ไปที่เนื้อหา


orio

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 18 Sep 2006
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Jun 08 2008 07:09 PM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: อยากเป็นอุบาสิกาแต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยทำไงดีคะ

02 April 2007 - 11:06 PM

ต่อ)
3. ข้อดีของการทำงานข้างนอกก่อนแล้วค่อยมารับบุญแบบอุบาสิกาคือ เราจะมีประสบการณ์ในการทำงานมามาก และเราจะมีประสบการณ์ที่สำคัญคือ การทำงานกับคนข้างนอก จะทำให้เราได้เรียนรู้นิสัยของคนและการเข้าใจคนมากขึ้น และเรายิ่งจะเห็นความสำคัญของการเข้ามารับบุญในวัดมากขึ้นด้วย เพราะสังคมข้างนอกมันค่อนข้างจะ ......มาก คือ ผมเคยทำงานข้างนอกมาก่อนนะครับ
แล้วเราจะคิดได้ว่า แม้เราจะกระทบกระทั่งกับคนในองค์กรมากเท่าไร เราก็จะอดทนได้มากขึ้นเท่านั้นเพราะว่า เราก็จะได้ข้อคิดว่า ยังดีกว่าการขัดแย้งกับคนข้างนอก


เท่าที่ผมประเมิน ผมคิดว่า ที่พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกมาอุทิศชีวิตไปเลยเพราะท่านห่วงลูกครับ ห่วงมากด้วย ท่านกลัวประเด็นหนึ่งเลยคือ ถ้าวันใดที่เราทนไม่ได้แล้วออกมาจะเป็นอย่างไร นั่นคือ เวลาพ่อแม่คิดถึงลูก คิดอะไรเกี่ยวกับลูก ท่านคิดไกลมากนะครับ คิดไปถึงวันสุดท้ายของลูกเลยครับ อย่างที่พี่หัดฝันบอกว่าวินๆ ทั้งสองฝ่ายก็เวิร์กดี

สำหรับประสบการณ์ของผมก็คือ ผมเคยบวชแล้วครับและตั้งใจบวชอุทิศชีวิต ตอนนั้นทิ้งทุกอย่างแล้วครับ เรียนก็ยังไม่จบครับ แต่ว่าใจมันไปแล้ว บรรยากาศมันไปแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยครับ แต่ท่านไม่อยากจะขัดใจเรา ก็เลยให้พี่ชายไปด๊อปให้ พอบวชไปได้เจ็ดเดือนมีสอบสัมภาษณ์ครับ แล้วเราก็สอบสัมภาษณ์ไม่ผ่าน (หลักการในการสอบไม่ผ่านผมไม่ทราบชัดเจนครับ) ผลก็คือ ก็ต้องสึกนะครับ คือ จะบอกว่าตอนนั้น มันเจ็บปวดสุดๆ ครับ แต่ว่า เมื่อต้องออกมา คนที่เราจะไปหาคนแรกก็คือ พ่อแม่ของเราครับ คุณรู้ไหมครับ พ่อแม่พูดกับผมว่าอย่างไร "ท่านบอกว่าไม่เป็นไรลูก ตั้งใจเรียนให้จบ และเริ่มต้นใหม่ได้" นั้นคือ พ่อแม่ของเราไงครับ ที่ผมเล่าประสบการณ์ตัวเองก็เพราะ สิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่เราต้องไปประสบมันไม่เหมือนกันครับ

ดังนั้นถ้าเราตั้งใจทำงานเก็บงานให้ได้พอประมาณ ขณะที่เรามาใช้ชีวิตในวัดนั้น ก็จะเป็นหลักประกันได้ส่วนหนึ่งครับว่า ถ้าเกิดวันใดเราออกมาจากวัดโดยที่เราไม่ต้องการ แต่ระบบขององค์กรผลักดันเราออกมา เราก็ต้องยืนหยัดได้ด้วยตนเองครับ

การคัดอุบาสิกาประจำ หรือนักบวชที่วัด ผมทราบมาว่า ทำเหมือนกันครับ

สำหรับตอนนี้ตำแหน่งของผม "คือ เจ้าหน้าที่พิเศษครับ" ไม่มีระบบแบบที่เหล่ามา คือ คล้ายๆ กับว่า ให้โอกาสสำหรับคนที่รักบุญ แต่อยากทำงานในวัด แต่เป็นบัณฑิตแก้วไม่ได้ หรือไม่อยากเป็นบัณฑิตแก้วครับ เพราะกฏระเบียบจะไม่เคร่งครัดมากเท่า

มีอะไรก็โทรมาคุยได้ครับ

ในกระทู้: อยากเป็นอุบาสิกาแต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยทำไงดีคะ

02 April 2007 - 10:47 PM

การเป็นอุบาสิกาที่วัดต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะได้รับการบรรจุครับ ช่วงนี้ต้องมาเป็นบัณฑิตแก้ว หรือบัณฑิตอาสาไปก่อนครับ ถ้าหากสนใจตอนนี้ที่กองของผม ที่ชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ กำลังรับสมัครมากมายเลยครับ งานกำลังขยายตัว และได้รับปัจจัยเกื้อหนุนตามอัตราปกติข้างนอกวัดครับ ตำแหน่ง คือ เจ้าหน้าที่พิเศษครับ ถ้าสนใจก็โทรมาคุยกับผมได้ครับ 0890666579
ผมให้แนวคิดนะครับ
1.ทำแบบหลวงปู่และคุณยายครับ ที่ท่านทำก่อนที่จะบวชอุทิศชีวิต ท่านปลดหนี้ให้ครอบครัวและมีเงินเหลือเก็บให้แม่ด้วย แล้วบวชอุทิศชีวิต
2. รุ่นพี่ชมรมของผมก็ทำแบบนี้นะครับ พี่เค้าบอกว่า เค้าตั้งใจทำงานและตั้งใจใช้หนี้ให้หมด พร้อมกับมีเงินเก็บที่เพียงพอที่แม่จะใช้ไปได้นานๆ และมีเงินเก็บพอประมาณ เอาไว้เพื่อนำมาใช้ในขณะที่มาบวช ซึ่งยังจำเป็นต้องใช้เงินทำบุญไปด้วย ซึ่งแม่ของพี่คนนี้ เคยพูดกับผมว่า ถ้าจะให้ลูกอยู่ข้างนอกแล้วไปมีครอบคัรว ให้ลูกบวชตลอดชีวิตดีกว่า
2. แต่ถ้าทำอย่างข้อหนึ่งจะช้าในการเข้ามาสร้างบารมี แต่ข้อดีคือ ในช่วงที่เราทำงานข้างนอกนั้น เราก็สามารถฝึกตัวไปด้วย เช่น การนั่งสมาธิให้ได้ทุกวันวันละ 1-2 ชม. หรือมากกว่านั้น รักษาศีล 8 ทุกวันพระ และค่อยๆ มากขึ้นไปเรื่อยๆ และอาจจะมารับบุญเป็นอาสาสมัครไปก่อน เรียนรู้ระบบงานไปเรื่อยๆ เพราะเมื่อมาอยู่วัด จะฝึกตัวสักพักและให้ลงงานทันที ซึ่งถ้าเรามีความสามารถอยู่แล้ว เราก็สามารถรับบุญได้เลยไม่ต้องมาฝึกใหม่ เช่น ความรู้ด้านภาษา ซึ่งเป็นที่ต้องการมาก ถ้าเราเข้ามารับบุญที่วัดแล้วมีความสามารถทางภาษาก็สามารถรับบุญได้ทันทีโดยไม่ต้องฝึกใหม่ หรือการเขียนเวปหรืออะไรอื่นๆ ก็ให้ดูว่าเราชอบอะไร และวัดขาดอะไร เราก็ฝึกสิ่งนั้นให้เก่ง
2. การจะมาเป็นอุบาสิกาและอยู่วัดตลอดไปนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอน มีการสอบสัมภาษณ์หลายขั้นตอน ต้องรับบุญและเจอเรื่องกระทบกระทั่งมากมาย สิ่งที่ผมกังวลคือ ถ้าวันใดวันหนึ่ง เราเกิดทนไม่ได้แล้วออกไป เราจะบอกพ่อแม่อย่างไร

ในกระทู้: ธรรมทายาทหญิง

26 March 2007 - 11:37 PM

เมื่อจำนวนคนต้องการอบมากกว่าจำนวนคนที่โครงการจะรับได้ ดังนั้นจึงต้องมีการคัด

การคัดเลือกก็ต้องมีหลักเกณฑ์ ที่กำหนด

จะว่าไปแล้วมันก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรม

ถ้าบุญในตัวมีมากหรือเคยสร้างบุญมากับหมู่คณะไม่ว่าจะมีอะไรมาขวางกั้นก็เอาไม่อยู่

กับบางคนอยากเข้าโครงการมากแต่บุญยังไม่พอหรืออาจจะไม่ได้สร้างบุญมากับหมู่คณะก็มีเหตุให้ไม่สามารถเข้าโครงการได้
ทุกอย่างสุดท้ายก็วัดกันที่บุญในตัว