ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ศิลปการสร้างพระพุทธรูปของช่างฮินดู


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 3 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 24 November 2008 - 08:14 PM

สืบเนื่องมาจากกระทู้ข้างล่างที่เกี่ยวกับพระพุทธรูปหลายหน้า ก็เลยไปเปิดอ่านตำรับตำราเก่าๆก็เจอเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการสร้างพระพุทธรูปมานำเสนอ ลองอ่านดูก่อนนะครับ

ศิลปะการสร้างพระพุทธรูปของช่างฮินดู


แปลกใจหล่ะสิว่าทำไมช่างที่เป็นฮินดูถึงได้สร้างพระพุทธรูปที่เป็นรูปเคารพของศาสนาอื่น นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ชาวฮินดูถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นปางหนึ่งที่พระนารายณ์อวตารลงมาช่วยโลก บางรูปถึงขนาดที่ว่าจัดสร้างด้วยบรอนซ์ เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ โดยถ่ายทอดมาสู่ช่างสกุลแคชเมียร์ แถบเทือกเขาหิมาลัย

นอกจากนี้ยังแพร่หลายมาสู่ชวา โดยช่างสกุลกาลิมันตัน

การสร้างพระพุทธรูปโดยช่างฮินดูรุ่งเรืองมากที่สุดในศตวรรษที่๘ และ ๙

เช่นแถบลุ่มแม่น้ำสวาทในปากีสถาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปบรอนซ์ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ จุดเด่น คือ มีการเพิ่มอาสนะเข้ามาเหนือดอกบัว ทำให้มีลักษณะคล้ายกับรูปสลักของพระโพธิสัตว์วัชรธรรมโลเกศวร และ พระโพธิสัตว์วัชรสัตตวะ

พระพุทธรูปบรอนซ์ ซึ่งค้นพบในสถูปและโบสถ์ลุ่มน้ำแคชเมียร์ แสดงให้เห็นถึงความยึดมั่นต่อพระพุทธรูป พวกเขาสร้างให้มีลักษณะพิเศษ ดูประดุจมีแสงของพระพุทธรูป ฉายส่องไปสู่สวรรค์ชั้นพรหมโลก(พระผู้สร้างและผู้ทำลายของฮินดู) ดังปรากฏในพระคัมภีร์สันสกฤต ซึ่งกล่าวถึงไว้มากในเรื่องของ รูปเคารพที่มีแสงส่องออกมาจาก ประภามณฑล โดยรอบองค์พระที่ประทับยืนอยู่ และมีประกายออกมาจากพระเศียร

บางครั้งก็มีการสลักหินเป็นภาพลอยตัวเกี่ยวกับเหตุการณ์เสด็จกลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ ท่ามกลางการห้อมล้อมด้วยทวยเทพ โดยมีพระอินทร์กางกั้นกรดให้

ประมาณ พ.ศ. ๑๐๐๐ ช่างฮินดูสกุลทิเบตแถบตะวันตกเฉียงใต้ ได้หล่อพระพุทธรูปโดยใช้โลหะมาประกอบกับบรอนซ์ หรือโลหะผสมทอง ประทับยืนอยู่บนแท่นซึ่งหมายถึงเขาพระสุเมรุอันเป็นที่ประทับของพระอิศวร(คาดว่าแฝงนัยยะที่ว่าพระพุทธเจ้าที่เป็นร่างอวตารของพระนารายณ์เป็นใหญ่เหนือพระอิศวร)

ศิลปะการสร้างพระพุทธรูปด้วยดินเหนียว มีกำเนิดขึ้นเมื่อศตวรรษที่ ๘ ในแถบจัมมูรอัคร์มูร์ ซึ่งเป็นแม่น้ำหนึ่งในลุ่มน้ำแคชเมียร์ ได้ใช้แบบอย่างใบหน้าของสตรีเพื่อให้พระพุทธรูปออกมาดูเรียบร้อย มีเสน่ห์ ช่างได้ทำให้พระเศียรมีขมวดเกศาเป็นเกลียว ตามความนิยมของช่างชาวคันธาระ

ซึ่งรูปแบบคันธาระเป็นรูปแบบที่นิยมกันมาก แพร่หลายเข้ามาในชวาเมื่อศตวรรษที่ ๙ โดยนิยมสลักด้วยหิน แต่ต่อมาการสร้างพระพุทธรูปยืนเปลี่ยนไปจากการแกะสลักมาเป็นหล่อด้วยบรอนซ์ โดยเรียกกันว่า พระพุทธรูปแบบแคชเมียร์ และพระพุทธรูปของลุ่มน้ำสวาท

ซึ่งเมื่อการหล่อพระพุทธรูปด้วยบรอนซ์ขยายไปถึงแถบเนปาลและทิเบต ก็ได้ปรากฏศิลปแบบแคชเมียร์ในรูปของพระโพธิสัตว์และพระศรีอาริยเมตไตรย์(ว่ากันว่า เพราะพระพุทธเจ้าเข้านิพพานไปแล้วไม่สามารถช่วยสรรพสัตว์ได้อีก ไม่เหมือนพระโพธิสัตว์และพระศรีอาริยเมตไตรย์ ถ้าสวดอ้อนวอนท่าน ท่านก็ยังช่วยเราได้อยู่)

นอกจากจะมีการทรงเครื่องแบบกษัตริย์แล้ว พระรัศมีจากพระเศรียรบางครั้งก็กลายเป็นพญานาคแผ่พังพานอยู่เหนือพระเศรียรแทน

ฐานพระพุทธรูปแบบเดิมจะเป็นฐานก้อนหินมารองรับพระบาทแสดงถึงเขาพระเมรุ(แสดงความเป็นใหญ่เหนือเทพทั้งหลาย) แต่เมื่อคติความเชื่อทางพระพุทธศาสนามีมากขึ้นถึงค่อยเปลี่ยนมาเป็นฐานดอกบัว และฐานอาสนะเหนือดอกบัวตามลำดับ

ซึ่งในสมัยต่อมานิยมเพิ่มความวิจิตรพิสดารของศิลปะประจำภูมิภาคเข้าไป ใส่มงกุฎ ใส่เรือนแก้ว ทำให้มีลวดลายมากขึ้นจนในบางครั้งนักโบราณคดี ดูไม่ออกว่าเป็นพระพทุธรูปหรือรูปปั้นเทพยดาองค์ใดกันแน่

นี่เป็นเนื้อหาแบบคร่าวๆนะครับ จะเห็นว่าคติการสร้างพระพุทธรูปนั้นมีหลากหลายมาก แล้วแต่ว่าพระพุทธศาสนาจะเผยแพร่เข้าไปในดินแดนใด ยังมีเรื่องราวการสร้างพระพุทธรูปในแบบกรีก - โรมัน ศิลปแบบจีน อื่นๆอีกมากมาย ถ้าหาเรื่องที่เก็บไว้เจอก็จะทยอยเอามาลงให้อ่านกัน

เนื้อหาที่เก็บลอกมานี้ ไม่ได้ลงที่มาที่ไปเอาไว้ เลยไม่แน่ใจว่าคัดลอกมาจากที่ไหน เมื่อไหร่ อย่าเพิ่งเอาไปอ้างอิงที่ไหนแล้วกัน แค่เอามาให้อ่านกันพอรู้เฉยๆครับ

อันนี้แถมให้ มีหลักฐานพอใช้อ้างอิงได้ว่า วัดในพระพุทธศาสนาวัดแรกในจีนนั้น สร้างในราวปี พ.ศ ๗๓๓ ในมณฑลอันฮุย

และว่ากันว่าในสมัยหนึ่ง ในพระราชวังแห่งกษัตริย์ลังกาพระองค์หนึ่งทรงจัดที่ทางเอาไว้ สามารถรองรับนิมนต์พระภิกษุได้คราวเดียวถึง ๕๐๐ รูป

พอแล้วเดี๋ยวจะยาวไปไม่มีใครอ่าน




สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#2 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 November 2008 - 12:25 PM

เมื่อ 3เดือนก่อนไปเกาะบาหลี ซึ่งเป็นเกาะชาวฮินดู

มีหลายร้านซึ่งแกะสลักพระพุทธรูปในลักษณะนั่งขัดสมาธิแต่ยกมือไหว้ เห็นแล้วก็อึ้งในความไม่รู้ของเขาเพราะ
- พระพุทธรูปถูกมองว่าเป็นเพียงปางหนึ่งในเทวนิยม เทียบเท่าหนึ่งเทพเจ้าเท่านั้น
- ในอิริยาบถพระพุทธรูปยกมือไหว้ ไม่ควรมี เพราะเคยเห็นบางตำรากล่าวไว้ทำนองว่า"หากตถาคตคารวะใครแล้ว ศีรษะผู้นั้นจะแตกเป็น 7เสี่ยง"
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#3 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 25 November 2008 - 01:00 PM

เอาน่า...ทำใจเถอะคุณ WISH

ลองเดินดูให้ทั่วๆสิครับ จะเห็นอะไรแปลกอีกเยอะ บาหลีว่าจะไปเหมือนกัน แต่ตังค์ไม่พอ แล้วก็ไม่รู้จักใครด้วย

นี่ยังมีคนเตือนเลยนะ ว่าที่จะไปทัวร์พม่าห้าวันสี่คืนหลังปีใหม่เนี้ย ถ้าเจอพระภิกษุชาวพม่าทำตัวแปลกๆไม่คุ้นตาจากพระไทย ก็อย่าแตกตื่นไป นั่นเป็นวัฒนธรรมของเขา เราไม่มีสิทธิวิจารณ์ แล้วก็เล่าอะไรมาอีกเยอะให้เราเป็นข้อมูลไว้ งานนี้เป็นทัวร์วัฒนธรรมโดยเฉพาะ คนอื่นเขาไปเรื่องเกี่ยวกับวิถีชีวิต ตลาด การทำมาหากิน เราก็จะเป็นวัด พระ ศาสนพิธี ความเชื่อต่างๆ ไม่รู้จะได้เรื่องแค่ไหน เพราะเกาะติดอาศัยบารมีคนอื่นเขาไป ไม่ใช่ทัวร์ของตัวเอง ขอไปเก็บข้อมูลก่อน
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#4 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 November 2008 - 02:39 PM

QUOTE
ไปทัวร์พม่าห้าวันสี่คืนหลังปีใหม่
- เคยไปเยือนย่างกุ้งกับพุกาม
- สิ่งที่น่าทึ่งคือ ชาวพม่าส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา ระดับชาวบ้านมีมิตรภาพดี ต่างกับชนชั้นปกครอง
- เวลาเข้าเขตรั้ววัดห้ามสวมรองเท้า เวลาไปเมียนมาร์กับทัวร์จึงมักถูกเรียกว่า ทัวร์เท้าเปล่า
- เรื่องแปลกๆของพระเมียนมาร์ยังไม่เคยเจอ แต่พบว่า วิกาละโภชนาของเมียนมาร์ หมายถึงก่อนอาทิตย์ตกดิน จึงไม่แปลกถ้าพบพระเณรบิณฑบาตนักท่องเที่ยวบริเวณเจดีย์ต่างๆในเพลาบ่ายถึงเย็น
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC