เครียด เหงา เศร้า ท้อแท้ หมดกำลังใจ
#1
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 05:55 PM
ถ้าเป็นคนที่ท่านรู้จัก
แต่ละท่านในบอร์ดนี้
จะบอกกับคนรู้จักของท่านยังไงครับ ให้เค้าสบายใจขึ้น
แต่ถ้าบังเอิญ ความโชคร้ายบังเกิด ดันมาเกิดกับตัวเอง
คุณจะคิดให้กำลังใจตัวเองอย่างไรบ้างครับ
แล้วถ้าจะนำเอาหลักธรรม มาใช้ ถ้าเป็นท่าน ท่านจะใช้ธรรมะหมวดหมู่ไหนครับ
ขอแบบใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันเลยนะครับ
ผมเชื่อว่าหลายท่านคงมีประสบการณ์มาบ้าง ไม่มากก็น้อย
ขอบคุณมากครับ
-------------------------------------------------------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#2
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 06:10 PM
ได้ลาภ เสื่อมลาภ
ได้ยศ เสื่อมยศ
ถูกสรรเสริญ ถูกนินทา
มีสุข แล้วก็มีทุกข์
จึงไม่ต้องวิตกกังวลอะไรเลย
เพราะถึงอย่างไร ไม่วันนี้ก็วันไหน
เราก็จะได้รับทั้ง 8 ประการ
เ พี ย ง พ บ พ า น . . . _ เ พื่ อ ผ่ า น ภ พ
Passing by to meet you.
#3
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 06:18 PM
#4
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 06:24 PM
#5
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 07:03 PM
พวกอารมณ์ ท้อใจ เหนื่อยใจ เสียใจ ไม่สบายใจ หมดกำลังใจ จะค่อย ๆ หายไป และมีกำลังใจขึ้นมาเองค่ะ ตัวเราเองเท่านั้นนะค่ะ ที่จะสร้างกำลังใจให้ตัวเองได้
ยังไงเอาใจช่วยนะค่ะ สู้ ๆ
#6
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 07:45 PM
#7
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 07:46 PM
อันนี้ใช้ในชีวิตจริงๆค่ะ และอาจจะหากัลยาณมิตรพูดคุยด้วยอีกแรง
#8
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 07:50 PM
#9
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 08:34 PM
#10
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 09:03 PM
อกหักหรือเปล่าครับ
ด้ายเส้นเดียว .........ไม่เป็นผืนผ้า
อิฐก้อนเดียว .... ไม่เป็นบ้านเรือน
ทำบุญคนเดียว ...ไม่เป็นกัลยาณมิตร
#11
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 09:19 PM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#12
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 09:20 PM
จน...เครียด...กินเหล้า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เครียด...เหงา...เศร้า.... ๆๆๆๆๆๆๆๆ
ก็ลองใช้สังฆวัตถุ๔ดูสิ
#13
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 09:23 PM
เรื่องพระพุทธศาสนาให้เอาอุเบกขาวาง
#14
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 10:09 PM
#15
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 10:46 PM
#16
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 12:44 AM
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#17
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 07:54 AM
2.สำหรับตัวเอง ทุกข์เกิดขึ้นที่จิตย่อมดับลงที่จิตเท่านั้น ที่เคยปฏิบัติมาแล้วนะคะ จะนั่งสมาธิทั้งน้ำตา เอาสติปัญญาพิจารณาจิต(อันนี้เป็นเทคนิคของแต่ละคนเพราะบางท่านอาจไม่ถนัด) พอจิตดิ่งสู่ความสงบ ความทุกข์จะค่อยๆ จางลง ร้องอ๋อ?ทันทีเลยค่ะว่า มรรคข้อ8 คือประตูสู่หนทางดับทุกข์ได้จริงค่ะ จะพยายามศึกษาแนวทางการปฏิบัติบนมรรคที่ถูกต้องค่ะ ทุกวันนี้ใช้หลักธรรมข้อเดียวคือ "สติ ปัญญา ศรัทธา วิริยะ สมาธิ" เพราะว่าเมื่อเราลืมตาก็ต้องทุกข์น้อยลงเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ตนเองเปลี่ยนไปเยอะ(ยังมีกิเลสหนาอยู่แต่พอระงับได้) การปฏิบัติเมื่อเห็นผลประจักษ์แก่ใจตน จะยอมรับและศรัทธาในคำสอนของพระศาสดา ทุกข์ และการดับทุกข์ เป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้จริงๆค่ะ ไม่งั้น ศาสนาพุทธจะอยู่มากว่า 2,000 ปี หรือค่ะ ลืมไปอีกเรื่องค่ะ ทาน และศีล สำคัญมากเช่นกันค่ะ
#18
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 09:10 AM
#19
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 09:18 AM
มันก็อย่างนี้แหละเดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์
เดี๋ยวดีใจเดี๋ยวเสียใจ
อยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชิน
เวลาดีใจก็อย่าลิงโลดใจเกินไป
เวลาทุกข์เสียใจก็อย่าจมอยู่กับมันนานมากนัก
ชีวิตก็เป็นอย่างนี้
#20
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 09:24 AM
ตื่นมาแล้วก็นิ่งๆ ไปนั่งสมาธิ อธิษฐานจิต อาราธนาคุณหลวงปู่ ให้ช่วยลูกด้วย
เดี๋ยวอะไรจะเกิดเดี๋ยวมันก็เกิดเอง อย่ากังวลกับอนาคตให้มากไป ค่อยคิดหาทางแก้ไขโดยไม่เอาอารมณ์ขุ่นมัวเข้าครอบงำตัวเอง อ้อ หาเพื่อนกัลยาณมิตรคุยหน่อยก็จะดีนะคะ เพราะเขานี่แหล่ะ จะ่ช่วยอะไรได้เยอะเลย เช่น วิธีการคิดเพื่อให้ผ่านช่วยเศร้าเหงาเครียดไปได้ค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#21
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 09:54 AM
เคยมีเรื่องเล่า ขำขำ นะคะว่า
เพื่อนคนหนึ่งเห็น เพื่อนนั่งน่าเศร้า จึงเข้าไปถามว่า เป็นอะไร เพื่อนบอก กลุ้มใจ ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง เพื่อนผู้หวังดีก็แนะนำไปเต็มๆเลยค่ะว่า ให้หันหน้าเข้าวัด ปฏิบัติธรรม........................ เพื่อนก็ฟังจนจบ แล้วหันมาถามว่า กลุ้มใจเพราะน้ำท่วมบ้าน เนี่ย เข้าวัดก็แก้ปัญหาน้ำท่วมได้ด้วยเหรอ
ดังนั้น ถ้าถามแบบนี้ ไม่มีคำแนะนำค่ะ กลัวจะเป็นเรื่องน้ำท่วมบ้าน แหะ แหะ หัวเราะได้ยังค๊า
แต่มีคำกล่าวอยู่อย่างหนึ่งนะคะ ที่เอามาใช้กับตัวเองเสมอ และค่อนข้างได้ผลค่ะ
อย่าทุกข์ กับเรื่องที่ยังไม่เกิด ยังมาไม่ถึง เพราะถ้าเราคิดว่า มันอาจจะเกิด แล้วทุกข์ ล่วงหน้า แต่มันไม่เกิด ทุกข์ฟรีค่ะ
ปัญหาทุกอย่าง ถ้ารู้วิธีแก้ไข และ แก้ไขได้ อย่าทุกข์ แก้ไขทันที
ปัญหาทุกอย่าง ถ้ามั่นใจว่า แก้ไขไม่ได้ อย่าทุกข์ ตัดทิ้งไป เริ่มใหม่
ปัญหาทุกอย่าง ถ้ายังไม่รู้วิธี แต่มั่นใจว่าแก้ไขได้ อย่าทุกข์ ค่อยๆคิดหาวิธี แล้วแก้ไข
ขอให้หายทุกข์เร็วๆนะคะ ใจจะได้ใส เตรียมรับบุญใหญ่ จ้า
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#22
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 09:57 AM
...ความยึดมั่น ถือมั่น เป็นเหตุของความทุกข์ทั้งปวง...
นำข้อความของคุณD...ที่ส่งมาทางอีเมล์ให้อ่านค่ะ
1. ทางพุทธจะเน้นมาที่ตัวต้นเหตุ คือ ใจเป็นสำคัญ
2. แต่หากกำลังทางใจไม่พร้อมพอ คือ ใจที่มันจะเผลอไปคิดตามความเคยชินนั้น ก็ให้ใช้อุบายในทางบวก หัดปรับจิตใจให้สมดุลย์
3. นอกจากนี้ในส่วนประกอบภายนอกนั้น ก็ควรมีบุคคลต้นแบบ, บุคคลตัวอย่าง ซึ่ง เป็นบุคคลที่เราให้ความนับถือ เป็นอุทาหรณ์ ของการใช้ชีวิต เป็นแบบอย่างด้วย เป็นการเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกัน ไม่ให้จิตที่จะดึงให้ตกไปตามความเคยชินแง่ลบอย่างเดิมๆ
4. เมื่อได้หมั่นรักษาจิตใจให้ความมั่นคง มีความเป็นปกติ ด้วยอความเป็นปกติของใจนั้นจะเป็นกำลังให้จิตไม่อ่อนไปตามความคิดเชิงลบได้เอง
5. เราอาจใช้ ข้อศีล ตามพระวินัย เป็นเครื่องรักษาใจก็ได้ โดยหลักสำคัญ คือ รักษาศีลไม่ใช่รักษาอย่างผิด ๆ เพราะศีลโดยเนื้อแท้ คือ การรักษาใจเพื่อมีความเป็นปกติมั่นคง
6. เมื่อจิตใจเป็นปกติง่ายขึ้น จุดสำคัญก็คือต้นตอ หัดหมั่นสังเกต ปลุกจิตใจให้มาเท่าทันพฤติกรรมของจิตนั้นแหละที่ไปสร้างเหตุขึ้นมาบั่นทอนความคิด จิตใจและอารมณ์ของมันเอง
7. เรื่องการใช้ชีวิต การแก้ปัญหาภายนอกนั้น ซึ่งเป็นปกติที่จะต้องประสบกันทั้งนั้น ด้วยกำลังสติปัญญานั้นๆ จะทราบจะเห็นทางแก้ปัญหาได้เป็นลำดับเอง
( การแก้ปัญหานั้น ต้องแก้ทั้งภายนอก ภายใน ประกอบกัน หากภายนอกยังแก้ไม่ถูก พฤติกรรมของจิตภายในที่ผิดๆ นั้น ก็อาจจะยังเกิดได้อีกตามความเคยชินเดิมๆนั้นแหละ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะได้แต่ตามก้นมันอย่างเดียว เพราะไม่ทันเหตุมันเสียที เมื่อจิตทันเหตุ มันจะหยุดปรุงแต่งให้เป็นทุกข์ (ทันเหตุทุกข์ภายใน ตัวปรุงจะขาดของมันเอง)
แต่หากไม่ได้แก้ปัญหาภายนอกไปด้วย จิตที่หยุดมันจะค้างเต่อคาที่ปัญหา (เหตุภายนอก) เมื่อเหตุภายในเท่าทัน คือไม่หลงประเด็น อันเป็นส่วนเกิน ให้เกิดเป็นทุกข์ร้อนแก่เจ้าของ ก็ให้ใช้สติปัญญานั้นแหละ มารู้จักวิธีการแก้ปัญหาภายนอก เป็นการการรู้จักจัดระเบียบชีวิตต่อๆไป
จุดสำคัญทั้งหมดนั้น รวมลงที่ สติ)
#23
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 10:48 AM
จากรูป เสมือนท่านมองดูเรา และเหมือนจะบอกเราว่า "นั่งธรรมะนะลูก ขยันนั่งสมาธิ อย่าขี้เกียจ
รักษาใจให้ใสๆ อย่าไปทำบาปกรรมทุกอย่าง อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด
แล้วผลบุญ ผลดีทั้งหลาย ก็จะเกิดกับตัวของลูกเอง ให้ลูกปลอดภัยทั้งในภพนี้และภพหน้า"
ท่านไม่เคยสอนหรือบอกให้ลูกๆว่า
"ให้เครียด ให้เหงา ให้เศร้า ให้ท้อแท้ ให้หมดกำลังใจ" เลยแม้สักครั้งเดียว
มีแต่ "ให้ทำใจให้สบายๆ ให้พร้อมเพรียงกับหมู่คณะ ให้ทำใจให้เบิกบาน อย่าท้อแท้ ให้สร้างกำลังใจขึ้นมา" ทุกๆครั้ง
เป็นลูกท่าน...
อย่าดื้อเลยนะ
#24
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 12:03 PM
คุณจะคิดให้กำลังใจตัวเองอย่างไรบ้างครับ
ต้องคิดว่า"คนโชคร้ายยิ่งกว่าเรายังมีอยู่ เราโชคดีที่ได้มีโอกาสพบพุทธศาสนา นำพาเราแก้ไขสาเหตุได้อย่างถูกหลักวิชา"
ว่าแล้วก็ทำ"ใจหยุด ใจนิ่ง ใจใส"หาคำตอบของที่มาของความโชคร้ายดังกล่าว
มงคลชีวิต ที่ 27 มีความอดทน และ ที่ 35 จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
#25
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 12:59 PM
#26
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 03:09 PM
อะไรคือสาเหตุแห่งทุกข์นั้น
ความทุกข์ที่แบก เพราะใจที่ปล่อยวางไม่ได้หรือเปล่า
#27
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 06:03 PM
ปล่าวครับคุณ IQ0 เหอๆ สบายดีครับ เพียงแต่ว่า
ก็อยากรู้เท่านั้น ว่าถ้าเป็นคนรู้จักคุณคุณจะบอกเค้ายังไง
แล้วถ้าเกิดมีคนเค้ามาอ่านกระทู้นี้ เค้ากำลัง เป็นอย่างนี้พอดี
เค้าจะได้สบายใจยังไงละครับ
โหย เข็มขัดสั้น เลยนะครับ ถามอย่างงี้ ฮ่าๆ
---------------------------------------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#28
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 06:41 PM
ยังไม่เคยบอกเพื่อนอย่างนี้สักทีเลยค่ะเพราะว่าก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าเค้าจะเชื่อเราใหมน้าว่าชีวิตใจโลกมนุษย์อ่ะสั้นนิดเดียว
#29
โพสต์เมื่อ 25 August 2006 - 03:45 PM
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#30
โพสต์เมื่อ 25 August 2006 - 06:29 PM
เข็มขัดสั้น ก็คือ คาดไม่ถึงไงครับ อิอิ
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.