติดตามพระเดชพระคุณเจ้าคุณหลวงพ่อ และมหาปูชนี่ยาจารย์สร้างบารมีอย่างใกล้ชิด บุญอันจากการรักษาศีลอันบริสุทธิ์ของเรา บุญอันเกิดจากการเจริญสมาธิภาวนาซึ่งเป็นมหากุศล และบุญอันเกิดจากการที่เราจะตั้งใจทำความดีที่ทำได้ยากแต่จะทำให้มากยิ่งๆๆขึ้นไป จงมาประมวลรวมกันเขาสู่ศูนย์กลางกายกลางใจของเรา ให้นับต่อจากนี้ไปสรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรคสรรพภัยใดๆอย่าได้มารบกวนการสร้างบารมี ขอให้การสร้างบุญบารมีเป็นไปด้วยความสะดวกง่ายดายเป็นผลสำเร็จเสร็จกิจทันใจพระเดชพระคุณเจ้าคุณหลวงพ่อและทำได้มากขึ้นทับทวีเป็นอัศจรรย์ประดุจลมพัดไปในอากาศฉันนั้น
ขอให้มีความสุขกับการสร้างบารมีและมาวัดต่อไปนะครับผม
#6
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 09:17 AM
...ลองดูสิ...
#7
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 09:20 AM
#8
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 09:29 AM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#9
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 09:40 AM
แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่ควรคิด...
คุณได้อะไรจากวัดพระธรรมกายไปบ้าง?
สิ่งที่คุณได้ไปต้องนำไปใช้ในการพัฒนาตนเองให้ทางบ้านเห็นนะครับ
อันดับแรกเลย เริ่มจากสิ่งที่ทางบ้านตำหนิคุณมากที่สุด
ต้องแก้ตรงนั้นก่อน ด้วยสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากวัดพระะธรรมกาย
เมื่อทางบ้านคุณเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของคุณ
ก็จะเป็นโอกาสที่คุณจะได้บอกให้เขาทราบว่า...
คุณเป็นคนใหม่ แก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ได้ด้วยคุณธรรมจากวัดพระธรรมกาย
แล้ววันนั้น ทุกคนจะเข้าใจ
แต่อย่างไรก็ตาม ต้อง "อด" และ "ทน" นะครับ
และอย่าท้อถอยในการสั่งสมบุญบารมี และการทำดี
"ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรือยไป"
ขอให้โชคดี
ถ้าหากข้อคิดเห็นของกระผม
ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใด
เกิดความไม่สบายกายไม่สบายใจ
ขออโหสิกรรมไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
#10
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 09:45 AM
ต้องหาสื่อธรรมะให้ท่านดูทุกวันครับ แต่จะเอาสื่ออะไรดี จานดาวธรรมเลิกคิดไปเลยครับ หนังสือก็ต้องทิ้ง เทปก็ไม่ไห้ฟัง
เอ.. งั้นจะเอาอะไรดีนะ...
ใช่แล้ว!! ถ้างั้นเราก็ต้องเป็นตัวแสดงเองซะเลย แสดงสดๆนอกจอเลยครับ ให้คุณรับบทเป็นลูกชายที่แสนดี เรียนก็เก่ง วาจามารยาทงดงามหยดย้อย ช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง ปรนิบัติพ่อแม่บุพการี ทำตัวให้เป็นที่รักที่ซู๊ด.. และก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ ถ้าเข้าถึงธรรมะได้จะดีมาก บทอาจจะยากหน่อย แต่แสดงไปหลายๆเทค เดี๋ยวก็คงชำนาญเองครับ เมื่อเขาได้ดูสื่อธรรมะที่เราเป็นผู้แสดงเองเช่นนี้ สักวันพ่อแม่ น้าของเรา ก็จะพบแสงสว่างที่เราเป็นผู้ให้กับเขาเองครับ
#11
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 09:52 AM
ขอให้ทางบ้านเข้าใจ ในเส้นทางการบารมีของคุณค่ะ
#12
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 09:59 AM
#13
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 10:08 AM
#14
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 10:22 AM
อโหสิกรรมให้ท่านๆ ทุกวันน่ะครับ นั่งสมาธิ สวดมนต์ กลั่นท่านเอาไว้ที่กลางท้อง ทำบ่อยๆ ทุกๆวัน
ไม่ต้องไปพูดอะไรครับ เราก็ทำตัวเหมือนเดิมเวลาอยู่ที่บ้าน อยู่กับครอบครัว แต่อยู่ที่วัดเราก็ตั้งใจทำ
ให้เต็มที่เลย ผมก็ยังทำเช่นนี้อยู่ทุกๆวัน เมื่อถึงเวลา เขาจะเข้าใจเราเอง สู้ๆครับ สู้
#15
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 10:51 AM
#16
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 11:15 AM
"น้ำเชี่ยว อย่าขวางเรือ" หมายความว่า เมื่อน้ำกำลังเชี่ยว แม้เรากำลังจะข้ามฟาก แต่ก็อย่าเพิ่งข้าม เพราะอันตราย ให้รอจนน้ำหยุดเชี่ยว แล้วก็ค่อยข้าม จะปลอดภัยกว่า
เช่นเดียวกัน คนกำลังโกรธ กำลังเข้าใจผิดอย่างหนัก แม้การทำบุญแล้วบอกให้ท่านรู้ จะเป็นสิ่งที่ดีก็ตาม แต่เมื่อท่านโกรธ เข้าใจผิดเรื่องบุญ ก็ยังไม่ควรบอกให้ท่านรู้ ให้ค่อยทำดีเรื่อยๆไป เดี๋ยวท่านก็จะเข้าใจเราเองครับ
#17
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 11:37 AM
#18
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 11:58 AM
เป็นกำลังใจให้น้อง Kwanchai สร้างบารมีต่อไปนะคะ
#19
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 12:19 PM
#20
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 12:54 PM
#21
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 01:06 PM
#22
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 02:25 PM
แต่ก็เป็นเรื่องจริง ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ต้องเอาตัวเรานั่นแหละทำให้ทางบ้านเห็นว่าเราดีขึ้นจากการมาวัด
แล้วความศรัทธาจะค่อยๆ ตามมาภายหลัง
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่รุนแรงอย่างนี้ เคยถามพระอาจารย์ ได้รับคำตอบว่า
มันต้องมีเหตุ คงอาจเป็นเพราะเราเคยห้ามคนทำบุญมาก่อน หรือ ไม่เคยทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับทางบ้านเลย
เมื่อมาเจอผลในชาติปัจจุบันต้องอดทน.......ดิฉันเคยทำอย่างที่คุณสิริปโภแนะนำเลย แต่ใช่ว่าจะได้ผลปุ๊ปปั๊บ
เพราะเราเองก็ใช่ว่าดีพร้อมมาแต่เกิด บางทีก็มีหลุดบ้าง ก็เอาใหม่ ดีบ้าง แย่บ้าง สลับกันไป
แต่ก็อดทน ไม่เถียง และที่สำคัญคืออะไรที่เป็นความดีที่เราทำกับทางวัด แต่ถ้าแม่หรือคนในบ้านรู้แล้วไม่มีประโยชน์
อย่าเพิ่งให้รู้ ไม่ใช่ว่าเราโกหก แต่ยังไม่ถึงเวลาบอกทั้งหมด เวลาและความอดทน ตั้งใจดีของเราจะค่อยๆผ่อน
ความรุนแรงทางความรู้สึกของคุณแม่ได้ค่ะ ขอบอกว่าใช้เวลานะคะ ใจเย็นๆ
Case ดิฉัน ตอนนี้คุณแม่ดีขึ้น 60%แล้ว ใช้เวลา หลายปีค่ะ
เรื่องนี้ต้องใช้บุญมากๆ เพราะการที่เราจะไปโน้มน้าวใครได้ กำลังบุญเราต้องมากกว่าเขา
ขอให้คุณพยายามสั่งสมบุญให้มากๆ ถี่ๆเลยนะคะ ยิ่งนั่งสมาธิได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้บุญเร็วขึ้น
เอาใจช่วยค่ะ
#23
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 03:08 PM
สิ่งที่ขออนุญาตแนะนำนะคะ
1. ตั้งสติ ให้ดีค่ะ อย่าให้ความเศร้าเสียใจ ความโศกความร่ำไรรำพรรณ ความน้อยใจ มาครอบงำมากเกินไป เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอกุศล ที่เกิดขึ้นเพื่อลดทอนบุญบารมีของเรา
2. ข่มใจ : บอกตัวเองซ้ำอีกทีว่า ที่เราบอกตัวเองว่าเรามาทำบุญ ไม่ได้ทำบาป นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วอย่างแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์
3. จงรู้ว่านี่อาจเป็นกรรมเก่าของเรา ที่เราได้เคยกระทำไว้
แต่กำลังเป็นกรรมใหม่(มั้ง)ของแม่และน้า เรายิ่งวางอุเบกขาได้เท่าใด เราก็ได้บารมีมากขึ้น ท่านก็บาปน้อยลง
4. จำคำคุณครูไม่ใหญ่ที่ว่า " ถ้าไม่เหนื่อยยาก จะเอาบารมีมาจากที่ไหน"
จำให้ขึ้นใจ หากยังไม่ขึ้นใจ ก็ท่องไปเลยวันละล้านเที่ยว เมื่อรู้สึกท้อแท้
5. "ระลึกรู้" ว่านี่เป็นอีกหนึ่งบททดสอบของ พญามาร ที่จะอาจจะมาให้ทุกรูปแบบ
6. ตั้งมั่นในการทำความดีต่อไป ตัวอย่างใกล้ตัวก็คุณครูไม่ใหญ่ ที่ไม่หวั่นไหวในสิ่งที่ท่านได้กระทำ
เฉกเช่นพระบรมโพธิสัตย์ในกาลก่อนเป็นต้น
7. นั่งธรรมะให้มากเพื่ออธิษฐานจิต (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอธิษฐานต่อมหาปูชนียจารย์)
และ เพื่อตัดรอนวิบากกรรมให้ตัวเอง และ ตัวท่าน
8. ให้อภัยทาน หากยังให้ธรรมทานไม่ได้
ให้อภัยไปทุกๆ อนุวินาที ให้มันรู้ไปว่าจะหายโกรธไม่ได้ จะหายน้อยใจไม่ได้ จะหายคับแค้นใจไม่ได้
ให้อภัยทานแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
9. ให้วางอุเบกขา หากยังไม่สบโอกาสที่จะให้ธรรมทาน
ใจท่านเป็นเช่นนั้น ก็บาปมากแล้ว หากเรายิ่งไม่ให้อภัยทาน
ไม่ละอารมณ์ที่เป็นอกุศล เราก็จะเป็นอีกคนที่บาปเพิ่มขึ้น เพราะท่านคือบุพการีของเรา
และแล้วทุกอย่างก็เข้าทางของ พญามาร อีกเช่นเดิม
ขอแบ่งบุญที่ดิฉันได้กระทำไว้ดีแล้ว แก่คุณ ขวัญชัย
ขอให้พ้นทุกข์ จากวิบากกรรมวิบากมารวิบากบาปศักดิ์สิทธิ์ โดยเร็วพลันเถิดค่ะ สาธุ
คำสอนของหลวงปู่ค่ะ
หาก สู้ อาจแพ้ หรือ ชนะ
หาก หนี แพ้สถานเดียว
หาก ไม่สู้ และ ไม่หนี ชนะ สถานเดียว
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#24
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 03:19 PM
ขอเป็นกำลังใจให้น้องอีกคนนะคะ
ต้องทำดีให้ท่านเห็น ขยัน อดทน ช่วยงานท่านทุกอย่าง ไม่เถียง ไม่หลบ ค่ะ สิ่งใดที่ท่านไม่ชอบก็ไม่ทำนะค่ะ
อดทนอีกสักนิด เมื่อท่านเห็นเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ท่านก็จะยอมรับเองค่ะ ส่วนการทำบุญก็ทำให้เหมาะให้สมแก่ฐานะ การเงินของเราในขณะนั้น ถ้าไม่มีเงิน เราก็เอาแรงมาช่วยทางวัดก็ได้ ได้บุญเหมือนกัน และที่สำคัญที่สุด น้องต้องหมั่นนั่งสมาธิทุกวันนะคะ แล้วอธิษฐานจิตร ให้ท่านทั้งสองเห็นด้วยกับเราค่ะ อย่าลืมต้องนั่งสมาธิทุกวันนะ
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#25
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 03:23 PM
#26
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 04:02 PM
สู้ สู้ ค่ะ
เป็นคนที่ดีแสนดี ล้านดีให้ท่านเห็น ... เดี๋ยวก็รู้ ใครเป็นใคร
เอาใจช่วยนะคะ
#27
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 04:24 PM
#28
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 04:44 PM
และเคสนี้ ค่อนข้างจะรุนแรง สุดโต่ง อาจจะเป็นเพราะว่ามีประสบการณ์อะไรสักอย่าง
ที่ทำให้เข้าใจผิดอย่างมากกับวัด ว่างๆ ลองแอบสืบๆดูว่า มีอะไรเป็นต้นเหตุไหม
แล้วค่อยๆ หาวิธีแก้ คือต้องแก้แบบ วิน วิน นะครับ อย่าแก้แบบหักหาญ
ขอเอาใจช่วย และเป็นกำลังใจให้ครับ และขอรับประกันว่า หนทางนี้ เป็นหนทางแห่งความสว่างจริงๆ
#29
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 07:16 PM
#30
โพสต์เมื่อ 28 November 2007 - 09:20 PM
ถ้ายังไม่ทราบจาบอกให้
คือ ถ้าเราให้ของคนที่รวยแล้วจะเกิดประโยชน์มั้ยคับ?
และถ้าเราเอาสิ่งของที่มีค่าเพียงเล็กน้อยไปบริจาคให้กับเด็กด้อยโอกาสหละคับ?
อันไหนมีประโยชน์มากกว่ากัน
คำว่าทานหมายถึงการให้สิ่งของแก่คนที่ควรให้ปันนะคับ
นั้นคือความหมายที่แท้จิง
ที่แม่คุณบอกหน่ะถูกแล้วคับ
ที่จิงหน่ะ วัดไม่มีสิทธิ์เรียกร้องนะคับ
ว่าคูณต้องทำเท่านั้นเท่านี้
ถ้าทำแล้วไม่มีมีความสุขก็อย่าทำดีกว่าคับ
บาปเสียป่าวๆ
เอาเงินมาทำสิ่งที่เกิดประโยชน์กว่านั้นดีกว่า
อ่านแล้วช่วยตอบหน่อยนะคับ
ถ้ายังอยู่มาดูกระทู้ตัวเองหนะ