ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

การใส่ร้ายคนอื่นมีผลกรรมอย่างไร?


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 09:07 AM

ข้อความทุกคำพูดได้รับจากอีเมล์ค่ะ
...........................................
ก่อนพูดถึงผลกรรม เราลองมาดูก่อนว่าถ้าเราใส่ร้ายคนอื่นแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับคนถูกใส่ร้ายบ้าง
ในโลกที่เต็มไปด้วยการเร่งรีบ ไม่มีใครอยากให้เวลาเอาใจใส่รายละเอียดของเรื่องรอบตัว ทุกคนจะยินดีรับรู้เฉพาะภาพใหญ่ภาพรวม อย่างข่าวหนังสือพิมพ์นั้น คนอ่านมักอ่านแค่หัวข้อข่าว ไม่ค่อยอ่านรายละเอียด ดังนั้นพาดหัวข่าวไว้อย่างไร คนก็รับรู้แค่นั้น เช่นถ้ามีคำว่านายจุดจุดโกงเงิน คนจะจำเอาไปพูดกันว่านายจุดจุดขี้โกง น้อยคนจะเข้าไปอ่านรายละเอียดว่านายจุดจุดเพิ่งโดนข้อหา และเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งเท่านั้น ยังมีผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆอยู่ด้วย แต่เผอิญนายจุดจุดเป็นคนดัง จึงได้รับเกียรติพาดหัวข่าวเป็นการดึงดูดความสนใจจากประชาชน
พอนายจุดจุดโดนสังคมพิพากษาแล้วว่าเป็นคนขี้โกง ทั้งรูป ทั้งชื่อแซ่ ทั้งตำแหน่งการงานถูกตีพิมพ์หรา ก็เป็นอันว่าจบเห่กัน ชีวิตป่นปี้หมด เห็นชัดเป็นลำดับๆไปทีเดียว
อันดับแรก สมมุติว่านายจุดจุดรู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้โกง ไม่ได้เป็นคนทำ และไม่ได้เป็นตัวการเบื้องหลัง แต่ซวยสุดขีดที่หลักฐานเบื้องต้นชี้มาทางเขา จะพลอยร่างพลอยแห หรือเกิดขึ้นจากฝีมือของคนหาแพะก็ตาม นายจุดจุดจะต้องลิ้มรสความขมขื่นที่ไม่มีใครเข้าใจ คนเราไม่ได้โกง แต่ถูกตราหน้าว่าโกงจากคนทั้งแผ่นดิน ส่วนใหญ่โดนเข้าอย่างนี้เกือบร้อยทั้งร้อยจะอยากฆ่าตัวตาย หดหู่ ซึมเศร้า ทรมานใจจนนอนไม่หลับ หรือหลับแล้วฝันร้ายติดๆกันไม่เว้นแต่ละคืน
อันดับต่อมา งานปัจจุบันคงเสียไปแน่ๆ เพราะไม่มีบริษัทไหนสังกัดใดอยากยืดอกรับประกันว่านายจุดจุดเป็นส่วนหนึ่งที่น่าภูมิใจของตน อย่างไรก็ต้องประกาศปลดกลางอากาศไว้ก่อน เพื่อเรียกความมั่นใจจากลูกค้ากลับมา นายจุดจุดกลายเป็นคนตกงาน ขาดรายได้กะทันหัน และคงจะยังหางานใหม่ไม่ได้ไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าสังคมจะลืมข่าว
อันดับสุดท้าย พ่อแม่พี่น้องของนายจุดจุดจะต้องเสียใจ เสียชื่อตระกูล และพากันเสียความเชื่อถือนายจุดจุดอย่างรุนแรง เพื่อนสนิทมิตรสหายก็จะต้องมองนายจุดจุดแปลกๆ ไม่อยากคบหาสมาคมด้วย ถึงมีน้ำใจอยากปลอบประโลม ก็ต้องชักขาไว้ข้างหนึ่ง ไม่อยากเสี่ยงกระโดดมายืนประกบข้างนายจุดจุดสนิทนัก
อันนี้เป็นภาพขยายใหญ่สุดที่เป็นไปได้ในปัจจุบัน กล่าวคือถ้ามีการใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงทางหนังสือพิมพ์ จะด้วยประสงค์ร้ายเป็นส่วนตัว หรือด้วยการทึกทักเอามันไว้ก่อน หรือด้วยประสงค์หาแพะมารับบาป คนจะรับรู้กันทั่วประเทศ และอาจเกิดเสียงพึมพำด่าทอไปทั่วทุกย่านร้านตลาด
สรุปคือการใส่ร้ายนั้น ทำให้ผู้ถูกใส่ร้ายเกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ ส่วนจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้นของเรื่องราว และขึ้นอยู่กับชนิดของสื่อที่ขยายผลให้เกิดการรับรู้กว้างไกลเพียงใด ยิ่งเรื่องเข้มข้น ยิ่งการรับรู้กว้างไกล ก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
คราวนี้สมมุติว่าเดือนต่อมา คนเริ่มซาๆเสียงด่านายจุดจุดกันแล้ว ลืมๆนายจุดจุดกันแล้ว ก็เกิดจับตัวการใหญ่ขึ้นมาได้ และไม่เกี่ยวอะไรกับนายจุดจุดเลย แม้เป็นข่าวขึ้นมาอีก ก็จะมีอาสาสมัครน้อยคนนำไปบอกต่อเพื่อให้เกิดการพึมพำทั่วทุกหัวระแหง พูดง่ายๆว่าตอนคนจะเหม็นนั้นเต็มใจร่วมด้วยช่วยกันกระพือให้กลิ่นฟุ้งออกไปทั่วๆ แต่ตอนคนจะหอมหรือสะอาดดังเดิม อย่างมากแค่อุบอิบมุบมิบหรือไม่พูดเลยสักแอะ นี่แหละความจริงประจำโลก
และนั่นก็แปลว่านายจุดจุดในความทรงจำของคนส่วนใหญ่ จะยังคงเป็นตัวโกงชั่วนิรันดร์ เพราะข่าวความสะอาดนั้นไม่ค่อยเด่นสะดุดตา คนมองไม่ค่อยเห็น ต่อให้ได้อ่านข่าวว่านายจุดจุดพ้นมลทิน กระนั้นภาพตัวโกงของนายจุดจุดก็จะยังปรากฏรางๆอยู่ในความทรงจำของผู้คนต่อไปอยู่ดี อย่างน้อยก็ต้องระแวงแคลงใจว่าใช้วิธียัดเงินใต้โต๊ะให้พ้นมลทินหรือเปล่า มีใบสั่งจากผู้ใหญ่ของบ้านเมืองช่วยเหลือหรือเปล่า
สรุปคือคนถูกใส่ร้ายนั้น จะมีภาพเปื้อนมลทินที่ตามแก้ยากมาก คนไม่รู้จักกันพอฟังว่านายจุดจุดเลวปุ๊บ ความรู้สึกว่านายจุดจุดเลวจะประทับแน่นลงในใจทันที กว่าจะลบภาพร้ายได้ต้องใช้กำลังมากกว่าผู้ให้ข่าวหลายเท่า เช่นอาจต้องอาศัยคนอื่นอีก ๓ ถึง ๑๐ รายมาช่วยกันยืนยันว่านายจุดจุดเป็นคนดี ภาพนายจุดจุดเป็นคนเลวจึงจะหายไปจากใจคนรับข่าวได้สนิท
คราวนี้มาพูดถึงผลกรรมของพวกชอบใส่ร้าย คุณคงคิดว่าทำคนอื่นให้ทุกข์อย่างไร คลื่นความทุกข์แบบนั้นๆก็คงย้อนกลับมาหาตัว ก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ความจริงไม่ใช่แค่นั้นครับ ขอแจกแจงเป็นข้อๆถึงผลที่อาจเป็นไปได้ดังนี้
๑) หากคนถูกใส่ร้ายเป็นผู้ทรงศีล เป็นผู้มีพลังแห่งศีลสัตย์คุ้มตัว ผลคือจะทำให้ผู้ใส่ร้ายโดนใส่ร้ายคูณสองคูณสิบ หรืออาจคูณร้อยคูณพันเข้าไปจากที่ทำ และในเวลาอันรวดเร็วทันตาด้วย เนื่องจากการใส่ร้ายโดยมากมักอาศัยใจที่หลงผิดหนักแน่น ประกอบด้วยโทสะรุนแรง พอเจอภาคขยายอย่างใหญ่เข้าด้วยอย่างนี้ เลยไม่ค่อยจะต้องรอดูผลกันในชาติหน้าไกลตัวกัน
๒) เป็นผู้มีปากเหม็น หรือกลิ่นตัวเหม็น หรือโทษสถานเบาที่สุดคือเวลาพูดจาจะดูน่ารังเกียจ เพราะความร้ายกาจจะแพลมออกมาทางสีหน้าและแววตา แม้บุญเก่าส่งให้มีปากหอม กลิ่นกายหอม และกิริยาท่าทางน่ารักน่าใคร่ แต่หากเพาะนิสัยใหม่ ชอบใส่ร้ายคนอื่นอย่างต่อเนื่องเป็นแรมปี คุณสมบัติด้านดีเดิมๆก็จะพลิกเปลี่ยนไปเป็นตรงข้ามได้อย่างน่าทึ่ง
๓) เป็นผู้มีวาจาขาดน้ำหนัก คือต่อให้มีอำนาจล้นฟ้าปานใด หากติดนิสัยชอบใส่ไคล้แล้ว คนทั่วไปฟังเขาพูดแล้วจะรู้สึกเลยว่าไม่อยากเชื่อถือ แม้พูดเรื่องธรรมดาอย่างที่สุด ก็คล้ายขาดอะไรที่ทำให้อยากปลงใจยอมรับ
๔) เบื้องหน้าหลังตายจากความเป็นมนุษย์ หากกรรมที่ชอบใส่ร้ายชาวบ้านมีน้ำหนักล้ำหน้ากรรมอื่นๆ ก็จะไปเสวยอัตภาพอันน่ารังเกียจ และตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเสียดแทง เร่าร้อนทรมาน เพราะจิตที่คิดประทุษร้ายด้วยการใส่ไคล้นั้น มีลักษณะเสียดแทง ต้องการให้ผู้ถูกใส่ไคล้เดือดร้อนในทางใดทางหนึ่ง นี่คือกฎธรรมดา จิตมีกิริยาในการก่อเหตุอย่างไร ก็เท่ากับเข้าไปยึดภพแห่งความเป็นเช่นนั้น ภพที่ต้องรับผลทำนองนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ขอให้ทราบว่า ๔ ข้อข้างต้นนี้เป็นเพียงผลที่ว่ากันตามหลักการ ส่วนของจริงจะได้รับโทษานุโทษมากหรือน้อยกว่านี้ ก็ต้องดูรายละเอียดปลีกย่อยในแต่ละราย เช่นประพฤติด้วยความละอายหรือไม่ละอาย ประพฤติเป็นอาจิณหรือถูกสถานการณ์บังคับเป็นคราวๆ ประพฤติด้วยความอาฆาตพยาบาทหรือด้วยความเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ฯลฯ
อย่างเช่นถ้าใครใส่ร้ายผู้ทรงศีลโดยปราศจากความละอายอยู่เรื่อยๆเพราะความมีใจริษยา ผลก็อาจสนองคืนอย่างรวดเร็วและดูรุนแรงเกินเหตุ คือไม่ใช่แค่ถูกคนอื่นใส่ร้ายคืน แต่อาจลุกลามไปถึงขั้นเกิดความวิบัติแก่ชีวิตหลายๆประการ อย่างสมัยพุทธกาลก็มีมาแล้ว ตัวอย่างคนใส่ร้ายพระพุทธเจ้าโดนพิบัติภัยทางธรรมชาติลงโทษถึงขั้นสิ้นชีพกะทันหัน
เศษของกรรมที่ใส่ร้ายคนอื่นจนติดเป็นนิสัยนั้น ถ้ากลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลรูปชีวิตที่ไม่ดี ไม่น่าพอใจ กล่าวคือมีอายุสั้น มีผิวพรรณทราม ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องไม่เป็นสุข และเป็นผู้มีกำลังน้อย
พอทราบว่าหนึ่งในผลของกรรมคือจะต้องเป็นผู้ถูกใส่ร้ายคืนบ้าง รู้อย่างนี้แล้วลองมองย้อนกลับไปหานายจุดจุด ก็ต้องสรุปว่านายจุดจุดคงเคยเล่นคนอื่นไว้ก่อนนั่นเอง หาใช่ความบังเอิญที่ใครจะถูกใส่ร้ายให้ได้รับความเดือดร้อนเอาดื้อๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นข่าวใหญ่โตขนาดอับอายขายหน้าประชาชีไปทั่วบ้านทั่วเมือง นายจุดจุดต้องเคยทำคนอื่นเดือดร้อนสาหัสไว้เช่นกัน แต่ปัจจุบันยังไม่มีเครื่องฉายภาพย้อนอดีตชาติ นายจุดจุดจึงดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำฝ่ายเดียว น่าเห็นใจอย่างเดียว
มีคนโดนใส่ร้ายกันทั้งบ้านทั้งเมือง บางคนโดนประจำ มีความสม่ำเสมอราวกับเจอดอกเบี้ยพิเศษ อันนี้ก็สะท้อนความจริงอย่างหนึ่งครับ คือแทบทุกคนอยู่ในวงจรแห่งการใส่ไคล้ ว่าร้าย เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น จะโดยเผลอตัว จะโดยตามกระแสชักจูง หรือจะโดยเจตนาหนักแน่นของตนเองก็ตามที ทำอยู่เรื่อยๆก็โดนกันอยู่เรื่อย ซัดกันไปซัดกันมาในหมู่มนุษย์นี้แหละ
คำติฉินนินทาและการพูดให้ร้ายนั้น เข้าหูคนฟังได้ง่ายกว่าเรื่องดีๆ แล้วก็มีความมันในอารมณ์ มีอารมณ์ร่วมที่จะสนุกกับการจามกันด้วยขวานในปาก จึงมีแนวโน้มจะติดใจทำบ่อยๆ พอทำอะไรบ่อยก็กลายเป็นการติดนิสัย ฉะนั้นอย่าเริ่มต้นเลยเป็นดีที่สุด เพราะเมื่อเริ่มแล้วคุณจะไม่มีวันคาดการณ์ได้ว่ามันจะพัฒนาบานปลายไปถึงไหน ของพรรค์นี้เข้าง่ายออกยาก ถอนตัวลำบากครับ
มูลรากของการใส่ร้ายมาจากอคติ อคติมีบ่อเกิดมาจากความเกลียดชังและความริษยา ฉะนั้นในเบื้องต้นสำหรับคนต้องการถอนตัวจากวงจรใส่ร้าย ก็ควรกำหนดความตั้งใจไว้ตายตัว ว่าแม้จะเกลียดชังหรือริษยาใครอย่างห้ามใจด่าทอไม่ได้ ก็ต้องไม่เผลอพูดถึงเขาคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงที่คุณรู้ คือถ้าอดไม่ได้ที่จะด่าทอหรือนินทา ก็ต้องยืนพื้นอยู่บนข้อมูลที่แน่ใจว่าถูกต้อง ปราศจากการใส่สีตีไข่เสมอ
เมื่อฝึกตนพูดถึงใครๆตามจริงโดยไม่บิดเบือนข้อมูลได้สำเร็จ ก็จะสามารถเห็นโทษของจิตใจประทุษร้ายแม้ด้วยทางวาจา ว่าให้ผลเป็นความทุกข์ ความอึดอัด ความคับข้องแก่ตนเอง จิตคุณจะอยากขยับขึ้นมาอีกขั้น คือไม่พูดว่าร้ายใครเลย เพื่อความปลอดโปร่งจากภัยเวรอย่างสิ้นเชิง หากต้องตำหนิใครก็จะอยู่ในกรอบของระบบหน้าที่การงาน ตำหนิด้วยใจเป็นกลาง หวังประโยชน์ส่วนรวม และเป็นไทจากอคติทั้งปวงครับ


#2 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 01:20 PM

ใส่ร้าย = การสร้างวจีกรรม ที่เป็น อกุศลกรรม

"แพะ" ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เป็นกรรมเก่าของคนๆ นั้น เป็นดั่งภาพสะท้อนเหตุการณ์ที่เคยไปทำกับเขาไว้ในอดีต
.....................................

ใครไม่อยากเป็น "แพะ" ก็อย่าได้ไปว่าร้ายใครเลย และอย่าไปนินทาใครเลย
.....................................

วจีกรรม...
สร้างง่าย
ไม่ต้องคิดมาก ออกแรงไม่กี่แคลอรี่ ใช้เวลาไม่กี่วินาที ไม่กี่นาที ก็สร้างบาปกรรมได้แล้ว

แต่ผลของมันสิ
รับกรรมกันนาน ได้แต่ครุ่นคิดว่า "ทำไมต้องเป็นเรา ... ทำไมเราต้องโดนอย่างนี้" คิดซ้ำๆๆๆ จนเจียนบ้าตาย
จะแก้ไข ก็ต้องลงแรง เหน็ดเหนื่อย ใช้เวลานาน
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#3 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 01:55 PM

สาธุค่ะคุณlight mint...อยากให้คนไม่รู้ไม่เข้าใจเห็นจริง ๆ เลยน๊า ว่าคนที่วัด อย่างน้อยก็ได้เปรียบเรื่องความคิด จิตใจ... แล้วละ

#4 นิ่งๆ นุ่มๆ

นิ่งๆ นุ่มๆ
  • Members
  • 618 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 05:38 PM

จะส่งผลให้คนนั้นเจอ คนอื่นใส่ร้ายเช่นเดียวกันค่ะ เกิดมาปากอาจเบ้ ฟันหลอ ไม่สวยต้องใส่เหล็กดัดฟัน โดนถอนฟัน ประมาณนี้ค่ะ
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้

#5 Mai D na

Mai D na
  • Members
  • 282 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 09:31 AM

QUOTE


...................................................

ว จี กรรม

อาจ จะ เป็น กรรม เก่า ที่ เคย ทำ ไว้

อาจ จะ เป็น กรรม ใหม่ ของ คน ที่ ทำ

หรือ อาจ จะ เป็น คู่ กรรม กัน มา ก่อน

จอง เวร กัน ไว้ ก็ ได้

..................................................




แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป
แต่..
เ ป้ า ห ม า ย ไ ม่ เ ป ลี่ ย น แ ป ร




#6 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 08:29 PM

อนุโมทนา
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#7 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 15 January 2011 - 02:17 PM

อย่าพึ่งงงนะคะต้องเริ่มด้วยแบบนี้ด่อนคะ ผัวเลิกไปยังไม่รู้สันดานตัวเองอีก คนอย่างมึงพูดไปก็เท่านั้น ไม่เคยเห็นใครดี มึงจะคิดยังไงกะกูก็ได้นะ ไม่เป็นไร อโหสิกรรมให้เพราะสมองมึงคิดได้เท่านี้ ของ ของมึง ทั้ง 2 อย่าง กูขอสาบานให้กูมีอันเป็นไป หรือให้เกิดสิ่งใดก็ได้ถ้าคนอย่างกูเอาของมึงไปนะ แต่แรงบริสุทธิ์ของกู มึงคิดสิ่งใดไม่ดีกับกู หรือ โทษกู กูไม่ยกให้ ขอให้ย้อนกลับไปหามึงให้หมด ด้วยแรงบริสุทธิ์ของกู ถ้าเป็นกูนะถ้ากูไม่เห็นหรือไม่แน่ใจว่าใครเอาไปกูจะไม่โทษใครเพราะว่ามันบาป กูขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านนี้ ถ้ากูเอาไปขอให้กูมีอันเป็นไป กูไม่ได้เอาไป ใจมึงไม่บริสุทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กูมีเคราะกรรมขอให้ย้อนกลับไปหามึงให้หมด ด้วยแรงบริสุทธิของกู ส่วนเรื่องหลานกูไม่ได้คิดอะไร เห็นว่าผัวมึงกลับตอนเช้า คงดูไม่ไหว มันยังเล็ก ก็เลยอาสาดูให้เพราะว่าผัวกูบอกให้ช่วยดู แต่ถ้ามึงคิดว่ากูเสือกไปดูให้เองก็ไม่เป็นไรบอกแล้วว่าคนอย่างมึงไม่เคยเห็นใครดีนอกจากต้วเอง อันนี้คือข้อความของเรา
ต่อไปเป็นข้อความของน้องสาวแฟนคะ
Varongrong เขียน "หุหุ ยังไม่รู้ตัวอีกน่าสงสาร ชีวิตนี้ถึงไม่มีความสุข พี่น้องยังไม่เอาเลย ถึงสุขก็สุกๆดีบๆล่ะว้า อยากรู้ก็นึกทบทวนดูสิย่ะว่าใครบ้างที่มึงไปทำเค้าไว้ มึงจะขโมยของใครแล้วให้คนอื่นเห็นก็ไม่ใช่ขโมย กูคิดว่ากูไม่หน้าแตก แต่คนที่ไม่ยอมรับความจริงชอบแถไปเลยก็คือมึง กูคิดว่าผัวมึงเค้าก็รู้แต่ไม่อยากมีปัญหากับมึงอ่ะสิ เค้าคิดถึงลูก สงสารลูก ไม่งั้นเค้าเลิกกับมึงนานแล้ว ลองถามดูสิ แล้วเสือกอะไรกับครอบครัวกู ดูแลครอบครัวมึงให้ดีเถอะ อีกอย่างทำไมกูต้องสำนึกบุญคุณมึง มึงอย่ามาลำเลิกกูไม่ได้ขอร้องให้มึงมาช่วยเลี้ยงลูกกู มึงเสือกอาสาเอง ที่ผ่านมามึงทำอะไรก็ไม่อยากถือสา แต่ครั้งนี้กูขอไม่ บรรทัดฐานของกูสูงกว่ามึงนัก สำเหนียกซะ ปล.เรื่องขโมยบรัชออนกะรองเท้า ตำรวจที่ไหนจะไปรับทำเรื่อง คิดได้ปัญญาอ่อนมาก เค้าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า โง่แล้วอยาก..อ้อลืมไปไม่ได้กินหญ้านี่หว่า 555"
เอาของกรูไปแล้วทำมาเนียนโกรธกู ซิมิสนหลอก แต่อย่ามาลงที่ลูกกูอีเวรตะไล อีกข้อความนึงนะ หุหุ แรงบริสุทธิ์มันจะไปเกิดกับคน####ๆๆได้ยังไงอยากรู้นักทำเป็นอโหสิแต่ปาก จริงๆใจมันร้อนเป็นไฟแล้ว

คือเรื่องเป็นแบบนี้คะ เค้าโทษเราเต็มๆๆเลยเราเองยังไม่เคยเห็นของเค้าเลย เราร้องไห้ทุกวันเสียใจ แค้นมาก เราไม่ได้เอาไปไม่รุ้เรื่องเลยคือของเราบรัชออนคงไปเหมือนของเค้าหรือของเค้าหาย ส่วนเรื่องรองเท้ายิ่งไม่เคยเห็นใหญ่ สามีกับแม่แฟนเค้าก็ไม่เชื่อเพราะว่าเราเองไม่มีนิสัยแบบนั้น แต่ทำไมเค้าโทษเราแบบฟันธงเลยเราเองก็ไม่เข้าใจน้องเค้าก็รวมหัวกันว่าเราเป็นคนเอาไปจริงๆ แบบนี้เราถูกใส่ความไม่ยุติธรรมกับเราเลยสามีก็บอกว่าเดี๋ยวความจริงก็ต้องเป็นความจริงไม่ต้องไปเสียใจ บาปกรรมมีจริงมาโทษคนไม่ได้เอาไปมันบาปใจเย็นๆๆ เราก็ได้แต่รออะคะเราแค้นมากแต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาบ้างเรื่องเกิดเมื่อก่อนปีใหม่นี้เองคะ ช่วยตอบทีนะคะว่าเค้าจะได้รับผลกรรมที่เค้าด่าว่าเราแบบไหน ช้าหรือเร็วหรือช่วยบอกอะไรเราก็ได้เผื่อว่าเราสบายใจขึ้นมาบ้างคะ ขอบคุณมาก