ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

คิดว่าเพ้อ (19 มีนาคม 2546)


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 1 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 July 2006 - 11:17 PM

ย่อเรื่อง คิดว่าเพ้อ (19 มีนาคม 2546) โดย Extra happy.gif

การไปทุคตินั้นง่าย ในยมโลก เขามีงานประจำ คือ มีหน้าที่ตบ ตี ฟัน คนที่ถูกทำ ก็ไม่เคยคุ้นเลยตลอดระยะเวลายาวนานเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน ๆ ปี เป็นกัป คนจนในปรโลกจนกว่าในโลกมนุษย์ ไม่มีจะกินจนต้องเอาเล็บขูดตัวเองกิน กินน้ำเหลืองของตัวเองบ้าง ของคนอื่นบ้าง ไม่มีการรวมกันเป็นสมัชชาคนจน เสื้อผ้าไม่มีนุ่ง อาหารไม่มีกิน ที่อยู่อาศัยไม่มี แถมตัวยังลุกเป็นไฟ

ชนิดของเปรต และบุพกรรม
เปรตหัวใหญ่ตัวเล็ก เปรตหัวเล็กตัวใหญ่ - เพราะทำให้คนอื่นเสียหน้า
เปรตสาวไส้ให้อีกาปากเหล็กกิน - เป็นกรรมสายลับ
เปรตบิดลำตัว - ชอบบิดเบือนความจริง
เปรตตัวเล็กมือใหญ่ลุกเป็นไฟ - ขโมยทุกอย่าง ปล้น ตบตีผู้มีศีลทำให้ไฟลุกมือ
เปรตไม่มีผิวหนัง - ชอบปอกลอกคน
เปรตหนู - หวงและห่วงสมบัติ
เปรตลิง - ทำท่าล้อเลียนผู้เฒ่า ผู้มีศีล
เปรตร่างกระดูก - ทำปาณาติบาตเลาะกระทั่งเหลือแต่กระดูก
เปรตปากอยู่ที่ก้น - ชอบนินทาลับหลังให้เขาเสียหาย
เปรตเล็บเป็นหอกเป็นดาบตะกุยเนื้อตัวเองกิน - ทำปาณาติบาตในแบบต่างๆ
เปรตไม่มีแขนไฟลุกท่วมตัว - ขโมยประเภทฉ้อโกงหลายอย่าง

คนไม่มีแขน ก็ขโมยของได้ มีเจ้าทุกข์ไปแจ้งความที่โรงพักว่า หนุ่มแขนด้วนไปขโมยกระทะใบบัว ขนาดใหญ่เป็นเมตร ผู้ต้องสงสัยบอกว่า ผมไม่มีแขนทั้งสองข้างจะขโมยได้ยังไง ตำรวจให้กลับไปและเอากระทะกลับไปด้วย เขาดีใจ คุกเข่าเหมือนกับท่าทำความเคารพกระทะ เอาขาข้างหนึ่งกดปากขอบกระทะครอบหัว แล้ววิ่งไป พอวิ่งไปสามก้าว ตำรวจบอกว่า นี่ไงหลักฐาน แขนด้วนยังขโมยของได้


มองในมุมกลับ คนรวยในสุคติภูมิ รวยอย่างไม่น่าเชื่อ รวยกันยาวนาน คนรวยในเมืองมนุษย์เป็นเพียงเศษบุญ เช่น พระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก พระราชาปกครองประเทศมหาอำนาจ พระราชาประเทศที่เล็กลงมาที่ไม่ได้เป็นมหาอำนาจ ประธานาธิบดีชั่วคราว เป็นนายกชั่วคราว รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี จนกระทั่งเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เศษบุญค่อย ๆ ลดหลั่นกันมา ส่วนจะอยู่สวรรค์ชั้นไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

บริวารย่อย ๆ ในอุทยานบัว หรือวังบัว หรือโลตัสปาร์ค เป็นบุญที่เกิดจากการทำเองและชวนคนอื่นทำ บุญเล็ก ๆ ที่ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา นำดอกบัวมาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาบูชาพระและบุญอื่น ๆ ทำให้มีบริวารมาแบกวอทอง โดยบริวารส่วนใหญ่อยู่ที่วิมาน บุญบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยดอกบัวยังได้บุญกันขนาดนี้ หากสร้างพระไว้เพื่อให้เขานำดอกบัวไปบูชา ไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้บุญมากขนาดไหน

เจ้าของวิมานคิดจะไปเที่ยวเกาะ เทพอัปสรเหาะไปเอาใบบัวมาวางเป็นถนนใบบัวสวยงาม จากตึกใหญ่ไปที่เกาะพฤกษชาติหาดรัตนมณี โดยยกขบวนพยุหยาตรา นั่งวอทองไป เดินไปบนถนนใบบัวซึ่งไม่มียวบยาบเลย นุ่มเนียนเท้า ละมุนพริ้วเบา ข้าง ๆ มีนักดนตรีเทพธิดาน้ำพุ มีขบวนธงนำหน้าเป็นกองทัพ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่วิมานใหญ่เพราะนี่เป็นเพียงการชมสวน ไปอุทยานบัว ชมเกาะแก่งต่าง ๆ สระน้ำมีทุกวิมาน แต่เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน แตกต่างกันตามกำลังบุญ มีธงดอกบัว ธงส้ม ธงแอปเปิ้ล ธงองุ่น ธงชมพู่ ธงปลาที่เคยปล่อย วงดนตรี เทพอัปสร เทพธิดาเต้นระบำน้ำพุ ดอกบัวลอยออกมาตามจังหวะเพลง พอใกล้จะถึงพื้น ก็สลายกลายเป็นกลิ่น

บนวอทองเป็นรัตนบัลลังก์เพชรพลอยมากมาย บริวารอัญเชิญอย่างมีความสุข เป็นเพราะทำบุญเองด้วยและชวนผู้อื่นทำด้วย นักดนตรีอยู่บนดอกบัวบาน ด้านหน้าเกาะมีไม้ดอก ไม้ผล ไม้ยืนต้น พวกสัปปะรด องุ่น ทางเข้าของเรือมีถนนขนาบ มีตึกตรงกลาง


เมื่อไปถึงบนเกาะ เจ้าของวิมานจะขึ้นราชรถ โดยที่วอทองลอยขึ้นไปบนราชรวยบนสวรรค์มันรวยจริง ๆ วันนี้ราชรถสองล้อไปก่อน ราชรถวิ่งไปที่ตึกเล็ก ๆ บนเกาะ เพื่อจะเข้าไปในตึก ระหว่างนั้นบริวารไปเก็บผลไม้ เจ้านายเข้าไปในตึก บริวารเหาะไปเก็บผลไม้มาใส่วางไว้บนชั้นต่าง ๆ ในตึก ผลไม้ที่สุก จะสว่างและมีกลิ่นหอม

พอเจ้านายเข้าในตึก ดอกบัวก็ลอยตามมา นักดนตรีและเทพอัปสรฟ้อนรำ เจ้านายมองลอดออกไปนอกตึกตามช่อง แล้วแต่ว่าจะดูจะฟังอะไร ดูเสร็จเรียบร้อยก็ลงเรือ โดยการลอยไป ขบวนเรือใส่ผลไม้ดอกไม้เอาไว้ให้เจ้าของวิมานเสวย

เรือหงส์ทิพย์นาวา พาแก้วเก้าเทพนารี
เที่ยวชมผลความดี อย่างเปรมปรีย์สุดเอนจอย
เรือมัจฉาท่าแหวกว่าย มองดูคล้ายปลาเคยปล่อย
เทพธิดานั่งเรียบร้อย งามหยดย้อยคล้ายคนชม

เรือของเจ้าของวิมาน อย่าไปเรียกเรือปลาดุก ต้องเรียกเรือปลาเคยปล่อย อุทยานบัว หรือวังบัว หรือโลตัสปาร์ค ภาพจากด้านบน ทั้งหมดนี้อยู่รอบตึกใหญ่ มีอยู่ทั้งหมด 7 กลุ่ม 7 อุทยาน ทางเข้าเป็นบัวดารดาษ ทางเข้าทุกทางมีประติมากรรมทั้งหมด ตรงกลางนี้มีบัวพิเศษอยู่ เรียกว่าบัวกัลปพฤกษ์ บริวารจะมาเก็บดอกบัวนี้ใส่พานเอาไปให้เจ้านาย ตรงนี้คือตึกเล็ก ๆ ที่อยู่ที่อุทยานบัวซึ่งมีอยู่ 7 แห่งรอบตึกใหญ่ บัวมี 7 กอๆ ละ 7 ดอกๆ ละ 7 กลีบๆ ละ 7 นาง แต่ละนางมีบริวาร 1 พันแล้วจะเป็นที่อยู่เทพธิดาและของเทพอัปสร มีซุ้มทางเข้าอยู่ในน้ำเหมือนประตูโทริที่อยู่ในญี่ปุ่นแต่สวยกว่า ประติมากรรมน้ำพุ กลมๆ เหมือนดวงแก้ว คำว่าแก้วคือ เพชรพลอย ขนาดเม็ดใหญ่กว่าคน มีผ้าทองคำม้วน ๆ มีเทพธิดายืนถือฝักบัว มีน้ำพุลงมา เทพอัปสรแต่ละนางมีบริวาร 1 พัน 7 กอก็เป็น 2 ล้านกว่า


บิดาของเจ้าของเคส บ้านอยู่ที่ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พ่อเกิดที่ประเทศจีน เป็นชาวจีนอยู่ในชนบทธรรมดา พ่อแม่ยากจน จึงข้ามน้ำข้ามทะเลมาแสวงโชคที่เมืองไทยเมื่ออายุ 20 ปี แต่งงานกับแม่เมื่ออายุ25 ปี มีลูก 9 คน ล้วนแต่น่ารักน่าเอ็นดูมาก พ่อเป็นคนซื่อสัตย์ยุติธรรม เป็นคนร่างเล็กแต่ไม่ยอมใคร ยอมตามเหตุผล จนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงตั้งฉายาให้ว่า เปาบุ้นจิ้น เพราะชอบช่วยเหลือไกล่เกลี่ยเพื่อนบ้านยามทะเลาะอย่างยุติธรรม ท่านมีอาชีพเป็นพ่อครัว ทำอาหารเก่ง ท่านเคยทำงานร้านขายข้าวต้ม เคยทำร้านกับข้าวขายในตลาดตอนเช้า ตอนหลังสุขภาพไม่ดี จึงมาเป็นพ่อครัวอยู่บ้านเถ้าแก่ ทำได้ไม่นาน เนื่องจากสุขภาพไม่ดี สู้ไม่ไหวก็หยุดไป การดำรงชีวิตของท่านเหมือนชาวจีนทั่ว ๆ ไป คือ ทำบุญทำทานน้อย แต่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นและเนื่องจากท่านขายกับข้าวตอนเช้าทำให้ได้มีโอกาสใส่บาตรหลวงตาองค์หนึ่งเป็นประจำ ท่านชอบเล่นหวย แต่ไม่ชอบการพนันอื่นๆ ทุกวันที่หวยออกท่านจะอารมณ์ดี คนในครอบครัวก็อารมณ์ดีตามไปด้วย หากใครอารมณ์ไม่ดีหรือมีเรื่องอื่น ๆ มากวนใจในวันหวยออก ท่านก็จะโทษว่าคนนั้นขัดลาภ หากผลออกมาถูกหวยก็อารมณ์ดี เมื่อท่านยังแข็งแรง ท่านนับถือหลวงพ่อองค์หนึ่งมาก ท่านจะไปถวายภัตตาหารเช้า ถวายน้ำมันก๊าซบ่อย ๆ เพราะหลวงพ่อรูปนี้ชอบเผาไฟ ใครเอาอะไรให้ก็จะโยนเข้ากองไฟ โดยเฉพาะก่อนวันหวยออก 1 วัน ท่านจะไปเฝ้าหลวงพ่อรูปนี้ ตั้งแต่ตอนเช้าถึงสว่างของวันรุ่งขึ้นเพื่อคอยสังเกตอิริยาบทของหลวงพ่อ แล้วมาวิเคราะห์ตีเป็นเลข ซึ่งส่วนมากมักจะถูก

พ่อรักและเคารพหลวงพ่อรูปนี้มาก ท่านสวดพระคาถาของหลวงพ่อได้คล่องแคล่วที่สุดและสวดพระคาถาเป็นประจำ ไม่ว่ามีเหตุใดเกิดขึ้นกับตัวท่านหรือผู้อื่น ท่านก็จะสวดและแนะนำพระคาถานี้ให้ผู้อื่นสวดประจำ จนกระทั่งหลวงพ่อท่านนี้มรณภาพ พ่อก็ยังสวดพระคาถาและยังระลึกถึงคุณของหลวงพ่ออยู่เป็นประจำ เนื่องจากท่านเป็นพ่อครัวที่ทำอาหารเก่ง โดยเฉพาะขาหมู เป็ดพะโล้ ไก่ต้ม เป็นต้น บางครั้งท่านจะซื้อเป็ดไก่ที่ตายแล้วมาทำอาหาร บางครั้งฆ่าเอง แต่เป็นส่วนน้อย เพราะคนที่บ้านไม่อยากให้ทำ เมื่ออายุ 58 ปี ป่วยที่ระบบทางเดินหายใจ ต้องใช้ยาพ่นจมูกบ่อย ๆ ก่อนละโลก 1 สัปดาห์ ท่านมีอาการเพ้อ พูดสั่งสอนคนในบ้านรวมทั้งเพื่อนบ้าน ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงให้ทำแต่ความดี ห้ามเล่นหวย ห้ามเล่นการพนัน ให้ทุกคนทำความดี ให้ระลึกนึกถึงผู้มีพระคุณกับเรา ท่านจะพูดสอนเป็นภาษาจีนอยู่เสมอ แปลได้ความว่า รู้จักเงินตาย รู้จักคนไม่ตาย แล้วมักจะพูดว่าท่านเป็นเปาบุ้นจิ้น จนชาวบ้านและคนในครอบครัวปรึกษากันอยู่หลายวัน จึงตัดสินใจพาไปส่ง ร.พ. สมเด็จเจ้าพระยา หมอนำท่านไปพักรวมกับคนไข้อื่นตอนกลางคืน วันรุ่งขึ้นลูก ๆ นำท่านกลับมา ท่านละจากโลกนี้ไป ก่อนจากไป ท่านลืมตา ขยับปากเหมือนจะว่าคาถาที่ท่านเคยสวดเป็นประจำ จนกระทั่งหลับไปอย่างสงบ

คำถาม คือ ขณะนี้พ่ออยู่ที่ไหน ในอดีตท่านเคยสร้างบุญหรือกรรมอะไรจึงมีชีวิตอยู่เช่นปัจจุบัน ก่อนที่ท่านละโลก ท่านเห็นสิ่งใดจึงมีอาการเพ้อ ขณะนี้ท่านมีความสุขดีหรือไม่ ทำอย่างไรจะสามารถช่วยท่านให้มีความสุขที่มากขึ้นได้


ท่านเคยเกิดเป็นคนจีนในเมืองจีนผืนแผ่นดินใหญ่ สมัยนั้นท่านเป็นนายอำเภอ มีหน้าที่ปกครองลูกบ้าน มีความยุติธรรม เป็นคนที่ขจัดปัญหาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเขตการปกครองของท่าน ท่านจะมีอัธยาศัยที่แก้ปัญหาด้วยวิธีไกล่เกลี่ย เพราะฉะนั้นปัญหาทุก ๆ ปัญหาพอมาถึงท่านยุติหมด เพราะท่านยุติธรรม ท่านจะให้ทุกคนทั้งสองฝ่ายที่ทะเลาะกันให้อภัยซึ่งกันและกัน ท่านบอกว่า ไม่ช้าเราก็ตายแล้ว จะเอาอะไรกันหนักหนา แล้วต่างก็ให้อภัย ให้รอยยิ้ม ให้ความรักความปรารถนาดีกัน เดินเข้ามาหาท่านใหม่ ๆ ด้วยหน้ายู่ยี่ แต่จากไปด้วยรอยยิ้ม แล้วปัญหาก็สิ้นสุดไป แต่ไม่ค่อยชอบทำทาน ทำทานน้อย ชีวิตจึงลำบาก ถ้าทำน้อยก็มีน้อย ทำมากก็มีมาก ทำให้มีอาชีพพ่อครัว ต้องทำอาหารเลี้ยงคนอื่นเขา ตอนที่ท่านใกล้จะละโลก ไม่มีใครเข้าใจท่าน ตอนนั้นกรรมนิมิตมันฉายให้เห็น ภาพชีวิตที่ผ่านมาตลอดชีวิต ลูกไม่เห็นก็เข้าใจว่าเพ้อ พูดไกล่เกลี่ยพูดสั่งสอนคนนั้นคนนี้ ซึ่งเป็นกรรมดี สิ่งที่ท่านเห็นกับสิ่งที่ท่านเป็นมันคนละอย่างกัน ลูกเห็นเหมือนเพ้อ แต่ใจท่านกำลังสบาย เพราะความไม่เข้าใจจึงพาท่านไป ร.พ.

ท่านถูกหวยเรื่อยๆ เพราะเหตุ 2 ประการคือ ทานที่ท่านทำทุกวันใส่บาตรหลวงตา 1 องค์ ท่านอธิษฐานขอให้ถูกหวย ประการที่ 2 คือ ด้วยความเคารพรักพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ชอบเอาทุกอย่างใส่ลงไปในไฟเผา ท่านมีอานุภาพมาก ครั้งหนึ่งมีคนเอากุ้งมังกรต้มแดงปอกเปลือกเอาใส่จานไปถวายท่าน ท่านสงสารมัน ให้เอามันไปปล่อย มรรคนายกก็เดินไปอย่างงง ๆ เขาถือจานใส่กุ้งต้มปอกเปลือกไปที่ริมประโดง เอาจานจุ่มลงไปในน้ำ กุ้งก็คลานจากจานไปเลย ว่ายน้ำอย่างมีความสุขกลับเคหะไปเลย อีกครั้งหนึ่งท่านนั่งอยู่บนเจดีย์วัดพิชัย ที่เจดีย์มีบันไดขึ้นไปในกลางเจดีย์ ปิดประตู ท่านนั่งอยู่ในนั้น ชันเขาอยู่ข้างหนึ่ง สวดภาวนาไปเรื่อยๆ วันหนึ่งได้รับจดหมายจากญาติที่ลพบุรี บอกให้ไปเยี่ยมญาติที่ป่วยหนัก จึงไปวัดพิชัย ขึ้นเจดีย์ไปกราบท่านเพื่อขอศีลขอพรก่อนไป เล่าเรื่องให้ท่านฟังว่าไม่เคยไปลพบุรี ญาติเขียนจดหมายมาให้ไปเยี่ยม ท่านยืนชี้ โน่นไง (วัดพิชัยอยู่ฝั่งธนบุรีตรงวงเวียนเล็ก) ทิศที่จะไปบ้านหลังนั้นไง ก็มองตามมือที่ท่านชี้ มองไปตามสายตาของท่าน เห็นบ้านหลังนั้นอยู่หลังสถานีรถไฟ เห็นชัดเลยเหมือนอยู่ใกล้ๆ อย่างนี้ เขาก็งง ๆ ว่าทำไมมันชัดจังเลย กราบเสร็จไปเยี่ยมญาติ ก็เห็นเป็นอย่างนั้นเลย หลวงพ่ออีกรูปอยู่ชลบุรี โยมเห็นหลวงพ่อหัวเราะ ก็ถามว่าหัวเราะอะไร ท่านตอบว่ากำลังดูงิ้ว โยมถามว่า งิ้วที่ไหนมาอยู่หลังวัด ท่านบอกมาดูสิ โรงเบ้อเร่อเลย ไปเอามาจากเยาวราช ยกโรงงิ้วด้วยใจ ด้วยอานุภาพของบุญที่ใส่บาตรทุกวันกับหลวงตาและอานุภาพของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านนี้บวกกันเลย ถูกหวยเรื่อย ๆ แล้วก็ไปใส่บาตรหลวงพ่อองค์ที่มีฤทธิ์องค์นี้ด้วยแล้วก็ใส่บาตรหลวงตาด้วยเลยถูกหวยกันอยู่เรื่อยๆ แหละ

พ่อผูกพันกับหลวงพ่อที่มีฤทธิ์ ในที่สุดเมื่อท่านละโลก ก็ไปอยู่ใกล้ ๆ กันอยู่ในกลุ่มเดียวกันที่เป็นวิทยาธร หลวงพ่อไปเป็นหัวหน้าทีมที่รักษาวิชชาประเภทนี้ เป็นพวกเวทย์มนต์คาถาอาคม หลวงพ่อท่านนี้มีวิมานเป็นสีทองออกแดง ส่วนพ่อมีวิมานเป็นเงิน ไปอยู่ใกล้กันเพราะรักเคารพมาก วิชชาเป็นวิชชาของฤๅษีชีไพร ดาบส นักพรต สิทธา ผู้สำเร็จสายวิทยาธร ตายไปแล้วไปอยู่รักษาวิชชาพวกนี้อย่างมีความสุข และกำลังเรียนเพิ่มเติมอย่างเพลิดเพลิน ไปเกิดเป็นวิทยาธรอยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา แต่งตัวแปลก ๆ คล้ายพระก็มี ถ้าอยากให้ท่านไปสูงกว่านี้ ต้องให้ท่านทำสมาธิ วางความเชื่ออันเดิม หันมาปฏิบัติธรรมทำจิตให้บริสุทธิ์ ลูก ๆ ที่เป็นมนุษย์อยู่ทำบุญทุก ๆ บุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เรื่อย ๆ สภาพท่านจะดีขึ้น ถ้าวันไหนท่านทำภาวนาใจใส ๆ ก็ดีขึ้นไปเรื่อยๆ


#2 ศูนย์กลางกาย

ศูนย์กลางกาย
  • Members
  • 94 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 July 2006 - 10:07 PM

QUOTE
พ่อผูกพันกับหลวงพ่อที่มีฤทธิ์ ในที่สุดเมื่อท่านละโลก ก็ไปอยู่ใกล้ ๆ กันอยู่ในกลุ่มเดียวกันที่เป็นวิทยาธร หลวงพ่อไปเป็นหัวหน้าทีมที่รักษาวิชชาประเภทนี้


ผูกพันกับอะไรก็จะไปอย่างนั้น