กี่สิบปีถึงจะได้ใครสักคน
#1
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 03:16 PM
ใครมีกลอนบทนี้ครับ ช่วยเขียนมาให้อ่านหน่อยครับ
ตอนนี้อยากอ่านครับ
#2
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 04:22 PM
ให้รู้ซึ้ง อุดมการณ์ งานเป้าหมาย
เพียงคำพูด ไม่กี่คำ อาจทำลาย
เหมือนไม้ใหญ่ ปลูกหลายวัน ฟันวันเดียว
เมื่อจะพูด อะไร จงคิดก่อน
ควรพูดตอน ใจเย็น ใช่ฉุนเฉียว
งานของเรา ต้องการ ความกลมเกลียว
เป็นหนึ่งเดียว ไปจนกว่า ชนะมาร
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#3
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 04:50 PM
ขอบคุณมากครับ
กำลังต้องการอ่านอย่างมากเลย.....อ่านแล้วใจฟูขึ้นมาทันทีเลยครับ
อนุโมทนาบุญครับ
#4
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 05:21 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#5
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 05:53 PM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#6
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 06:17 PM
แม้อารมณ์สบายที่กำลังแสวงหา
แค่ทำใจหยุด นิ่ง นิ่ง เดี๋ยวก็มา
เชื่อเถิดน่า! มันเหลือเชื่อ แต่ก็จริง
เราไม่ได้ ใครจะได้เล่าลูกเอ๋ย
ทำเสบย ใจสบาย ได้แหง แหง
ก็พวกเราท่านผู้รู้ เขาดูแล
ล้วนแต่ธาตุแก่ แก่ ในนิพพาน
พญามารทำเรื่อง"ง่าย"ให้มัน"ยาก"
แต่พระทำเรื่อง"ยากให้มันง่าย"
เมื่อรู้แล้วอย่างนี้สบายสบาย
ให้เห็นง่ายภายในคืนนี้เอย
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
สัญญาใจที่ให้ไว้แดนประเสริฐ
ก่อนจะเกิดว่าจะสู้ไม่ถอยหนี
จะร่วมแรงร่วมใจปราบไพรี
คอยตรงนี้มานานแล้วแก้วกลอยใจ
บอกแล้วบ่ฟังอย่าคาดหวังใจจะเครียด
กายซีเรียสนั่งเท่าไหร่ไม่ได้ผล
ได้แต่เพียงทนนั่งและนั่งทน
ไม่ได้ผลอย่างที่ใครเขาเห็นกัน
สมน้ำหน้า ปะป๋าบอกแล้วไม่เชื่อ
ตูละเบื่อลูกบางคนไม่เชื่อฉัน
แล้วอย่างงี้จะมองฟ้าได้ไงกัน
เฮ้อ! ลูกฉันรั้นเหลือเกิน เกินกว่าใคร
เอาหยั่งงี้ ทีนี้นั่งเฉย เฉย
ทำเสบย ดั่งเคยสอนจำได้ไหม
วางเบาๆใจเย็นๆ นั่นยังไง
เริ่มต้นใหม่อย่างง่ายๆใจดี ดี
ถ้าความคิดเกิดขึ้นมาให้ไหลผ่าน
อย่าต่อต้านก็จะหายถ้าไม่สน
เหมือนกระจกคันฉ่องส่องใจตน
ให้รู้ว่าดวงกมลเป็นอย่างไร
บางช่วงใจของเราไม่ผ่องผุด
แต่บางช่วงบริสุทธิ์แสนสดใส
จงเฝ้าเพียรเรียนรู้ให้เข้าใจ
จะมีสิ่งใหม่ใหม่ให้เราดู
อย่าควานหาอะไรในที่มืด
จะตึ๋งหนืดฝืดใจไม่ไปไหน
หัวจะมึนตาจะมัวสลัวใน
ไม่แจ่มใสใจไม่หยุดหงุดหงิดฟรี
เหมือนคั้นน้ำจากหินหรือดินเหนียว
จะแห้งเหี่ยวหัวโตหมดราศรี
เลิกเถิดนะอย่าทำลูกคนดี
ทำตามที่พ่อแนะนำฉ่ำใจเอย
เมื่อดวงตาปิดสนิทอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจ้องมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมาย ถึงปลายทาง
ยิ่งกว่าได้ดื่มสวรรค์อันเอมโอษ
รสเห่งธรรมชนะโลดไม่ขนาง(สงสัย)
รสอะไรไม่อาจสู้ กลางของกลาง
ลองเข้าถึงดูบ้างจะรู้เอง
ท่านผู้รู้ภายในนิ่งสนิท
เว้นทำกิจเฉกมนุษย์ในสังสาร
กลั่นกายใจขุนพลกล้าพระนิพพาน
ให้เชี่ยวชาญในวิชชาธรรมกาย
หากคืนนี้ทำใจหยุดนิ่งเฉยเฉย
ไม่ละเลยซึ่งคำสอน คงเฉิดฉาย
พระนิพพานลงกลั่นแก้ ก็ง่ายดาย
ลูกหญิงชายจะสมฝันกันทุกคน
จำคำนี้ "สักแต่ว่า" นะลูกเอ๋ย!
จะเปิดเผยสิ่งล่ำค่าให้ลูกเห็น
เห็นความมืดติดตาอย่าลำเค็ญ
"สักแต่ว่า" ฉันเห็นก็เป็นพอ
นิ่ง เบา เบาต่อไปใจนิ่ง นิ่ง
เดี๋ยวก็ปิ๊งใสแจ๋วจนร้องอ๋อ
เพียงเข้าใจ"สักแต่ว่า"วันนี้พอ
ช่วยบอกต่อ"สักแต่ว่า" ค่าล้ำจริง
นั่งยิ้มๆซีจ๊ะ! หน้าแย้มยิ้ม
หลับตาพริ้มยิ้มละไมดั่งเพชรใส
ให้ใจจิตวิญญาณบานหทัย
แผ่ขยายจนครอบคลุมภพอนันต์
หากนั่งดีมีรางวัล ให้นั่งต่อ
ใจของพ่ออยากให้ลูกนั้นสมฝัน
ทำวิชชาครานี้ได้อัศจรรย์
ได้ช่วยกันโรมรันเช่นชาติเดิม
ตั้งใจมองให้เห็นก็ไม่เห็น
ว่าไม่เห็นมันก็เห็นตอนทีเผลอ
จะให้อยู่ทำอย่างไรดีนะเออ
ถ้าอยากเจอต้องมองไปหยั่งงั้นเอง
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#7
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 06:40 PM
ถ้ามี สุนทรพ่อ ในกล้าธรรม แวะมาแบ่งปันกันอีกนะครับ
และถ้าไม่ลืม กรุณาแนะนำวิธี แนบรูปภาพพร้อมข้อความที่อยู่ใน MS word ด้วยครับ
ไฟล์แนบ
#8
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 07:55 PM
ภาษาง่ายๆ แต่กินใจ
ถ้อยคำสั้นๆ แต่ได้ใจความ
อ่านแล้วขนลุกค่ะ พอหลับตานิ่งๆ ก็นำตาไหล เผลอรู้สึกผิดไปที่ไม่รักษาสัญญา
จะมั่นใจได้อย่างไรคะว่าเราเป็นทหารหาญ...ผู้ชาญศึกที่หายไป
และมีคำถามขอความกระจ่างได้ไหมคะ
จากท่อนที่สอง " ก็พวกเราท่านผู้รู้เขาดูแล ล้วนแต่ธาตุแก่แก่ในนิพพาน"
อนุโมทนาบุญค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 08:11 PM
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
สัญญาใจที่ให้ไว้แดนประเสริฐ
ก่อนจะเกิดว่าจะสู้ไม่ถอยหนี
จะร่วมแรงร่วมใจปราบไพรี
คอยตรงนี้มานานแล้วแก้วกลอยใจ...
ช่างเป็นเจ้าบทเจ้ากลอนที่ถอนรากกิเลสได้ดีจริงๆ
อ่านแล้วอยากหลับตาดิ่งลิ่วลงกลางอย่างเดียว นิ่ง...นิ่ง ไม่ไปไหน ไม่ทำอะไร
อนุโมทนาบุญอีกทีค่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 10:22 PM
กราบอนุโมทนากับผู้ที่เอามาลงคะ สาธุ
น้าจี้
#11
โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 11:58 PM
ขอบคุณค่ะกับข้อเตือนสติ ก็คงรอไม่ได้อีกแล้วค่ะเพราะกลัวพลาดขบวนรถด่วน
รอไม่ได้อีกแล้วทั้งที่รอมานานแล้วกับความหวังที่จะได้ทีมงานที่ดี เพราะเราจะต้องไปกันเป็นทีม
แต่เนื่องจากมาอยู่ซะไกล ไกลจากหมู่คณะ ไกลจากแดนพระพุทธศาสนา ไกลขนาดว่ายังไม่มีวัดเลยค่ะ
การรอการมาของทหารกล้าจึงทำให้มีการน้ำตาไหลเกิดขึ้นค่ะ แต่เมื่อได้อ่านกลอนบทนี้ก็เป็นการเติมกำลังใจที่ดีค่ะ
เรากล้าที่จะบุกเดี่ยวเพราะเรามั่นใจว่า...เราทำได้
ขอให้มีแต่คำว่าได้ คำว่ามี และคำว่าสำเร็จ กับทุกๆท่านนะคะ
#12
โพสต์เมื่อ 02 February 2006 - 09:47 AM
ขอบคุณครับสำหรับกลอนบทที่สอง
ขนลุกครับ
#13
โพสต์เมื่อ 02 February 2006 - 09:34 PM
http://www.nawut.com...estamp=20060202
กราบอนุโมทนาบุญครับ
#14
โพสต์เมื่อ 03 February 2006 - 07:01 AM
ที่ทำให้สู้...และเมื่อท้อเราจะไม่ถอย แต่จะพยายามฝึกต่อไปเพื่อไม่ให้มีการท้อเกิดขึ้นอีก
ขออนุญาตินำขึ้น board นะคะ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับใครที่กำลังเหนื่อยและท้อ และที่สำคัญเพื่อตอกย้ำว่า
1.บุญมีจริงและส่งผลทันตาเห็น
2.เป้าหมายของการมาเกิดคืออะไร
จากข้อสงสัยในกลอนบทที่สอง
ด้วยแรงอธิษฐานเพียงข้ามวัน ก็ได้คำตอบให้รู้จำ จากการรู้แจ้งของคุณแม่ท่านหนึ่งค่ะ
ที่กรุณาถ่ายทอดมาเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้พยายามปฏิบัติตาม ในจดหมายฉบับหนึ่ง
...จากแม่ถึงลูก
" เมื่อดูย้อนขึ้นไปนั้นจะเป็นภาพของสถานที่กว้าง โล่ง สว่าง บนนั้นมีกายทิพย์อยู่รวมกันเป็นจำนวนมากไม่ใช่ว่ามีเฉพาะแต่กายทิพย์ของแม่เท่านั้น กายทิพย์ของแม่มองดูไม่ใช่เป็นกายทิพย์ของเทพธิดาแต่เป็นเทพบุตร มีการแต่งกายแบบเทพบุตร คือกางเกงสามส่วนต่ำกว่าเข่าลงมาเล็กน้อย เสื้อคอกลมแขนต่ำกว่าศอกลงมาเล็กน้อย มีสายสังวาลคาดผ่านหน้าอก มีเครื่องประดับที่คอและกรอบหน้า มีความใสสว่างของกายที่ทำให้แม่มีความสุข ความปิติใจซึมซาบอยู่ภายในกายทิพย์ที่เป็นเทพบุตรนั้น
กายทิพย์กายอื่นก็เช่นกัน เป็นเทพบุตรแสนโสภาทั้งนั้น ทุกๆกายดูมีความสุขสดชื่นอยู่เป็นปกติ
แต่เมื่อนั่งสมาธิปฏิบัติด้วยกันรวมกันแล้วทุกๆกาย ก็ตระหนักกันเองถึงภาวะที่จะต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์ในโลกกว้างนี้ เป็นเป้าหมายลึกๆที่อยู่ในกลางใจของทุกๆกาย เป็นสิ่งที่ขัดขืนไม่ได้เหมือนเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ทุกๆกายไม่ได้ติดอยู่ในสมบัติทิพย์ที่ตนครอบครองอยู่ แต่จะตระหนักอยู่ในกลางความคิดลึกๆ ว่ามีหน้าที่ที่สำคัญยิ่งกว่าการเสวยความสุขในสมบัติทิพย์ที่ตนได้รับอยู่นั้น คือการลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีร่วมกัน ด้วยความเต็มใจในหน้าที่นั้น เป็นความคิดที่ประสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ที่มีพลังอันเหนียวแน่นมั่นคงไม่คลอนแคลน"
#15 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 03 February 2006 - 10:59 AM
ว่ามีใครคอยเป็นห่วง เป็นใย เราอยู่เสมอ มิเสื่อมคลาย และ
คอยกระตุ้นเตือนเรา ให้เร่ง ให้รีบ เพิ่มความเพียร ในการสั่งสมคุณงามความดี
หมั่นปฏิบัติธรรม
ให้สมกับความรัก และ ความห่วงใย ที่ท่านกรุณามีให้แก่เรา ๆ ทั้งหลาย
รักพระเดชพระคุณหลวงพ่อจังเลย
ที่ท่าน
#16
โพสต์เมื่อ 06 February 2006 - 02:58 PM
#17
โพสต์เมื่อ 08 February 2006 - 08:36 AM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#18
โพสต์เมื่อ 26 August 2006 - 04:27 PM