โบสถ์วัดทำไมหรอ?
#1
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 04:20 PM
เพื่อนมันบอกอย่างงี้......
โอ้ยไม่เอาหรอก วัดพระธรรมกาย ดูเขาสร้างโบสถ์สิ อย่างกับศาสนาอื่น..แล้วมาโมเมว่าเป็นศาสนาพุทธ....ต้มชาวบ้านกันชัดๆ
(ดูมันๆ) ผมก็ตอบไปแบบนุ่มๆแต่หนักๆว่า
เฮ่ยเพื่อน ในพระไตรปิฏกตรงไหน มีบอกไว้ว่า ต้องสร้างโบสถ์แบบที่เพื่อนเข้าใจ?
เพื่อนมันตอบ... ตูจะรู้ได้ไงวะ.... ไม่ได้เป็น พระซะหน่อย แล้วเอง รู้ได้ไง ว่า ในพระไตรปิฏกไม่มีบอก?
เอาอย่างงี้ไหม เพื่อน ถ้ามีในพระไตรปิฏกมีบอกว่า เขาต้องให้สร้างโบสถ์ตามแบบวัดทั่วๆไป ตูยอมจ่ายเงินให้เท่ากฐิน 1 กองให้เพื่อนเอาไปใช้ฟรีๆเลยเอาไหม?
เพื่อนมันหัวเราะยาวเลย.... บอกผมบ้าไปแล้ว เอา... สิ... งานนี้มันมั่นใจได้เงินใช้ฟรีชัวร์เลย
ผมถามต่อ.....แต่ถ้าพระไตรปิฏกไม่มีบอกละ?
มันถามผม... แล้วเพื่อนจะเอาอะไร ถ้าให้ได้ ให้เลย...
ผมเลยบอก..... เอากฐิน 1 กอง ที่วัดพระธรรมกาย เองต้องมาทำเองในวันงานด้วย
เพื่อนมันบอกได้เลย แค่นี้เอง... งานนี้... เองเสียตังค์ฟรีแน่นอน...อย่าลืมนะโว้ย....แล้วมันก็หัวเราะชอบใจ.... วางหู
ผมก็นิ่งๆ แล้วมานั่งนึกๆ ถ้าในพระไตรปิฏกมีจริงว่าต้องให้สร้างตามแบบไทยๆ ละข้าพเจ้า ซวยแน่เลย
ไม่รู้ว่าหาเรื่องใส่ตัวรึเปล่า
กราบขอความเมตตาพระอาจารย์ รูปไหนก็ได้ กราบนมัสการช่วยยืนยันกับข้าพเจ้าด้วยครับ
หรือท่านใดมั่นใจ ช่วยบอกด้วย จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
กราบสาธุล่วงหน้าครับ
#2
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 04:38 PM
แค่บอกนโยบาย ลองหาอ่านดูในหนังสือหลวงพ่อทัตตะครับ "คัมภีร์สร้างวัดจากพระโอษฐ์"
#3
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 04:44 PM
ขออนุโมทนาบุญกับการตอบคำถามของ นรอ.usr29468 ในครั้งนี้ด้วย...(อาจทำให้เพื่อนได้บุญใหญ่ก็คราวนี้แหละ)
เรื่องกฎเกณฑ์การสร้างโบสถ์ ที่มีมาในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้บัญญัิติไว้อย่างชัดเจน ก็สร้างกันไปตามยุคสมัยเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการใช้งานทางพระพุทธศาสนาในแต่ละยุค แต่ละสังคม แต่ละประเทศนั้นๆ ซึ่งทุกวันนี้ก็มีให้เห็นกันทั่วโลก โบสถ์จีนก็แบบหนึ่ง โบสถ์พม่า โบสถ์ไทย ก็แบบหนึ่ง ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ในสมัยพุทธกาล วัดเชตวันก็ดี วัดบุพพารามก็ดี วัดอื่นๆก็ดี มีรายละเอียดต่างกันไป ปรับกันไปตามความเหมาะสม แต่ให้ดูแล้วเป็นที่ตั้งแห่งศร้ทธา
วัดที่ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง วัดที่ทำด้วยอิฐด้วยปูน วัดที่ทำด้วยโลหะปราสาท จะเป็นโบสถ์ชั้นเดียวมีใต้ถุน หรือจะเป็นโบสถ์สองชั้น ก็เป็นการปรับไปตามสภาพท้องถิ่นและวัสดุในท้องถิ่นและงบประมาณที่มี
แต่ในยุคของเรานี้ การทำด้วยไม้จะไม่ทนทานเท่าไหร่นัก การประดิษฐ์ตกแต่งด้วยกระจกสีต่างๆขนาดต่างๆกันนั้น ก็สิ้นเปลืองค่าซ่อมแซมรักษามากทีเดียว การสร้างโบสถ์ด้วยรูปทรงและวัสดุที่ประหยัดสุด-ประโยชน์สูง-ซ่อมแซมบูรณะได้ง่าย ถือว่าเหมาะสมดีทีเดียวสำหรับยุดนี้
รายละเอียดอื่นๆ ขอให้ติดตามอ่านจากท่านผู้รู้ท่านอื่่นต่อไปในกระทู้นี้
#4
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 04:51 PM
และพี่ๆ นรอ. ทุกๆท่าน
ความจริง ผมก็คุ้นๆว่าไม่น่าจะมี แต่ไม่แน่ใจ แต่ปากมันโพรงท้าทายไปก่อน
...ขอให้เพื่อนมันยอมทีเถอะ สาธุ...
#5
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 04:59 PM
รายละเอียดเกี่ยวกับโบสถ์วัดพระธรรมกาย มีตอบได้ละเอียดจากกระทู้นี้แล้ว
http://www.dmc.tv/fo....php/t8256.html
คาวมรู้เกี่ยวกับการผูกสีมา
http://www.vajira.or...l...edge&id=206
สำหรับในพระวินัยไตรปิฏก การผูกสีมา เป็นการกำหนดเขตของสงฆ์ไว้เป็นเอกเทศ เพื่อทำสังฆกรรม มีรายละเอียดอยู่ในตำรา สารัตถทีปนี นาม วินยฎีกา สมันตปาสาทิกา วัณณนา (ตติโย ภาโค) ซึ่งเป็นหนังสือเรียนบาลีของชั้น ประโยค 6 ซึ่งไม่ได้บอกว่าจะต้องสร้างโบสถ์ในรูปแบบไหน เพียงแต่บอกไว้ว่าต้องกำหนดเขตแดนของสงฆ์ให้ถูกต้องตามพระวินัยเท่านั้น ก็ถือว่าใช้ทำสังฆกรรมได้ ซึ่งนอกจากการกำหนดบนพื้นดิน ยังมีการกำหนดเขตในน้ำและที่อื่นๆอีกด้วย
ลองออ่านดูข้อที่ 6 นะครับ
http://www.larnbuddh...awinai/4.9.html
#6
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 05:05 PM
แม้สิ่งที่มีบอกในพระไตรปิฎกค่อนข้างชัดเจน เช่น เครื่องประดับมหาลดาปสาทธ์ ที่นางวิสาขาท่านจะแต่งมาฟังธรรมที่วัดเป็นประจำ
ว่ามีรูปทรงอย่างนั้นอย่างนี้ ครั้นพอทางวัดนำมาทำเป็นเครื่องประดับจริงๆ แล้วเชิญผู้นำบุญบางท่านก็แต่งจำลองเหตุการณ์สมัยพุทธกาล
ปรากฏว่า ยังโดนเสียงวิพาษกวิจารณ์หนาหูในเว็บหลายๆ เว็บเลยครับว่า ทอดกฐินเดินแบบ แต่งตัวอลังการเกินเหตุ เป็นต้น ทั้งที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกแท้ๆ
#7
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 05:39 PM
ผมจะตาม เพื่อนคนนี้ไม่เลิกแน่ (มันปิดโทรศัพท์ไปแล้ว) แต่เดี๋ยวขอรอจังหวะก่อน ขอเตรียมการวางแผน หลักฐาน และทำการบ้านเก็บข้อมูลทุกๆทางก่อน
ถ้าได้ แบ่งส่วนบุญให้กับทุกๆคนด้วยครับ
(ผมเหมือน ทนายไปแล้วเนี่ย)
#8
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 06:05 PM
ไม่ก็อาจจะไม่สนใจเลย แค่ถ่วงเวลาไปเรื่อย ๆ
แต่ถ้าเพื่อนเขาตั้งใจจริง ไปค้นพระไตรปิฎกมา คราวนี้เพื่อนคงได้ฉลาดขึ้น อาจจะหันมาศึกษาพระพุทธศาสนาก็ได้นะครับ
#9
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 06:13 PM
ไม่ก็อาจจะไม่สนใจเลย แค่ถ่วงเวลาไปเรื่อย ๆ
ไม่เป็นไร ครับ เดี๋ยวผมเอากฏแห่งกรรมไปขู่ด้วย เดี๋ยวหาcase study ตัดต่อให้สั้นๆ ไปหลอนมันเรื่อยๆ (ถ้ายาวไปมันคงไม่ดูแน่นอน)
ถ้ามันลืมดูก็จะ อัดcdซ้ำ ไปให้ไหม่ ให้จนกว่ามันจะยอมดู เป็นร้อยๆแผ่นก็เอา
ผมก็คิดว่า มันก็คงไม่ง่าย แต่เพื่อนมันมีตังค์ ก็คิดว่าคงไม่ยากถ้าผมไม่ยอมแพ้
ตอนนี้ขอรอจังหวะก่อน เดี๋ยวต้องเจอกันในเร็วๆนี้แน่นอน
#10
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 07:11 PM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#11
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 07:19 PM
" วัดพระธรรมกาย " ไปก่อนเสมอค่ะ
ตัวอย่างเช่น 1.คุณครูไม่ใหญ่ทำไมต้องใส่เส้อแขนยาวด้วย
แต่แปลกถ้าพระที่อื่นใส่จะไม่เอ๊ะอ๊ะอะไร นั่นเพราะอคติ อาจเป็นเคยรับข่าวสารข้อมูลบางอย่างมาก่อน
ไม่เคยตรวจสอบ ไม่ชัดเจน เชื่อสื่อ
ทั้งๆ ที่สาหร่ายเองเคยเดินทางไปนู่นมานี่ ก็เห็นพระตามต่างจังหวัด ท่านหนาว ท่านก็ใส่เสื้อแขนยาวสีกรักๆสไตล์ท้องถิ่น
สาหร่ายเห็นก็นึกถึงคุณครูไม่ใหญ่ เชื่อว่าคนทั่วไปเห็นก็คงเข้าใจถึงสภาพความจำเป็น แต่ไฉนไม่เข้าใจวัดเรา ง่าาาาาา
2. วัดทำไมสร้างโมเดิร์นหรูดูดีขนาดนี้
อ้าววว..วัดหรูแบบอื่นก็มีเหมือนกันอาจไม่เคยเห็น
เช่น
2.1 วัดล้านขวด จังหวัดศรีสะเกษ
วัดป่า มหาแก้ว ที่สร้างด้วยขวดแก้วทั้งหลัง
2.2 วัดนิเวศธรรมประวัติ วัดสไตล์ตะวันตก อันนี้บอกเลยว่าไสตล์ตะวันตก แล้วไงคะ ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ
ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน
ที่มา ค่ะ
กว่าอุโบสของวัดพระธรรมกายจะสร้างขึ้นมาได้ หลวงพ่อทัตตะท่านได้ค้นคว้า ศึกษาอุโบสถต่างๆ จนทั่วประเทศ
ข้อดี ข้้อเสีย คุณประโยชน์ต่างๆ พาเพื่อนมาชมวัดดีกว่าคะ น้องอาสาสมัครจะแนะนำให้รู้จัก จะซาบและซึ้งกันทีเดียวค่ะ
ตัวอย่าง 1. คนที่มาช่วยกันสร้างวัด ต้องสมาทานศีลกันก่อนทุกวัน สวดมนต์ทำวัตร มีศีลมีธรรม ว้าวววว
2.เม็ดทรายแต่ละเม็ดใช้คนคัดทีละเม็ดๆ เพื่อให้ได้สีขาวบริสุทธิ์ โอ้ววว
พอละ มาฟังเองนะ อิอิ
#12
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 07:25 PM
โปรดใช้ความเมตตา และใจเย็น ในการเป็นกัลยาณมิตร
เพื่อนเขาจะได้รับรู้ได้ถึงความรักและปรารถนาดี สาธุๆ
#13
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 07:38 PM
คำถามที่ถามบ่อย (FAQs)
ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวัดพระธรรมกาย
กว่าจะถึงวันนี้
วัดพระธรรมกาย และมูลนิธิธรรมกาย(เสียงภาษาไทย เวอร์ชั่นล่าสุด และมี English Subtitle)
#14
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 07:39 PM
สาธุครับ พี่ณ ๐๗๒
สาธุครับ พี่สาหร่าย
และขอบพระคุณ
ทุกข้อมูล เป็นอย่างยิ่งครับ
เพื่อนผมคนนี้ เป็นพวกทฏษฏีสัมพันธภาพสูง หัวแข็ง โป๊ก ดื้อระดับด้าน (คุยด้วยกันเหมือนทะเลาะกัน แต่รักกันมาก ไม่มีอะไรหรอก สงสัยอายตนะดึงดูดกันมา)
แต่ถ้า เขาเชื่อแล้ว ยอมหมดตัวและหัวใจ เลยทีเดียวละ
ตามมันมานานแล้ว ชอบโต้แย้งนัก เดี๋ยวก่อนๆๆๆ
#15
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 07:45 PM
คัดมาจากข้อความพี่หัดฝัน
เอาให้อยู่หมัดเลยน๊าาาาาา
#16
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 08:11 PM
AT LAST YOU WIN เพื่อนอย่างนี้ก็ดีนะเวลาเข้าใจแล้วเขาก็สามารถเป็น
กัลฯให้คนอื่น ๆ อีกต่อไป ขอชื่นชมในความพยายามของจขกทในการทำหน้าที่กัลฯ
อนุโมทนาค่ะ
#17
โพสต์เมื่อ 12 October 2010 - 12:05 AM
ที่สำคัญ ให้ทำอย่างใสๆ อย่าใจขุ่น อย่าร้อนตัวก็แล้วกัน อาราธนา หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย ไปด้วยนะคะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#18
โพสต์เมื่อ 13 October 2010 - 01:26 PM
ฟังจากคำพูดของเขาแล้วรู้สึกว่าเขาตกยุคไปแล้วกว่าทศวรรษนะ...ต้องรีบหาทางช่วยเขานะ..ไม่เช่นนั้นคงไม่แค่ตกยุคนะจ๊ะ...ซิบอกให่...
รีบกลับตัวกลับใจกลับคำพูดเสียใหม่...โบสถ์นี้อีกพันปียังทันสมัยอยู่เลย
แล้วเซนต์สัญญากันไว้หรือเปล่า...ฮ่า..
คำพูดแบบนี้แสดงว่าเขาอยากบวชมากที่สุด...บวชล้าน...เลือกเอาเลยจะเอาโบสถ์แบบไหน..
#19
โพสต์เมื่อ 13 October 2010 - 02:55 PM
#20
โพสต์เมื่อ 13 October 2010 - 08:05 PM
ถ้าไปดู คุณจะคิดว่าเป็นโบสถ์คริสเลย ถ้าผิดพระองค์คงไม่สร้างอย่างนั้น
พระองค์ได้ทรงตรัสว่า "อยากสร้างไว้ให้คนไทยเห็นเป็นของแปลก"
#21
โพสต์เมื่อ 14 October 2010 - 12:20 AM
...พระภิกษุผู้บำเพ็ญตบะในที่วิเวก หรือป่าเขา ก็กระทำการดังนี้มาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ลองสังเกตุสิ มีพระที่เลือกปลีกวิเวกในป่าเขาที่ไหนออกจากป่ามาบวชตามโบสถ์ในวัดต่างๆไม๊ล่ะ? เหอๆ ผมว่า คุณเอาพานไปรอรับเงินจากเพื่อนได้เลย และบอกให้เพื่อนมาศึกษาพระพุทธศาสนาให้ลึกๆ เงินทำบุญกฐินนี้ ถือเป็นการเข้ามาสู่ร่มแห่งพระพุทธศาสนาจะดีกว่านะ หุหุ
#22
โพสต์เมื่อ 04 November 2010 - 12:05 PM
โปรดใช้ความเมตตา และใจเย็น ในการเป็นกัลยาณมิตร
เพื่อนเขาจะได้รับรู้ได้ถึงความรักและปรารถนาดี เห็นด้วยอย่างยิ่งค๊าบพี่