ดีใจอ่ะ...อยากเล่าให้ฟัง
#1
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 11:50 AM
ถ้าเว็บมาสเตอร์เห็นไม่สมควรก็ลบทิ้งได้นะคะ
เรื่องย่อ เราเป็นลูกคนโต มีน้องอีก 4 คน เรามีเรื่องที่ไม่ถูกกับพ่อเรามาตั้งแต่สมัยเราเรียน ม. ต้น เป็นความไม่เข้าใจกันและต่างก็มีทิฏฐิเข้าใส่กัน ปีนึงจะพูดกันนับครั้งได้ ไม่จำเป็นก็แทบจะไม่มองหน้ากัน เราต้องเป็นฝ่ายหลบหน้าตลอดเวลา ประมาณว่าถ้าเขากลับจากข้างนอกมา เราต้องรีบหลบขึ้นชั้นบนของบ้าน ไม่งั้นเขาก็จะด่า ๆ ๆ หาว่าอยู่ขวางหูขวางตา เราก็ไม่อยากมีเรื่อง บางครั้งเราก็นึกน้อยใจอยู่ว่าทำไมเขารักลูกไม่เท่ากัน ทำไมน้องได้อะไรดี ๆ มากมาย แต่เราไม่ได้ ทำไมน้องทำผิดเขาไม่เคยว่า ไม่เคยตักเตือน มีคำพูดดี ๆ จนบางครั้งเหมือนให้ท้าย หลายครั้งที่เรารู้สึกว่าเราทำดี เป็นลูกที่ดี แล้วทำไมเราถึงไม่ได้อะไรดี ๆ บ้างเลย และอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นปัญหาที่ทำให้เราเคยคิดแม้กระทั่งอยากฆ่าตัวตาย แต่ก็รู้สึกกลัว และไม่รู้จะตายวิธีไหนดี ก็เลยไม่ได้ทำซะที
แต่หลังจากที่เราได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมบ่อย ๆ มาวัดบ่อย ๆ ได้ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านพร่ำสอนอยู่ทุกวัน เราก็รู้สึกถึงความรู้สึกตัวเองได้ว่า ใจเราอ่อนนุ่มลงอย่างที่เราเองก็รู้สึกได้ ถึงแม้ว่าบางครั้งก็ยังคงมีความกระด้างในอารมณ์อยู่เหมือนเดิม เราก็ใช้หลักของการแผ่เมตตาไป โดยทุกครั้งเราก็จะขอให้กรรมที่มีกับพ่อของเราถ้าหนักก็ขอให้เบา ถ้าเบาก็ขอให้หาย เวลาทำบุญใหญ่ ๆ เราก็จะใส่ชื่อของเขาบ้าง แต่เราก็ไม่ได้บอกเขา เพราะเขาเองก็ยังไม่เปิดใจเรื่องนี้เท่าไร
จากการที่เราได้ฟังธรรมนั้น อย่างนึงที่เราได้คิดคือ เรื่องของการขออโหสิกรรมกันในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แม่เราเห็นพ่อไม่ถูกกับลูกก็ไม่สบายใจ เราเองก็รู้อยู่ว่าพ่อยังไงเราก็เอาชนะเขาไม่ได้ สิ่งนึงที่เราทำได้ คือ "ยอม"
มันยากมากเลยนะ ที่เราจะต้องยอม ทั้ง ๆ ที่หลายครั้งเราก็รู้ว่าเราไม่ได้ผิด แต่พ่อก็คือพ่อ ใคร ๆ ก็พูดแบบนี้ เราอึดอัดใจมาตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา จนมาเมื่อปีที่แล้ว เราคุยกับแม่แล้วก็ตัดสินใจที่จะขออโหสิกรรมกับเขา.....รู้มั้ยว่ามันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากกกกกกมากกกกสำหรับเรา แต่เราก็คิดว่ามีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะตัดวงจรของ "วิบากกรรม" ที่เรากับเขามีร่วมกัน
เราเลือกวันที่ 5 ธันวาคม ปี่ที่แล้ว ขอขมาเขา ในตอนค่ำ ประมาณ 6 โมงเย็น เขากำลังเตรียมตัวไปงานเลี้ยง ขณะที่เขากำลังนั่งใสถุงเท้าอยู่ เราก็เอาพวงมาลัยที่เตรียมไว้ใส่พาน ชวนน้อง ๆ แล้วก็ไปคุกเข่าตรงหน้าเขา เวลานั้น ความรู้สึกหลายอย่างมันมาประเดประดังกันเข้ามา ก้อนอะไรก็ไม่รู้มาจุกอยู่ที่อก พยายามจะพูดโดยไม่ให้ร้องไห้ แต่ก็ทำไม่ได้ ทุกอย่างมันเร็วมาก พูดได้แค่ว่า "ป๊า หนูขอโทษที่ผ่านมา ขอให้ป๊าอโหสิกรรมให้หนูด้วยนะ" แค่นั้นแหละ น้ำตาทะลักเลย แล้วก็ก้มลงกราบ เขาก็บอกเพียงว่า "เออ ๆ" แล้วก็รีบออกจากบ้านไป
สำหรับเราแล้ว ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ มันเหมือนยกของหนักที่สุดในเวลานั้นออกไปจากใจเลยทีเดียว
แต่หลังจากนั้นก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นแฮปปี้นะ ความตึง ๆ ก็ยังมีอยู่บ้างแต่น้อยลง เข้ามาในบ้านเจอหน้ากันได้บ้าง เรียกกินข้าวก็ยัง เออ ๆ ได้บ้าง แต่เราก็ยังไม่รู้สึกอะไร แค่รู้สึกว่าได้อโหสิกรรมแล้ว อย่ามีเวรกันอีกเลย ขอให้เรามีความสุขกับการได้มีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว และบุญหล่อทองหลวงปู่เราก็ทำเป็นชื่อของพ่อเรา 1 บาทด้วย
เล่าย่อ ๆ มาถึงเมื่อวานนี้ เป็นวันที่เรา......ดีใจ
ดูเหมือนไม่มีอะไรมากเลย แค่ช่วงที่ผ่านมาเราห่างเหินกับเขามาก แต่เมื่อวานนี้เราได้มีช่วงเวลาสั้น ๆ ได้นั่งกินข้าวกับเขาที่โต๊ะอาหารที่บ้าน (ก่อนหน้านี้ไม่เคยเลย ถ้าเรานั่งอยู่เขาจะไม่นั่ง) และได้คุยกันเรื่องที่เราจะเอารถไปซ่อมและเขาก็แนะนำอู่ให้เรา พูดกันดี ๆ ด้วย ไม่ได้เถียงหรือทะเลาะอะไรเลย เป็นเวลาประมาณ 5-10 นาที มันไม่เยอะเลยนะ แต่มันเป็นเวลาที่นานที่สุดที่เรามีโอกาสได้คุยกับเขาเลย ในช่วงเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา ไม่เคยที่จะได้คุยกันเกิน 3 คำในแต่ละครั้ง เดือนนึงบางทีได้คุยกันแค่ครั้งเดียว และไม่เคยที่จะได้นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกัน ช่วงแค่ 5 นาทีที่ได้กินข้าวกัน 2 คนรอบค่ำนั้นเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ เป็นช่วงเวลาที่พิเศษสำหรับเราเลยทีเดียว เราหวังว่าเราจะได้บรรยากาศอย่างนี้ตลอดไป
เราดีใจนะ.....เราดีใจ.....พิมพ์ไปน้ำตาก็ไหลไป :'( ....ก็แค่อยากให้มีใครรับรู้....ไม่กล้าบอกใครอ่ะ....เขิลลลลล
#2
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 12:31 PM
#3
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 12:56 PM
#4
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 01:25 PM
#5
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 01:46 PM
#6
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 01:49 PM
เรารู้ว่าคุณรักพ่อมาก แต่ไม่กล้าแสดงออก ลองทำใจกล้าอีกครั้งนึงซิคะ
ปีนี้ 5/12/08 เอาพานดอกไม้ไปให้พ่อ และบอกพ่อว่า เรารักท่านมากแค่ไหน
ที่บ้านเราเจอหน้าพ่อหรือแม่ เราจะบอกรักท่านทุกครั้งเลย ทำบ่อย ๆ เดี๋ยวท่านก็ชินเองค่ะ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#7
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 01:57 PM
ไฟล์แนบ
#8
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 02:00 PM
#9
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 02:12 PM
#10
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 02:31 PM
#11
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 03:57 PM
#12
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 03:59 PM
เราดีใจนะ.....เราดีใจ.....พิมพ์ไปน้ำตาก็ไหลไป :'( ....ก็แค่อยากให้มีใครรับรู้....ไม่กล้าบอกใครอ่ะ....เขิลลลลล red_smile.gif
ซาบซึ้งมากครับ :'(
#13
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 04:08 PM
เพราะ บางคน ไม่เคยได้้ทำแบบนั้นเลย
และ บางคน ก็ไม่มีโอกาสจะทำได้ อีกต่อไป ด้วย
เพราะคุณพ่อ ไม่อยู่ ให้กราบแล้ว
#14
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 04:25 PM
...
บุญคุณ..แค่ ที่ท่านให้โอกาสเรา ได้กำเนิดเป็นมนุษย์
มีอวัยวะ ร่างกายสมบรูณ์ ก็ท่วมหัว..แล้ว
นี่ยังไม่รวม ที่ท่านหาเลี้ยง ให้การศึกษา ปกป้องอันตราย
อย่างที่ท่านไม่เคยบ่น..นะ
...
ทำเถอะ
กุศลกรรมอันนี้ จะติดตัว ไปตลอดให้ชื่นใจ
เป็น กัปป์ๆๆ ทีเดียว
#15
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 04:33 PM
#16
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 04:55 PM
เรื่องนี้ทำให้เราน้ำตาไหลเหมือนกันนะ
ทำดีแล้ว
สู้นะจ้ะ
#17
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 05:47 PM
#18
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 06:58 PM
ทำดีแล้วค่ะ เพราะท่านเป็นพ่อของเรา
คนอื่นเรายังยอมได้เลย ทำไมพ่อของเราจะยอมไม่ได้
ทำสิ่งที่ดี ไม่ต้องอาย แม้ว่าคุณพ่อจะยังไม่เข้าใจ
แต่สิ่งที่ได้ คือความสบายใจ ของเราเอง
และเราก็จะมีความสุข
สู่ต่อไปนะคะ..
#19
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 07:40 PM
#20
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 11:14 PM
ไฟล์แนบ
#21
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 04:45 AM
#22
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 07:41 AM
อยากได้ อยากมี อยากเป็น แม้กระทั่งอยากเห็นธรรมะมากเกินไป ก็จัดอยู่ในความอยากที่ทำให้ใจหยาบ
#23
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 11:45 AM
#24
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 01:34 PM
#25
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 06:58 PM
ดีใจด้วยและขอเรียนว่า Sunshine กับพ่อก็ไม่ใกล้ชิดสนิทสนมคล้ายๆกันนี่แหละ พ่อจะรักน้องชาย 2 คนและค่อนข้างดุกับเรามากๆ ตอนเด็กๆตีเรามากกว่าน้องชายอีก(คงดื้อมั้ง) แต่ปัจจุบันอายุมากขึ้นความดุลดลงไปตามวัย เราก็พยายามลดทิษฐิและเอาใจใส่ท่านบ่อยๆ ปัจจุบันนี้พ่อเราให้ความเชื่อใจ เกรงใจเรามากกว่าน้องชายอีกสองคนเสียอีก ทำดีกับท่านต่อไปและทำเพิ่มให้มากขึ้น ใจจริงท่านก็รักเราแหละค่ะ ขอบอก ...
#26
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 09:05 AM
หลังจากได้ทำแล้ว ก็จะสามารถทำได้แน่นอนครับ
(ผมก็เคยเป็น) สู้ สู้ สู้ ครับ
#27
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 11:29 AM
อ่านเรื่องราวน่าประทับใจแบบนี้ ชุ่มใจดีครับ
หาโอกาส ชวนท่านให้ได้ทำทาน รักษาศีล และสวดมนต์ นั่งสมาธิ ด้วยกันกับคุณ สิครับ
แล้วสิ่งดีงาม ความปลาบปลื้มใจ จะไหลมาอย่างต่อเนื่องกว่านี้อีกครับ
ส่งแรงใจให้ด้วย เช่นกันครับ
#28
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 11:34 AM
#29
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 12:18 PM
#30
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 01:31 PM
พี่เองได้ดูแลคุณพ่อที่พิการเพราะตัดขาตอนเป็นเบาหวาน และคุณแม่ ที่เป็นอัลไซเมอร์ มากกว่า 10 ปี พี่เองได้อธิษฐานกับหลวงปู่ว่าบุญที่ลูกได้ดูแลท่านทั้งสองและทุกบุญที่ได้ทำกับหลวงปู่ ขอให้บุญจัดสรรให้พี่ได้อัญเชิญผ้าไตรในงานกฐินของหลวงปู่ เชื่อไหม แล้วพี่ก็ได้อัญเชิญจริง ๆ ทั้งที่พี่มีปัจจัยทำบุญไม่มาก ปาฏิหารมีจริง