ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

รบกวนขอคำปรึกษาหน่อยนะครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 7 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 25 July 2008 - 09:25 AM

ตอนนี้ผมสงสัยว่ามีลูกน้องผมคนหนึ่งโกงเงินบริษัท ซึ่งลูกน้องคนนี้ผมให้เขารับหน้าที่ในการจัดซื้อชิ้นส่วนอะไหล่ จากการที่ผมได้สังเกตุดู เห็นว่าหลังจากเขารับงานนี้เพียงไม่กี่เดือน เขาสามารถออกรถมอเตอร์ไซด์คันใหม่ได้ ผมสงสัยว่าลูกน้องผมคนนี้ได้ตกลงกับทางร้านขายอะไหล่ไว้ โดยใช้วิธีการ+ราคาของเพิ่มลงไปในบิลที่ใช้เรียกเก็บ แล้วนัดไปรับเงินหรือโอนเงินส่วนต่างให้ สาเหตุที่ผมสงสัยเพราะทุกครั้งที่มีการซ่อมรถขนส่ง อะไหล่ทุกชิ้นจะมีการซื้อใหม่ทั้งหมด แม้อะไหล่ชิ้นนั้นจะมีสภาพที่ยังพอใช้งานได้ก็ตาม อะไหล่บางชิ้นผมให้ซื้อของเก่ามือ2มาใช้ ก็จะหาเหตุผลมาอ้างเพื่อต้องการจะซื้อของใหม่อยู่เสมอ มาระยะหลัง ผมได้ลงมือจัดการเรื่องซื้ออะไหล่เองโดยบอกกับลูกน้องว่าหากไม่ได้รับการอนุมัติจากผมห้ามจัดการเองโดยเด็ดขาด หากผมไม่อยู่ที่ทำงานให้โทรแจ้งผมก่อนออกไปซื้ออะไหล่ แต่ลูกน้องผมคนนี้ก็ยังถือวิสาสะจัดการเรื่องอะไหล่เอง โดยไม่รายงานและไม่รอการพิจารณาจากผม ผมจึงสงสัยในพฤติกรรมของลูกน้องคนนี้

คำถาม
1. หากผมต้องการที่จะตรวจสอบรายรับรายจ่ายและสถานะการเงินของเขา โดยการขอดูบัญชีส่วนตัวของเขา ผมจะสามารถทำได้หรือไม่ (เพราะผมต้องการดูรายรับในแต่ละเดือนของเขาว่ามีแปลกปลอมหรือเปล่านะครับ)
2. ผมจะมีวิธีตรวจสอบเขาได้อย่างไรบ้างว่าเขาโกงบริษัท
3. เจ้านายผมเคยให้ผมไปสอบถามกับทางร้านอะไหล่ว่าลูกน้องผมได้มีคุยตกลงเรื่อง+ราคาหรือไม่ แต่ผมมั่นใจว่าทางร้านไม่ยอมบอกแน่นอน ผมพอจะมีวิธีตรวจสอบอย่างไรบ้างครับ
4. ผมจะต้องดำเนินการอย่างไรได้บ้างในกรณีนี้ครับ

ขอบพระคุณทุกความเห็นล่วงหน้านะครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#2 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 July 2008 - 09:30 AM

1. คงไม่ได้ เพราะบัญชีเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
2. ก็ก่อนจะสั่งซื้ออะไรก็ลองไปสอบถามราคาดูก่อนสิครับ เอาหลาย ๆ ร้าน
3. ทำให้เขารู้ว่าเราทราบราคา ว่าเท่าไหร่ แล้วค่อย ๆ สืบ (ถ้ารู้ราคาก่อนแล้วเขาเอาบิลมาบอกผมว่าก็น่าจะรู้นะครับ ว่าครั้งหนึ่งเขาได้เงินไปเท่าไหร่
ค่อย ๆ ทำไปเถอะครับ

#3 เศรษฐีหน้าใส

เศรษฐีหน้าใส
  • Members
  • 177 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 July 2008 - 10:36 AM

ติดต่อซื้ออะไหล่เองครับ ให้ลูกน้องไปรับของอย่างเดียว ถ้าไม่มั่นใจลูกน้องเรื่องเงินเรื่องทอง อย่างเพิ่งให้จับ กิเลสมันเกิดง่าย ส่วนการตรวจบัญชีเขาไม่ควรทำเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ให้ใช้วิธีป้องกันดีกว่า โดยใช้หลักบริหารจัดการดีกว่า จะได้ผลเป็น win win ครับ

#4 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 25 July 2008 - 11:55 AM

ขอบพระคุณทุกความเห็นนะครับ

คือตอนนี้ผมลงมารับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้วน่ะครับ แต่เรื่องที่ผมอยากตรวจสอบบัญชีนั้นเพราะผมกลัวว่าลูกน้องผมจะตกลงกับทางร้านอะไหล่เอาไว้ ซึ่งตอนนี้ผมตรวจสอบราคาที่แน่นอนไม่ได้ราคามันไม่นิ่งตามสภาวะราคานํามันน่ะครับ และแต่ละร้านนั้นราคาใกล้เคียงกันแต่ไม่เท่ากัน จะแพงหรือถูกกว่าไม่เกิน50บาท ซึ่งเป็นการยากที่จะตรวจสอบราคาสินค้ากับร้านอื่น ถ้าหากว่าลูกน้องผมตกลงกับทางร้านก็เท่ากับว่าแม้ผมจะเป็นคนจัดการเอง แต่เงินส่วนที่ลูกน้องผมตกลงกับเขาลูกน้องผมก็ได้อยู่ดี กลายเป็นว่าผมไม่สามารถป้องกันให้บริษัทได้อีกน่ะครับ

แต่ในเมื่อการตรวจสอบบัญชีทำไม่ได้ ผมก็คงต้องหาวิธีอื่นตามที่พี่ๆแนะนำ แต่ตอนนี้ผมนึกไม่ออกจริงๆน่ะครับว่าจะทำอย่างไรจึงจะป้องกันเรื่องนี้ได้
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#5 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 July 2008 - 04:10 PM

ในเมื่อคุณก็รู้ราคาว่าต่างกันไม่เกิน 50 แล้วคุณจะสงสัยอะไรอีกเพราะคุณก็รู้ราคาแล้ว เวลาลูกน้องเบิกเงินคุณก็รู้ว่าราคาเท่าไหร่ ระวังแต่อย่างระแวงจนขาดความไว้ใจใครนะครับ

#6 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 July 2008 - 04:47 PM

การตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของลูกน้อง..
ไม่สามารถทำได้ในทางตรง เพราะยังไม่มีหลักฐานความผิดเด่นชัด..
แต่สามารถทำได้ทางอ้อม คือ เริ่มจากการพูดคุยเรื่องสถานะการเงินกับลูกน้อง
ทำนองถามสารทุกข์สุขดิบ.. พอให้รู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายของเขา
เช่น (สมมุตินะ) เขามีรายได้จากเงินเดือน + ค่า OT + ค่าคอมมิชชั่นที่บริษัทกำหนด
สิ่งเหล่านี้คุณตรวจสอบได้จาก Slip เงินเดือนอยู่แล้ว.. หรือหากไม่ได้.. ก็สามารถขอข้อมูลจาก
แผนกที่ทำเรื่องจ่ายเงินเดือน (สมมุติว่าเป็นแผนกบุคคล เป็นต้น)
โดยหากคุณมีสิทธิขอความร่วมมือจากแผนกบุคคลอยู่แล้วก็ทำได้เลย
หากไม่มีสิทธิโดยตรง.. คุณต้องยื่นเรื่องขออนุมัติจากผู้บริหารระดับสูง(หรืออาจเป็นเจ้าของบริษัท)
ที่มีสิทธิอนุมัติให้แผนกบุคคลเปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้ของพนักงานคนนั้น
แต่การทำเรื่องทั้งหมด.. คุณต้องทำแบบลับๆ โดยไม่ทำให้พนักงานคนนั้นรู้ตัว..
และต้องไม่ทำให้พนักงานคนนั้น.. ตกอยู่ในสภาพของผู้ร้าย ก่อนเวลาอันควร ก่อนที่จะพิสูจน์หลักฐานเรียบร้อย
เพราะจะติดวิบากกรรมไปได้..
ในส่วนนี้เป็น Base.. เป็นหลักฐานขาจ่ายที่จ่ายให้เขา.. แต่ยังไม่ได้จ่ายจริงนะ =>1.

คุณต้องหาอีกส่วนหนึ่งมาประกบ.. คือ.. เอกสารยืนยันการรับเงินจริง เช่น
หากบริษัทคุณจ่ายเงินเดือน(และอื่นๆ)ผ่าน Bank ก็ดู Book Bank ของเขา (เดี๋ยวจะบอกต่อว่าดูได้ยังไง)
หากบริษัทคุณจ่ายเงินเดือน(และอื่นๆ)แบบให้พนักงานมาเซ็นต์รับเงินไปสดๆ..
คุณก็ดูจากเอกสารที่บริษัทใช้บันทึกลายเซ็นต์พนักงานเมื่อมาเซ็นต์รับเงิน..
อันนี้คุณคงต้องขอความร่วมมือจากแผนกจ่ายที่เงินออก.. ซึ่งส่วนมากจะเป็นแผนกการเงินจ่าย..
แต่บริษัทคุณอาจเป็นแผนกอื่นก็ให้ไปใช้สิทธิ์ขอหลักฐานเอกสารส่วนนี้มา ตาม Step คล้ายๆส่วนเบอร์ 1.
คือ ขออนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติให้แผนกการเงินจ่ายให้ความร่วมมือ..

สำหรับกรณีจ่ายเข้า Book Bank.. คุณต้องใช้กลยุทธนิดนึง.. คือ..
เรียกพนักงานขายบัตรเครดิต หรือสถาบันการเงินอื่นๆ ที่มี Product หรือ Service ที่น่าสนใจ
เช่น CITIBANK, VISA, MASTER, ของ Bank ต่างๆ.. หรือถ้าพนักงานคุณเงินเดือนไม่ถึง
ที่จะทำบัตรพวกนั้น.. ก็ประมาณ บัตรอิออน หรืออะไรทำนองนี้ (เราไม่แน่ใจว่าพวกบัตรอิออน
เค้ามีพนักงานออกมาขายบัตรหรือเปล่านะ)
ให้พนักงานมาขายบัตรเครดิต หรือบัตรอื่นๆ โดยคุณต้องซิกแซกกับตัวแทนขายบัตรเหล่านั้นไว้ก่อนว่า..
คุณ.. ขอค่าตอบแทนในการหาลูกค้าให้.. เป็น..
ขอเอกสารการเงินทั้งหมดของพนักงานคนนั้น 1 ชุด.. โดยหาเหตุผลดีๆสักชุด.. และสัญญาว่าจะเป็นความลับ
ส่วนเหตุผลดีๆที่ว่านั้น.. อาจบอกว่า.. ทางบริษัทกำลังให้คุณพิจารณาสถานะการเงิน
รายรับรายจ่ายของลูกน้องในแผนกคุณ.. โดยเป็นรายรับ รายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด
รวมถึงสิ่งที่นอกเหนือจากเงินเดือนที่จ่ายออกไปด้วย.. ทั้งนี้.. เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณา..
1. การปรับเงินเดือน.. 2. การให้สินเชื่อเงินกู้แก่พนักงาน ว่ารายใดเดือดร้อนจริง-ไม่จริง..
3. การพิจารณาช่วยเหลือด้านการเงินต่างๆ..
อันนี้ไม่ได้โกหกซะทีเดียวนะ.. คือ.. เรากำลังต้องการตรวจสอบเขา และผลลัพธ์ของมัน
ก็มีผลกระทบกับทั้ง 3 ข้อที่บอกด้วย.. จริงไหม.. เพราะหากจับได้ว่าเขาโกงบริษัท..
ทั้ง 3 ข้อ.. ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่บริษัทสามารถให้กับเขาได้(ถ้าเขาประพฤติตัวดี)
ก็ย่อมล้วนได้รับผลกระทบคือ.. เขาจะไม่ได้ในทุกสิ่ง 3 ข้อที่กล่าวมา.. ถูกไหม.. จึงไม่น่าจะถือว่าโกหก..
หากลูกน้องคุณตกลงไว้กับร้านค้าให้โอนเงินผลประโยชน์ผ่าน Bank.. คุณจะได้หลักฐานชิ้นที่=> 2.
แต่หากเป็นกรณีที่ลูกน้องคุณนัดแนะกับร้านค้าไปรับเงินสดด้วยตัวเอง.. คุณควรทำดังนี้..
1. ยังไงก็ต้องเอาหลักฐานชิ้นที่ 2 มาก่อนเพื่อให้ชัวร์ว่า.. ไม่มีการจ่ายผ่าน Bank
2. เมื่อค่อนข้างแน่ใจว่ารับเป็นเงินสด.. วิธีการคือ..
คุณลองโทรไปคุยกับทางร้านดู.. ว่า.. ตอนนี้คุณเข้ามาดูแลเรื่องซื้อขายอะไหล่แทนพนักงานคนนั้นแล้ว..
บอกไปว่าพวกเดียวกัน.. (ไม่ได้โกหกนะ แผนกเดียวกัน บริษัทเดียวกันก็ถือว่าพวกเดียวกัน)
เอางี้นะเฮีย.. อะไรๆที่เคยตกลงกันน่ะ.. ก็ขอเหมือนเดิมนะ..
ตอนนี้แหละ.. วัดใจเฮียแล้ว.. ว่า 1. มีการให้ผลประโยชน์จริง และเขาเปิดเผย..
2. มีการให้ผลประโยชน์จริง แต่.. เฮียไม่เปิดเผย.. (แต่ถ้ามาถึงขั้นนี้แล้ว.. ส่วนมากจะเปิด)
3. ไม่มีการให้ผลประโยชน์ใดๆ..
ข้อ 2 กับ 3 ถือเป็น Case เดียวกันคือ.. คุณไม่ได้ข้อมูลชิ้นสุดท้ายที่จะฟันธง..
คุณจะยังสรุปไม่ได้ว่าลูกน้องโกง.. จะมีทางเลือกอยู่ 4 ทางคือ.. 1.หาวิธีแง้มใจเฮียเพื่อขอหลักฐานต่อไป
2.คอยติดตามแบบลับๆเมื่อลูกน้องออกไปหาเฮียที่ร้าน.. 3.สอบถามจากเด็กๆในร้านเฮีย..
อันนี้จะได้ข้อมูลดีมาก เพราะเด็กในร้าน.. ส่วนมากตรงไปตรงมา.. แต่คุณต้องมีวิธีสักหน่อย..
4.หยุดสงสัยซักระยะ คอยดูท่าทีต่อไป..

แต่ว่านะ.. บางทีหากสืบหาหลักฐานทั้งหมดแล้ว.. ยังไม่ได้หลักฐาน..
คุณต้องดูองค์ประกอบอื่นๆร่วมด้วย คือ..
1. ลูกน้องคุณเล่นการพนัน เช่น พนันบอลหรือเปล่า.. เงินนั้นเขาอาจได้มาจากการพนันก็ได้..
2. ลูกน้องคุณมีญาติรวยหรือเปล่า.. หรือได้รับมรดก..

ยังไงกรณีอย่างนี้ควร หาให้ได้หลักฐานชัวร์ๆก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุป อย่าเพิ่งปักใจมองว่าเขาโกงล่ะ..
ขอให้ประสบความสำเร็จ.. happy.gif
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#7 feyhong

feyhong
  • Members
  • 119 โพสต์
  • Location:13 หมู่ 1 ต.ท่าคล้อ อ.ก่งคอย จ.สระบุรี
  • Interests:computer,multimedai,wushu,miditation,the king

โพสต์เมื่อ 26 July 2008 - 04:51 PM

สั่งให้เปลี่ยนร้านค้าที่ซื้อ

#8 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 July 2008 - 10:37 PM

ลืมบอกไปว่า ที่แนะนำมาทั้งหมด และที่ตอบกระทู้นี้ก็เพราะ..
บังเอิญเคยเป็นผู้ตรวจสอบภายใน ที่กลุ่มชินวัตร และที่โอสถสภามา
รวมเวลาทั้งหมดก็ราวๆ 7 ปีมั๊ง ไม่แน่ใจว่านานกว่านั้นหรือเปล่า (มันนานมากแล้ว)
เป็นอาชีพที่ทำมานานสุดแล้ว 555 นอกนั้นก็ประปรายหลายอาชีพ
ก็ไม่บอกให้เชื่อทั้งหมด แต่ลองตรองดูก่อนก็ได้
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..