..ไม่กระทบคุณงามความดีของตน และ ไม่กระทบคุณงามความดีของผู้อื่น
...
บางคน ทำทานด้วยทรัพย์สินและเงินทองครั้งละมากๆ
แต่บางคน ก็ทำเพียงครั้งละเล็กๆ น้อยๆ ตามศรัทธา และ ฐานะของตน
แต่ถ้าคนที่ทำทานมาก แล้วก็ชอบข่มคนอื่น หรือ ชอบกล่าววาจาดูถูก ผู้อื่นที่ทำน้อยกว่า
เป็นการยกตนข่มท่าน อย่างนี้ ชื่อว่าเป็นการทำให้คุณงามความดีของตนลดน้อยลง
...เพราะอะไร...
เพราะเราอุตส่าห์ละความตระหนี่ นำทรัพย์สินเงินทองออกทำบุญให้ทาน
แต่แล้ว เราก็กลับทำลายความดีของเราเอง ด้วยการเพิ่มกิเลส คือดูถูก ดูหมิ่นผู้อื่น
...
ถ้าเกิดผู้ที่ทำบุญให้ทานน้อยนั้น เกิดได้ยินคำพูดอันไม่เพราะหูนั้นเข้า
แล้วถ้าเขาขาดโยนิโสมนสิการ จิตใจที่เป็นกุศลของเขา ก็จะดับวูบลง
..แล้วอกุศล คือความโทมนัสเสียใจ ก็จะเกิดขึ้นแทน
....
อย่างนี้ขึ้นชื่อว่า ทำลายคุณงามความดี ของผู้อื่น
..ทำให้ผู้อื่น เสื่อม จากคุณความดี คือกุศลกรรมที่เขามีอยู่
...
หรือบางคน ตั้งใจรักษาศีล ๕ โดยเคร่งครัด แต่กลับให้สุรายาเมาเป็นทานแก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ ก็ตาม
ทาน ที่ทำให้ผู้รับมึนเมา ขาดสติ สามารถเป็นต้นเหตุที่จะกระทำบาปอกุศลต่างๆ
เช่นมีการฆ่าสัตว์เป็นต้น อย่างนี้ก็เป็นการให้ ที่กระทบความดีของตนและผู้อื่นเช่นกัน
เพราะเรา เป็นผู้มีศีลอยู่แล้ว แทนที่ จะชักชวนคนอื่นให้เขามีศีลอย่างเรา
กลับสนับสนุน ทำให้เขาเสื่อมเสียจากศีล ทานอย่างนี้ สัตบุรุษท่านไม่กระทำ
...
...สัตบุรุษ ครั้นให้ทานโดยไม่กระทบตน และผู้อื่นแล้ว
ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก
และโภคทรัพย์นั้น ย่อมไม่เป็นอันตรายจากไฟ
จากน้ำ จากพระราชา จากทายาทหรือจากคนที่ไม่เป็นที่รัก ในที่ๆ ทานนั้นให้ผล
...นี่คือการให้ทานของสัตบุรุษ ถ้าตรงกันข้ามก็เป็นทานของอสัตบุรุษ...
ไว้ใน อสัปปุริสสูตร และ สัปปุริสสูตร อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต
จากบทความ ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
ของประณีต ก้องสมุทร
เคยอ่านกระทู้ที่เพื่อนๆ บ่นเสียใจเวลามีผู้ตำหนิว่าทำบุญน้อย
เลยนำมาฝากพวกเราที่ขยันทำหน้าที่บอกบุญ เป็นกัลยาณมิตรแด่ผู้อื่น
อย่าให้พลาดพลั้ง ทำให้ท่านอื่นเสียใจเด็ดขาดทีเดียวนะจ๊ะ โดยเฉพาะท่านที่มาใหม่..
ชม และเชียร์ อย่างเดียวจ้า เดี๋ยวเขาจะเข้าใจเอง...