ขั้นที่ ๑. หากเรายังมีความรู้สึกกำหนัดยินดีในรูปนั้นอยู่ ก็ขอให้มองรูปนั้นต่อไปจนกระทั่งครบวงจรแห่งวัฏจักรของชีวิต โดยเริ่มต้นพิจารณาตั้งเกิดออกจากครรภ์มารดาจนกระทั่งตาย อย่ามองแต่เพียงแค่ที่เห็นในปัจจุบัน มิเช่นนั้นแล้ว เราจะเกิดความกำหนัดยินดี แล้วพึงพิจารณาว่า
ขั้นที่ ๒. หากยังไม่หายกำหนัดยินดี ก็ให้พิจารณาโดยระลึกว่า กายนี้ โดยปกติแล้ว มีแผลประจำที่อยู่ถึง ๙ แห่ง คือ ทวารทั้ง ๙ อันได้แก่ ตา ๒ หู ๒ จมูก ๒ ปาก ๑ ทวารเบา ๑ และทวารหนัก ๑ ซึ่งทวารทั้งปวงนี้ เป็นที่ไหลถั่งของของอสุจิโสโครกต่างๆ ให้ผู้เป็นเจ้าเรือนต้องคอยเช็ดคอยล้างอยู่เป็นนิจ จากนั้น จึงพลิกเอาอวัยวะที่อยู่ภายในออกมาภายนอก พลิกส่วนที่อยู่ข้างนอกเข้าไปไว้ภายใน แล้วจึงพิจารณาต่อไปว่า
ขั้นที่ ๓. พิจารณาให้แยบคายลงไปอีก โดยในขั้นนี้ ให้จับเอาอวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหลายแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ แล้วพิจารณาถึงความปฏิกูลเป็นอย่างๆ ไปโดยละเอียด อาทิ ลำไส้ใหญ่ มีภายในที่เต็มไปด้วยกรีส (อุจจาระ) ที่มีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ กระเพาะอาหาร เป็นประหนึ่งดังสุสาน ซึ่งเป็นที่ทับถมของบรรดาซากสัตว์ทั้งหลาย ที่เราได้บริโภคเข้าไป เปรียบเสมือนส้วมที่หมักหมมด้วยมูตรคูถ ที่ไม่เคยล้างถ่ายทำความสะอาดเท่าอายุของผู้เป็นเจ้าของ และกายนี้ที่ตั้งขึ้น/อยู่ได้ เพราะประกอบขึ้นจากกระดูก ๒o๖ ท่อน มีเลือดเนื้อเป็นเครื่องฉาบทา มีเส้นเอ็นเป็นเครื่องพันธนาการรัดรึงไว้ เป็นต้น มาถึงขั้นนี้ ท่านจะเห็นไปตามความเป็นจริงว่า
ขั้นที่ ๔. หากมาถึงขั้นนี้แล้วยังไม่หายกำหนัดยินดีอีก ก็ขอให้เรานึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ของเรานะครับว่า ท่านก็เป็นมนุษย์มีอาการครบ ๓๒ เช่นเดียวกับเรา แต่ทำไม? ท่านจึงสามารถเอาชนะกามที่เกิดจากความดำริได้ เราก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับท่าน เป็นลูก เป็นหลาน ในสายธาตุสายธรรมท่าน จะทำให้ได้เช่นเดียวกับท่าน ไม่ได้เชียวหรือ?
ขั้นที่ ๕. สุดท้ายให้พิจารณาให้ลึกลงไปถึงโทษภัยในวัฏฏะอันน่ากลัว (โทษข้ามภพ ข้ามชาติ) ในทำนองว่า หากเราประกอบเหตุเช่นนี้ ตัวเราเองจะต้องไปเป็นอย่างนี้ อย่างนี้ และอย่างนี้ โดยขั้นนี้ หากยังจำภาพของวงจรแห่งวิบากกรรม วิบากกาม ในโรงเรียนอนุบาลฯ ได้ ก็ให้นึกไปเป็นลำดับขั้นเลยนะครับ โดยมองให้เห็นตั้งแต่โทษในมนุษย์ กระทั่งถึงโทษในอบายภูมิ แล้วเราจะเห็นอะไรที่น่าสมเพทเวทนา กระทั่งเกิดความสลดสังเวชในกาม ทั้งจะเกิดปัญญาสอนตัวเอง ที่จะงดเว้นจากบาปธรรมทั้งหลายและมีความสำรวมในกาม
หมายเหตุ: ข้อแนะนำเวลาปฏิบัติสมาธินะครับ อยากให้ท่านที่สนใจลองพิจารณาบทพิจารณาทั้ง ๕ ข้อ แบบอนุโลม (ขั้นที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕) และปฏิโลม (ขั้นที่ ๕, ๔, ๓, ๒, ๑) ดูนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่จิตฟุ้งคิดตกไปในเรื่องของกาม ให้พิจารณาทบไปทวนมาจนกระทั่งจิตหายฟุ้ง เมื่อหายฟุ้งแล้วก็ให้ทำหยุดในหยุด นิ่งในนิ่งต่อไปอย่าถอย
เพราะเหตุว่า ทวารเหล่านี้ถูกเปิดทิ้งไว้ไม่รักษา
ย่อมถูกหมู่โจร คือ กิเลส ปล้นเอา
เหมือนพวกโจรปล้นบ้าน ฉะนั้น
ฝนย่อมรั่วรดเรือนที่มุงไม่ดีได้ ฉันใด
กิเลส คือ ราคะย่อมรั่วไหลลงสู่จิตที่ไม่ได้อบรมแล้ว ฉันนั้น
เพราะเหตุว่า ทวารเหล่านี้ที่ปิดระวังไว้อย่างดีแล้ว
อันหมู่โจร คือ กิเลส ปล้นไม่ได้
เหมือนพวกโจรปล้นบ้านที่ปิดประตูดีแล้วไม่ได้ ฉะนั้น
ฝนย่อมรั่วรดเรือนที่มุงไว้อย่างดีแล้วไม่ได้ ฉันใด
กิเลส คือ ราคะย่อมรั่วไหลลงสู่จิตที่อบรมแล้วไม่ได้ ฉันนั้น
***บุคคลใดไม่ติดอยู่ในกามทั้งหลาย ดุจหยดน้ำที่มิอาจกำซาบลงสู่ใบบัว หรือเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดที่ไม่ติดอยู่บนปลายเหล็กแหลม บุคคลนั้นได้ชื่อว่าเป็น "พราหมณ์"
เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำ จะเกิดมาทำไม
***อนิจจาร่างกายของชายหญิง มีแต่สิ่งปฏิกูลอาดูรหลาย เต็มไปด้วยมูตรคูถไม่เว้นวาย น่าเบื่อหน่ายรำคาญทุกกาลไป ร่างกายนี้มีหนังหุ้มบังทั่ว โดยรอบตัวมีช่องดังปล่องไข่ สิ่งโสโครกมากมายจากภายใน ให้หลั่งไหลซึมออกมานอกกาย กายนี้เป็นแผลใหญ่จำไว้เถิด เป็นที่เกิดทุกข์ยากลำบากหลาย แต่คนเขลาเฝ้าชมหลงงมงาย ว่าเฉิดฉายโสภาเที่ยงถาวร อะยังโขกาโยโอ้กายนี้ เป็นถิ่นที่เกิดอยู่แห่งหมู่หนอน มีโรคาสารพัดคอยตัดรอน ให้เดือดร้อนเป็นประจำทุกข์ย่ำยี ร่างกายนี้ไม่นานนักจักผันแปร ถึงความแก่คร่ำคร่าสิ้นราศี จักสิ้นลมล้มตายวายชีวี กลายเป็นผีเน่าผุพังเหม็นจังเลย
=> http://www.geocities.com/pic_asupa/ และกระทู้สำรอง (กรณีที่กระทู้เดิมไม่สามารถเปิดได้); http://picasupa.blogspot.com/
=> http://www.watkoh.com/asupha/all/main.php
=> พิพิธภัณฑ์ชีวิตแห่งวัดพระบาทน้ำพุ; http://www.littlecatzhome.net/chongter/Articles/general/WatPraBat/watprabat3.htm
=> พิพิธภัณฑ์อวัยวะเอดส์แห่งวัดพระบาทน้ำพุ; http://www.littlecat.../watprabat2.htm
=> http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=14046
กระทู้ที่อาจเป็นประโยชน์
๑. อสุภกัมมัฏฐาน ดอกไม้แห่งพระอริยะ ของขวัญแด่... ผู้ประพฤติพรหมจรรย์
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4350 (พร้อมคำอธิษฐานจิต)
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4349
๒. มรณานุสสติ กัมมัฏฐานสำหรับผู้มี "พุทธิกจริต"
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4348
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4347
๓. กายคตาสติกัมมัฏฐาน ตอนที่ ๑-๕
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4346
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4345
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4344
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4343
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4342
เมื่อเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน ได้ลงมือพิจารณาไปตามลำดับดังที่ได้แนะนำไว้ดีแล้ว ให้อธิษฐานจิตกำกับลงไปทุกครั้งด้วยนะครับว่า
"ด้วยอานิสงส์อันเกิดมีแต่การพิจารณาให้เห็นตรงไปตามความเป็นจริงในสภาวะอันไม่เที่ยงแห่งรูปนามสังขารธรรมนี้ ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้ที่ไม่ยินดีในเบญจกามคุณอันเป็นประดุจดั่งเปือกตม ทั้งที่เป็นของมนุษย์ตลอดจนที่อันทิพย์ จงมีจิตยินดีในการหลีกออกจากกาม มีจิตยินดีในการสั่งสมแต่กุศลกรรม และยินดีในการบำเพ็ญพรตพรหมจรรย์ให้สะอาด บริสุทธิ์ บริบูรณ์แต่เพียงฝ่ายเดียว มีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร มีที่สุดแห่งธรรมเป็นเป้าหมาย ตราบชีวีหมดสิ้นอายุขัย นับแต่ในปัจจุบันชาตินี้ และตลอดไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งเข้าสู่พระนิพพาน ถึงที่สุดแห่งธรรมจงทุกประการเทอญฯ"