ลองสังเกตตัวเอง ทำไมนั่งสมาธิแล้วไม่ก้าวหน้า
#1
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 07:07 PM
คือ เมื่อสองสามวันก่อนลองหาสาเหตุว่าทำไม “เราจึงนั่งสมาธิได้ไม่ดีเท่าที่ควร” คือพยายามค้นหาข้อบกพร่องตัวเอง แล้วก็เจอมา เลยอยากเอาฝากให้ทุกท่านค่า จะได้ช่วยๆกันเข้าถึงธรรมไวๆ
**************************
ปรกติแล้วใจสูงเป็นคนชอบคิด คิด คิด แล้วก็คิด เรียกได้ว่า “คิดทุกวินาที” คือคิดไปเรื่อย เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วค่าและแล้วใจสูงก็เพิ่งค้นพบเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า
1) เราเป็นคนที่ ไม่ค่อยมี “สติ” คือ ใจชอบสัดส่ายไปมา และเราก็ปล่อยใจตามไปเรื่อย พอหลับตานั่งสมาธิ เมื่อฟุ้งซ่าน ก็ชอบปล่อยให้ฟุ้งไปเรื่อยๆ แต่พอนึกได้ ก็ดึงใจกลับมาอย่างรุนแรง จนเกินเหตุ เปรียบได้กับ รถที่เบรกกะทันหัน จนเกิดความตึง และหงุดหงิดตัวเอง
2) ใจสูงมักไม่ค่อยได้รักษาอารมณ์สบายทั้งวัน แต่จะใช้ความคิดกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากๆๆ พอถึงเวลานั่งสมาธิ ก็ต้องเสียเวลาเคลียร์ใจอีก มีช่วงหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ใจสูงเคยเข้าโครงการรักธรรมะและพระภายใน ฉบับ ”ลืมตามองดูพระ หลับตานึกถึงพระ” ซึ่งก็ทำให้ตรึกได้ง่าย แต่ตอนนี้ก็ละเลย ในช่วงที่ทำงานแทบไม่เคยหยุดใจเลย
3) เป้าหมายของเรา อยู่แค่ “จำนวนชั่วโมงนั่ง” ปัจจุบันใจสูงตั้งไว้ว่า จะนั่งให้ได้วันละ 1 ชั่วโมง ก็ทำได้มาเรื่อยๆ แต่ไม่เคยใส่ใจกับเป้าหมายที่สูงกว่านั้นจริงๆ จังๆ คือการเข้าถึงธรรม ทำให้ไม่มีแรงบันดาลใจมากพอให้ทำการบ้าน 10 ข้อของคุณครูไม่ใหญ่
4) หากพิจารณาในบารมี 10 ทัศแล้ว พบว่า ตัวเอง ขาดเรื่อง “อดทน,สัจจะ และอุเบกขา” เมื่อขาดความอดทน ทำให้เมื่อมีนิวรณ์5 มากระทบใจ ก็มักจะต่อสู้ไว้ไม่ได้ เช่น ความง่วง ความฟุ้งซ่าน ฯลฯ ในขณะเดียวกันหากอยากนั่งสมาธิต่อ เมื่อช่วงนั่งดีๆ ก็จะไม่อดทนกับความหิว ความง่วง (ทั้งที่จริงตอนนั้นมันไม่หิวไม่ง่วงเท่าไหร่) ส่วนสัจจะ นั้นก็คือ “วินัย” เมื่อวินัยหย่อน ก็ทำให้เมื่อยุ่งๆ ก็จะละเลยการนั่งสมาธิไปบ้าง ละเลยการหยุดใจไปบ้าง และส่วนอุเบกขา ก็ทำให้เมื่อมีความวิตกกังวล ดีใจ เสียใจ เราก็ไม่สามารถตัดใจให้ขาดจากเรื่องเหล่านั้นได้
*****************************
ตอนนี้ใจสูงก็เริ่มที่จะแก้นิสัยเหล่านี้ก่อน ซึ่งก็เริ่มจากการมีสติมากขึ้น เป็นอย่างแรกค่ะ และจะพยายามทำการบ้านขอ 1 ชั่วโมงหยุดใจให้ได้ค่า
หวังว่าเรื่องราวของใจสูงคงจะพอมีประโยชน์กับทุกท่านนะคะ ^o^ สู้กันต่อไปค่า
*******************************
http://sasismile.wordpress.com/
ใจสูง ได้รวบรวม บล็อก และ Hi5 ส่วนหนึ่งแล้วนะคะ
ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ข้อมูลค่า
#2
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 07:40 PM
สติ สบาย สม่ำเสมอ สังเกตุ...ละม้ายอิทธิบาท4มากๆ
ร่วมส่งความปรารถนาให้"ก้าวหน้า"ขอคำว่า"ถดถอย"จงอย่ามี
#3
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 08:12 PM
หรืออย่างวันนี้ทั้งวันลูกโป่งพองโตสวยงาม ต่อเนื่องไปอีกหลายวัน แต่หยุดนั่งธรรมะสัก2วัน ลมก็แฟบออก วันต่อมาต้องมานั่งเป่าใหม่อีก
เพราะฉนั้น ความสม่ำเสมอในการฝึกฝนคือสิ่งที่สำคัญมาก ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา คือธรรมะแห่งความสำเร็จครับ
#4
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 08:42 PM
ใครที่มีคำแนะนำ ใจสูงน้อบรับเต็มที่เลยค่า
สาธุๆ
#5
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 10:12 PM
..........
แต่ในชีวิตประจำวัน สู้ไม่ถอย รักการปฏิบัติธรรมจนเข้าลึกในใจ ขยันนั่งสมาธิให้ได้ทุกวัน รักนั่งสมาธิจนเป็นชีวิตจิตใจ ว่างจากภารกิจเมื่อไหร่ก็นั่งปั๊ป ไม่เกียจคร้าน ไม่แชเชือน ไปไหนมาไหนทุกอิริยาบถก็จดจ่อที่ศูนย์กลางกาย นึกองค์พระ ดวงแก้ว รักษาอารมณ์ดีทั้งวัน ไม่เก็บขยะอารมณ์ไว้ในใจ
อาจดูเป็นอุดมคติ แต่ก็พยายามทำให้ถึงให้ได้ ถ้าทำได้ก็ดีมาก (light mintก็อยากทำได้ค่ะ) สู้ สู้ ค่ะ
#6
โพสต์เมื่อ 26 February 2008 - 08:50 AM
#7
โพสต์เมื่อ 26 February 2008 - 09:55 AM
#8
โพสต์เมื่อ 26 February 2008 - 10:12 AM
และคุณขวัญมณีเบิกบาน ก็สู้สู้เหมือนกันนะคะ
ใจสูงจะลองทำตามคุณขวัญมณีบ้าง
"มีเวลาสัก 5นาที 10 นาที จะหลับตานิ่งๆว่างๆ ทำใจสบายๆ ประคองใจไว้ให้เรียบๆ"
#9
โพสต์เมื่อ 26 February 2008 - 10:52 AM
สำหรับการแบ่งปันข้อสังเกต และข้อคิดเห็น การปฏิบัติธรรม ครับ
#10
โพสต์เมื่อ 26 February 2008 - 12:09 PM
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#11
โพสต์เมื่อ 26 February 2008 - 01:29 PM
#12
โพสต์เมื่อ 26 February 2008 - 03:28 PM
และวาทะของหลวงพ่อที่ จารึกอยู่บนแผ่นหินขนาดใหญ่หน้าอาคารค้นวิชชา ที่สวนพนาวัฒน์ คอยเตือนใจอยู่ทุกวันเวลาก่อนเข้าห้องปฏิปฎิบัติธรรม ว่า อยู่นิ่ง เฉย ๆ ได้ไหม ตั้ง สามประโยค ซ้ำ ๆ กัน ยิ่งทำให้เรามีความรู้สึกว่า แล้วเราจะคิดอะไรไปทำไม ลองไม่คิดดู นั่งหลับตามไปเฉย ๆ ไม่เห็นอะไรเลย มีแต่ความมืด แต่ก็ดีเหมือนกันนะ รู้สึกสงบ และมีความสุข จนบางครั้ง ปลื้มจนน้ำตาไหลเลย พอจะฟุ้งก็นึกถึงคำหลวงพ่อ ที่ว่า "หยุดนิ่ง เฉย ๆ ได้ไหม" ทำให้ช่วยไม่ฟุ้งได้เยอะเลยค่ะ ตอนนี้ทำได้อย่างนี้แล้ว ก็เลยกลายเป็นคนใจเย็นลง มองโลกในแง่ดีขึ้น ตั้งรับทุกสถานการณ์ด้วยใจใส ๆ อะไรมากระทบใจก็ให้มันผ่าน ๆ ไม่เก็บมาเป็นทุกข์เหมือนเมื่อก่อน คนใกล้ชิดบอกว่าขึ้นไป สวนพนาวัฒน์มานี่ เหมือนได้แฟนใหม่มาเลยค่ะ ที่จริงก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองเปลี่ยนขนาดไหน แต่คนรอบข้างรู้สึกและบอกมาค่ะ ลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดูก็ได้นะคะ เหมาะสำหรับมือใหม่หัดนั่งสมาธิค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 26 February 2008 - 09:28 PM
สั้นๆ แต่มีพลังค่า
ขอบพระคุณ คุณอยู่กับยาย ที่ได้ร่วมแชร์ประสบการณ์ และแนะนำวิธีการดีๆ นะคะ
สาธุๆๆ
#14
โพสต์เมื่อ 26 February 2008 - 10:03 PM
#15
โพสต์เมื่อ 27 February 2008 - 10:17 AM
ดูละครกลับสนุกมาก แต่ก็จะกลับมารักษาใจให้ได้ทุกวัน อย่างนี้มีอานิสงส์อย่างไรคะ
#16
โพสต์เมื่อ 27 February 2008 - 02:49 PM
เพราะพอเจอกระทู้ปุ๊บก็นึกได้ทันทีว่า เอ้า...ตรึกธรรมะได้แล้ว!
ทำให้นึกถึงองค์พระ ดวงแก้วใสใสได้
เคยเป็นยิ่งกว่า นรอ.ใจสูงอีก
เคยปล่อยใจ ล่องลอยไปตามกระแสลม จนห่างคนกลางกาย
...ห่างไปนานมาก...ไม่ดีเลย
โชคดี ที่บุญคุ้ม กลับตัวกลับใจทัน
บอกตัวเองว่า จะไม่แย่แบบนั้นอีกแล้ว
การกลับมาในครั้งนั้น
ทำให้รู้ซึ้งว่า
ความสุขที่แท้จริงที่อยู่กลางตัวเรานั้น
ทรงอานุภาพมาก ยากที่จะหาคำใดใดมาบรรยาย
อยากให้กำลังใจ
เนื่องจากตนเองไม่ได้เป็นผู้รู้ กำลังฝึกตนเหมือนกัน
ขอหยิบเอาประสบการณ์มาแบ่งปันแล้วกัน
...
การเปิด DMC ช่องนี้ช่องเดียวนี่ได้ประโยชน์มากเลย
สิ่งที่สงสัย ค้างคาใจ หรืออยากรู้
วันดี...คืนดี...คำตอบของคำถามก็มาเฉลยที่ช่องนี้ล่ะ
ไม่ช่วงเวลาใดก็เวลาหนึ่ง
อย่างเช่น
อาการแบบนี้ก็เคยเป็น ถ้านั่งแล้วฟุ้ง ก็จะหงุดหงิดตัวเอง
วันหนึ่ง ในรายการวิธีฝึกสมาธิเบื้องต้น
กะลังนั่งน้อมใจตามเสียงหลวงพ่อเพลินๆ พลันท่านก็พูดมาท่อนหนึ่งว่า
"...ถ้าเลิกฟุ้งไม่ได้ ทำยังไงก็ไม่หาย ก็ปล่อยให้ฟุ้งไปเลย แต่เรื่องที่ฟุ้งต้องให้เป็นประโยชน์ในการสร้างบารมีของเรา เช่น ขนาดพระพุทธเจ้ายังโดนพญามารถอดกาย มหาปูชนียาจารย์ต่างก็ละสังขารไปแล้ว เราเองก็ไม่แคล้วเหมือนกัน..."
ท่านว่าประมาณนี้นะ ท่านต้องการให้รักษาอารมณ์นุ่มๆ สบายๆ เพราะฉะนั้น อย่าไปหงุดหงิดรีบกระตุกใจกลับ เดี๋ยวอารมณ์สบายกระเจิง ต้องเสียเวลารวมใหม่อีก
เรื่องนี้เราเองเคยสะดุดกึก โดนใจอย่างจัง ด้วยพระธรรมเทศนาตอนเที่ยงของหลวงพ่อทัตตะ
ท่านเตือนสติ ประมาณว่า
"...ก็เข้าวัดกันมาตั้งนานแล้ว ที่นั่งไม่ถึงไหน ก็เพราะ 'ไม่เอาจริง' กันนี่แหละ พอเริ่มนั่งปุ๊บ ก็นั่งสักๆแต่ว่านั่งให้ครบเวลากันไป บ้างก็นั่งนับเวลาไปว่านี่ครึ่งชั่วโมง ชั่วโมงนึงแล้วนี่..."
เรื่องนี้ก็เป็นเหมือนกันอีกนั่นแหละ กำลังฝึกตนอย่างหนักอยู่ และก็ค่อยๆเรียนรู้ ทดลอง ปรับเปลี่ยนวิธีไป
อย่างเรื่องง่วง ลองนั่งมันทุกช่วงเวลา ผลสรุปคือ นั่งช่วงเช้าหลังใส่บาตรและอธิษฐานจิต จะ alert ที่สุด และถ้านั่งรอบไหนไม่ดี นั่งง่วง ก็ต้องไม่รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ต้องให้กำลังใจตัวเองว่า ยังดีกว่าไม่ได้นั่ง นั่งยังไงก็ได้บุญ หลวงพ่อยังบอกเลย (ช่วงโรงเรียนฯ) ว่า "ง่วงก็หลับไปเลยลูก!"
อีกเรื่องหนึ่งที่ฝึกและเตือนตนเองเสมอ คือ
"ฝึกตัดใจ" "ฝึกความเฉียบขาด ไม่ลังเล"
ด้วยเหตุว่า ไม่อยากเกิดเป็นผู้หญิงแล้ว อยากได้โอกาสบวชตลอดชีวิตทุกภพทุกชาติกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
ได้เรียนรู้เรื่องกรรมและจริตที่ทำให้เกิดเป็นผู้หญิง
ดังนั้นจึงต้องฝึกฝนในเรื่องดังกล่าว
ตัวอย่างของการฝึกตัดใจเช่น
ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้จะมีนิวรณ์ใดๆก็ตาม
แต่พอถึงเวลานั่งธรรมะ ต้องตัด สลัดให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ซึ่งหากฝึกตัดใจบ่อยๆได้(ในเรื่องอื่นๆด้วย)เราก็จะเริ่มชินเอง
ตัวอย่างของการ"ฝึกความเฉียบขาด ไม่ลังเล"ก็เช่น ในการตัดสินใจเรื่องใดใดก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสร้างบุญบารมี
เมื่อตั้งใจจะใส่บาตรทุกวัน ก็ต้องตื่นให้ได้ ไม่ว่าจะต้องนอนดึกแค่ไหน
แม้ช่วงแรกๆ ความง่วงจะทำให้เราลังเล เอ...วันนี้งดสักวันจะเป็นไรไป
ภายในจะบอกเราเองว่า ถ้าวันนี้งด เดี๋ยววันต่อไปเราก็มีเหตุให้งดอีก
เดี๋ยว"ความที่ตั้งใจทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ"เป็นฝังติดตัวเราไปอีก
สุดท้าย...ก็ลุกขึ้นมาใส่บาตรได้ (เพราะความกลัวและละอายนี่เอง )
เรื่องนั่งธรรมะก็เหมือนกัน
ถ้าตั้งใจนั่งทุกวันก็ต้องนั่งให้ได้ แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน
แต่ก็ต้องไม่ทิ้งเรื่อง "คุณภาพ" มากกว่า "ปริมาณ"
----------------
เห็นคุณนักเรียนอนุบาลขวัญมณีเบิกบานพูดถึงคำสอนของคุณยายเรื่องกำปั้นทุบขี้ดิน
ซึ่งเคยได้อ่านได้ฟังเมื่อหลายๆปีมาแล้ว
เมื่อมีคนพูดถึง ทำให้นึกอยากไปเปิดดูอีกว่าคุณยายพูดไว้ว่าอย่างไร (คิดถึงยายจัง)
เห็นว่าน่าจะเป็นกำลังใจให้คุณใจสูงและเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกท่าน (รวมทั้งตนเอง)
ขอย่อให้อ่านทบทวนกันดังนี้
จากหนังสือ คำสอนของยายฉบับรวมเล่มและภาพ หน้า 164
การนั่งธรรมะก็เหมือนกับกำปั้นทุบขี้ดิน
ดังนั้นเวลาปฏิบัติธรรมอย่านึกว่าเราจะไม่รู้ไม่เห็น จะไม่เป็นอย่างคนอื่นเขา
อย่าไปคิดอย่างนั้น
เราต้องคิดว่า ทุกคำภาวนาว่า สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง นั้นเราได้บุญทุกคำ
สัมมาอรหัง ทีไรเราก็ได้บุญทุกที หลับตาทีไรก็ได้บุญทุกที
เหมือนเราเอากำปั้นทุบขี้ดิน
ทุบทีไรก็ถูกทุกที
ตบท้ายด้วย หน้า 168 คุณยายเล่าว่า
การนั่งธรรมะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต
เราต้องคิดอยู่เสมอว่า
เราต้องเข้าถึงธรรมะให้ได้
เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆ
เราต้องหมั่นนึกถึงบ่อยๆ ทุกๆเวลา
ไม่ว่าเราจะเดิน ขับรถ หรือทำอะไรก็ตาม
เมื่อมีเวลาก็ให้นึกถึงให้มากๆ
เหมือนอย่างยาย เมื่อยังไม่เห็นธรรมะ
ก็พยายามนั่ง ขยันนั่ง จนเห็นธรรมะ
จากเห็นธรรมะได้ ก็ไปขาดรู้*ได้
ธรรมะยายจึงก้าวหน้าเพราะยายนั่งจริงๆ
สาธุ
“ไม่ได้ไม่มี ไม่ดีไม่ได้ ต้องได้และดี ให้ดีที่สุด”
#17
โพสต์เมื่อ 27 February 2008 - 05:40 PM
ไม่อยากเกิดเป็นผู้หญิงแล้วค่ะ ดีใจมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่ใส่ให้มาเต็มเปี่ยม
อ้อ ! แล้วก็ข้อคิดดีๆ นะคะ ดีมากๆ เลยค่า สาธุๆ
#18
โพสต์เมื่อ 28 February 2008 - 11:17 AM
#19
โพสต์เมื่อ 28 February 2008 - 02:05 PM
เข้าสู่สมาคม "คนไม่อยากเป็นหญิง (ในชาติหน้า)" ค่า
สู้ต่อไปนะคะ ประพฤติพรหมจรรย์กันต่อไป โย่!
********************
http://sasismile.wordpress.com
บล็อกใสๆ ของใจสูงค่า
#20
โพสต์เมื่อ 28 February 2008 - 04:50 PM
#21
โพสต์เมื่อ 28 February 2008 - 07:52 PM
รักษาศีล 8 วันพระได้นี่สุดยอดเลย แต่ว่าๆ คุณขวัญมณีเบิกบานต้องปรนิบัติพัดวีเทพบุตรประดุจเทวดาด้วยนะคะ
(หลวงพ่อบอกอ่า) สู้ต่อไป แล้วยังไง ชาติหน้ามาเป็นผู้ชาย ออกบวชด้วยกันนะคะ
***********************
http://sasismile.wordpress.com
บล็อกใสๆของใจสูงเองค่า
#22
โพสต์เมื่อ 28 February 2008 - 09:56 PM
ดีใจที่รู้ว่ามีคนตั้งใจนั่งสมาธิตั้งเยอะ
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่นำมาแบ่งปันกันค่ะ
ฮันนี่ก็เป็นนักเรียนเหมือนกันค่ะ กำลังตั้งใจฝึกอยู่
ช่วงไหนทำการบ้านครบ 10 ข้อ ช่วงนั้นรู้สึกว่าจะมีประสบการณ์ภายใน
สมาธิมีการพัฒนา
แต่พอช่วงไหนละเลยการบ้าน 10 ข้อ แค่นับชั่วโมงนั่งสมาธิว่า วันนี้นั่งครบชั่วโมงแล้ว
ก็รู้สึกว่า ประสบการณ์ภายในอยู่ที่เดิม
วันนั้นได้ยินหลวงพ่อพูดนำนั่งสมาธิ ตอนตีห้า ท่านบอกว่า ฉันทะและวิริยะ เราก็มีแล้ว
ให้เรา มีจิตตะ และวิมังสา เพื่อหา วิธีการ หรือ สาเหตุ ที่เรานั่งได้ดี ( หลังนั่งสมาธิ )
และปรับปรุงให้เรามีอารมณ์อย่างวันนั้น
เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ สู้สู้ !!!
#23
โพสต์เมื่อ 29 February 2008 - 01:02 PM
ใจสูงก็เริ่มหัดตื่นมานั่งธรรมะ ตอนตีห้า เหมือนกันค่า สาธุๆๆ
อ้อ อนุโมทนาบุญกับการทำการบ้านครบ 10 ข้อ ด้วยนะคะ
ใจสูงทำได้มากสุดประมาณ 7-8 ข้อ
ข้อที่ไม่ได้ คือ ทุกกิจกรรมให้นึกถึงองค์พระ กับ ทั้งวันให้ทำความรู้สึกว่า ตัวเราเป็นพระ พระเป็นเรา
เพราะใจสูงทำได้ไม่ตลอดเวลา
#24
โพสต์เมื่อ 29 February 2008 - 08:06 PM
สาธุค่ะ
#25
โพสต์เมื่อ 13 March 2008 - 01:49 PM
#26
โพสต์เมื่อ 31 May 2008 - 09:43 PM
ชาติหน้าขอให้ได้ลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการเทอญ..สาธุ
เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้
เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้
เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
เราจะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักสิ่งที่ชอบทั้งสิ้น
เรามีกรรมเป็นของของตน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว