ไปที่เนื้อหา


เด็กใจใส

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 20 Nov 2005
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Jan 28 2009 08:19 AM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: สอบถามเรื่อง "พระไหว้พระ"

10 September 2007 - 08:56 PM

คำตอบ ของปัญหาโลกแตก คือ

1.ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงธรรมกาย ต้องใหว้ก่อน
2.ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงธรรมกาย ต้องใหว้ก่อน
3.ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงธรรมกาย ต้องใหว้ก่อน

ผู้ใด ให้ผู้เข้าถึงพระธรรมกายไหว้ก่อน ผู้นั้นย่อมไม่เห็น พระธรรมกาย

ถ้าตอบกวน ก็อโหสิ ให้ด้วยนะ

ในกระทู้: ขอความคิดเห็นหน่อยคะ

10 September 2007 - 08:10 PM

*หาฟังได้ที่ http://www.kalyanami...ing.asp?catid=7

ในกระทู้: ทำไมวัดพระธรรมกายถึงไม่มีพระเมฬุ

01 December 2006 - 02:37 PM

( เป็นความเห็นส่วนตัว อ่านแล้วโปรดพิจารณา เพราะการความเห็นส่วนตัวนี้ได้มาจาก หลักของเหตุและผลส่วนตัวที่ได้ศึกษามาครับ happy.gif )

ความตาย เป็นเรื่องที่คนเกือบ100%ในโลก เศ้รา ไม่สดชื่น ไม่เบิกบาน และใช้เวลานานที่จะลืมความรู้สึกเหล่านั้นได้ สรุปว่า กิจกรรมที่เกี่ยวความตายทุกชนิด ที่ทำให้ใจคน มาเศร้าหมอง จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมาแสวงหา ความ สดชื่น ความเบิกบาน เพื่อทำใจให้ใส เหมาะแก่การบรรลุมรรคผล


( ควรศพคนตายเอามาเป็น เจริญมรณานุสติมากกว่า โดยการเอาศพไปกองทิ้งไว้ในป่าช้า ให้เน่าให้เหม็น เพื่อสำหรับ ไปนั่งสมาธิเจริญวิปัสนาให้บรรลุมรรคผลนิพพาน หรือคนที่ต้องการจะฆ่ากิเลสทางกามเพศ ในใจของตัว หรือผู้ที่จะกระทำการ ผิดศีลข้อ 3 ให้ลองไป บริษัทที่จัดกิจกรรมเที่ยวป่าช้าดูก่อน แทนการ ไป อ.อ.น. หรือสถานเริงรมย์ การผิดศีลข้อ 3 น่าจะลดลงเป็น ทันตาเห็น



เป้าหมายและหน้าที่ ของพระสงฆ์และชาวพุทธ
ก็คือ รักษาและสืบต่อ พระธรรมคำสั่งสอน,และพระพุทธเจ้า ให้คงอยู่ต่อไป โดยการ แนะนำผู้คนให้บรรลุเป้าหมายของการเกิดมาเป็นคน ก็คือ ให้ทำใจให้หยุด ให้นิ่ง ให้ใส ให้สดชื่น ให้เบิกบาน เพื่อกระทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญต่างๆที่พระจัดให้ สร้างบารมีที่เราสามารถทำได้ และไปชวนผู้อื่นมาทำตามเท่าที่จะชวนได้ เป็นเป้าหมาย และจัดกิจกรรมอะไรก็ได้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ที่เกี่ยวกับ เป้าหมายดังกล่าว

สรุป สถานที่ ที่ไม่มีกิจกรรมงานศพน่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำใจให้ใส สดชื่น เบิกบาน ประทับใจ หรือมาปฏิบัติธรรมเพื่อ บรรลุมรรคผล

( น่าจะเปลี่ยนวัดทุกวัดในโลก เป็นสถานที่พักกายพักใจ มีสวนอันร่มรื่น มีสถานที่ปฏิบัติธรรม เงียบ สะอาด มาถึงแล้ว ใจ ใส สดชื่นเบิกบาน จะได้เลิกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แล้วเอาเงินที่ไปเที่ยวจ่ายค่าโรงแรมค่ากิน ค่าอะไรต่างๆ มาทำบุญแทน เหมือนสวนพณาวัฒน์ที่ หลวงพ่อจัดไว้ให้ )


ถ้ามีสวนพณาวัฒน์ อยู่ทั่วโลก คงจะดีสุดๆ

ในกระทู้: เขาว่าผมว่าทำบุญแบบ "เพี้ยนๆ"

05 October 2006 - 04:25 PM

สำหรับ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยครับ
ผมจะพิจารณาตามที่พวกท่านได้กรุณาชี้แนะคำสั่งสอนที่ถูกต้องครับ ขอบพระคุณมากที่สุดเป็นห่วงเป็นใยผมนะครับ
ผมก็ขอตั้งจิตอธิฐาน ให้ทุกท่าน ได้มีส่วนในบุญทุกบุญที่ ผมได้กระทำไปแล้วนะครับ
ขอสาธุการครับ.................................

...............................


สำหรับผู้ที่เห็นด้วยครับ
ผมได้ ส่งข้อความส่วนตัวไปหา ท่านผู้มีบุญทั้งหลายแล้ว
ก็ขอ สาธุการมาอีก ณ โอกาสนี้ด้วยครับ


ในกระทู้: เขาว่าผมว่าทำบุญแบบ "เพี้ยนๆ"

03 October 2006 - 12:56 PM

สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วย และเห็นด้วย คงจะอ่านเรื่องราวที่ตั้งกระทู้ไว้ และคำอธิบายเพิ่มเติมดังกล่าว
ความรู้สึกของผมในเรื่องการทำบุญ ให้พระพุทธศาสนา ทุกครั้งที่ผ่านมา รวมครั้งใหญ่นี้ ทั้งที่จริงๆยังมีโครงการที่มีความยิ่งใหญ่กว่านี้อีกมากมายหลายเท่านักแต่ไม่สามารถมาเล่าได้ เพราะชาวDmc.tvอาจเข้าใจผิดและมาต่อว่าผมจนขับไล่ผมออกจากวัด ผมก็กลัวนะครับกลัวไม่ได้เจอหลวงพ่อและหมู่คณะอีก

ผมก็เคยทำบุญ ที่รู้สึกว่า อาจจะเป็นบุญใหญ่ มาแล้ว 3-4 บุญ แต่จะเล่าแค่ 2 บุญ
1 .ได้มีการหล่อหลวงปู่ทองคำ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2548 โดยได้ทำแบบมหาสุวรรณ สีแดง (โดยเอาเงินที่จะต้องไปใช้หนี้บัตรเครดิต ที่กำลังจะหมดหนี้แล้ว เอามาทำก่อน )
2.ได้มีการหล่อพระประธานที่อาคารภาวนา 60 ปี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 โดยครั้งนี้ทำแบบ Over load โดยทำขุนคลังแก้ว และนางแก้ว โดยกด บัตรเครดิต หมดวงเงินทุกใบ )และไม่รู้ด้วยว่าพระประธานคืออะไร อาคารภาวนาคืออะไร แต่ทำด้วยความรู้สึก ว่า อยากลองทำบุญแบบ หนักๆเท่านั้นเอง ใจมันสั่งมา

แค่ 2 บุญ นี้ ก็ทำให้ ผมดังไปทั้งตระกูล ( โดนรุม….. จนต้องหนีมาบวช )

ทำไมผมถึงกล้าทำ 2 บุญนี้ รู้ไหมครับ?
จะเล่าอะไรให้ฟัง ก่อนที่ผมจะเข้าวัด ทำบุญกับหมู่คณะเนี่ย ผมได้เอาเงินไปบำเรอ พวกดำๆ ที่หลวงพ่อบอกว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการทำไม่ดีของมนุษย์ ผม คำนวนจาก 10 ปีที่ผ่านมาเท่านั้นนะครับ ก็คือ
1.ผมหมดเงินไปกับ การผิดศีลข้อ 5 เพราะสังคมธุรกิจและส่วนตัว ประมาณกว่า 5 แสนบาท (บุหรี่วันละ 2ซอง ซองละ 55 – 500 บาท เฉพาะบุหรี่ก็ประมาณ เกือบ 5 แสนบาท ที่เหลือ ก็สุรา ยิ่งไม่อยากจะคิด มันมากแบบสุดๆ แต่เอาเป็นตัวเลขกลมๆก็แล้วกันครับ)
2.ผมหมดเงินไปกับ การผิดศีลข้อ 3 เพราะสังคมธุรกิจและส่วนตัว ประมาณ กว่า 1-2ล้านบาท(ไม่ขออธิบายมันหลายรูปแบบ)
3.ผมหมดเงินไปกับ ยานพาหะนะที่เอาไว้สนับสนุนการผิดศีล 5 ประมาณกว่า 5 ล้านบาท
4.ผมหมดเงินไปกับความเสียหายในการใช้ชีวิตและทางธุรกิจ ด้วย ความโลภ โกรธ หลง ประเมินได้ ประมาณ 5-10 ล้านบาท
รวม พวกดำ ได้เงินไปจากผมคนเดียวทั้งหมด ประมาณ มากกว่า 10 ล้าน บาท

คุณแม่ของผม คำนวนจาก 60 ปีที่ผ่านมา ประมาณ กว่า20 ล้าน บาท(จากการผิดศีล ข้อ 5 ข้อ 1 และข้อ 4 เป็นบางครั้ง)
คุณพ่อของผม คำนวนจาก 60 ปีที่ผ่านมา ประมาณ กว่า 30 ล้าน บาท (จากการผิดศีล ข้อ 5 ข้อ 1 และข้อ3และ4 เป็นบางครั้ง)
คนอื่นๆในครอบครัว นับจะประมาณไม่ถูก
รวม พวกดำ ได้เงินไปจากครอบครัวของผมคนเดียวทั้งหมด ประมาณ มากกว่า 50 ล้าน บาท(จะได้เป็นตัวเลขกลมๆ)
สรุป แล้ว ผมและครอบครัวและตระกูล จ่ายเงินให้พวกดำ มากมายจนเอามาเทียบกับบุญที่ผมทำผ่านมาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

แม้ผมจะทำบุญ 2 บุญ ดังกล่าวไปแล้ว จนมาถึงปัจจุบัน ผมก็ไม่เคยจนแบบ ขอทานเลย ก็เพียง แต่ยังไม่รวย แบบที่หวังไว้ เท่านั้นเอง
และตนเองเดาๆดู ว่า ที่ยังไม่รวยเพราะอะไร เพราะ จ่ายให้พวกดำไปมากมายขนาดนั้น พวกนั้นก็เลยยังส่งผลให้อยู่เพราะให้มันไปมากจริงๆ

เรื่องส่วนตัวของผมนี้ผมไม่กล้าให้มหาปูชนียจารย์ช่วยผม เพราะผมยังเป็นแค่คนธรรมดาอยู่ ยังทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันเลย เพราะนอกจากเกรงใจพวกท่านแล้ว ถ้าพวกท่านมาช่วยคนแบบผมสัก 1 พันคนในโลกนี้ คงต้องเสียบุญส่วนตัวของพวกท่านไปมหาศาล และคงหมดบุญกับเวลาที่ไปคอยช่วยคนอื่น ขนาด ขาของหลวงพ่อ ธัมมชโยก็ยังไม่หาย และท่านก็บอกให้พวกเรานั่งสมาธิ ผมก็ยังนั่งไม่ได้ พระธรรมกายเลย ผมจะเอาหน้าที่ไหนไปขอความช่วยเหลือจากพวกท่าน

สำคัญที่สุดคือผมละอายตัวเองและครอบครัวจ่ายให้พวกดำไปตั้งมากมาย ขนาดนั้น แล้วตอนนี้มาทุ่มเทให้ท่านแค่ นิดเนียวเอง(สำหรับใจของผม) แถมผมจะคิดมีหน้า ไปขอให้ท่านช่วย ผมก็ละอายมากๆ แล้ว เพราะแค่ M ที่จะให้พวกท่านนั้นในครั้งนี้นั้น เทียบกับ ที่ให้พวกดำที่ผ่านมา ไม่ได้เลย

ตอนที่ผมจ่ายเงินให้ฝ่ายพวกดำ มีทั้ง วางแผน พยายาม และทำสำเร็จ หลายครั้งจนนับไม่ได้
อยากจะบอกความจริงเหลือ เกิน ว่า เอาไปเทียบกันแล้ว ทำบุญครั้งนี้แค่นิดๆ เท่านั้น ตายแล้วไปคงจะไปได้ ดุสิตธานี แถวสีลม ( แต่ใจอยากไปดูสิตบุรีมากนะครับ ไปขออาศัยอยู่ที่วิมานของคุณยายหรือใครก็ได้ ครับ)

ถ้ามีคนขอซื้อ ดวงตาของผม 1ดวง 50 ล้านบาท จะขายทันที แบบไม่รีรอ จะได้เอาไปทำบุญทับกับบาปที่ทำกับพวกดำ แต่เดียวเขาก็จะมาว่า……อีก เพราะแค่นี้ก็เกือบ ถูกเนรเทศ ออกนอกสังคมแล้ว จึงต้องแอบๆแบบทุกวันนี้ เพราะนั่งสมาธิ ไม่จำเป็นต้องใช้ ตา มีข้างเดียวก็พอ เกิด ชาติหน้ามา ก็ รวยอย่างเดียว ไม่ต้องทำมาหากิน เพราะทำมาหากิน คือตัวสะสมบาปเลย ทุกอาชีพในโลก พิสูจน์มาแล้ว ผู้มีบุญลองพิจารณาดูนะครับว่าจริงหรือไม่

พวกดำ ก็หมดสิทธิ์ได้เงินจากผมอีกต่อไป และพวกมันไม่มีสิทธิ์จะได้เงินจากผมไปจนถึงที่สุดของที่สุด

ทำชั่วด้วยตนเองได้ ก็ต้องทำดีด้วยตนเองได้ บุญใครบุญคนนั้น ไปขอใครก็คงได้นิดๆแบบอนุโมทนา คงไปลบบาปที่ครอบครัวและส่วนตัวผมทำแบบดังกล่าวไม่ได้แน่นอน ผู้มีเหตุผลคงเข้าใจ


ผมมีโครงการทำบุญ แบบ ไม่มีใครคาดถึงอีกมากมายนัก แต่เล่าไม่ได้ เพราะคิดทำบุญใหญ่คราวนี้ เกือบโดน ถอดนามสกุล หรืออาจโดนจริงๆ

(บทความนี้ เป็นการชี้แจง ถึงเหตุผล และความเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณ)

ขอให้ทุกท่านมีส่วนเฉพาะบุญเท่านั้น สาธุ……….