เพื่อนๆกัลยาณมิตรเว็บนี้มีคัยปราถนาพุทธภูมิบ้างหรอคับ
#1
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 09:12 AM
แล้วพี่ป้าน้าอาปราถนาประเภทไหนหรอคับ (ช่วยตอบหน่อยน้า)
ใน 3 ประเภท
1 ปัญญาธิกะ (ยิ่งด้วยปัญญา)
2ศรัทธาธิกะ (ยิ่งด้วยศรัทธา)
3วิริยาธิกะ (ยิ่งด้วยความเพียร)ส่วนผู้ที่ไม่ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้า ผมอยากทราบว่าก่อนที่ท่านทั้งหลายจะเข้านิพพานพวกท่านปราถนาที่จะได้
ตำแหน่งอะไรหรอคับ เช่น พระปัจเจกพระพุทธเจ้า เป็นพุทธอุปักฐาก เป็นอัครสาวกเลิศด้วยปัญญา เลิศด้วยฤทธิ์ ฯลฯ (ช่วยตอบด้วยน้าครับ)
+o( +o( +o( +o( +o( +o( +o( +o( +o( +o( +o( +o( +o( +o( +o( +o(
#2
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 09:30 AM
#3 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 10:03 AM
พุทธภูมิก็คือ คนที่ปราถนาที่จะบำเพ็ญบารมีเพื่อจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้งง แห่ะๆ
#4
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 10:12 AM
#5
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 10:28 AM
ไปดุสิตด้วยกันนะคะ.... *-*
#6
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 10:33 AM
หากแต่พุทธภูมิฝ่ายบุญภาคโปรดนั้นแบ่งประเภทไว้ตามท่านเจ้าของกระทู้
สำหรับฝ่ายบุญภาคปราบ มีอุดมการณ์ดังที่ กัลฯBB กล่าวไว้ ทั้งยังต้องรื้อวัฏฏะ ซึ่งมีรายละเอียดมากและที่ยากในการอธิบาย เนื่องจากไม่มีอ้างอิงจากพระไตรปิฎก เหมาะสำหรับทำความเข้าใจในระดับเสวนาธรรม
โดยส่วนตัว ก็ปรารถนาเช่นเดียวกับ กัลฯBB
#7 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 11:22 AM
สำหรับผู้รักปักใจในพุทธภูมิไปแล้ว อยากเป็นพระพุทธเจ้าอย่างไม่ถอนถอย และก็อยากสร้างบารมีติดตามหลวงพ่อธัมมชโยไปด้วย ก็สมกันเลยครับ ไม่ขัดกันเลย เพียงแต่เราตั้งความปรารถนาจากการเป็นพระพุทธเจ้าภาคโปรด มาเป็นพระพุทธเจ้าภาคปราบ(พญามาร) ก็จะสุดยอดมากเลยนะครับ เชื่อว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังต้องการลูกๆผู้มีหัวใจพระบรมโพธิสัตว์ดังหัวใจพระพุทธเจ้าอีกมากมายเลยนะครับ เพื่อไปเป็นพระพุทเจ้าเป็นทีมจึงจะปราบมารได้ เราจะเป็นพระพุทธเจ้าในหมู่พระพุทธเจ้า หรือว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้าในเหล่าสาวกล่ะครับ
#8
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 12:48 PM
ถึงจะลำบากแค่ไหน แต่ก็เลือกที่จะช่วยตัวเองและเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ ด้วยการอยู่ช่วยหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย และหมู่คณะแห่งกองทัพธรรมขนทุกชีวิตไปที่สุดแห่งธรรมแล้วล่ะค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 01:18 PM
อยากเป็นพระบรมพุทธเจ้าค่ะ
แบบที่ไม่ต้องถอดกายก่อนขึ้นนิพพาน
ของเลือกเอาภาชนะที่จะใช้สั่งสมบารมีที่ใหญ่ที่สุดเลยค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#10
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 01:43 PM
#11
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 01:48 PM
อันเนื่องจากว่า "การจะไปถึงที่สุดแห่งธรรมนั้น" นับเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเกิดมาในครั้งนี้ ของหมู่คณะเรา
เพราะ ไหนๆ จะต้อง "เวียนเกิดเวียนตาย ในสังสารวัฏ" อย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก็น่าจะให้โอกาสในการเกิดมา ได้ กายมนุษย์ มาสร้างความดี(บารมี) ให้เต็มที่
เพราะเมื่อบารมีของ "พวกเรา" เต็มเปี่ยม
เรายังสามารถ "ช่วย" เพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ให้พ้นจากภัยในวัฏฏะ ได้อีกด้วย
แนวคิดแบบนี้ คือแนวคิดแบบพระโพธิสัตว์ ที่ขนาดของภาชนะที่รองรับบารมี ต้องใหญ่มากๆ เลย
หวังว่า เพื่อนๆ ที่คิดเหมือนจะ จะ "สู้ต่อไป" นะคะ
เพราะ ลูก หลาน คุณยาย จะไม่มีคำว่า " ท้อ -เบื่อ- ยอมแพ้"
ไว้พบกันที่ดุสิตบุรีนะคะ
ว่าแต่ คุณธรรมจักร ยังไม่ตอบเลยว่า "ปาด - ถะ-หนา พุทธภูมิ" หรือเปล่าคะ ?
ถ้ายัง "ตั้งใจตอนนี้ ยังไม่สายนะจ๊ะ"
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "
#12
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 06:20 PM
อุปมาเหมือนกับคนที่ประกอบเหตุไม่ตรงเช่นต้องการได้ข้าวหอมมะลิ แต่ดันไปประกอบเหตุนำมะละกอมาปลูกผลที่ได้ก็ย่อมไม่สามารถได้ข้าวหอมมะลิมาทานนั่นเองครับ แต่ถ้าบุคคลใดรู้ในเหตุทั้งปวงเลือกพันธุ์ข้าวเป็นแม้จะไม่ประสงค์ได้เมล็ดข้าวแต่ถ้าเขาทำเหตุถึง เขาก็จะได้ข้าวหอมมะลิเช่นกันครับ (แม้ไม่อยากได้แต่ถ้ารู้เหตุประกอบเหตุถูกก็ต้องได้อยู่ดี)
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#13
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 06:52 PM
การบรรลุเป็นพระพุทธเจ้านั้นไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยอธิฐานบารมีเพียงอย่างเดียวครับ แต่จะต้องประกอบเหตุให้ถึงผลจึงจะเกิดครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#14
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 08:29 PM
1.ทานบารมี 2.ศีลบารมี 3.เนกขัมบารมี 4.ปัญญาบารมี 5.วิริยะบารมี 6.ขันติบารมี 7.สัจจะบารมี 8.อธิษฐานบารมี 9.เมตตาบารมี 10.อุเบกขาบารมี
ส่วนความเข้มข้น 3 ระดับ คือ
1.บารมี คือ บารมีปกติ แค่เสียทรัพย์ เอาทรัพย์ สมบัติภายนอกเป็นเดิมพัน
2.อุปบารมี คือ บารมีที่เข้มข้นขึ้น โดยเอาเลือดเนื้อ อวัยวะมาเป็นเดิมพัน
3.ปรมัตถบารมี คือ บารมีขั้นอุกฏษ์ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#15
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 09:03 PM
เพราะบารมีอื่นๆ นั้นหากปราศจากปัญญาบารมีกำกับแล้วย่อมมีโอกาสพลาดท่าต่อกิเลสมารได้ทุกเมื่อ
ทั้งนี้เพราะสาเหตุหรือเครื่องผูกให้สัตว์โลกทั้งหลายอยู่ในวัฏฏะก็คือ "อวิชชา" ซึ่งตรงข้ามกับคำว่า "วิชชา"
ดังนั้น การบำเพ็ญบารมีเพื่อโพธิญาณ จึงต้องมุ่งเน้นฆ่ากิเลสในใจของตนเองทุกชาติไปทีเดียว เพราะถ้าเมื่อใดที่กิเลสกำเริบหนักขอให้ทราบเถอะครับว่าขณะนั้นเราได้เสียดวงบุญบารมีให้กับมารเขาไปแล้วครับการเสียท่ามารแบบนี้ทำให้ระยะเวลาของการบำเพ็ญยาวนานนั่นเอง
การไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมในสายวิชชาธรรมกายนั้น ผู้ที่ปรารถนาทุกคนจะต้องมุ่งเข้าให้ถึงอายตนะนิพพานเป็น โดยไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าหรือสาวกก็จะต้องได้กายมหาบุรุษ มีกายเนื้อใสบริสุทธิ์ พ้นจากอำนาจของทุกข์สมุทัย สามารถเข้าอายตนะนิพพานเป็นได้ด้วยการมนุษย์ครับ สำหรับผู้ใดที่จะสามารถทำได้หรือไม่นั้นก็ต้องวัดกันที่กำลังใจว่าจะสามารถอุดช่องโหว่ของใจได้มากแค่ไหน อวิชชา คือความไม่รู้ดับได้มากแค่ไหนนั่นเอง และถ้ายังเกิดมาแล้วระลึกชาติแต่หนหลังยังไม่ได้ก็ยังอีกไกลกับเป้าหมายคือพระนิพพานเป็นมากครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#16
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 09:30 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#17
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 06:52 AM
ยอดปรารถนาในตอนนี้ก็คือ ธรรมกาย และ ดุสิตบุรี ค่ะ
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#18
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 12:09 PM
1. พระพุทธเจ้าภาคปราบเป็นอย่างไร มีหน้าที่อย่างไร อยู่แดนนิพพานแล้วยังต้องตามปราบมารอีกหรือ และปราบอย่างไร
2. พระพุทธเจ้าภาคปราบมีองค์ใดบ้าง ยกตัวอย่างได้ไหม
3. กายมหาบุรุษมีประโยชน์อะไรในการเข้าถึงนิพพาน ไม่ใช่จิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานหรอกหรือ ที่ทำให้ถึงซึ่งนิพพาน
#19
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 12:21 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#20
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 02:50 PM
1. พระพุทธเจ้าภาคปราบเป็นอย่างไร มีหน้าที่อย่างไร อยู่แดนนิพพานแล้วยังต้องตามปราบมารอีกหรือ และปราบอย่างไร
2. พระพุทธเจ้าภาคปราบมีองค์ใดบ้าง ยกตัวอย่างได้ไหม
3. กายมหาบุรุษมีประโยชน์อะไรในการเข้าถึงนิพพาน ไม่ใช่จิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานหรอกหรือ ที่ทำให้ถึงซึ่งนิพพาน
ตอบคุณ wong
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงมีลักษณะพิเศษที่เหมือนกันหมดคือ มีพระปัญญาธิคุณ บริสุทธิคุณ และมหากรุณาธิคุณ ครับ
ถามว่าทุกองค์ทรงทราบหรือไม่ว่ามีมาร
ตอบ ทรงทราบตั้งแต่ก่อนจะตรงออกผนวกแล้วครับ
ทุกพระองค์ต้องการจะปราบกิเลสมารหรือไม่
ตอบ ต้องการปราบครับเพราะถ้าพระองค์ยังมีกิเลสมารอยู่ในจิตก็จะยังไม่ทรงเรียกตนเองว่าเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ
ถามว่ากิเลสมารวัตถุมารโลกกันต์มารภพมาร มีอยู่หรือไม่
ตอบ มีอยู่มานานแล้ว มารคือเหตุแห่งทุกข์ มารคือตัวทำให้สัตว์โลกต้องทุกข์ มารคือเหตุแห่งทุกข์หรือสมุทัย ถ้าเรามาลองศึกษาพุทธประวัติช่วงก่อนจะพุทธปรินิพพานจะพบว่าพระองค์ทรงทราบวิธีการเอาชนะมารที่อยู่นอกตัวไม่ว่าจะเป็นสังขารมาร วัตถุมาร หรือภพมาร (นรก,โลกันต์) สำหรับกิเลสมารในจิตพระองค์ทรงชนะแล้ว พระองค์จึงทรงบอกใบ้กับพระอานนท์ว่า "หากตถาคถนี้เจริญธรรมคือ อิทธิบาท 4 แล้วถ้าตถาคตประสงค์จะมีพระชนต์ชีพตลอดกัปหรือมากกว่าก็ย่อมทำได้" แต่เนื่องจากมารคือกิเลสในใจได้ปิดรู้บังญาณพระอานนท์ซึ่งท่านขณะนั้นยังไม่เป็นพระอรหันต์ จึงคิดไม่ออกถึงคำบอกใบ้ของพระองค์ และการที่พระพุทธเจ้าท่านเทศน์บอกประวัติพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีตก็เพราะทรงต้องการให้คนรุ่นหลังได้ทราบถึงเหลี่ยมของพญามาร (อวิชชา เครื่องผูกสัตว์โลกในติดในวัฏฏะ)
ดังนั้นคำว่าพระพุทธเจ้าภาคปราบ ก็คือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีตนั่นเองครับ
จะปราบได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับกำลังบารมีของแต่ละพระองค์ครับ
เพราะการที่จะเป็นพระพุทธเจ้าภาคปราบโดยสมบูรณ์นั้นทุกพระองค์ก็ต้องผ่านการเป็นภาคโปรดไปในตัวด้วยอยู่แล้วครับ
คำถามที่ว่ากายมหาบุรุษดีอย่างไรในการเข้าถึงธรรม
ตอบว่า การจะได้กายมหาบุรุษไม่ใช่คิดอยากจะได้ก็ได้นะครับ แต่จะต้องประหารกิเลสในตนอย่างเอกอุกษ์ทุกภพ ทุกชาติ ถึงจะได้กายนี้ กายนี้ไม่ได้ด้วยการให้ทานเพื่อหวังอยากจะได้ แต่ได้ด้วยการให้คือกำจัดห่วงคือเครื่องผูกให้สัตว์หลงติดยินดีในภพชาติ กล่าวคือ ไม่ยินดีในมนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ พรหมสมบัติ แต่จะยินดีในการปราบกิเลสในตนมุ่งหวังการหลุดพ้นจากอำนาจกิเลส มีนิพพานคือความดับสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษของกิเลสเป็นที่สุดครับ
สรุปคือ กายมหาบุรุษไม่ใช่สมบัติของคนชั่ว (เป็นกายพระ) จิตที่ชั่วหรือเกลือกกลั้วด้วยกิเลสอย่างหนาแน่นไม่สามารถเข้าถึงกายที่ดีได้ครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#21
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 02:53 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#22 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 03:04 PM
คำตอบอยู่ภายในตัวท่านไง เมื่อท่านปฏิบัติเข้าถึงธรรมอันทรงคุณวิเศษ ท่านจักหมดความลังเลสงสัยในทั้ง 3คำถามเหล่านี้
#23 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 31 December 2005 - 07:33 AM
#24 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 31 December 2005 - 07:33 AM
#25 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 31 December 2005 - 07:33 AM
#26 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 31 December 2005 - 07:35 AM
#27 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 31 December 2005 - 11:45 AM
#28
โพสต์เมื่อ 31 December 2005 - 11:01 PM
ผมเคยได้ยินมาว่า พระพุทธโคดมองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในยุคของเรานี้ เป็นองค์โปรด ไม่ใช่องค์ ปราบ เพราะท่านได้อธิษฐานจิตมา เป็นพระบรมศาสดาที่ยิ่งใหญ่ บำเพ็ญบารมี 10 ทัศมาอย่างยิ่งยวด แสนมหากัป (ไม่ใช่แค่วางผัง พุทธภูมิอย่างเดียวนะ ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างยิ่งยวดด้วย)ซึ่งบารมียังไม่ถึงขั้นปราบมารให้หมดสิ้นไปได้ เพียงโปรดสัตว์ให้รู้ถึงแนวปฏิบัติ (ศีล สมาธิ ปัญญา)ให้พ้นบ่วงพญามารเท่านั้น
#29
โพสต์เมื่อ 01 January 2006 - 02:45 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#30
โพสต์เมื่อ 01 January 2006 - 04:19 PM
ส่วนองค์ปราบ คือองค์ต่อไป
คือพระศรีอาริยเมตไตร ต้องบำเพ็ญบารมี 2 แสนมหากัป ถึงจะบรรลุธรรมได้
- พระศรีอาริยเมตไตร ก็เป็นองค์โปรดนะครับ
- ท่านอยู่ในมหากัปนี้ครับ ต้องบำเพ็ญบารมีอีก 1 ชาติ คือมหาทานบารมี คล้ายๆ พระเวสสันดร ไม่ใช่อีก 2 แสน มหากัปครับ อย่าลืมนะครับ ในภัทร(มหา)กัป นี้มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ พระองค์ปัจจุบันคือพระองค์ที่ 4 ครับ