ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

สงสัยในเรื่องสมาธิครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 อยากมีคนอยู่กลางกาย

อยากมีคนอยู่กลางกาย
  • Members
  • 68 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2008 - 09:05 PM

ผมนั่งสมาธิน่ะครับ แล้วไม่ทราบว่าก้าวหน้าไหม คือ

ตอนก่อนนั่งแล้วดิ่ง เห็นแสงสว่างข้างหน้า และเย็นไหล่ ซึ่งเคยโพสต์กระทู้ถาม ซึ่งกัลยาณมิตรในดีเอ็มซี ก็ให้ความกระจ่างกับผม (ซึ่งก็ขอขอบคุณด้วยนะครับ) nerd_smile.gif nerd_smile.gif ว่าไม่ใช่จิตใจตกศูนย์ (ซึ่งก็ผิดหวังเล็กน้อยครับ) :'( :'( :'( :'( (เลยทำสมาธิต่อไปครับ จนวันหนึ่ง ผมนั่งแล้วเย็นที่ศูนย์กลางกาย ซึ่งตอนวันแรก รู้สึกเหมือนว่าความเย็นจากสี่ทิศพุ่งมาที่ศูนย์กลางกาย สุขใจมากครับ และต่อๆมา ผมก็เย็นที่ศูนย์กลางกาย หรือรอบๆศูนย์กลางกาย แต่ยังไม่เห็นแสงสว่างทั้งข้างหน้า และศูนย์กลางกายเลย จึงขอเรียนถามกัลยานณมิตรทุกท่านว่า

QUOTE
การนั่งสมาธิของผมก้าวหน้าขึ้นหรือเปล่าครับ


จะได้ปรับปรุงต่อๆไปครับ

ขอขอบคุณกัลยาณมิตรล่วงหน้านะครับ

๑.กุศลธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายกุศล เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีขาวใส กายในกายขาวใสทั้งหมด เรียกว่าภาคพระ ภาคขาว ภาคบุญ

๒.อกุศลาธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายอกุศล เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีดำ กายในกายดำทั้งหมด เรียกว่า ภาคมาร ภาคดำ ภาคบาป

๓.อัพยากตาธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายอัพยากตา เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีตะกั่วตัด กายในกายสีตะกั่วตัดทั้งหมด เรียกว่า ภาคกลาง ภาคไม่บูญไม่บาป


ทั้ง ๓ ธาตุธรรมนี้ ย่อมมีต้นธาตุ ทำหน้าที่ปกครองธาตุธรรมตลอดสาย
ต้นธาตุถือเป็นผู้บัญชาการในธาตุธรรมนั้นๆ ทำหน้าที่ปกครองธาตุธรรมในนิพพาน


#2 ลูกพระธัมฯตัวจริง นิ่งคับ

ลูกพระธัมฯตัวจริง นิ่งคับ
  • Members
  • 34 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2008 - 09:17 PM

คุณครับผมก็นั่งมาพอสมควรแล้วนะ
ผมยัง ฟุ้ง เจ็บ เหน็บ ชา อยู่เลยครับ
ต้องกราบอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
สาธุ สาธุ สาธุ

#3 bkk07

bkk07
  • Members
  • 25 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2008 - 10:30 PM

คุณแม่ดิฉันไปวัดมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี และไม่เคยตกบุญท่านเองก็ปรารภว่าไม่เคยได้เข้าใกล้คำว่าตกศูนย์หรือว่าตัวเบาเรียกว่าสมาธิไม่ได้ก้าวไปไหนเลยแถมยังมิได้เริ่มต้นอีก ดิฉันก็เลยบอกท่านว่าเอาอย่างนี้ไปทำสมาธิที่พนาฯวัด จะดีกว่าดิฉันก็ให้ค่าใช่จ่ายในการเดินทางและปฏิบัติธรรมกับคุณแม่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ท่านก็ยังไม่ได้ไป ดิฉันก็คิดว่าท่านยังไม่มีบุญพอ มารมาตามผจญจนดิฉันเองคิดว่าท่านคงไม่มีโอกาสแล้ว แล้วอยู่มาวันหนึ่งท่านกำหนดวันไปพนาฯวัด ดิฉันดีใจบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องไม่มีใครดูและดิฉันตอนที่ฉันกลับมาเยี่ยมบ้านให้ท่านไปให้สบายใจ...... แล้วท่านก็ได้เห็นดวงธรรมะสมใจปรารถนา ท่านบอกว่าเห็นผุดขึ้นกลางศูนย์กลางกายมาอย่างต่อเนื่องเป็นสายเลยคะ....

ส่วนประสบการณ์ของดิฉันเอง ดิฉันฝึกอย่างอานาปานสติ จนเคย ไม่สามารถฝึกอย่างธรรมกาย ดิฉันใช้เวลาพอสมควรที่จะปรับแต่เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง......พอดิฉันทำสมาธิได้ระยะถึงใจสงบ ดิฉันใช้จิตสัมผัสร่างกายแต่ละส่วน เมื่อจิตสัมผัสก็รับรู้ว่าตรงนี้เป็นแขน หรือขา ทำแบบจนครบแล้วนึกให้ร่างกายใส พอรับรู้ว่าร่างกายใสเป็นแก้ว ใจก็มองเห็น หลังจากนั้นดิฉันก็มองเห็นดวงแก้วเล็กๆตรงศูนย์กลางกายแต่ไม่ได้นาน แต่บางครั้งไม่ใสแต่เป็นสีทอง บางครั้งอยู่ที่กลางหน้าผากถ้าไม่ได้ทำให้ตัวเองใสเป็นแก้วก่อน แต่ละคนจุดเริ่มต้นต่างกัน และมีทักษะต่างกันคะ แต่ทำใจให้สบายๆ อย่ามุ่งที่จะเห็น

คุณอาจจะถามว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าเราถึงจุดนั้น? ก็จากการสำรวจลมหายใจของเรา ถ้าแผ่วเบาแต่เราสามารถรับรู้ได้ว่ามีการเข้าออก ร่างกายเบาสบายคะ จุดนี้แหละคะ.

อีกข้อคะ ก่อนนั่งสมาธิควรแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรก่อนก็จะดีคะ.
ลองเปลี่ยนแปลงดูคะ ต้องใช้เวลาสักนิด ถ้ามีโอกาสมาวัดลองเข้าไปนั่งที่เจดีย์ที่ประดิษฐานหลวงปู่ดูแล้วลองอธิษฐานขอท่าน.... ขอให้ประสบความสำเร็จคะ.

#4 New

New
  • Members
  • 95 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 May 2008 - 01:01 AM

ทุกประสบการณ์เป็นสิ่งมีค่าสำหรับนักปฏิบัติครับ

ถ้าถามว่าก้าวหน้าหรือเปล่า

สังเกตดูว่า ถ้าเรารู้สึก พอใจ สบายใจ มีความสุข ถึงแม้ไม่เห็นอะไรเลย ก็เรียกได้ว่านั่งถูกวิธีแล้วล่ะครับ

ถ้านั่งทุกวัน ไม่มีถอยหลังหรอกครับ อย่างน้อยก็ได้วิริยะบารมี ขันติบารมี บุญในตัวก็เพิ่มขึ้น

ดีกว่านั่งเครียดตั้งแยะ จริงไหมครับ

จริงๆ คำถามนี้คุณก็มีคำตอบในใจอยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องให้คนอื่นช่วยยืนยันหรอกครับ ตัวคุณเองก็รู้เองว่าวันแรกกับวันนี้แตกต่างกันหรือเปล่า

ทำต่อไปอย่าเลิกกลางคันนะครับ เห็นไม่หรือไม่เห็น ก็ขอให้มีความสุขทุกครั้งในการนั่งหลับตา เดี๋ยวก็จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเองล่ะครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

#5 พจน์เอง

พจน์เอง
  • Members
  • 44 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 May 2008 - 06:59 AM

ถูกต้องเลยครับ จะเย็นๆที่ท้องครับ ก้าวหน้าขึ้นครับ
อนุโมทนาบุญดด้วยน่ะครับ

ปล.ทุกๆครั้งที่เรานั่งสมาธิไม่ว่าจะหลับ ฟุ้งหรืออะไร ก็จะทำให้เราพัฒนาขึ้นเรื่อยๆครับ เป็นกำลังใจให้ยอดกัลยาณมิตรทุกท่านเลยน่ะครับ

#6 Ray

Ray
  • Members
  • 168 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 May 2008 - 12:03 PM

จริงเหรอเย็นทีท้อง เราก็เย็นที่ท้องตรงจุดที่ลูกแก้วของพระอาจารย์สัมผัสอยู่ โอ้ สบายพุง เห็นแสงสว่างเหมือนพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันด้วย แต่ไม่แสบตา สบาย ร้อนในหายเลย สาธุค้า

#7 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 18 May 2008 - 12:15 PM

จะก้าวหน้าหรือไม่ให้สังเกตุที่ตัวเองได้เลยครับ หากว่าคุณรู้สึก
1. มีความสุขในการนั่ง
2. รักในการนั่งมากขึ้น
3. อยากนั่งให้นานยิ่งขึ้น
4. นั่งจนจิตสงบไม่คิดอะไร
5. นั่งแล้วไม่เกิดความสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งภายในภายนอก
นี้แสดงว่าคุณก้าวหน้าขึ้นครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#8 หยุดนิ่ง

หยุดนิ่ง
  • Members
  • 60 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 May 2008 - 08:44 PM

ตอนผมนั่งก็รู้สึกมีแสงว้าบๆมาเปงช่วงๆอะครับคืออะไรหรอคับช่วยบอกผมหน่อย
ตอนแรกก็นึกว่าแสงข้างนอกแต่มันไม่รู้สึกแสบตานะครับมันนวลมากๆ
แต่ก็ยังสงสัยเลยลืมตาไปก็มึดเพราะตอนนั้นนั่งตอนกลางคืนแล้วปิดไฟอยู๋
มันคือแสงอะไรหรอครับบอกผมที

#9 usr16691

usr16691
  • Members
  • 61 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 May 2008 - 09:48 AM

ตอนนี้นั่งได้ไม่ค่อยดี แต่ก็จะพยายามต่อไปค่ะ สู้ สู้
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ

แม้มืดตื้อ มืดมิด ก็มีสิทธิ เข้าถึงธรรม
Napas

#10 Ray

Ray
  • Members
  • 168 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 May 2008 - 04:53 PM

แสงนวลตา เขาเรียกว่าแสงเฮ้ากวงจ้า