ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ศีล 8 กับอาชีพครูสอนการแสดง


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 คทาเทพ

คทาเทพ
  • Members
  • 77 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 August 2010 - 03:31 AM

เข้าพรรษาปีนี้ ผมตั้งใจจะรักษาศีล 8 ทุกวันพระในเดือนแรกและเดือนที่สอง rolleyes.gif ส่วนเืดือนที่สามจะถือศีล 8 ทุกวัน biggrin.gif แต่ยังคงสงสัยเกี่ยวกับศีล 8 ดังนี้ครับ ผมเป็นอาจารย์สอนการแสดง ซึ่งในการสอนนั้นจำเป็นที่ต้องมีการสอนทั้งปฏิบัติและทฤษฎี ในเรื่องของการแสดงทั้งดูหนัง เล่นละคร เต้น ฟ้อน รำ การออกท่าทางต่างๆ หรือแม้แต่การฝึกซ้อมดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง เลยอยากทราบว่า หากวันพระวันนั้นตรงกับวันที่สอนในรายวิชาดังกล่าว ผมจะผิดศีลไหม? ศีลบริบูรณ์ ด่างพร้อย ไหม? dry.gif


ฉันคือธรรมบนเมฆา ล่องลอยบนท้องนภา มานานแสนนาน http://www.facebook.com/kathathep


#2 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 August 2010 - 08:40 AM

อยู่ที่ใจคุณ และการแสดงนั้นทำให้ความใคร่ในกามคุณ
กำเริบหรือไม่

#3 tnawut

tnawut
  • Moderators
  • 2398 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Laksi
  • Interests:Internet, Computer, Electronic, Security, Merit, Meditation, อินเตอร์เน็ต, คอมพิวเตอร์, ทำบุญ, ปล่อยปลา, บูชาเจดีย์, ฝันในฝัน, DOU, หมู่บ้านปฏิบัติธรรม, บวช, บรรพชา, Web, CU, Chula

โพสต์เมื่อ 10 August 2010 - 08:41 AM

ไม่ได้ตอบแต่ขออนุโมทนาบุญครับ smile.gif

#4 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 10 August 2010 - 12:17 PM

คิดว่า เป็นแค่งาน ก็ไม่ผิดศีลครับ
หากคิดเกินเลยกว่างานขึ้นมา ก็ผิดศีล นั่นแหละครับ (คือ แสดงไปแสดงมา ไปมีอารมณ์รักๆ ใคร่ๆ ขึ้นมาจริงๆ)
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#5 @--แสงตะวัน--@

@--แสงตะวัน--@
  • Members
  • 723 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand

โพสต์เมื่อ 10 August 2010 - 03:07 PM

เห็นซักแต่ว่าเห็น
ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน
"ชีวิตนี้อุทิศเพื่อพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย"

#6 ๐๐Oลูกศิษย์ครูไม่ใหญ่O๐๐

๐๐Oลูกศิษย์ครูไม่ใหญ่O๐๐
  • Members
  • 50 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 August 2010 - 11:00 PM

อยู่ที่การคิดของเราเองครับ

คิดบวกก้อเป้นบวก คิดลกก้อเปนลบ

^^

#7 ธาตุล้วนธรรมล้วน

ธาตุล้วนธรรมล้วน
  • Members
  • 255 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 August 2010 - 01:55 AM

เรื่องทำนองนี้มีผู้เคยทูลถามพระพุทธเจ้าแล้วครับ

สรุปว่า ....หากอุปาทานมากจนก่อเกิดเป็นกิเลสในด้านกามคุณมากไป ก็เป็นกรรมไม่ดีครับ

หากสิ้นจากภพนี้ไปแล้วอาจจะไปเกิดในนรกที่ชื่อว่าการฟ้อนรำ(จำภาษาบาลีไม่ได้)

..........

แต่อย่าพึ่งตกใจกลัวไป ..... อ่านต่อนะครับ

.........

หากพอสมควรๆ ไม่ได้ผิดศีลธรรมอะไร ไม่ได้ยึดจนเป็นนิวรณ์ ก็เป็นเพียงอุปนิสัย วาสนา เหตุปัจจัยทั่วๆไป ติดตัวไป

และหากพ้นจากภพนี้ไป อาจจะเกิดเป็นเทวดาจำพวกคนธรรพ์ ได้นะครับ แต่หากนึกถึงบุญกุศลอื่นๆ บารมีอื่นๆ มากกว่านี้ก็สามารถไปเกิดในภพภูมิดีๆกว่านี้ได้

........

อาชีพอื่นๆก็เช่นกัน หากไม่ได้อุปาทานมากไปจนเป็นนิวรณ์ให้จิตใจเศร้าหมอง ก็เป็นไปตามแรงกรรมดีกรรมชั่วครับ

........

ต้องรู้จักอาศัยอาชีพอันเป็นโลกิยะ เพื่อประโยชน์แก่การบรรลุโลกุตตระ โดยอย่าหลงไปให้อาชีพนั้นๆมาเป็นสิ่งกั้นขวางทางไปโลกุตตระนะครับ

แต่ละท่าน แต่ล่ะคน ต่างก็มีลีลาชีวิตในการบำเพ็ญบารมีไม่เหมือนกัน แต่หากมีโอกาศเปลี่ยนเป็นอาชีพสมณะได้ ก็ประเสริฐที่สุด

.......

พระพุทธเจ้าเคยสอนเพลงขับให้มาณพหนุ่มคนหนึ่ง นำไปขับร้องให้แก่ลูกสาวพญานาคฟัง ท้ายสุดมาณพหนุ่มผู้นั้นบรรลุพระโสดาบัน (เป็นเพลงขับที่มีความหมายทางธรรมะนะครับ)

เพลงธรรมะ หรือดนตรี สามารถทำให้ใจสบายๆรวมเป็นหนึ่งได้ในระดับใกล้เคียงปฐมฌาณ แต่สุดท้ายจำต้องละไปเองจึงจะเข้าถึงฌานที่มั่นคง

ดังนั้นบางท่านเวลาเครียสๆก็สามารถฟังเพลงธรรมะ หรือเพลงบำบัดจิต เบาๆ สบายๆ นำร่องไปก่อนได้

การแสดงก็เช่นเดียวกัน หากทำให้เป็นประโยชน์แก่โลกุตตระได้ ก็สุดยอดครับ


ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ

ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ

เราตถาคต คือธรรมกาย