แย่เลย...รู้สึก แย่มาก ๆ
#1
โพสต์เมื่อ 10 July 2006 - 10:39 PM
มีเรื่องเศร้า ๆ มาเล่า และขอคำแนะนำหน่อยครับ...
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศและวันนี้เกิดเรื่องราวใหญ่โต (กำลังพิมพ์อยู่ พี่เขาก็พูดด่าว่าไปเรื่อย)...กับพี่ที่ทำงาน (อายุ 42) ...ทุกวันก็ต้องเจอกัน ต้องเจอกันอีกกว่า 4 เดือน ทำไมคนเราถึงได้มีมิจฉาทิฏฐิขนาดนี้เนี่ย คุย ๆ กันอยู่เขาก็พูดเรื่องราวของวัดขึ้นมาต่อว่าวัดรุนแรงมาก ต่อว่าหลวงพ่อ ต่อว่าคนไปวัดทุก ๆ คนที่ไปวัด ทำไมเนี่ย??? จะทำอย่างไรดี เขามีความคิดต่อต้านรุนแรงมาก ๆ ๆ ๆ มากจนผมอึ้ง ๆ ๆ ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย...วันนี้ต้องมาเผชิญหน้ากับคนต่อต้านวัดที่รุนแรงขนาดนี้ ผมนี่คงจะไม่เคยเป็นกัลยาณมิตรให้ใครมาก่อนในอดีตชาติ...ความรู้สึกตอนนี้ แย่มาก ๆ พี่เขาเป็นพนักงานบัญชี ผมเป็นวิศวกรคุมงาน แต่ว่าพี่สาวเขาสองคน หลานพี่เขาก็เข้าวัดนะ แต่เขาไม่ชอบพี่สาวและหลานสาวของเขาเลย...พี่เขาไม่ประทับใจเนื่องจากพี่สาวและหลานสาวของเขาพูดถึงวัดอื่นในทางที่ไม่ค่อยดี...(อันนี้ผมก็รู้สึกไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ที่พี่สาวของเขาไปพูดอย่างนั้น) ทำอย่างไรดีเนี่ย ยังต้องเจอพี่เขาอีกไปกว่า 4 เดือน กว่าจะได้กลับเมืองไทย ทำอย่างไรดีเนี่ย??? มีคนไทยอยู่แค่สามคนเอง... ตอนนี้พี่เขาด่าจบแล้ว...ไม่อยากบอกว่าพี่เขาต่อว่าวัดและหลวงพ่อว่าอะไรบ้าง...แต่ตอนนี้ผมนิ่งอย่างเดียวเลย...เฮ้อ...แต่พี่อีกคนที่อยู่ในวง (อายุ 55) เขาวางตัวเฉย ๆ นะ
เฮ้อ...
#2
โพสต์เมื่อ 10 July 2006 - 10:48 PM
ถ้าคุณกล้า คุณพร้อมที่จะบอกให้เค้าฟังคุณอธิบายเกียวกับวัดหรือไม่
ถ้าพร้อมอธิบายแล้วเค้าพร้อมที่จะฟังก็ลองอธิบายดู
ถ้าอธิบายแล้ว เค้ายังไม่พยายามเข้าใจ ยังมีอคติอย่างแรง แล้วกล่าวจ้วงจาบวัด จ้วงจาบหลวงพ่อ คุณก็ปล่อยเลยครับ ไม่ต้องไปอธิบาย หรือ พูดเรื่องวัดกับเค้าอีก เพราะรังแต่จะทำให้เค้าก่อวิบากหนักขึ้น มากขึ้นครับ
แต่ถ้าเค้ามาพูดให้คุณฟัง คุณก็บอกว่า นี่เป็นวัดที่ผมรัก ผมศรัทธา เป็นหลวงพ่อที่ผมรัก ผมศรัทธา พี่อย่าพูดให้ผมรู้สึกไม่ดีกับพี่เลยครับ เพราะคิดว่า คนเรามีสิทธิที่จะเลือกสิ่งที่จะรัก สิ่งที่จะศรัทธาครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 10 July 2006 - 11:08 PM
#4
โพสต์เมื่อ 10 July 2006 - 11:46 PM
#5
โพสต์เมื่อ 10 July 2006 - 11:58 PM
ประเสริฐจริงๆ
ถ้าไม่สามารถอธิบายได้เพราะบางคนไม่ไต้ไม่เข้าใจอย่างเดียว หากพร้อมตั้งป้อมและโจมตีและไม่พยายามเข้าใจด้วย อย่างนี้คุณก็คงต้องขอให้เขาเลิกพูดแล้วละค่ะ ว่าให้เคารพในชีวิตส่วนบุคคลหน่อย ทีคุณยังไม่ก้าวก่ายชีวิตเขาเลย ถ้าเขาไม่คิดจะฟังก็อย่ามาด่าว่า ให้เงียบเสียดีกว่า เดี๋ยวเขาจะบาปเปล่าๆ
น้าจี้
#6
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 01:11 AM
#7
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 07:46 AM
คือประพฤติ ปฎิบัติตนให้เขาเลื่อมใสเราว่า เราเข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อย
แล้ว มีกิจวัตร กิจกรรมที่สง่างาม เป็น ต้นบุญต้นแบบ
ให้กับคนในสังคมได้ ในยามที่สังคมกำลังขาดแคลนคนดี
...................................................................
ผมก็เคยเจอแบบท่านนั่นแหละครับ ผมประกาศตนให้คน
สองหมื่นกว่าคนในองค์กร ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
รับผิดชอบการผลิตไฟฟ้า และทุกวันนี้ผมไปใหนมาใหน
ผมก็แสดงตนอย่างสง่าผ่าเผยว่า
ผมเข้าวัดพระธรรมกายแล้ว ความคิด จิตใจ การกระทำ
ของผมเปลี่ยนไป ในทางที่ดีขึ้นมากๆ
ตอนผมบวช คนด่าหลวงพ่อเสียๆหายๆ ในที่ทำงานผม
ตอนนี้คนที่ด่าหลวงพ่อ ชีวิตตกเป็นทาสสุรา
เป็นหนี้การพนัน อีกทั้งบ้านก็โดนยึด ผมเห็นเขาแล้ว สงสาร ครับ
ผมมีความพยายามจะยิ้มทักทาย อยากจะชวนเขาเหมือนกัน แต่เขาก็มืดสนิท
อย่างนี้ต้องวางอุเบกขาก่อนครับ ผมก็ได้แต่อธิฐานขอให้เขามีแสงสว่างแห่งชีวิต
อันนี้สำคัญ เราอย่าเอาความโกรธ เข้ามาเจือในจิต เด็ดขาด
เพราะการระงับความโกรธนี่ เป็นธรรมพื้นฐาน
เป็นรุกขธรรมเป็นการฝึกจิต ฝึกตน ขั้นพื้นฐาน
ถ้าเราไปโกรธเขาแล้ว เราจะใจไม่ใส นั่งธรรมก็รวมใจยาก
อีกอย่าง ในโอวาทปาฎิโมกข์ เรื่องการไม่เข้าไปว่าร้ายกัน
การไม่เข้าไปล้างผลาญกัน ทั้งกายวาจา และใจ
ไม่ว่าจะเป็นวัดใดๆ ทั้งที่เคยโจมตีหลวงพ่อ หรือไม่
ท่านชวนบอกบุญมาก็ช่วยทำไปทุกๆวัด ครับ แสวงหามิตรภาพ
ด้วยการเสวนาด้วยวาจาสุภาษิต ไม่ใช่ไปยกยอวัดเรามาก จนคนนอกเขาหมั่นใส้
เพราะจริตคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน อันนี้ผมเห็นคนวัดหลายท่านมีอุปนิสัยอย่างนี้
กล่าวคือ ยกย่องชมเชยวัดเรามากๆป แทนที่จะเป็นผลดี
กลับเป็นผลเสีย ผมเคยได้เสวนากับนักปราชญ์ ท่านหนึ่ง
ท่านแนะนำว่าถ้ามีใครเขาโจมตีวัดเราเสียๆ เราก็พูดประโยคเดียวว่า เอ..!!
ผมเคยอ่านหนังสือธรรมนะครับ ว่านักปฎิบัติธรรม เขาจะไม่ติเขา ติเรา
แล้วก็อยู่นิ่งๆ ถ้าเขายังมีโมหะ คือความไม่รู้อยู่ อย่างนี้ก็เฉยๆเสีย ครับ
..........................................................................................
ถ้าท่านมีครอบครัวแล้ว ก้ทำครอบครัวให้เป็นครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกาย
คือ อย่าให้โลภะ โทสะ โมหะ เกิดในครอบครัว ประมาณ ว่า 365 วัน
ในบ้านคือวิมานของเราน่ะ ไม่มีการทะเลาะกัน ถึงแม้จะมีไม่ลงรอยกัน
จงใช้เมตตาธรรม นำธรรมหมวดใดก็ได้ ของพระพุทธองค์ มาใช้
แค่นี้ก็เป็นตัวอย่างให้คนใกล้ตัว เขารู้แล้วว่า เรามาวัดพระธรรมกาย
แล้วมีวัฒนาการทางสังคมดีขึ้น เขาจะได้มา แบบนี้ดีกว่าจะไปอธิบาย
แต่ก็มิได้แปลว่าอธิบายไม่ดี ก็ต้องทำควบคู่กันไปครับ
ปล.อย่าลืมครับ ปฎิบัติตนให้ เขาเห็นว่าเราเข้าวัดแล้วชีวิตเราดีขึ้นอย่างไร ดีกว่าไป โน้มน้าว เขาครับ
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#8
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 09:50 AM
พี่ก็ทำ อภัยทานให้เขาไปเลย ได้บุญด้วย เดี๋ยวเขาก็เลิกไปเองแหละ
ผมก็เคยโดนเหมือนกันอยู่ ๆ โดนด่าซะงั้น ตอนหลังรู้ความจริงของชีวิตมากขึ้น
ก็ให้อภัยทานหมด นึกเสียว่าเขาถูกมาร(กิเลส) ส่งกระแสบาปให้แล้วกัน
#9
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 10:25 AM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#10
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 10:35 AM
เขากำลังอยู่ในอารมณ์รุนแรง ต้องปล่อยเขาไปก่อน รอให้คลาย
ถ้าไปพูดให้เขาฟังตอนนี้ ก็เหมือนเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟ ยิ่งไฟลุกหนักเข้าไปอีก
ทำใจหยุด นิ่ง เฉยๆ ไว้นะคะ
#11
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 10:43 AM
ครับ ถ้าเจอแบบนี้
ก็ต้อง ขันติ และติดศูนย์อย่างเดียวครับ
ถ้ายิ้มออก ยิ้มไปเลยคราบ ...
ถ้าเปรียบ . . . คงไม่มี มนุษย์คนไหนที่จะไปนั่งพูดนั่งด่า กับสิ่งที่ไม่โต้ตอบ
หรือมีปฏิกิริยาตอบกลับมา ได้นานๆ แน่นอนคราบ
แสดงให้เห็นเลยว่า เรามีขันติบารมี และ เขาอาจจะเกิดดวงปัญญามาบ้าง ...
ว่าทำไม ว่าขนาดนี้ ด่าขนาดนี้ ถึงไม่มีการโต้ตอบ หรือ แสดงอาการโกรธให้เห็น
แล้วถ้าสักวันเขาเข้ามาพูดด้วยเหตุผลดี ๆ อารมณ์เย็น ก็ค่อยแนะนำให้เขาเข้ามาพิสูจน์เองกับตัว
พี่วัดเราเลยครับ
อย่าอธิบายมากนะคราบ ให้เขาเข้ามาสัมผัสเอง เพราะว่า ถ้าเราอธิบายมาก เดี่ยวเราจะวนลงไปสู่จุดเดิมของเขา
ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยนะคราบ ... สาธุ ... (อนุโมทนาบุญกับ ความตั้งใจที่ไม่โอนเอียงไปกับคำพูด ของคนที่ยังหลงอยู่ ...)
เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*
ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*
#12
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 11:37 AM
ทำใจให้ใส นั่งสมาธิบ่อยๆ ครับ และทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ไม่สู้ (ด้วยวาจา ด้วยร่างกาย) ไม่หนี ทำความดีเรื่อยไป
ผมว่า พี่คนนี้ไม่ได้เป็นมิจฉาทิฐิแรงเท่าไร หรอกครับ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แล้วที่สำคัญคนแบบนี้นะครับ ถ้าเปลี่ยนใจเขาให้มาเข้าวัดได้ละก็ เขาจะทุ่มเทกับวัดชนิดสุดๆ เลยเหมือนกัน เพราะว่า เขาว่าหลวงพ่อว่าวัดไว้เยอะ ถ้าเคยฟังรายการสู้ต่อไป ก็มีอยู่เหมือนกันที่เป็นเคสคนที่เกลียดวัดมากๆๆๆ แต่มีกัลยาณมิตรที่อดทนมากเหมือนกัน จนเปลี่ยนเขามาเป็นคนวัดได้ แล้วปรากฏว่าเขาทุ่มเททำงานสร้างบารมีสุดๆ ไปเลยคราวนี้
#13
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 01:23 PM
ครั้งหนึ่ง ก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ร้ายแรงถึงขนาดถูกต่อว่ารุนแรง แค่พูดจากระทบกระเทียบ เรียกเราว่า "สาวก..ธรรมกาย" เท่านั้นเอง เราก็ได้แต่ยิ้มตอบ พอเขาจะเริ่มพูดไม่ดีเกี่ยวกับวัดหรือหลวงพ่อ เราก็จะเตือนสติเขาทันทีว่า "พี่คะ ถ้าพี่ไม่ค่อยชอบทำบุญ.. ก็อย่าสร้างบาปเพิ่มอีกเลยนะคะ ตราบใดที่พี่ยังไม่ศึกษาความจริง สิ่งที่พี่กำลังคิดไม่ดี หรือพูดไม่ดี จะเป็นบาปกับตัวพี่เอง" แต่การจะพูดเตือนสติ เราต้องรู้จริตหรือพื้นฐานของคนๆ นั้นด้วยนะคะ พอดีพี่คนนี้เขาเชื่อเรื่องบุญบาป นรกสวรรค์ เราก็เลยเอาเรื่องบุญบาปมาเตือนสติเขา ปรากฎว่า นับแต่นั้นมา เขาไม่กล้าพูดถึงวัดในทางไม่ดีเลยค่ะ พอมีโอกาส เราก็จะเอาสื่อชี้แจงวัด หรือเรื่องราวของคนที่ได้ดีเพราะมาวัดนี้ ให้เขาอ่าน ให้เขาดู แล้วก็คอยดูท่าทีของเขาว่ายังคัดค้านหรือต่อต้านหรือไม่ ตอนนี้ เขายังแบ่งรับแบ่งสู้ (ยังมีทิฐิอยู่) เราก็ไม่เร่งรัด หรือบังคับให้เขาเห็นด้วยกับเรา คุณครูไม่ใหญ่ก็เตือนอยู่เสมอว่า การทำหน้าที่ยอดกัลยาณมิตร เราจะไม่บังคับให้เขาเห็นด้วยกับเรา แต่ให้เขาใช้วิจารณญาณตัดสินด้วยตัวเอง แต่ก่อนอื่น เราต้องทำตัวเองเป็นตัวอย่างให้เขาเห็นก่อนค่ะ ว่าเราเข้าวัดแล้วชีวิตเราดีขึ้นอย่างไร อย่าไปต่อล้อต่อเถียง แสดงอาการหงุดหงิด หรือเศร้าเสียใจ ที่ถูกต่อว่า ...."ยิ้ม" เข้าไว้ อย่างที่ครูไม่ใหญ่บอกล่ะค่ะ แต่ต้องดูจังหวะด้วยนะคะ คนพาลเขามองไม่ออกหรอกค่ะ ว่าเรายิ้มเป็นมิตรให้เขา แต่จะมองว่าเรา "กวนหรือยียวน" เขา
อย่าเพิ่งท้อนะคะ เวลาที่ต้องเจอกันอีก 4 เดือน เราอาจได้หมู่คณะเพิ่มมาอีกหนึ่งคนก็ได้ค่ะ
เวลาทำอะไรพลาด อย่าคิดนำไปก่อน เพราะมารจะเข้าแทรกผัง ให้เราคิดได้เป็นเรื่องเป็นราวทันที ยิ่งคิด ยิ่งมีผลเสียแก่ตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วใจจะตก มารจะแทรกผังสำเร็จใส่ทันที ทำให้เรื่องที่ยังไม่มีอะไร กลับกลายเป็นเรื่องร้ายทันที ยิ่งคิดจะยิ่งเสีย ฉะนั้น เมื่อเกิดเรื่อง ให้เราทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายอย่างเดียว (ขุมทรัพย์จากคุณยาย)
#14
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 02:00 PM
อดทนและวางอุเบกขาค่ะ
คนที่มีมิจฉาทิฐฐิแรงๆ ก็ปล่อยไปก่อนค่ะ
เมื่อเราพร้อม... ธาตุธรรมในตัวเรามากขึ้น
จะรู้เองว่าต้องทำอย่างไรกับเขา
..ตอนนี้ก็จัดการกับตัวเราก่อนนะคะ
#15
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 03:09 PM
2) ที่เราเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี่เพราะเขาว่าร้ายสิ่งที่เรารักและเคารพ หากเราโกรธเราพ่ายแพ้มารแก่แน่แท้
#16
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 04:05 PM
อารมณ์สบาย อารมณ์ดี อ่อนน้อมถ่อมตน มีสังหควัตถุ 4 ต่อเขาเหล่านั้น และสักวัน ท่านผู้นั้นจะทราบซึ้งในความเป็นคนดีมีน้ำใจความจริงใจที่คุณมีให้กับเขาและทุกๆคน
#17
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 05:31 PM
ในวันที่ 22 เมษา 49 ที่ผ่านมาเขาตกลงยอมไปครับ คงตั้งใจไปจับผิด
พอไปเห็นวัด เห็นคนมากมาย เห็นการนั้งสมาธิ เห็นพระที่มาเป็นจำนวนมาก
และพิธีหล่อพระประจำตัว เพื่อนผมที่เคยไม่ชอบก็ลืมไปเลยว่าอยู่ในวัดพระธรรมกาย
ตั้งใจทำบุญนั่งสมาธิ ดูจากสีหน้าเบิกบานมาก อะไรที่เคยว่าวัดเลยลืมหมดเลยครับ..
แต่หลังจากกลับมาที่ทำงานในวันถัดมา เอาอีกแล้วครับแกกลับว่าเหมือนเดิม
ผมละงงจริงๆเลยครับ เดียวก็ชมเดียวก็ว่า ทำให้เพื่อนที่ผมกำลังจะชวนมาอีกกลุ่มหนึ่งได้ยินเลยสับสน
ไปหมดเลยครับ อ้อ ตอนแก่ว่าหน้าแกแดงเหมือนโกรธใครมาเป็นปีๆ ตอนชมว่าดีหน้า
ตาก็ยิ้มแย้มดี ขนาดเคยมายังเป็นได้ขนาดนี้เลยครับ....
#18
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 06:11 PM
ผมละงงจริงๆเลยครับ เดียวก็ชมเดียวก็ว่า ทำให้เพื่อนที่ผมกำลังจะชวนมาอีกกลุ่มหนึ่งได้ยินเลยสับสน
ไปหมดเลยครับ
สงสัยกำลังหารันเวย์ลงแบบสวยๆ น่ะครับ แบบว่า ด่าวัดไปเยอะ จะให้ปรับตัวต่อหน้าคนอื่นทันที เสียเหลี่ยมหมด ลองหารันเวย์ให้เค้าลงแบบไม่หน้าแตกดูก็ดีนะครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#19
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 06:54 PM
#20
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 09:49 PM
แผ่เมตตานะครับ
ต้องอดทน
เคสนี้ยากพอสู้
แต่คุณต้องประเมินว่า คุณพร้อมลุยหรือยัง
ถ้ายัง หมายถึง ใจคุณจะตก ก็วางอุเบกขา จะดีกว่า
ถ้าสู้ ให้สร้างกัลยาณมิตรรอบ ๆ เขาก่อนนะ แล้วค่อยเข้าหาเขา
#21
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 10:01 PM
#22
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 11:31 PM
#23
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 08:50 AM
สื่อ...มีอิทธิพลจริง ๆ
#24
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 11:01 AM
#25
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 12:45 PM
เอาความดีเข้าสู้
เอาความไม่โกรธ สู้ความโกรธ (เราสู้แบบ นิ่งๆ เฉยๆ ไม่ได้หมายถึง ไปโต้เถียงเขาค่ะ)
แผ่เมตตาให้เขาทุกวันๆ
แต่ถ้ารู้สึกไม่ไหวจริงๆ ก็เฉยๆ ทำไม่สนใจเขาไปก่อน
#26
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 04:10 PM
สู้ไม่ถอย ทำดีเรื่อยไป
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#27
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 07:48 PM
คือ ตอนนั้นมันเป็นช่วงซัมเมอร์อ่ะค่ะ ก่อนหน้านั้นเพื่อนหนูก็ได้ไปเที่ยวทางภาคใต้ พอกลับมาเขากลับมาเขาก็ป่วยเลยไปนอนห้องพยาบาล เขาก็บอกว่าเหมือนมีคนมากดเขาให้จมน้ำและพอเขาลืมตาก็กดหนักหลับตาก็หนักขึ้นไปเรื่อยๆเขาเลยวิ่งออกมาค่ะ แล้วครูก็ให้พ่อแม่มารับกลับบ้านค่ะแต่ที่บ้านเขาไม่มีคนอยู่เขาก็ไม่กล้าอยู่คนเดียวเขาเลยไม่ค่อยอยากกลับค่ะ เป็นอย่างนี้ประมาณเกือบ7วันค่ะ แล้ววันนึงก็มีคนมาตั้งศาลพระภูมิที่บ้านเขา ตอนนี้พ่อมาแล้วเดี๋ยวันหลังหนูจะมาเล่าต่อนะคะ
#28
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 11:01 PM
#29
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 12:06 AM
อย่างกรณีเจ้าของกระทู้ ตัวดิฉันเองก็โดน ก็ได้แต่อดทนกับพยายามสั่งสมบุญ ใช้บุญเป็นตัวช่วย^^ แต่สิ่งนึงก่อนที่เราจะแนะนำคนอื่นได้ เราก็ต้องทำตัวเราเป็นแบบอย่างให้เขาเห็นว่า ตั้งแต่เราเข้ามาวัดนี้ เราเปลี่ยนไปในทางที่ดีอย่างไร แต่ยังไงเป็นกำลังใจให้นะค่ะ
สำหรับตัวดิฉันเอง ก็เป็นเรื่องแปลกนะค่ะ เข้าวัดโดยไม่ได้มีกัลยานิมิตร มาแนะนำ เข้าเองและเชื่อในความเป็นจริงทุกอย่างเอง แม้จะยังไม่เข้าถึง ที่บอกเพราะอย่างจะบอกว่าคนเรามีหลายประเภท ยังไงก็อดทนนะค่ะ สู้ต่อไปเป้นกำลังใจให้ เพราะเข้าใจค่ะ(ตกที่นั่งเดียวกัน)
ปล.สิ่งนึงที่อยากจะบอกนะค่ะ คนที่เข้าวัดธรรมกายบางท่าน แล้วไปว่าวัดอื่นอย่างนั้นอย่างนี้ ดิฉันเข้าใจนะค่ะว่าหวังดีต่อวัด แต่ถ้าลองมองอีกด้านนึงเขาก็จามองว่าเราหลงงมงายในวัดจนเกินงาม เราควรทำตัวเป็นกลางมากกว่าแล้วไม่ไปว่าวัดอื่น แต่เปลี่ยนเป็นชักชวนเขามา แล้วให้เขาเห็นด้วยตนเองจะดีกว่าค่ะว่าวัดพระธรรมกายเป็นอย่างไร
#30
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 09:04 AM
ถูกต้องตามหลักโอวาทปาติโมกข์เลยครับ
อนูปวาทโท - การไม่เข้าไปว่าร้ายกัน
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย