เรื่องของการเวียนเทียนรับเหรียญปราบมาร
#1
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 11:21 AM
#2
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 11:48 AM
#3
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 11:54 AM
ตั้งกระทู้แบบนี้ เพื่ออะไรครับ ผมไม่เห็นประโยชน์ของกระทู้นี้เลย นอกเสียจากทำให้คนสงสัยในความศักดิ์สิทธิ์ของพระรัตนตรัย
และนอกจากนี้ยังอาจจะเป็นการชี้นำให้คราวหน้ามีการเวียนเทียนรับพระของขวัญด้วยในอนาคต เนื่องจาก เวียนเทียนแล้วเหรียญก็ยังอยู่ครบ ไม่หายไปไหน
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#4
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 11:54 AM
ของบุญโตก็หายค่ะ 1 เหรียญ ตามที่หลวงพ่อกล่าวเลยค่ะ...(แต่ไม่ใช่เพราะเวียนไปรับซ้ำค่ะ)
#5
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 12:12 PM
เมื่อวานพาพระอาจารย์ท่านหนึ่งไปส่งที่ตึกสงฆ์ ท่านยังเห็นเหรียญที่ผมได้มาทั้ง2อัน ท่านยังบอกผมว่าบุญเยอะนะ ได้มาตั้ง2เหรียญ ทำให้เมื่อวานขับรถกลับบ้าน ปลื้มปิติมาตลอดทางเลยครับ ^ ^
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#6
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 12:17 PM
#7
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 12:33 PM
#8
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 12:38 PM
แต่ผู้รับเหรียญ จะมีใจใสสะอาดพอที่จะรองรับอานุภาพเหล่านั้นหรือเปล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
พระของขวัญมีอานุภาพเหมือนกันทุกๆเหรียญ แต่ผู้รับของขวัญคงได้รับหรือประสบกับความศักดิ์สิทธิจากของขวัญได้ไม่เท่ากัน
ถ้าทำตามหลักวิชชา รับพระตามที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านบอก ก็คงจะได้เจอหรือรองรับอานุภาพของท่านได้อย่างเต็มที่
ผู้ที่รับซ้ำโดยมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ อย่างน้อยใจเขาก็ไม่ใสเท่ากับคนที่ได้รับมาอย่างถูกต้องตามหลักวิชชา
#9
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 12:55 PM
วันนี้นผมก็รับไป 1 เหร๊ยญ เพราะหลวงพ่อบอกให้รับไปคนละ 1 เหรียญเท่านั้น ผมเป็นอาสาสมัคร ได้เดินเข้าเดินออก สภาฯ หลายครั้ง
พระอาจารย์ท่านก็จะเอาเหรียญให้ผมหลายครั้งเช่นเดียวกัน แต่ผมก็ซื่อสัตย์กับหลวงพ่อ และ ตนเอง จึงบอกท่านไปว่า ได้รับเหรียญมาแล้วครับ
ถึงแม้ในใจ ก็นึกสงสารคนที่ไม่ได้มาที่บ้าน อยากให้เขาได้ไปบ้าง แต่นึกถึงคำหลวงพ่อครับ ว่าอย่างไรก็ต้องว่าตามกัน ถ้าอยากจะไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ ติดตามท่านไปได้ครับ
#10
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 01:00 PM
คุณเคยเข้าวัดเก็บของบุญโตได้รึป่าวค่ะนั่น
#11
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 01:03 PM
ถ้าได้มาโดยไม่ชอบธรรม เหรียญก็จะหายไปโดยชอบธรรม เพราะเหรียญนั้นเป็นของเป็นไม่ใช่ของตาย แต่กรณีนี้ เขาทำแบบนี้ ทำไมเหรียญถึงยังอยู่ ไม่หายไป ซึ่งทำให้บางคนเค้าสงสัยว่า เอ เหรียญนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงรึเปล่าน้อ เพราะเชื่อว่ามีกรณีของผู้ที่เวียนเทียนรับเหรียญอยู่เป็นจำนวนมากแล้วถึงปัจจุบันนี้เหรียญก็ยังอยู่ แต่กับผู้ที่เวียนเทียนรับเหรียญในบางรายแล้วเหรียญหายไปอย่างที่มีคนนำมาเล่าให้ฟังที่วัดนั้นมีเพียงไม่กี่ราย
ถ้าคิดแบบนี้จะเป็นอกุศลต่อตัวเราเองนะครับอย่าคิดแบบนั้นเลย ส่วนถ้าใครยังไม่ได้มารับได้อีกวันที่10ตุลานะครับรุ่นรี้มีครั้งนี้ครั้งเดียวหมดคือหมดที่ผมคำนวนแล้วนะน้าจะได้ประมาณแสนเหรียญ
ความคิดของคุณjoeintraนั้นผมขอนับถือครับขอยกเป็นตัวอย่างเลย
วันนี้นผมก็รับไป 1 เหร๊ยญ เพราะหลวงพ่อบอกให้รับไปคนละ 1 เหรียญเท่านั้น ผมเป็นอาสาสมัคร ได้เดินเข้าเดินออก สภาฯ หลายครั้ง
พระอาจารย์ท่านก็จะเอาเหรียญให้ผมหลายครั้งเช่นเดียวกัน แต่ผมก็ซื่อสัตย์กับหลวงพ่อ และ ตนเอง จึงบอกท่านไปว่า ได้รับเหรียญมาแล้วครับ นี้ถ้าเป็นคนอื่นแล้วคงจะขอไปหลายเหรียญแล้วล่ะครับเป็นตัวอย่างให้น้องๆๆพี่อีกหลายคนเลยขอนับือด้วยใจจริง
คุณบุญโต อยากได้เหรียญมั้ยครับเดี๋ยวให้เหรียญนึ่งเอามั้ยครับถ้าสะดวกที่ใหนว่ามาได้นะ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#12
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 01:17 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#13
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 01:30 PM
พระของขวัญมีไว้เพื่อระลึกนึกถึงบุญที่เราได้มาร่วมงานวันที่ 7 ได้ไปแล้วให้หมั่นตรึกถึงคุณของพระรัตนตรัย คนที่ไม่ศรัทธา ได้เหรียญไปแล้วไม่เห็นคุณค่า ก็เหมือนได้เหรียญโลหะธรรมดา
ทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน ไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไหร่แต่นึกถึง
ช่วงนั้นมีการหล่อพระในวันอาทิตย์ และตอนนั้นเพิ่งเริ่มมีการมอบพระมหาสิริราชธาตุเป็นพระของขวัญ และเริ่มมีการเล่าอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ ทำให้คนตื่นเต้นกันมาก พอถึงตอนหล่อพระ มีหลายคนรีบไปยืนเข้าแถวรอรับพระของขวัญโดยไม่สนใจพิธีหล่อพระ (ทั้งๆที่จริงๆแล้วต้องรอหล่อพระให้เสร็จก่อน) ภาพพิธีกรรมเลยออกมาไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเท่าที่ควร ครูไม่ใหญ่เลยดุออกไมค์เลยว่า ตอนนี้เวลานี้เป็นเวลาหล่อพระ ถ้าไม่ไปหล่อพระให้เสร็จก่อนก็เชิญมารับก้อนหินก้อนกรวดกัน โอ... สะดุ้งกันทั้งสภาเลยค่ะ หลายๆคนคงทราบว่าเวลาท่านดุนี่น่ากลัวขนาดไหน
#14
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 01:36 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#15
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 01:39 PM
เพราะเป็นการขัดเจตนาผู้ให้มีแจ้งแล้วว่า ให้คนละ 1 เหรียญ แล้วยังเป็นการเห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงคนอื่นที่เข้าแถวต่อหล้ง ที่ยังไม่ได้รับสักเหรียญ
การที่รับของที่ได้มาเปล่าๆ โดยไม่ต้องทำงานแลกหรือนำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนใดๆ เลยเนี่ย ก็ไม่น่าจะคิดโลภเลยนะ
เพราะการที่เราได้ของใดๆ มาก็คือด้วยบุญของเรา แต่ที่หลักๆ คือเราได้บุญแล้วด้วยใจที่ใสๆ วัตถุเป็นสิ่งรองลงมาจากความดีที่เรามี
ถึงบางคนที่ยังไม่ได้เหรียญในวันนั้น เขาก็ยังได้บุญซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดแล้ว
เพราะถ้าตัวมีบุญจะได้สิ่งใด บุญก็ยังดึงดูดสมบัติให้มาหาเจ้าของบุญเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องกังวล
ใครที่มาวัดแล้วได้เหรียญไปโดยทำตามกติกา แม้เขาจะศรัทธาวัดหรือยังไม่ศรัทธาก็ตาม เพราะการที่เขาได้มาร่วมงานบุญนี้ แม้ด้วยเจตนาอยากได้แต่เหรียญแต่เขาก็ได้มาร่วมงานอัญเชิญ เขาก็ยังได้บุญกลับไปบ้าง แม้ไม่ได้บุญเต็มที่ ก็ถือว่าเป็นบุญของเขาที่ได้มาวันนั้น
การที่ใครได้เหรียญมากกว่า 1 เหรียญ ไม่ใช่ว่าคนๆ นั้น มีบุญมากกว่า คนที่ได้เหรียญเดียว
แต่สำคัญที่การได้มา นั้นต้องถูกต้อง และได้มาอย่างบริสุทธิ์ จึงจะภูมิใจในตัวเอง
เวลาที่นึกถึงบุญก็จะนึกได้อย่างเต็มภาคภูมิ ว่า ...เออ เรานี่ก็ศิษย์หลวงปู่ มางานบุญด้วยความกตัญญู และเราก็ได้บุญกลับบ้านอย่างมาก มีแต่บุญล้วนๆโดยฝ่ายเดียว นึกแล้วก็ใจใสทุกที จนถึงวันที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย มองดูเหรียญเราก็ระลึกได้ว่าวันนั้นเราเดินท่ามกลางฝนตก ก็ไม่หวั่นไหวเลย นึกอย่างนี้บุญก็ทับทวี
เหรียญปราบมารมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วทุกเหรียญ
แต่ใจของผู้รับเหรียญคิดอย่างไร ...เช่น เด็กเล็กๆจับเพชรมาดูแต่ไม่รู้คุณค่าของเพชร เด็กก็รู้สึกว่านี่คือก้อนวัตถุก้อนนึงเท่านั้น
ใจเป็นสิ่งสำคัญ ........ใจที่ระลึกถึงบุญและนึกไว้ที่ศูนย์กลางกาย จึงจะเชื่อมต่อกับความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญปราบมารได้
#16
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 01:54 PM
ได้รับเหรียญที่วิหารแล้ว 1 เหรียญ
เมื่อมาเก็บของที่สภาแล้วพระอาจารย์ให้อีก 1 เหรียญ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรค่ะ คุณควรจะบอกกับพระอาจารย์ว่า ได้รับจากสภาฯ แล้ว เพราะวัดมีการแบ่งแยกพื้นที่อย่างชัดเจนว่า คนที่อยู่ที่วิหาร จะได้รับจากที่นั่น ส่วนคนที่อยู่ที่สภาจะได้รับจากสภา
อย่างนี้ก็เหมือนการเวียนเทียนนะคะ
ไม่รู้สมาชิกท่านอื่นคิดอย่างนี้หรือเปล่า
เพื่อนๆ ของดิฉันหลายคนก็ได้รับที่วิหารแล้ว เขาไม่เห็นจะมารับที่สภากันอีกคนละเหรียญเลย ทั้งๆ ที่ก็สามารถทำได้ทั้งนั้นค่ะ
#17
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 02:00 PM
#18
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 02:16 PM
#19
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 02:26 PM
ขอบคุณมากค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ บุญโตมีอยู่แล้วค่ะ
เรื่องของบุญโตก็คือว่า บุญโตไปกัน 3 คน (แม่และลูกสาว 2 คน)
ลูกสาว 8 ขวบเป็นอาสาสมัครค่ะ ได้ยินพี่อาสาฯ บอกว่าคนเป็นอาสาสมัครจะได้ทุกคน บุญโตมาเข้าแถวรับเหรียญข้างบน
ตอนแรกบุญโตรับเหรียญเดียว แล้วพระท่านบอกว่าเจ้าตัวเล็ก(11 เดือน)ใส่ชุดขาวได้แล้วยัง ท่านเรียกถอยไปรับ
บุญโตเพิ่งทราบว่าเด็กก็ได้ด้วย แล้วก็ลงบันไดไปรับลูกสาว 8 ขวบที่แผนกอาสาสมัคร ถามว่ารับเหรียญเสร็จแล้วยังคะลูก
ลูกสาวบอกว่ายังเลยค่ะ บุญโตก็เลยเดินสวนทางลงกลับมา (ผิดมหันต์ )
ก็ยื่น 2 เหรียญที่ได้รับมาให้พระท่านดู ว่าขาด 1 คน
ลูกสาวรับมาถืออยู่ดีๆ เหรียญหายไป (ขณะเดินกลับเข้ามาทางสภา จะไปขึ้นรถตู้โดยลงทางลงห้องน้ำ)
ลูกสาวร้องไห้ตกใจ เราก็โมโหด้วย เลยดุไปใหญ่เลยว่า "คนอะไรไม่รู๊ ไม่มีบุญเลย ถือดี ๆ ก็ทำหายได้"
สักพักบุญโตมานั่งคิดได้ ว่าบุญโตคงผิดที่สวนทางขึ้นไป ที่สำคัญแผนกอาสาฯ คงเก็บเหรียญไว้ให้น้องอยู่แล้วเพราะพี่บอกว่าอาสาฯ จะได้ทุกคน(รึปล่าว วันอาทิตย์ลูกสาวไม่สบายเลยไม่ได้ไปทำหน้าที่ ก็เลยไม่ทราบ) การที่บุญโตพาลูกขึ้นไปรับก็เท่ากับว่ารับเกินจำนวนคนมา 1 เหรียญค่ะ ยิ่งฟังครูไม่ใหญ่พูดก็ยิ่งเข้าใจค่ะ
ขอถามนิดนึงค่ะ เหรียญที่เราได้เราควรมอบให้คนอื่นต่อหรือไม่? (คนที่ไม่ได้มางาน แต่อยากได้)
#20
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 02:30 PM
#21
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 02:36 PM
ช่วงนั้นมีการหล่อพระในวันอาทิตย์ และตอนนั้นเพิ่งเริ่มมีการมอบพระมหาสิริราชธาตุเป็นพระของขวัญ และเริ่มมีการเล่าอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ ทำให้คนตื่นเต้นกันมาก พอถึงตอนหล่อพระ มีหลายคนรีบไปยืนเข้าแถวรอรับพระของขวัญโดยไม่สนใจพิธีหล่อพระ (ทั้งๆที่จริงๆแล้วต้องรอหล่อพระให้เสร็จก่อน) ภาพพิธีกรรมเลยออกมาไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเท่าที่ควร ครูไม่ใหญ่เลยดุออกไมค์เลยว่า ตอนนี้เวลานี้เป็นเวลาหล่อพระ ถ้าไม่ไปหล่อพระให้เสร็จก่อนก็เชิญมารับก้อนหินก้อนกรวดกัน โอ... สะดุ้งกันทั้งสภาเลยค่ะ หลายๆคนคงทราบว่าเวลาท่านดุนี่น่ากลัวขนาดไหน
พอคุณ DREAMLOVER พูดออกมาเลยทำให้นึกได้เลยครับ ตอนนั้นก็อยู่ที่สภาด้วย ช่วงนั้นคนมารับพระมหาสิริราชธาตุกันเยอะมาก แบบใครช้าก็อดสำหรับอาทิตย์นั้น ทำให้คนแย่งกันไปเข้าแถวข้างหน้า แต่พอหลวงพ่อ พูดออกไมค์เท่านั้น ทั้งสภาเงียบกริบเลยครับ ประมาณว่า จ๋อย สำนึกผิดกันทั้งสภา ที่ไม่ยอมฟังคำของหลวงพ่อกัน ทั้งๆ ที่ท่านก็บอกแล้วว่าให้หล่อพระเสร็จก่อนค่อยมารับพระ แต่ก็ไม่เชื่อฟังหลวงพ่อกัน
อยากให้สมาชิกใหม่ที่มาในภายหลังได้รับทราบเรื่องราวนี้ด้วย จะได้รู้ว่า คำพูดของหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์และมีอำนาจขนาดไหน ดังนั้นใครที่คิดอยากจะทำอะไรนอกลู่ นอกทาง เวียนเทียนรับเหรียญอะไรประมาณนี้ ถึงแม้เหรียญของท่านจะไม่หาย แต่เหรียญของท่านอาจจะกลายเป็นแค่เหรียญรูปหลวงปู่ธรรมดา ไม่มีอานุภาพอะไรเลยก็ได้ครับ เป็นได้แค่ โลหะธรรมดาแผ่นนึง ครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#22
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 03:38 PM
เปล่าเก็บอ่า เหรียญลอยมาลงในมือผมเองครับ ลอยจากมือพระอาจารย์มาอยู่ในมือผมครับ
การสละสิ่งของที่ได้ชื่อว่ามีความสำคัญต่อเรา หรือสิ่งที่เรารักเราหวงแหน ผมคิดว่าน่าจะถือได้ว่าเป็นมหาทานบารมีอย่างยิ่งยวดนะครับ เพราะเป็นของที่เรามีเพียงชิ้นเดียว และไม่รู้ว่าจะหามาชดเชยได้หรือไม่ ผมเคยอยากเขียนเป็นCase Study ไปถามหลวงพ่อเหมือนกันว่า หากมีคนอื่นมาเห็นเหรียญที่ระลึกที่เรารักและหวงแหนนี้แล้วเอ่ยปากขอเรา ถ้าเราตัดใจให้จะจัดได้ว่าเราได้สร้างมหาทานบารมีอย่างยิ่งยวดหรือไม่
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#23
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 04:56 PM
ขอตัดเอาบางส่วนในคำชี้แจงของป้าหวิน(อุบาสิกา ถวิล (บุญทรง) วัติรางกูล) ซึ่งเป็นบุคคลท่านหนึ่งในยุคบุกเบิกสร้างวัด ที่ได้เขียนไว้ในหนังสือ จากความทรงจำ ตอน กำเนิดวัดพระธรรมกาย มาลง ให้อ่านเตือนสติกัน
...เพราะข้าพเจ้ารู้สึกถึงความยากลำบากของทุกคนที่อยู่ในรุ่นบุกเบิกการสร้างวัดเป็นอย่างดี นอกจากจะต้องเสียสละแรงกาย แรงใจ ความคิด สติปัญญาแล้ว มีทรัพย์สินสิ่งใดที่จะนำมาช่วยกันสร้าง ก็จะพากันเสียสละชนิดทุ่มเท ชนิดหมดตัว ถ้าไม่มีสมบัติเดิม ก็ใช้รายได้ประจำเดือนในอาชีพของตน มาสละให้ เรียกว่าคนรุ่นเก่าเหล่านั้น มีแต่คำว่า "ให้ " เท่านั้นอยู่ในหัวใจ ให้ได้กระทั่งชีวิต
แต่มาในปัจจุบัน ปี ๒๕๓๖ ข้าพเจ้าเห็นคนรุ่นใหม่ของวัดบางคน จำนวนไม่น้อย เข้ามาพบความเป็นอยู่อันสะดวกสบายภายในวัด มาอยู่วัด ขณะที่วัดอยู่ในลักษณะ "พอมีให้ " จึงเกิดนิสัย " อยากเป็นผู้รับ " อยู่อย่างหาประโยชน์ใส่ตน ไม่ใช่อยู่อย่างให้ประโยชน์แก่ส่วนรวม...
ได้อ่านกันแล้ว ก็หวังว่า คนที่พึ่งเข้าวัดใหม่ๆ จะได้รู้ถึงเจตนารมณ์ของครูบาอาจารย์ ตลอดจนหมู่คณะยุคบุกเบิกสร้างวัด ว่าท่านเหล่านั้นสร้างวัดขึ้นมาด้วยเจตนารมณ์อย่างไร มาเป็น "ผู้ให้" ที่ให้ประโยชน์แก่ส่วนรวมกันเถอะนะ อย่าเป็น "ผู้รับ" ที่คอยหาประโยชน์จากวัด ใส่ตนกันเลย
Someday I'm gonna be free.
#24
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 05:29 PM
เป็นสิ่งที่ดีนะครับเพื่อตักความตะหนี่ไม่เสียดายในทรัพย์ที่ได้มาถ้าเป็นของเรามันก็เป็นของเราครับ ยกตัวอย่างผมเคยอธิฐานว่าอยากได้ดวงแก้วแต่ได้มารู้ว่าไม่ใช่ของเราเลยให้คนนู้ไปคนนู้มา เจอ....เพื่อนก็ถวายท่านไปจนตอนนี้หลวงพี่ท่านให้ดวงแก้วมา6 ซ.ม.เลยรู้เลยว่านี้ล่ะดวงแก้วประจำตัวเรา อย่างเช่นคุณเคยเข้าวัดพิมพ์ไว้ประการฉะนั้นแล
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#25
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 05:54 PM
เหรียญทุกเหรียญมีเจ้าของบุญอยู่ อาจจะเป็นไปได้ที่เค้าไม่ได้มารับเองกับมือพระอาจารย์ แต่ว่าเค้ามีบุญที่จะเป็นเจ้าของ
และมีสายบุญกับเรามาในอดีตหรือปัจจุบัน เราก็อาจจะให้เค้าเป็นพระของขวัญด้วยใจของเรา
แต่ว่าคนนั้นต้องมีศรัทธาในหลวงปู่ และเหรียญปราบมารจริงๆนะคะถึงควรจะให้แก่กัน
และเค้าจะรักษาเหรียญไว้ได้ และหากว่าบูชาเป็นก็จะส่งผลอัศจรรย์ให้แก่เค้า
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#26
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 06:48 PM
เมื่อมาเก็บของที่สภาแล้วพระอาจารย์ให้อีก 1 เหรียญ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรค่ะ คุณควรจะบอกกับพระอาจารย์ว่า ได้รับจากสภาฯ แล้ว เพราะวัดมีการแบ่งแยกพื้นที่อย่างชัดเจนว่า คนที่อยู่ที่วิหาร จะได้รับจากที่นั่น ส่วนคนที่อยู่ที่สภาจะได้รับจากสภา
อย่างนี้ก็เหมือนการเวียนเทียนนะคะ
ไม่รู้สมาชิกท่านอื่นคิดอย่างนี้หรือเปล่า
ผมคิดเหมือนกันครับ เพราะตามธรรมดาเหรียญนี้ให้สำหรับผู้มีบุญที่มาร่วมงาน จุดประสงค์หลักก็คือให้เป็นของขวัญเพื่อให้เราตรึกระลึกนึกถึงบุญที่ทำในครั้งนี้ จะได้ไม่ลืมเห็นเหรียญก็นึกถึงบุญออก ส่วนถ้าจะมีความศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นผลพลอยได้มากกว่า แล้วเหรียญที่รับนั้นควรจะเป็น 1 เหรียญต่อ 1 คน เฉพาะผู้ที่มาร่วมงานเท่านั้น แม้เราจะทำบุญพิเศษหรือเป็นอาสาสมัครก็ตาม ผมว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงนั้น ถ้าไปถามหลวงพ่อ ผมก็คิดว่าหลวงพ่อท่านก็น่าจะบอกว่าให้แค่เหรียญเดียว เพราะท่านก็บอกแล้วว่า ไม่ว่าจะทำบุญเท่าไหร่ก็ได้แค่เหรียญเดียว ถ้าใครทำมากก็เป็นสมบัติติดตัวไปในภพเบื้องหน้ามากเท่านั้นเอง
อย่างผมนั้น ที่บ้านผมเค้าไม่เข้าวัดกัน บางคนที่อยากจะมารับเหรียญนั้นก็มาไม่ได้ ผมนี่อยากจะให้คนที่บ้านผมได้รับเหรียญด้วยเหลือเกิน แต่ผมก็เชื่อฟังหลวงพ่อ ที่บอกว่าอย่าเวียนเทียน ถึงแม้ผมจะเป็นอาสาสมัครถือธงริ้วขบวนได้รับเหรียญจากพระอาจารย์ก่อนสาธุชนก็ตาม แต่ผมก็ไม่ตามไปต่อแถวรับเหรียญพร้อมกับสาธุชนอีกในภายหลัง ทั้งที่บางคนเขาก็ทำกัน ซึ่งผมว่าเป็นสิ่งไม่ควร
#27
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 07:02 PM
ขนาดเหรียญพระ เรายังมีความโลภเลย แล้วแบบนี้เรื่องอื่นละครับ เราจะแก้ไขหรือทำอย่างไร
รับองค์เดียวดีกว่าครับ สบายใจและใจใสๆ อะไรที่ถูกและความดี เราสบายใจเสมอครับ
#28
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 07:35 PM
ใช่ค่ะ ดิฉันก็อยุ่ในเหตุการณ์ แล้วก็วิ่งไปต่อแถวด้วย พอหลวงพ่อท่านดุ ก็จ๋อยเลยค่ะ เพราะไม่เคยเห็นหลวงพ่อดุ แบบนั้นมาก่อน แต่ก็ดีค่ะ ทำให้ไม่กล้าทำอะไรประมาณนี้อีกแล้วค่ะ จะเกรง ๆ หลวงพ่อมาก ๆ ค่ะ
#29
โพสต์เมื่อ 12 September 2006 - 02:46 AM
หลาย ๆ ครั้งเข้า เขาก็จะซึมซับเอง โดยการให้เห็นข้อดีข้อเสียของการกระทำดังกล่าว ให้เกิดความละอายและมีความรับผิดชอบต่อตนเอง
แต่หากจะไปกล่าวโทษเด็ดขาดทีเดียวนั้น คงต้องใช้วิจารณญาณเป็นราย ๆ ไป และกลับมาสำรวจทีมเรากันเองอันดับแรกก่อนอ่ะจ้ะ ในความเห็นน้อย ๆ เกล้ากระพ้ม
มีอยู่กรณีกลุ่มหนึ่ง ใส่เสื้อสีเหลือง
มาทั้งกลุ่ม เป็นกลุ่ม อบต. ต่างจังหวัด ซึ่งก็ได้เริ่มศรัทธา ผู้นำบุญก็พามาโดยให้สวมเสื้อสีขาว หากมีราชการบางกลุ่มที่ยังสวมเสื้อสีเหลืองทำงานปกติ วันนัดแน่ะ ก็เลยมากันชุดเหลืองตราพระราชทาน ปัญหาก็มาเกิดตอนที่จะรับพระกัน คนมากเบียดเสียด แย่งกันเพื่อที่จะรีบขึ้นรถกลับ อาสาสมัครของเราก็แจงไปว่า หากไม่ใช่ชุดขาว หลวงพี่จะไม่แจก เท่านั้นล่ะ โวยวายน้อยอกน้อยใจกันยกใหญ่ ฝ่ายนั้นก็อุตส่าห์ถ่อมารอตั้งแต่เข้า นี่ชุดเฉลิมฉลองในหลวงแท้ ๆ ทำไมวัดจึงตั้งแง่ ก็ว่ากันไปโน่นเลย ปัญหาดังกล่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ช่วยกันแจงช่วยกันแก้ไขไป
บางคน มีผู้เฒ่าผู้แก่ เด็กเล็ก หรือคนพิการ เบียดเสียดมารับเหรียญไม่ไหว จึงต้องฝากคนหนุ่มสาวแรงดี วนมารับ นี้ก็เป็นอีกกรณีนึง บางคนเห็นเพื่อนเอามั่ง ทำตามก็ยังมี อย่าลืมว่าน้องใหม่น่ะครับ
อีกเหตุการณ์นึงทุกท่านคงเห็นวันรับเหรียญน่ะครับ ตอนลงบันใด บางที่บางช่วงจะมืด แล้วมีคนหลายประเภทที่ทั้งอ่อนล้า หรือท่านผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ต้องค่อย ๆ ย่องเท้าหยั่งหาบันใด ผมละเสียวจังเลยหากเกิดมีใครสะดุดล้มขึ้นมา แล้วคงได้กองกันเป็นทิวแถว เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากเห็น และเชื่อว่าการจัดการเกี่ยวกับโลจิสติกส์ลืมประเมินเรื่องความปลอดภัยตรงนี้ไป หรืออาจจะเป็นที่แปลนสภาในระยะยาว จะให้สาธุชนเดินทางตรงจนถึงที่จอดรถ แต่ยังไม่เสร็จก็เป็นไปได้ แต่ทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดี ต้องกราบอนุโมทนาบุญร่วมกันครับ สาธุ
#30
โพสต์เมื่อ 12 September 2006 - 06:24 AM