คืนเงินก่อนดีหรือทำบุญก่อนดีครับ
#1 **
โพสต์เมื่อ 12 November 2005 - 11:16 AM
#2
โพสต์เมื่อ 12 November 2005 - 06:35 PM
แต่หลวงพ่อท่านบอกว่า การสั่งสมบุญรายวันนี้ดี(ที่สุดมั้ยอ่ะค่ะไม่แน่ใจ ใช่นั่นแหละ) แต่ถ้าทำบุญแบบรายใหญ่ ทีเดียวเลยก็ไม่ควรนะค่ะไม่แนะนำอ่ะ น่าจะสั่งสมบุญรายวัน และไม่ทำให้เราเดือดร้อนถึงแม้นจะอยากทำมากหรือมีจิตที่อยากร่วมบุญน่ะค่ะ
เพราะว่าบุญกับหลวงพ่อก็มีทั้งปีอยู่แล้วล่ะคะ รับรองว่า
ไม่มีตกหล่นแน่นอน ทำแบบไหนก็ได้บุญที่ใหญ่มากเหมือนๆกันล่ะค่ะ
ไม่ต้องคิดมากเลยแต่ถ้าอยากจะใช้หนี้ให้หมดก่อนก็ได้ไม่ต้องทำเพราะคิดว่า ถ้าทำไปแล้วก็ต้องใช้หนี้ไปอีกเยอะและเราอาจจะ(ลำบาก)ไม่สะดวกก็ยังไม่ต้องก่อนก็ได้นะค่ะ
(นู๋เปนเด็กใช้คำถูกมั่ยน้อ ^o^ ..สาธุ..)
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#3
โพสต์เมื่อ 12 November 2005 - 07:38 PM
ถ้าไม่คืนเค้าแล้วมีปัญหาตามมาก็คืนๆเค้าไปให้หมด
อย่าให้มาเป็นเครื่องกังวลใจเลยดีกว่าครับ
ทำได้น้อยหน่อย แต่ใจไม่ตกทั้งสองฝ่าย
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#4
โพสต์เมื่อ 12 November 2005 - 10:28 PM
เราไม่อยากได้ข่าวว่า ทำบุญกับวัดแล้วต้องเป็นหนี้ อันนี้อาจมีผลกระทบต่อหมู่คณะได้นะค่ะ
การยืมไม่ดีเลย ถึงแม้เราจะสามารถคืนได้ก็จริงอยู่ แต่เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นล่ะ จะทำอย่างไรค่ะ...
#5
โพสต์เมื่อ 12 November 2005 - 11:55 PM
ล่าสุด หลวงพ่อก็เพิ่งบอกนี่คะ ว่าถ้าเราคิดจะยืมเงินมาทำบุญ ก็ให้เป็นทำนองว่า เพราะว่าเราไม่ได้เอาเงินมาในวันนี้ เดี๋ยวกลับไปก็จะหยิบไปคืน ไม่ใช่ว่าเราไม่มี คาดว่าจะมีเอาล่วงหน้า แล้วไปกู้หนี้ยืมสินมา นอกจากจะทำให้ตัวเองเดือดร้อน ยังอาจส่งผลมาถึงหมู่คณะอีกด้วย อย่าลืมว่าเรากำลังถูกจ้องอยู่นะคะ จ้องแบบเอากล้องจุลทรรศน์ส่องหาทุกโมเลกุลเสียด้วย
การที่ใจเปิด ตัดความตระหนี่ได้ คือสิ่งที่ดี แต่ต้องอย่าลืมหลักวิชาด้วยค่ะ ^-^
#6
โพสต์เมื่อ 13 November 2005 - 06:32 PM
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1167
ลองอ่านกระทู้นี้ดูนะคะ เป็นสรุปความจากเคสที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านเมตตาแนะนำไว้
จำได้ว่าท่านกล่าวประโยคแรกเลยว่า เวลาทำบุญอย่าให้เดือดร้อนทั้งตัวเองและคนอื่น
แก้ไขโดย แจ่ม 13 November 2005 - 06:33 PM
#7
โพสต์เมื่อ 13 November 2005 - 07:50 PM
#8
โพสต์เมื่อ 13 November 2005 - 09:28 PM
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#9
โพสต์เมื่อ 13 November 2005 - 11:34 PM
ถ้ามีกำลังทรัพย์พอใช้หนี้รวดเดียวหมด ก็จะใช้คืนให้หมดก่อนสถานเดียว
เหลือค่อยนำมาทำบุญ เพราะๆๆๆๆ การมีหนี้สินจะเป็นเครื่องกังวลที่คอยรบกวนจิตใจของคุณ
แม้ในขณะทำบุญก็จะทำให้ไม่ปลื้มมากเท่าที่ควร
(คือ มันจะไม่ปีติอย่างปลอดโปร่งเต็มที่)และจะทำให้รักษาใจใสๆได้ยากขึ้น
บุญก็อาจจะหกๆหล่นๆได้ง่ายๆ และ การตามระลึกถึงบุญในภายหลังก็จะได้ไม่เต็มที่
ส่งผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปหมด
แต่ถ้ากำลังทรัพย์ไม่พอใช้หนี้รวดเดียวหมด ผมก็จะแบ่งใช้หนี้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็แบ่งทำบุญ
ซึ่งก็จะทำให้มีความสบายใจที่ได้ใช้หนี้ ทำให้พอถูไถ ทำใจให้เบิกบาน
เมื่อเวลาตามระลึกถึงในภายหลัง ก็จะไม่มีข้อให้ตัวเองก็ตำหนิตัวเองได้
เพิ่มเติม
ส่วนเมื่อใช้หนี้ไปแล้ว ปัจจัยเหลืออยู่น้อย ก็อย่าได้ "ใจตก" ไปเลยครับ
ถ้ามีน้อย เราก็ไปร่วมกับคนอื่น หรือ ไปชวนคนอื่นมาร่วมซิครับ
สร้างบารมีเป็นหมู่คณะอย่างเบิกบาน
น้ำสะอาดแก้วเดียว ยังมีคุณมากกว่าน้ำโคลนหนึ่งถังฉันใด
บุญที่ทำได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยจิตใจปีติเต็มที่แม้น้อย
ย่อมเลิศกว่าบุญที่ทำมากแต่หกๆหล่นๆเพราะใจเป็นกังวล ฉันนั้น
#10
โพสต์เมื่อ 14 November 2005 - 12:57 AM
แม้นคุณจะทำบุญ อย่างไร แต่คุณยังเป็นหนี้อยู่ คุณก็ยังเป็นทุกข์อยู่ดี จะรำลึกนึกถึงบุญ ก็ได้ไม่เต็มที่
อยากให้รีบใช้หนี้สินให้หมดก่อน หลังจากนั้น เมื่อคุณทำบุญในสมบัติของตัวเองที่หามาได้ แม้นจะเหนื่อยยากสักปานใด คุณก็จะรู้สึกมีปิติกับสิ่งที่คุณธรรม และจะได้ชื่อว่าไม่เบียดเบียนตัวเองด้วย
#11
โพสต์เมื่อ 14 November 2005 - 02:12 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#12 **
โพสต์เมื่อ 14 November 2005 - 01:35 PM
หนี้ก็ได้ใช้คืน บุญก็ได้เต็มๆ แถมได้บริวารสมบัติด้วยค่ะ
วิธีนี้ใช้ประจำค่ะ เพราะลำพังตัวเองบางครั้งกำลังทรัพย์ไม่พอต้องบอกบุญเพื่อนๆค่ะ
อนุโมทนาบุญนะค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 14 November 2005 - 07:49 PM
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#14
โพสต์เมื่อ 16 November 2005 - 06:48 PM
อีกอย่างบุคคลภายนอกจะได้ไม่โจมตีวัดเราด้วยว่า ถึงขนาดคนวัดต้องกู้หนี้ยืมสินมาทำบุญ
จะกลายเป็นภาพพจน์ที่ไม่ดีต่อวัดอีกต่างหาก
#15 **
โพสต์เมื่อ 17 November 2005 - 10:21 PM
อย่าลืมนั่งสมาธิ และ รักษาศีลด้วยนะคะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
touch จัง
#16
โพสต์เมื่อ 18 November 2005 - 12:49 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#17
โพสต์เมื่อ 09 February 2006 - 06:15 PM
การที่คนเราไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐค่ะ
ทำบุญตามพลังกำลังที่เรามีค่ะ
#18
โพสต์เมื่อ 09 February 2006 - 11:32 PM
#19
โพสต์เมื่อ 05 February 2007 - 09:04 AM