อนุตรธรรม
เริ่มโดย ningdza, Dec 29 2006 08:00 AM
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 29 December 2006 - 08:00 AM
ปัญหาของผมคือได้เข้าวิถิแห่ง อนุตรธรรม! ตามครอบครัว การลงทะเบียนในใบคำขอคนที่แนะนำอ้างว่าใบคำขอนี้
ทำให้เรามีรายชื่ออยู่บนสวรรค์ ผู้รู้ช่วยตอบว่าเป็นความจริงหรือไม่
ทำให้เรามีรายชื่ออยู่บนสวรรค์ ผู้รู้ช่วยตอบว่าเป็นความจริงหรือไม่
#2
โพสต์เมื่อ 29 December 2006 - 10:57 AM
อ๋อ มันไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ ทำตัวสบายๆ ดีกว่า
อ้อ ฟ้าร้างไม่ใช่ผู้รู้นะคะ เรียกว่าผู้มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ดีกว่า
ฟ้าร้างเองก็เคยกรอกชื่อเพื่อให้มีสิทธิ์อยู่บนสวรรค์นะคะ จำไม่ได้แล้วว่าวัดชื่ออะไร แต่เป็นวัดจีนแห่งหนึ่งในจังหวัด นครพนม จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกันว่าเขาให้ทำอะไรบ้าง แต่คลับคล้ายคลับคลาว่า มันจะมีสมุดประจำตัวเราอยู่เล่มหนึ่ง เหมือนสมุดพกงั้นน่ะค่ะ เขาให้กราบเช้ากราบเย็น เอาติดตัวไปไหนต่อไหน (แต่ของฟ้าร้างตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว ไม่ได้สนใจเก็บ) ตอนนั้นฟ้าร้างอยู่ม.ปลาย เพื่อนพาไป ก็ไปตามๆ เขา เขาบอกให้จดชื่อ ก็จดตามเขาไป แบบไม่ได้คิดอะไร เกรงใจเพื่อนมากกว่า เพราะเพื่อนรักชวนเรามา พอเขาจดชื่อเราแล้ว เราก็ต้องไปเข้าพิธีเพื่ออ่านชื่อของเรา แล้วเผากระดาษที่มีชื่อของเรา (เป็นภาษาจีน) นั้น เพื่อส่งไปให้เทพเจ้า มีจุดธูปกี่ดอกๆ แล้วให้เทพเจ้าบันทึกเอาไว้ ว่าเรามีชื่ออยู่บนสวรรค์แล้ว ไม่ว่าเราจะตายตอนไหน ให้มั่นใจได้เลยว่าเราได้ไปเสวยสุขบนสวรรค์แน่ๆ แล้วก็บริจาคเงินให้กับเขาไป ในใจตอนนั้นกลับคิดว่า นั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย แค่จ่ายเงิน 100 บาท แล้วให้เขาอ่านชื่อเราเนี่ยนะ เราจะได้ไปอยู่สวรรค์ non sense!
แล้วเขาก็มีกฎ มีกติกา มีข้อห้ามสารพัด ตอนนั้นฟังแล้ว ก็ไม่รู้สึกอะไร แล้วก็รู้ตัว ณ ตอนนั้นว่า นี่ไม่ใช่วิถีแห่งผู้รู้หรอก ก็บอกไม่ถูกนะคะ ว่าทำไมคิดแบบนั้น ทั้งที่ไม่มีใครสอน แต่อีกใจหนึ่งตอนนั้น กลับรู้สึกสงสารผู้คนที่ไปบันทึกชื่อมากกว่า เขาต้องการที่พึ่งทางใจยึดเหนี่ยว เขาไม่รู้ว่าหนทางแห่งการไปสวรรค์นั้น มันก็ไม่ได้ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง อย่างที่เขาคิด
แล้วยิ่งได้มาดู DMC นะคะ ทำให้เข้าใจเลยว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้นว่ายากแล้ว การพบเจอคำสอนของผู้รู้ยิ่งยากกว่าหลายเท่านัก ศาสนาพุทธ สอนให้คนเชื่อมั่นในความดี เชื่อในกฎแห่งเหตุและผล แล้วมันก็เป็นอะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์ดี สามารถพิสูจน์ได้ ด้วยการหลับตาทำสมาธิ ไปรู้เอง เห็นเอง ไม่ใช่ให้ใครมาจูงจมูกได้เรื่อยเปื่อย
กลับเข้าเรื่องนะคะ หากว่าสวรรค์สามารถไปได้ด้วยการเข้าร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ หรือการบันทึกชื่อของคุณ แล้วหากคุณเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล คุณก็ต้องไปอ่านชื่อให้เทพเจ้าฟังใหม่รึเปล่าคะ หรือว่าต้องเผาสำเนาเอกสารรับรองการเปลี่ยนชื่อ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ส่งไปให้กับเทพเจ้าเพื่อเป็นหลักฐานเอาเก็บเข้าแฟ้ม ตอนตายแล้วจะได้ยืนยันได้ว่านี่ตัวจริงแต่เปลี่ยนชื่อใหม่ เพราะไม่งั้นเทพเจ้าอาจสับสนได้ว่านี่ไม่ใช่คนเดียวกันนะ ฟังๆ ดูแล้วเหมือนการซื้อที่ดินบนโลกมนุษย์ยังไงยังงั้น หากชื่อสะกดผิดแม้เพียงตัวเดียว คุณก็อาจไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ครอบครองได้ แล้วหากเป็นเรื่องจริง คุณก็คงต้องไปบอกให้เขาพิสูจน์ให้คุณเห็น หรือบอกหนทางแห่งการพิสูจน์ให้คุณเอาไปทดลองเองให้ได้ เมื่อคุณพิสูจน์จนได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจับต้องได้แล้ว นั่นแหล่ะค่ะ คุณค่อยเชื่อ
แต่ฟ้าร้างว่า อย่าคิดมากเลยค่ะ จะได้ไปสวรรค์รึเปล่า มันขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วล่ะค่ะ ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมา คุณสะสมความดี หรือความชั่วมามากกว่ากัน แล้วไปวัดกันตอนตาย ตอนลมหายใจ 3 เฮือกสุดท้าย จิตของคุณผูก ไว้กับอะไรนั่นแหล่ะค่ะ คุณก็จะได้ไปตามสิ่งนั้นแน่นอน แม้จะจดชื่อขึ้นสวรรค์ไปแล้ว แต่พฤติกรรมยังสำมะเลเทเมา ยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเขา ฯลฯ แน่นอน ทุกขติเป็นที่ไปค่ะ
โชคดีปีใหม่นะคะ
อ้อ ฟ้าร้างไม่ใช่ผู้รู้นะคะ เรียกว่าผู้มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ดีกว่า
ฟ้าร้างเองก็เคยกรอกชื่อเพื่อให้มีสิทธิ์อยู่บนสวรรค์นะคะ จำไม่ได้แล้วว่าวัดชื่ออะไร แต่เป็นวัดจีนแห่งหนึ่งในจังหวัด นครพนม จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกันว่าเขาให้ทำอะไรบ้าง แต่คลับคล้ายคลับคลาว่า มันจะมีสมุดประจำตัวเราอยู่เล่มหนึ่ง เหมือนสมุดพกงั้นน่ะค่ะ เขาให้กราบเช้ากราบเย็น เอาติดตัวไปไหนต่อไหน (แต่ของฟ้าร้างตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว ไม่ได้สนใจเก็บ) ตอนนั้นฟ้าร้างอยู่ม.ปลาย เพื่อนพาไป ก็ไปตามๆ เขา เขาบอกให้จดชื่อ ก็จดตามเขาไป แบบไม่ได้คิดอะไร เกรงใจเพื่อนมากกว่า เพราะเพื่อนรักชวนเรามา พอเขาจดชื่อเราแล้ว เราก็ต้องไปเข้าพิธีเพื่ออ่านชื่อของเรา แล้วเผากระดาษที่มีชื่อของเรา (เป็นภาษาจีน) นั้น เพื่อส่งไปให้เทพเจ้า มีจุดธูปกี่ดอกๆ แล้วให้เทพเจ้าบันทึกเอาไว้ ว่าเรามีชื่ออยู่บนสวรรค์แล้ว ไม่ว่าเราจะตายตอนไหน ให้มั่นใจได้เลยว่าเราได้ไปเสวยสุขบนสวรรค์แน่ๆ แล้วก็บริจาคเงินให้กับเขาไป ในใจตอนนั้นกลับคิดว่า นั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย แค่จ่ายเงิน 100 บาท แล้วให้เขาอ่านชื่อเราเนี่ยนะ เราจะได้ไปอยู่สวรรค์ non sense!
แล้วเขาก็มีกฎ มีกติกา มีข้อห้ามสารพัด ตอนนั้นฟังแล้ว ก็ไม่รู้สึกอะไร แล้วก็รู้ตัว ณ ตอนนั้นว่า นี่ไม่ใช่วิถีแห่งผู้รู้หรอก ก็บอกไม่ถูกนะคะ ว่าทำไมคิดแบบนั้น ทั้งที่ไม่มีใครสอน แต่อีกใจหนึ่งตอนนั้น กลับรู้สึกสงสารผู้คนที่ไปบันทึกชื่อมากกว่า เขาต้องการที่พึ่งทางใจยึดเหนี่ยว เขาไม่รู้ว่าหนทางแห่งการไปสวรรค์นั้น มันก็ไม่ได้ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง อย่างที่เขาคิด
แล้วยิ่งได้มาดู DMC นะคะ ทำให้เข้าใจเลยว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้นว่ายากแล้ว การพบเจอคำสอนของผู้รู้ยิ่งยากกว่าหลายเท่านัก ศาสนาพุทธ สอนให้คนเชื่อมั่นในความดี เชื่อในกฎแห่งเหตุและผล แล้วมันก็เป็นอะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์ดี สามารถพิสูจน์ได้ ด้วยการหลับตาทำสมาธิ ไปรู้เอง เห็นเอง ไม่ใช่ให้ใครมาจูงจมูกได้เรื่อยเปื่อย
กลับเข้าเรื่องนะคะ หากว่าสวรรค์สามารถไปได้ด้วยการเข้าร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ หรือการบันทึกชื่อของคุณ แล้วหากคุณเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล คุณก็ต้องไปอ่านชื่อให้เทพเจ้าฟังใหม่รึเปล่าคะ หรือว่าต้องเผาสำเนาเอกสารรับรองการเปลี่ยนชื่อ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ส่งไปให้กับเทพเจ้าเพื่อเป็นหลักฐานเอาเก็บเข้าแฟ้ม ตอนตายแล้วจะได้ยืนยันได้ว่านี่ตัวจริงแต่เปลี่ยนชื่อใหม่ เพราะไม่งั้นเทพเจ้าอาจสับสนได้ว่านี่ไม่ใช่คนเดียวกันนะ ฟังๆ ดูแล้วเหมือนการซื้อที่ดินบนโลกมนุษย์ยังไงยังงั้น หากชื่อสะกดผิดแม้เพียงตัวเดียว คุณก็อาจไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ครอบครองได้ แล้วหากเป็นเรื่องจริง คุณก็คงต้องไปบอกให้เขาพิสูจน์ให้คุณเห็น หรือบอกหนทางแห่งการพิสูจน์ให้คุณเอาไปทดลองเองให้ได้ เมื่อคุณพิสูจน์จนได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจับต้องได้แล้ว นั่นแหล่ะค่ะ คุณค่อยเชื่อ
แต่ฟ้าร้างว่า อย่าคิดมากเลยค่ะ จะได้ไปสวรรค์รึเปล่า มันขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วล่ะค่ะ ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมา คุณสะสมความดี หรือความชั่วมามากกว่ากัน แล้วไปวัดกันตอนตาย ตอนลมหายใจ 3 เฮือกสุดท้าย จิตของคุณผูก ไว้กับอะไรนั่นแหล่ะค่ะ คุณก็จะได้ไปตามสิ่งนั้นแน่นอน แม้จะจดชื่อขึ้นสวรรค์ไปแล้ว แต่พฤติกรรมยังสำมะเลเทเมา ยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเขา ฯลฯ แน่นอน ทุกขติเป็นที่ไปค่ะ
โชคดีปีใหม่นะคะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#3
โพสต์เมื่อ 29 December 2006 - 11:41 AM
ปัญหา อยู่ที่ ความเชื่อ
จริงหรือไม่ พิสูจน์ด้วย ปัญญา
จริงหรือไม่ พิสูจน์ด้วย ปัญญา
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#4
โพสต์เมื่อ 29 December 2006 - 04:49 PM
"วิถีอนุตรธรรม" หรือ"อนุตรธรรม" เป็นลัทธิความเชื่อหนึ่งที่มีต้นกำเหนิดมาจากประเทศจีน เมื่อมีการแพร่ลัทธินี้เข้าไปในไต้หวัน จึงทำให้ต่อมาในไต้หวันมีผู้นับถือลัทธินี้กันมากขึ้นและ ในปัจจุบันผู้ที่เข้ามาเผยแผ่ลัทธินี้ในไทยจึงเป็นคนไต้หวันเป็นส่วนใหญ่
ในไต้หวันเองทางส่วนราชการก็ระบุชัดเจนว่าเป็นลัทธิหนึ่งขึ้นมาต่างหาก ไม่ใช่พระพุทธศาสนา และทางพุทธสมาคมจีนไต้หวัน รวมถึงวัดพุทธในไต้หวันทุกแห่งต่างก็เข้าใจว่าลัทธินี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งหรือนิกายย่อยของพระพุทธศาสนา แต่เป็นการนำเอาหลักธรรมคำสอนของห้าศาสนามารวมไว้ด้วยกัน
โดยลัทธินี้มีสิ่งเคารพสูงสุดที่เรียกว่า "พระแม่องค์ธรรม" ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างสรพพสิ่งขึ้นมา(คล้ายแนวคิดเรื่องพระเจ้า) มีการเซ่นไหว้เจ้าแม่กวนอืม พระจี้กง พระศรีอาริเมตไตร(หมีเล้อฝอ) ลัทธินี้เชื่อว่าการที่ไครจะบบรลุธรรมได้้นั้นต้องมีการเปิดจุดทวารตรงกลางหน้าฝากก่อน และได้้มีการอ้างด้วยว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าของเราก็ต้องผ่านการเปิดจุดทวารเหมือนกัน ซึ่งความเชื่อนี้ถือว่าขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน เพราะการบบรลุธรรมในพระพุทธศาสนานั้นอาศัยการปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง ไม่ต้องอาศัยการช่วยเหลือจากสิ่งภายนอก
ส่วนความเชื่อเรื่อง"การลงทะเบียนในใบคำขอคนที่แนะนำอ้างว่าใบคำขอนี้จะทำให้เรามีรายชื่ออยู่บนสวรรค์" นั้นก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดถือเป็นความงมงาม(พระพุทธศาสนาเรียกกิเลสตัวนี้ว่า"ความหลง") ดังนั้นเจ้าของกระทู้ไม่ต้องกังวลใจอะไร เพราะการไปสวรรค์หรือนรก ขึ้นอยู่กับการกระทำกรรมดีกรรมชั่วของตัวเราเอง ไม่ขึ้นอยู่กับการจารึกชื่ออะไรนี้เลย สบายใจได้
ดังนั้นแม้จะเคยเข้าร่วมพิธีนี้ไปแล้วพร้อมครอบครัวก็ไม่ต้องกังวลใจอะไร เพราะจะไม่ส่งผลใดๆต่อชีวิตจริงเลย
สรุป ๑.ลัทธินี้ไม่ใช่พระพุทธศาสนา
๒.ความเชื่อเรื่องลงทะเบียนเขียนชื่อจารึกไว้บนสวรรค์ ก็เป็นความหลงหรือความงมงาม ไม่มีผลจริงในทางพระพุทธศาสนา มันเป็นแค่ความเชื่อ แต่ไม่ใช่ความจริง
ในไต้หวันเองทางส่วนราชการก็ระบุชัดเจนว่าเป็นลัทธิหนึ่งขึ้นมาต่างหาก ไม่ใช่พระพุทธศาสนา และทางพุทธสมาคมจีนไต้หวัน รวมถึงวัดพุทธในไต้หวันทุกแห่งต่างก็เข้าใจว่าลัทธินี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งหรือนิกายย่อยของพระพุทธศาสนา แต่เป็นการนำเอาหลักธรรมคำสอนของห้าศาสนามารวมไว้ด้วยกัน
โดยลัทธินี้มีสิ่งเคารพสูงสุดที่เรียกว่า "พระแม่องค์ธรรม" ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างสรพพสิ่งขึ้นมา(คล้ายแนวคิดเรื่องพระเจ้า) มีการเซ่นไหว้เจ้าแม่กวนอืม พระจี้กง พระศรีอาริเมตไตร(หมีเล้อฝอ) ลัทธินี้เชื่อว่าการที่ไครจะบบรลุธรรมได้้นั้นต้องมีการเปิดจุดทวารตรงกลางหน้าฝากก่อน และได้้มีการอ้างด้วยว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าของเราก็ต้องผ่านการเปิดจุดทวารเหมือนกัน ซึ่งความเชื่อนี้ถือว่าขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน เพราะการบบรลุธรรมในพระพุทธศาสนานั้นอาศัยการปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง ไม่ต้องอาศัยการช่วยเหลือจากสิ่งภายนอก
ส่วนความเชื่อเรื่อง"การลงทะเบียนในใบคำขอคนที่แนะนำอ้างว่าใบคำขอนี้จะทำให้เรามีรายชื่ออยู่บนสวรรค์" นั้นก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดถือเป็นความงมงาม(พระพุทธศาสนาเรียกกิเลสตัวนี้ว่า"ความหลง") ดังนั้นเจ้าของกระทู้ไม่ต้องกังวลใจอะไร เพราะการไปสวรรค์หรือนรก ขึ้นอยู่กับการกระทำกรรมดีกรรมชั่วของตัวเราเอง ไม่ขึ้นอยู่กับการจารึกชื่ออะไรนี้เลย สบายใจได้
ดังนั้นแม้จะเคยเข้าร่วมพิธีนี้ไปแล้วพร้อมครอบครัวก็ไม่ต้องกังวลใจอะไร เพราะจะไม่ส่งผลใดๆต่อชีวิตจริงเลย
สรุป ๑.ลัทธินี้ไม่ใช่พระพุทธศาสนา
๒.ความเชื่อเรื่องลงทะเบียนเขียนชื่อจารึกไว้บนสวรรค์ ก็เป็นความหลงหรือความงมงาม ไม่มีผลจริงในทางพระพุทธศาสนา มันเป็นแค่ความเชื่อ แต่ไม่ใช่ความจริง
....อนุบาลฝันในฝันวิทยา แหล่งความรู้ที่ล้ำหน้ากว่าฮาร์วาร์ด....
#5
โพสต์เมื่อ 01 January 2007 - 03:38 PM
ขอตอบนะครับ คุณเสียอะไรให้กับทางอนุตตรธรรมไปบ้าง แล้วคุณได้อะไรมาบ้าง
ลองทบทวนดู ถ้าคำนวณดูแล้วคุณได้มากกว่าเสียก็ถือว่ากำไร แต่ถ้าเสียมากกว่าได้
ก็ถูกหลอก แหมเราคงพิสูจน์ไม่ได้หรอก เรื่องสวรรค์ นรก นอกเสียจากเราบรรลุธรรมแล้ว
แบบพระโมคลานะ จะได้ไปเที่ยวทั่วทั้งสามภพ แต่ก็นั่นแหละ การทำบุญ สังฆทาน สร้างพระ
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เราขึ้นสวรรค์ ได้ชัวร์ซะเมื่อไหร่ เสียตังค์เยอะด้วย
ไม่รู้จะคุ้มค่ากับที่เสียไปหรือเปล่า ส่วนตัวผมให้พ่อให้แม่ ซื้อสัตว์ไปปล่อย สบายใจกว่า
ลองทบทวนดู ถ้าคำนวณดูแล้วคุณได้มากกว่าเสียก็ถือว่ากำไร แต่ถ้าเสียมากกว่าได้
ก็ถูกหลอก แหมเราคงพิสูจน์ไม่ได้หรอก เรื่องสวรรค์ นรก นอกเสียจากเราบรรลุธรรมแล้ว
แบบพระโมคลานะ จะได้ไปเที่ยวทั่วทั้งสามภพ แต่ก็นั่นแหละ การทำบุญ สังฆทาน สร้างพระ
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เราขึ้นสวรรค์ ได้ชัวร์ซะเมื่อไหร่ เสียตังค์เยอะด้วย
ไม่รู้จะคุ้มค่ากับที่เสียไปหรือเปล่า ส่วนตัวผมให้พ่อให้แม่ ซื้อสัตว์ไปปล่อย สบายใจกว่า
#6
โพสต์เมื่อ 02 January 2007 - 12:48 AM
ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ที่บุคคลนั้นสร้างเอาไว้
ทำกรรมไว้เช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
หากสร้างกรรมดี อันมีผลส่งให้ไปเสวยสุขในโลกสวรรค์ได้ ก็ได้ไปสวรรค์
หรือทำความดีให้เพื่อนมนุษย์ เมื่อตนละโลกแล้ว คนเขายังระลึกถึง เขาก็ทำบุญอุทิศไปให้ บุญก็ช่วยส่งให้
หากไม่ได้ทำกรรมดีไว้ จะได้ไปได้ไง??
ทำกรรมไว้เช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
หากสร้างกรรมดี อันมีผลส่งให้ไปเสวยสุขในโลกสวรรค์ได้ ก็ได้ไปสวรรค์
หรือทำความดีให้เพื่อนมนุษย์ เมื่อตนละโลกแล้ว คนเขายังระลึกถึง เขาก็ทำบุญอุทิศไปให้ บุญก็ช่วยส่งให้
หากไม่ได้ทำกรรมดีไว้ จะได้ไปได้ไง??
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ
#7
โพสต์เมื่อ 02 January 2007 - 11:43 AM
CODE
การทำบุญ สังฆทาน สร้างพระก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เราขึ้นสวรรค์ ได้ชัวร์ซะเมื่อไหร่ เสียตังค์เยอะด้วย
ไม่รู้จะคุ้มค่ากับที่เสียไปหรือเปล่า
ไม่รู้จะคุ้มค่ากับที่เสียไปหรือเปล่า
ขอโอกาสแสดงความเห็นนะครับ
สิ่งที่เรานึกว่า น่าจะเป็นอย่างโน้น คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้ อย่าแน่ใจหรือมั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดนั้นจะถูกต้องเสมอไป
ดังนั้นควรเปิดใจให้กว้าง ให้โอกาสกับตัวเอง ศึกษาคำสอนของผู้ที่หมดกิเลสอาสวะแล้ว คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ได้ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏก แล้วค่อยพิจารณาเรื่อง ที่เกี่ยวกับชีวิตของเราเช่นเรื่อง บุญ บาป
รวมทั้งเรื่องอื่นๆด้วย นะครับ
#8
โพสต์เมื่อ 03 January 2007 - 01:58 PM
ตราบใด ที่มนุษย์ยังไม่รู้จริง (อวิชชา) ตราบนั้น มนุษย์ก็จะยังมีวิธีปฏิบัติแบบอวิชชา เพื่อเข้าถึงบรมสุข ตามความเชื่อของตน อยู่นั่นเอง
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#9
โพสต์เมื่อ 04 January 2007 - 01:30 AM
อนุตตรธรรมคืออะไรไม่รู้แน่ สิ่งเที่ยงแท้คือดับกองทุกข์ได้ ถึงแม้ท่านยึดติดอนุตรธรรมประจำใจ ท่านก็จะติดไปจนตายยากไปเอย
#10
โพสต์เมื่อ 01 June 2008 - 03:45 PM
ผู้ตอบ เหมือนจะรู้ แต่ช่างไม่รู้อะไรเอาซะเลย
สรุปว่าโน่ไม่ดีนี่ไม่ดี ด้วยปัญญาอันสูงส่งของตน
น่าสงสารเสียจริง มนุษย์เอ๋ย
สรุปว่าโน่ไม่ดีนี่ไม่ดี ด้วยปัญญาอันสูงส่งของตน
น่าสงสารเสียจริง มนุษย์เอ๋ย
#11 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 07 October 2011 - 01:26 PM
อนุตรธรรม ไม่ใช่พระพุทธศาสนา ผมขอยืนยัน นอนยันอีกคน ผมเคยเข้าไปฟังแล้ว ปากก็บอกว่านับถือศาสนาพุทธ นับถือพระพุทธเจ้า
แต่ เวลาสวดมนต สวดแต่ภาษาจีน และที่โต๊ะบูชาก็มีแต่รูปเจ้าแม่กวนอิมและ องเทพต่าง เช่น จี้กง ไม่เห็นมีรูปของพระพุทธเจ้าเลย
และเมื่อได้ฟังคำสอน แล้ว ก็ยิ่งไม่เชื่อใหญ่เลย งมงายไม่มีเหตุผลเพียง และ ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เขามีดีอยู่อย่างเดียวคือสอนให้คนเป็นคนดี
และให้คนกินเจ เท่านี้แหละ แต่เขาบอกว่ากินเจ และ ก็รับธรรมแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ และ จี้กงจะช่วยให้นิพพาน (อันนี้ไม่มีทางเป็นไปได้)
ไม่เหมือนศานาพุทธที่สอนแบบ มีเหตุ มีผล และ สามารถสัมผัสได้กับคำสอนผมจะยกต้วอย่างสั้น ๆ เช่น ศาสนพุทธบอกว่า กิเลสเข้าทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ
แล้วลองมาคิดดูมันเป็นจริง ๆ และมีอีกมาย ฯลฯ
และผู้ที่จะสามารถบรรลุธรรมได้นั้น ก็จะต้องมีการลงมือปฏิบัติกรรมฐาน หรือ วิปัสสนากรรมฐานเท่านั้น ถึงจะทำให้กิเลสในใจหมดลงไปได้
และทำให้บรรลุธรรม ตามลำดับได้ (แต่การบรรลุนั้น บางคนได้โสดาบันแล้ว ก็บรรลุอรหันเลยก็มี จะไม่ได้เรียงเสมอไป)
1. โสดาบัน
2. สกิทาคามี
3. อนาคามี
4. อรหันน์
แต่ เวลาสวดมนต สวดแต่ภาษาจีน และที่โต๊ะบูชาก็มีแต่รูปเจ้าแม่กวนอิมและ องเทพต่าง เช่น จี้กง ไม่เห็นมีรูปของพระพุทธเจ้าเลย
และเมื่อได้ฟังคำสอน แล้ว ก็ยิ่งไม่เชื่อใหญ่เลย งมงายไม่มีเหตุผลเพียง และ ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เขามีดีอยู่อย่างเดียวคือสอนให้คนเป็นคนดี
และให้คนกินเจ เท่านี้แหละ แต่เขาบอกว่ากินเจ และ ก็รับธรรมแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ และ จี้กงจะช่วยให้นิพพาน (อันนี้ไม่มีทางเป็นไปได้)
ไม่เหมือนศานาพุทธที่สอนแบบ มีเหตุ มีผล และ สามารถสัมผัสได้กับคำสอนผมจะยกต้วอย่างสั้น ๆ เช่น ศาสนพุทธบอกว่า กิเลสเข้าทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ
แล้วลองมาคิดดูมันเป็นจริง ๆ และมีอีกมาย ฯลฯ
และผู้ที่จะสามารถบรรลุธรรมได้นั้น ก็จะต้องมีการลงมือปฏิบัติกรรมฐาน หรือ วิปัสสนากรรมฐานเท่านั้น ถึงจะทำให้กิเลสในใจหมดลงไปได้
และทำให้บรรลุธรรม ตามลำดับได้ (แต่การบรรลุนั้น บางคนได้โสดาบันแล้ว ก็บรรลุอรหันเลยก็มี จะไม่ได้เรียงเสมอไป)
1. โสดาบัน
2. สกิทาคามี
3. อนาคามี
4. อรหันน์
#12 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 28 October 2011 - 07:33 PM
ชีวิตเกิดมาทำไม มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงไม่กี่ปีก็ตายกันแล้ว เถียงกันได้อะไร ขวานขวายหาสิ่งของมามากมายเพื่ออะไร โลภมากทำไม จุดมุ่งหมายในชีวิตของคนเราคืออะไรกันแน่ เห็นแก่ปากท้องของตนเองเบียดเบียนเขาทำไม เขาก็เกิดมาเพื่อใช้กรรมของเขา
รักโลภโกรธหลงเกิดจากสิ่งได้ ถ้าจิตดังเดิมของคนเราแท้ที่จริงแล้วนั้นเป็นอย่างไร
รักโลภโกรธหลงเกิดจากสิ่งได้ ถ้าจิตดังเดิมของคนเราแท้ที่จริงแล้วนั้นเป็นอย่างไร