สรุปกรณีศึกษากฎแห่งกรรม
วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม 2549
ใช้ชื่อคนอื่นจนตาย
วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม 2549
ใช้ชื่อคนอื่นจนตาย
พ่อของเจ้าของเคสเป็นบุตรชายคนโต ของคุณปู่และคุณย่า ซึ่งอพยพจากเมืองจีน พ่อของเจ้าของเคสเกิดเมื่อปี 2481 แต่คุณปู่ไม่ได้ไปแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการ จึงไม่มีหลักฐานการเกิดใดๆ พ่อของเจ้าของเคสเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี เหมือนดาราฮ่องกง เมื่อพ่อของเจ้าของเคสอายุได้ 11 ปี คุณย่าได้พากลับไปศึกษาต่อ ณ เกาะไหหลำ บ้านเกิดของปู่ย่าที่เมืองจีน จนถึงอายุ 16 ปี ก็สามารถสอบเข้าโรงเรียนที่ไหข่าว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะไหหลำได้
ช่วงที่เรียนหนังสือคุณปู่ของเจ้าของเคสส่งเงินจากเมืองไทยไปให้เดือนละ 100 เหรียญฮ่องกง แต่พอพ่อของเจ้าของเคสอายุได้ 17 ปี คุณปู่ก็มาเสียชีวิต พ่อของเจ้าของเคสจึงไม่มีเงินเรียนต่อ แต่คงด้วยบุญนารีอุปถัมภ์ พ่อของเจ้าของเคสก็ได้แฟนคนแรกมาช่วยเหลือเรื่องการเงิน จนทำให้สามารถเรียนต่อไปได้ พ่อของเจ้าของเคสเรียนอยู่ที่ไหข่าวได้ 3 ปี ก็สอบเข้าเรียนต่อได้ที่มหาวิทยาลัยกวางโจว คณะวิศวกรรมศาสตร์ เอกทางด้านบรรจุภัณฑ์อาหารกระป๋อง เนื่องจากพ่อของเจ้าของเคสมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยมเป็นคนหนุ่มหน้าตาและบุคลิกดี ทำให้โรงงานแห่งหนึ่งแถวไซบีเรียมาจองตัวเพื่อให้พ่อของเจ้าของเคสไปทำงานด้วยตั้งแต่เรียนชั้นปีที่สอง
แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์จุดเปลี่ยนชีวิต เนื่องจากประเทศจีนได้ถูกเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยระบอบการปกครองใหม่นี้มีความเชื่อว่า คนทั้งโลกต้องทำงานเท่าเทียมกัน เป็นอยู่เท่าเทียมกัน ไม่มีใครล้ำหน้าหรือล้าหลัง อีกทั้งไม่ให้มีการนับถือศาสนาด้วย พ่อของเจ้าของเคส รวมถึงหนุ่มสาวทุกคนที่เรียนอยู่ จึงต้องหยุดเรียนและถูกเกณฑ์ไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย โดยงานแรกของพ่อของเจ้าของเคสคือ การขนถ่านหินจากตีนเขาไปบนยอดเขา ซึ่งก็เป็นงานที่หนักหนาสาหัสสำหรับพ่อของเจ้าของเคส เนื่องจากพ่อของเจ้าของเคสเป็นคนผอมบาง และมีสุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวย ทำงานไปได้เพียง 3-4 วัน พ่อของเจ้าของเคสก็ล้มป่วย
ในระหว่างนั้นพ่อของเจ้าของเคสก็คิดว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ตนเองจะต้องตายคากองถ่านหินอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันก็มีภาพของเครื่องทุ่นแรง ตามที่ได้ร่ำเรียนมา ปรากฏขึ้นในหัว พ่อของเจ้าของเคสจึงเอาความคิดดังกล่าวไปเสนอให้ผู้ควบคุมงานรู้ พ่อของเจ้าของเคสจึงได้เลื่อนฐานะจากคนขนถ่านหิน มาเป็นผู้คุมแรงงาน ทำให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น แต่ก็เป็นความสบายนิดหน่อย เมื่อความเป็นอยู่ลำบากมากเข้า ประกอบกับได้รับความช่วยเหลือจากแฟนสาวคนที่สอง พ่อของเจ้าของเคสจึงวางแผนหนีกลับประเทศไทย โดยได้พ่อของแฟนสาวคนที่สองซึ่งมีบริษัทอยู่ในฮ่องกง ทำจดหมายขอเชิญพ่อของเจ้าของเคสมาประชุมประจำปี พ่อของเจ้าของเคสใช้โอกาสนี้เดินทางมาฮ่องกง แล้วก็เดินทางต่อไปยังประเทศไทยทันที แต่เนื่องจากตอนเกิดและตอนเดินทางออกจากประเทศไทยไม่มีการทำเอกสารอย่างเป็นทางการ พ่อของเจ้าของเคสจึงไม่มีเอกสารใดๆ พิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้ถือสัญชาติไทยหรือเกิดในประเทศไทยเลย ทำให้พ่อของเจ้าของเคสต้องหลบเข้าประเทศไทยโดยใช้ชื่อ นามสกุล และเอกสารของคนอื่นแทน และได้ใช้ชื่อนั้นแทนตัวเองในเมืองไทยนับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน การอยู่ในเมืองไทยของพ่อของเจ้าของเคสก็ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง เกรงคนจะรู้ว่าตนเองใช้เอกสารของคนอื่น
พ่อของเจ้าของเคสได้งานทำที่โรงงานผ้าห่ม วันหนึ่งขณะทำงาน พ่อของเจ้าของเคสก็รู้สึกปวดหัว จึงนอนพักในห้องพับผ้านั้นเอง ในขณะนั้นที่ชั้นสอง เพื่อนพนักงานกลุ่มหนึ่งก็กำลังตั้งวงเล่นไฮโลอยู่ จู่ๆ ก็มีตำรวจบุกเข้ามาจับกุมพวกเล่นไฮโล ทำให้พ่อของเจ้าของเคสพลอยติดร่างแหไปด้วย แต่พ่อของเจ้าของเคสก็ได้รับความช่วยเหลือจากแฟนคนที่ 3 ด้วยการถอดสร้อยคอทองคำไปประกันตัวพ่อของเจ้าของเคสออกมา
จากนั้นพ่อของเจ้าของเคสได้เปลี่ยนไปทำงานเป็นช่างไฟฟ้าที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งพ่อของเจ้าของเคสก็ได้รู้จักกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านของโรงแรม พ่อของเจ้าของเคสได้ช่วยขับรถมอเตอร์ไซด์รับส่งทุกๆวัน จนแต่งงานกันในที่สุด พ่อและแม่ของเจ้าของเคสมีลูกสองคน โดยเจ้าของเคสเป็นบุตรคนโต มีน้องสาว 1 คน
หลังจากแต่งงานพ่อของเจ้าของเคสได้เปลี่ยนอาชีพโดยไปเปิดไนท์คลับอยู่แถวจังหวัดชลบุรี ในไนท์คลับก็มีสาวๆ รายล้อมเยอะมาก ซึ่งก็ทำให้แม่ของเจ้าของเคสรู้สึกระแวง จนทำให้แม่ของเจ้าของเคสหันไปพึ่งคนทรงเจ้าเพื่อช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว และในเวลาต่อมาแม่ของเจ้าของเคสก็ล้มป่วยด้วยอาการทางประสาท แม่ของเจ้าของเคสเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หันมาดื่มเหล้า สูบบุหรี่หนัก พูดคนเดียวโดยทำเหมือนกับคุยโต้ตอบกับใครอยู่ บางครั้งก็ใช้ภาษาธรรมดา บางครั้งก็ใช้ราชาศัพท์ บางครั้งก็ใช้ภาษาก้าวร้าวหยาบคาย
พ่อของเจ้าของเคสได้พาแม่ของเจ้าของเคสไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่หาย วันหนึ่งแม่ของเจ้าของเคสก็หายตัวไปจากโรงพยาบาล ตามหาเท่าใหร่ก็ไม่พบ มาทราบภายหลังว่าญาติพี่น้องของแม่ของเจ้าของเคสเป็นคนรับตัวไป แต่ปกปิดไว้ ไม่ให้พ่อของเจ้าของเคสทราบ
หลังจากแม่ของเจ้าของเคสหายตัวไป 3 ปี พ่อของเจ้าของเคสก็แต่งงานใหม่อีกครั้ง พ่อของเจ้าของเคสมาเจอแม่ของเจ้าของเคสอีกครั้งหลังจากที่หายตัวไปกว่า 10 ปี โดยญาติฝ่ายแม่ของเจ้าของเคสเป็นฝ่ายบอก แม่ของเจ้าของเคสมีอาการดีขึ้นมาก จำทุกคนได้ แต่เนื่องจากห่างเหินกันมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้พ่อและแม่ของเจ้าของเคสไม่มีความรู้สึกผูกพันกันเหมือนดังเดิม แม่ของเจ้าของเคสจึงอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องเหมือนเดิม
ในช่วงที่แม่ของเจ้าของเคสป่วยนั้น ไนท์คลับก็ถูกกลั่นแกล้งจากผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นทำให้ต้องปิดกิจการ พ่อของเจ้าของเคสจึงไปหุ้นกับเพื่อนซื้อรถเบนซ์ เพื่อใช้ขับเป็นรถรับส่งแขกของโรงแรม แต่สุดท้ายก็ถูกเพื่อนโกง เสียทั้งเงินทั้งรถ จากนั้นพ่อของเจ้าของเคสจึงหันมาขับรถแท็กซี่ และได้พบรักใหม่ ซึ่งก็คือแม่เลี้ยงของเจ้าของเคสในปัจจุบัน พ่อของเจ้าของเคสมีลูกกับแม่เลี้ยงอีก 1 คน คือน้องสาวคนสุดท้อง
ในบั้นปลายชีวิตเมื่อพ่อของเจ้าของเคสมีอายุได้ 66 ปี ก็ล้มป่วยโดยมีอาการอักเสบบริเวณทวารหนัก ซึ่งก็พบว่าเป็นมะเร็งที่ปลายลำไส้ใหญ่ หมอจึงผ่าตัดส่วนที่เป็นเนื้อร้ายทิ้งไป เย็บปิดทวารหนัก และเจาะหน้าท้องให้ใช้ขับถ่ายแทน ต่อมาหมอก็ตรวจพบว่าพ่อของเจ้าของเคสเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทั้งก้อนเนื้อร้ายที่ลำไส้ใหญ่ที่เคยผ่าตัดทิ้งไปแล้ว ก็กลับขึ้นมาใหม่ หมอจึงรักษาโดยการฉายแสง และใช้เคมีบำบัด ในระหว่างการรักษาพ่อของเจ้าของเคสมีอาการแพ้สารเคมีอย่างหนัก
ประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนเสียชีวิต หมอสั่งให้เลือด 3 ถุง แต่ธนาคารเลือดที่โรงพยาบาลมีเลือดเพียง 1 ถุงเท่านั้น ซึ่งพ่อของเจ้าของเคสก็ได้รับความกรุณาจากหลวงพี่ของวัดพระธรรมกายไปบริจาคเลือดให้ถึง 7 รูป อีกทั้งยังได้เทศน์โปรดพ่อของเจ้าของเคสที่โรงพยาบาลอีกนานนับชั่วโมง ทำให้พ่อของเจ้าของเคสซึ่งเป็นคนไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ ไม่ชอบพระภิกษุเท่าไหร่ ได้มีความเข้าใจที่ดีขึ้น ในช่วงสุดท้ายหลวงพี่ได้ให้พ่อของเจ้าของเคสรับศีล 5 และให้หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาทุกวัน
2-3 คืนก่อนเสียชีวิต พ่อของเจ้าของเคสละเมอว่า มีคนใส่ชุดขาวจำนวนเป็นร้อยมาร่วมงานเลี้ยงใหญ่โต มีอาหารต่างๆมากมาย โดยพ่อของเจ้าของเคสก็ถูกเชิญไปร่วมงานเลี้ยงด้วย พ่อของเจ้าของเคสละเมออย่างนี้เป็นชั่วโมง คืนถัดมาพ่อของเจ้าของเคสก็ละเมออีกว่ามีข้าวต้มจำนวนมากตกลงมาจากท้องฟ้า พ่อของเจ้าของเคสได้หาภาชนะมารองไว้ แต่ข้าวต้มก็หกตกลงนอกภาชนะเต็มไปหมด พ่อของเจ้าของเคสเสียชีวิตอยู่บนเตียงในห้องนอนที่บ้านเมื่ออายุ 68 ปี
เจ้าของเคสปัจจุบันเป็นอาสาสมัครแผนกธรรมโฆษก์ เจ้าของเคสสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้ดีมาก แม้ฟังเพียงครั้งเดียว แต่กลับ หลงลืมข้าวของอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งเจ้าของเคสยังมีความรู้สึกกลัวชีวิตจะล้มเหลวในอนาคตอย่างมาก โดยรู้สึกอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก ต่อมาพอเข้าวัด รู้เรื่องบุญก็รู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังไม่หายขาด เวลาที่สุขสบายขึ้นมา จะคอยกังวลว่าสุขสบายได้ไม่นานหรอก ต่อไปต้องเจอเรื่องหนักๆ เป็นต้น
น้องสาวคนสุดท้องของเจ้าของเคสตอนเล็กๆ เคยถูกตู้เก็บของล้มทับ แต่ไม่เป็นอะไรเลย เพราะตู้ที่ล้มมาทับน้องสาวมีช่องว่างอยู่ และตำแหน่งที่น้องสาวของเจ้าของเคสอยู่เป็นตำแหน่งของช่องว่างในตู้นั้นพอดี ทำให้รอดตายมาได้ ต่อมาน้องสาวของเจ้าของเคสอายุได้ 13 ปี ก็ได้ไปเล่นน้ำกับเพื่อนแล้วก็ได้จมน้ำไปด้วยกัน ในระหว่างที่กำลังจมน้ำเพื่อนได้จับตัวน้องสาวของเจ้าของเคสไว้ สลัดก็ไม่หลุด จนน้องสาวของเจ้าของเคสนึกว่าต้องตายแน่ๆ เพื่อนก็ปล่อยมือออก น้องสาวของเจ้าของเคสจึงรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์
นอกจากนี้น้องสาวของเจ้าของเคสยังมีอาการประหลาดตั้งแต่เด็กคือ ต้องให้เท้าเปียกน้ำอยู่ตลอดเวลา บางครั้งแช่น้ำจนเท้าเปื่อย พ่อของเจ้าของเคสจึงหาโลชั่นมาทาให้แทน ตั้งแต่นั้นมาน้องสาวของเจ้าของเคสก็ทาโลชั่นที่เท้าเกือบตลอดเวลาเพราะต้องการให้รู้สึกว่าเท้าเปียกตลอดเวลา
QUOTE
หลับตา ฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาวหนึ่งที แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา
Q: บุญใดทำให้พ่อของเจ้าของเคสมีนารีมาคอยอุปถัมภ์ทุกครั้งที่ประสบภัย เช่นตอนที่ไม่มีเงินเรียน ก็มีแฟนคนที่ 1 มาให้เงินสนับสนุน, ตอนที่ต้องใช้แรงงาน ก็ได้แฟนคนที่2 มาช่วยให้หนีไปได้ , ตอนที่ถูกตำรวจจับก็ได้แฟนคนที่ 3 มาประกันตัวออกไป การมีนารีอุปถัมภ์เช่นนี้ เป็นเพราะสร้างบุญเฉพาะมากับสตรีหรืออธิษฐานมาอย่างไรหรือไม่
[attachmentid=4537]
A: พ่อของเจ้าของเคสมี นารีอุปถัมภ์ ทุกครั้งที่ประสบภัยเพราะได้สร้างบุญมากับสตรีคนนั้น ๆ และเคยได้เกื้อกูลกันมาในอดีต กับเมื่อทำบุญใดแล้วก็มักจะอธิษฐานว่า ขอให้มีสตรีมาอุปถัมภ์
Q: เพราะกรรมใด พ่อของเจ้าของเคสต้องใช้ชื่อของคนอื่นแทนชื่อของตนเองจนตลอดชีวิต
[attachmentid=4541]
A: พ่อต้องใช้ชื่อคนอื่นแทนชื่อตัวเองตลอดชีวิตเพราะในอดีต พ่อของเจ้าของเคสมีนิสัยไม่ค่อยเชื่อเรื่องบุญ แต่ก็ทำด้วยความเกรงใจ ดังนั้นเมื่อมีใครมาชวนทำบุญ ก็มักจะบอกว่าให้ใส่ชื่อคุณก็ได้ ไม่ต้องมาใส่ชื่อของตนเอง และบุญนี้จึงทำให้หนีมาอยู่เมืองไทยได้โดยใช้ชื่อคนอื่น
Q: เพราะบุญใด พ่อของเจ้าของเคสจึงมีฐานะดีขึ้นจากการเปิดกิจการไนต์คลับ และกรรมใดที่ทำให้กิจการต้องถูกอิทธิพลคุกคามจนต้องปิดลง และกรรมใดพ่อของเจ้าของเคสจึงถูกเพื่อนโกงทรัพย์สินไป
[attachmentid=4542]
A: พ่อของเจ้าของเคสมีฐานะดีขึ้นจากการเปิดกิจการไนท์คลับเพราะผลบุญที่เกิดจากการทำทานเป็นช่วง ๆ แล้วไม่ได้อธิษฐานจิตล้อมกรอบเอาไว้ ดังนั้นเมื่อบุญส่งผล ทำอะไรก็ได้ก็จะรวยมีฐานะ ประกอบกับมีกรรมคบคนพาลในอดีตมาส่งผลด้วย จึงบันดาลให้มาประกอบอาชีพนี้
[attachmentid=4543]
กิจการต้องปิด เพราะมีผู้มีอิทธิพลคุกคามเพราะกรรมคบคนพาลในอดีต ได้เป็นนักเลงคอยข่มขู่คนมาส่งผล ที่ถูกเพื่อนโกงทรัพย์สินไปเพราะตอนไปคบคนพาล ก็เคยไปโกงคนอื่นเขาไว้เช่นเดียวกับที่มาโดนในปัจจุบันนี้
Q: เพราะกรรมใดพ่อของเจ้าของเคสจึงเป็นมะเร็งลำไส้ ต้องถูกตัดลำไส้ และเย็บปิดทวารหนัก และมะเร็งปอดจนเสียชีวิตครับ เป็นเพราะบุญใดช่วงที่พ่อของเจ้าของเคสเป็นมะเร็งจึงไม่ค่อยเจ็บปวดทรมานมาก
[attachmentid=4544]
A: พ่อของเจ้าของเคสเป็น มะเร็งลำไส้ ต้องถูกตัดลำไส้ไป และเย็บปิดทวารหนัก เพราะกรรมฆ่าสัตว์ทำอาหารและฆ่าขายในอดีต มารวมกับอีกชาติที่เป็นนักเลงได้เคยไปทำร้ายโดย แทง คู่อริที่ท้อง อีกทั้งเคยเอาประทัดเสียบก้นสุนัขแล้วจุดให้ระเบิด รวมกับกรรมสูบบุหรี่มารวมส่งผลให้เป็นมะเร็งปอดจนเสียชีวิต
[attachmentid=4545]
พ่อของเจ้าของเคสไม่ค่อยเจ็บปวดเพราะมีบุญบริจาคยาให้คนยากจนในอดีต มาตัดรอนวิบากกรรมให้ไม่ค่อยเจ็บปวดทรมานจากโรคร้าย
Q: การที่พ่อของเจ้าของเคสละเมอว่า มีคนใส่ชุดขาวจำนวนเป็นร้อยมาร่วมงานเลี้ยง และละเมอว่า มีข้าวต้มจำนวนมากตกลงมาจากท้องฟ้า เป็นกรรมนิมิตหรือคตินิมิตหรือไม่ พ่อของเจ้าของเคสละโลกแล้วไปไหน หลังจากพ่อของเจ้าของเคสเสียภายในเจ็ดวัน เจ้าของเคสและน้องๆ ได้สร้างพระให้ 3 องค์ พ่อของเจ้าของเคสได้รับบุญนี้หรือไม่ แล้วมีข้อความอะไรอยากบอกหรือเปล่า หากไม่ได้สร้างพระให้ ผลจะเป็นเช่นไรหลังจากละโลกไปแล้ว
[attachmentid=4546][attachmentid=4547]
A: พ่อของเจ้าของเคสละเมอว่า มีคนใส่ชุดขาวเป็นจำนวนร้อยมาร่วมงานเลี้ยงนั้นเป็น คตินิมิต ที่จะได้ไปเกิดในภพภูมิของ ภุมมเทวาชั้นดี ส่วนที่ละเมอว่ามีข้าวต้มจำนวนมากตกมาจากท้องฟ้านั้นเป็น กรรมนิมิต ที่แสดงให้เห็นว่าจะมีโอกาสสร้างบุญได้มาก แต่พ่อของเจ้าของเคสก็เอาบุญไปได้นิดเดียวในตอนช่วงท้ายของชีวิต
[attachmentid=4548]
ตายแล้วก็ไปเป็น ภุมมเทวาชั้นดี ในหมู่บ้านภุมมเทวาแห่งหนึ่ง มีบ้านใหญ่พอสมควร ด้วยบุญที่ทำช่วงท้ายและบุญที่เจ้าของเคสทำแล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ พ่อของเจ้าของเคสได้รับบุญทุกบุญที่อุทิศไปให้แล้ว ก็มีสภาพดีขึ้นกว่าเดิม
[attachmentid=4549]
หากไม่ได้สร้างพระให้หลังจากพ่อของเจ้าของเคสละโลกไปแล้ว พ่อของเจ้าของเคสก็คงจะไม่ได้เป็น ภุมมเทวาชั้นดี และอาจจะต้องถูกพาตัวไปยมโลก
Q: บุญใดทำให้พ่อของเจ้าของเคสได้รับความกรุณาจากหลวงพี่ที่วัดมาบริจาคโลหิตให้ และให้ข้อคิดทางธรรมะหลายอย่าง ทำให้พ่อของเจ้าของเคสซึ่งเป็นคนไม่เชื่อและไม่นับถือศาสนา ได้รู้สึกดีกับพระภิกษุในพระพุทธศาสนาขึ้นมาอย่างมากเลย ซึ่งเป็นผลดีในบั้นปลายก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต
[attachmentid=4550][attachmentid=4551]
A: เพราะในอดีตเมื่อทำบุญแล้ว ก็อธิษฐานขอให้มีลูกที่ดี จึงทำให้มีลูกอย่างเจ้าของเคสที่เป็นผู้มีบุญมาเกิด แล้วคอยเป็นกัลยาณมิตรให้ในบั้นปลายได้ อีกทั้งได้บุญของเจ้าของเคสที่ทำในปัจจุบันด้วยการมาเป็นอาสาสมัครช่วยงานพระศาสนามานาน จึงทำให้พระอาจารย์รู้สึกเมตตา
Q: คนที่เป็นต้นคิดลัทธิที่ทำให้คนไม่เชื่อและไม่นับถือศาสนาใดๆเลย เจ้าลัทธินี้ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน จะได้รับผลกรรมอย่างไร
[attachmentid=4552][attachmentid=4553]
A: เจ้าลัทธินี้ตายแล้วก็ไปอยู่ โลกันตมหานรก เพราะเป็น นิยตมิจฉาทิฐิ ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ, บิดามารดามีคุณ, โลกนี้โลกหน้าไม่มี, ผลแห่งทานไม่มีจริง เป็นต้น มีร่างกายใหญ่ขนาดภูเขาใหญ่ ๆ จะเอาหัวห้อยลง โดยเอาขาเกาะอยู่กับขอบหน้าผา ตะกายกัดกินกันเอง จนตกลงไปในน้ำกรดสีดำร้อนแรงจนตัวละลาย จากนั้นก็จะมารวมตัวตะกายขึ้นมาใหม่ วนเวียนซ้ำ ๆ อยู่อย่างนี้ ได้รับความทุกข์ทรมานมากกว่ามหานรกต่าง ๆ ยาวนานกว่าทุกมหานรก
Q: กรรมใดที่ทำให้แม่ของเจ้าของเคสมีอาการทางประสาท เป็นเพราะไปหาคนทรงเจ้าหรือไม่ หรือเป็นมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ยังไม่มีอาการ
[attachmentid=4554]
A: เพราะกรรมดื่มสุรา และเอาเหล้าไปเซ่นไหว้ รวมทั้งการนับถือเจ้าทรงด้วยในอดีตมาส่งผล แม่ของเจ้าของเคสเป็นมาก่อนหน้าเจอคนทรง อีกทั้งในปัจจุบันก็มีความเครียดเกี่ยวกับเรื่องของพ่อของเจ้าของเคสจึงทำให้เกิดอาการเช่นนั้น
Q: เหตุใดเจ้าของเคสจึงจำเรื่องราวต่างๆ ได้ดี แต่กลับหลงลืมข้าวของและมักกังวลกับอนาคต จะต้องสั่งสมบุญอย่างไร จึงจะเป็นคนไม่กังวลหรือกลัวสิ่งใดๆ
[attachmentid=4555]
A: เพราะในอดีตเคยทำบุญแล้วอธิษฐานว่า ขอให้มีความทรงจำเป็นเยี่ยม แต่เวลาทำบุญมักมีจิตฟุ้งซ่านและวิตกกังวล จึงทำให้มีอาการของคนวิตกจริต
[attachmentid=4556]
จะแก้ไขก็ให้นั่งสมาธิเยอะ ๆ และให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน ให้ทำบุญทุกบุญอย่างสม่ำเสมอด้วยจิตที่ไม่ฟุ้งซ่าน โดยเวลาพระให้พรให้เจ้าของเคสตั้งใจให้ดี แล้วอธิษฐานจิตให้แน่นหนาก็จะพ้นจากวิบากกรรมนี้ได้
Q: น้องสาวคนสุดท้องของเจ้าของเคสมีบุพกรรมอะไร จึงถูกตู้ล้มทับแต่ก็ไม่เป็นอะไร และเพราะกรรมใดจึงจมน้ำกับเพื่อน และเพราะบุญใดจึงทำให้รอดชีวิตมาได้ และกรรมใดจึงต้องให้เท้าเปียกน้ำตลอดเวลาจนติดโลชั่นมาถึงทุกวันนี้
[attachmentid=4557]
A: เพราะกรรมในอดีตชอบเอาไม้ ตีแมลงวัน มาส่งผล แต่ไม่เป็นอะไรเพราะยังมีบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนามาช่วยไว้
[attachmentid=4558]
ที่จมน้ำกับเพื่อนแต่รอดตายเพราะกรรมในอดีตได้เอาลูกหมาที่เพิ่งหย่านมไปหัดว่ายน้ำ จนจมน้ำเกือบตาย แต่ก็ช่วยไว้ทัน มาส่งผล ส่วนเพื่อนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกันก็เป็นกรรมของตน
[attachmentid=4559]
ที่น้องสาวของเจ้าของเคสต้องชอบให้เท้าเปียกน้ำตลอดเวลา จนทำให้ติดโลชั่นมาจนบัดนี้เพราะในอดีตเคยลงโทษคนรับใช้ที่เท้าเลอะ แล้วเหยียบขึ้นมาบนบ้านจนบ้านเลอะเทอะด้วยการสั่งให้คนรับใช้เอาเท้าแช่น้ำต่อเนื่องหลายวัน
Q: เจ้าของเคสและน้องสาวคนสุดท้อง สร้างบารมีร่วมกับหมู่คณะมาอย่างไร
[attachmentid=4560]
A: เจ้าของเคสและน้องสาวสร้างบารมีกับหมู่คณะแบบกองเสบียง บางครั้งก็เต็มที่ บางครั้งก็ตามอารมณ์
Q: ในพุทธันดรที่แล้ว ที่หมู่คณะลงมาสร้างบารมี มีการมารวมกันสร้างบุญของชาวพุทธมากที่สุดจำนวนเท่าไร การเทศน์สอนให้คนเป็นจำนวนมากๆ ได้ยินทั่วถึงทำได้อย่างไร และใช้วิธีใดนัดหมายแจ้งข่าวตามคนมาวัด
[attachmentid=4561][attachmentid=4562]
A: ในพุทธันดรที่ผ่านมา มีการรวมตัวของหมู่คณะมากที่สุด จำนวนหลายล้านคนโดยไปชักชวนกันมาปากต่อปากบ้าง ตีฆ้องร้องป่าวจนกลายเป็นประเพณีและรับทราบกันในเวลาต่อมา ในยุคนั้นมีคนมีบุญมาเกิดกันมาก อายุก็ยืนเป็นหมื่นปี ระบบประสาทการรับรู้ทั้งหูตาก็ดีกว่าในยุคปัจจุบันมากมายหลายร้อยเท่า ทำให้ได้ยินทั่วถึง แม้จะรวมกันอยู่ในอาคารใหญ่ ๆ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสภาธรรมกายสากลหลายเท่า อีกทั้งผู้เทศน์สอนก็มีพลังเสียงที่ดังกังวานได้ยินทั่วถึงกันหมดโดยไม่ต้องใช้เครื่องขยายเสียงเหมือนปัจจุบัน
[attachmentid=4563]
ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต
ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์อย่าได้พลัดกันเลย!
ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์อย่าได้พลัดกันเลย!