ขอถามเรื่องศีลแปด ครับ
#1
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 11:32 AM
1.
2.
3. อะพรัหมะจะริยา เวระมณี - ในข้อนี้คือให้ปฏิบัติอย่างพรหม แต่ถ้าเรามองเห็นสิ่งสวยงาม น่ารัก แล้วใจหวั่นไหว แบบนี้ถือว่าศีลพร่องหรือเปล่าครับ
4.
5.
6. วิกาละโภชนา เวระมณี - ในข้อนี้ งดเว้นจากการบริโภคอาหารในยามวิกาล อยากทราบว่า เราสามารถทาน ช็อคโกแลต นม มะขามหวาน น้ำเต้าหู้ โยเกิร์ตแบบรสธรรมชาติ ได้หรือเปล่าครับ
7. นัจจะคีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสสะนะ มาลาคันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มะณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมณี - ในข้อนี้ งดจาการขับร้อง ดูการละเล่น ตกแต่งด้วยเครื่องหอม เครื่องย้อม เครื่องทา อยากทราบว่า ในข้อนี้ ละครไม่ควรดูใช่หรือเปล่าครับ
แล้วเวลาโกนหนวด ผมจะใช้ โลชั่นทาหลังโกนหนวด ( After Shave ) ได้หรือเปล่าครับ เพราะถ้าไม่ใช้ ก็จะแสบผิวครับ
แล้วน้ำยาระงับกลิ่นพวกโรลออน สามารถใช้ได้ปรือเปล่าครับ
8. อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมณี - งดเว้นจากการนอน ที่นอน สูงใหญ่ แบบนี้รวมไปถึงหมอนหนุนด้วยหรือเปล่าครับ
รบกวนตอบด้วยนะครับ ผมตั้งใจที่จะถือศีลแปดวันพระ ไม่อยากให้ ศีลพร่องเลยครับ
#2
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 12:07 PM
ศีลข้อ 3 เมื่อใจหวั่นไหว แล้วก็ไหวหวั่นในเรื่องกาม ในขณะที่ตั้งใจจะประพฤติพรหมจรรย์อยู่ แต่แล้วก็ระงับใจได้ แต่ศีลก็พร่องไปแล้วล่ะครับ
ศีลข้อ 6 สิ่งเหล่านี้ ท่านจัดอนุโลมเป็นน้ำปานะ หรือ ทานเป็นยา น่ะครับ ก็ทานได้ครับ แต่ดูจำนวนให้เหมาะสม มิใช่ทานเป็นเข่งๆ นะครับ อย่างนั้น หลวงพ่อทัตตะท่านบอกว่า "ทานข้าวเถิดลูก"
ศีลข้อ 7 ถ้าเป็นละครทั่วๆไป ที่มีพระเอกนางเอกเน้นเรื่องกาม ไม่ควรดูครับ แต่ถ้าเป็นละครธรรมะ เช่น ทศชาติชาดก อย่างนี้สามารถดูได้ครับ
การโกนหนวด หากใช้โลชั่น เพื่อไม่ให้แสบผิว ย่อมใช้ได้ครับ เป็นเรื่องของสุขภาพมิใช่เรื่องปรุงแต่งความสวยความงาม
น้ำยาระงับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ให้ไปสู่ผู้อื่นก็ใช้ได้ครับ แต่น้ำยาเพิ่มกลิ่นหอม (น้ำหอม) นั้นใช้ไม่ได้ครับ
ศีลข้อ 8 ที่นอนที่สูงใหญ่ ในที่นี้ท่านหมายถึง ที่นอนที่ใช้นอนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปน่ะครับ ส่วนหมอนก็ใช้ได้ครับ เขาห้ามเฉพาะที่นอน
เคร่งครัดเป็นเรื่องดี แต่อย่าให้เคร่งเครียดครับ
#3
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 12:25 PM
#4
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 01:30 PM
ข้อ 3 จากที่เจ้าของกระทู้ถามมานั้น เป็นเพียง มโนกรรม
แต่ศีล เป็นเครื่องกำหนด วาจา และ การกระทำทางกาย
ยังไม่น่าจะพร่องหรือเปล่าคะ
ขอบพระคุณค่ะ _/l\_
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#5
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 03:11 PM
เพราะองค์ประกอบแห่งศีลข้อนี้คือ
1. วัตถุกาม หมายถึง เพศตรงข้าม หรือ สิ่งเย้ายวนทางกาม
2. มีจิตคิดจะไม่ประพฤติพรหมจรรย์
3. ดำเนินการไม่ประพฤติพรหมจรรย์
4. ไม่ประพฤติพรหมจรรย์ได้สำเร็จเรียบร้อย
เืมื่อครบองค์ทั้ง 4 เมื่อไหร่ ศีลข้อ 3 ของศีลแปด ก็จะขาดทันที แต่ถ้ายังไม่ครบ มีเพียงบางข้อ เช่น มีจิตหวั่นไหวไปในทางกามรมย์ ก็ผิดองค์ประกอบข้อ 2 แต่ข้ออื่นๆ ยังไม่ผิด ดังนั้น จึงกลายเป็นศีลพร่อง แต่ไม่ขาดไงล่ะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 03:51 PM
ขอบพระคุณมากค่ะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#7
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 04:28 PM
#8
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 06:22 PM
อนุโมทนาบุญกับผู้ที่ตั้งใจถืออุโบสถศีลด้วยนะคะ
#9
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 08:27 PM
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#10
โพสต์เมื่อ 23 January 2008 - 06:59 PM
ถ้าพร่องแม้แต่ข้อเดียว ก็เหลือศิลศูนย์ข้อเลยรึเปล่าคะ
หรือว่า ขาดแม่แต่ข้อเดียว
จะเหลือศูนย์ข้อ
" ไกลพ่อใจเราเข้ากลาง
แม้ห่างเข้ากลางเหมือนใกล้
ใกล้พ่อใจห่างกลางไป
เหมือนไกลพ่อลับลิบตา "
`๏`
" ใจพ่อไม่เคยห่างไกล
อยู่ใกล้หรือไกลเหมือนใกล้
ลูกเอ๋ยอยู่กลางจำไว้
อยู่ไกลเหมือนใกล้พ่อเอย"
_/l\_
..................................
#11
โพสต์เมื่อ 23 January 2008 - 08:26 PM
ถือว่าขาดหมดทุกข้อ..
ต้องอาราธนาใหม่
ถ้าศีล 8 แค่บกพร่อง
แล้วถ้ารู้สึกใจหมอง..
ก็อาราธนาใหม่เถอะ..
จะให้ความรู้สึกที่ดีกว่าเดิม.. มั่นใจในคุณธรรมของตนเอง
แล้วการปฏิบัติธรรมก็จะดีขึ้น
(เราอยู่นอกวัด ก็ถือศีล 8 จ้า.. แต่ตลอดชีวิตนะ)
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#12
โพสต์เมื่อ 23 January 2008 - 09:14 PM
สาธุกับทุกท่านที่สนทนาธรรมตามกาล
#13
โพสต์เมื่อ 24 January 2008 - 12:05 AM
#14
โพสต์เมื่อ 24 January 2008 - 10:08 PM
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีใจเป็นกุศลค่ะ
#15
โพสต์เมื่อ 25 January 2008 - 12:33 PM
แต่ถ้าเป็นเตียงไม้นี้ (ทำด้วยไม้ทั่งแท่ง) ต่อให้หนาเป็นศอก ก็คิดว่าไม่เป็นไรครับ
เพราะวัตถุประสงค์ข้อนี้คือ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดกามกำเริบในเวลานาน ถ้าเตียงอ่อนนุ่มจะแค่บางๆ ก็ตาม ย่อมเกิดกามกำเริบได้ง่ายกว่า เตียงแข็งๆ เช่น ไม้ แน่นอน
ส่วนเตียงที่ยิ่งโอ่โถง นอนแล้วก็จะเกิดความรู้สึกว่า เรายิ่งใหญ่ กามอาจกำเริบได้ง่าย จึงต้องเป็นเตียงเล็กๆ นอนได้คนเดียว และวัสดุไม่อ่อนนุ่ม เช่น ไม้เป็นต้น อย่างนั้น OK ครับ
#16
โพสต์เมื่อ 25 January 2008 - 11:52 PM
ขอนำความรู้เกี่ยวกับ ศีล ๘ จาก วิชา วิถีชาวพุทธ บทที่ ๙ ศีล ๘ และอุโบสถศีล ของ DOU มาเสริมครับ
Page_05.jpg 143.17K 186 ดาวน์โหลด
Page_06.jpg 123.88K 154 ดาวน์โหลด
องค์แห่งศีล ข้อที่ ๓ , ๖ , ๗ และ ๘
Page_07.jpg 96.09K 152 ดาวน์โหลด
Page_08.jpg 80.39K 130 ดาวน์โหลด
เอกสารแนบ : ศีล ๘ และอุโบสถศีล
Sila_8_and_Ubosodhasila_.pdf 115.16K 305 ดาวน์โหลด
ขอร่วมแสดงความคิดเห็นสักนิดนะครับ
ถ้าเราพิจารณาถึง เจตนา - วัตถุประสงค์ และ คุณประโยชน์ของการรักษาศีล ๘ แล้ว
จะพอเห็นได้บ้างว่า
เจตนาโดยรวม ของการรักษาศีล ๘ คือ มุ่งชำระกาย วาจา รวมถึงใจ ให้ สะอาด บริสุทธิ์ มากยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์ ของศีล ๘
ข้อที่ ๓ คือ การประพฤติอย่างพรหม เป็นพรหมจรรย์ ด้วยการงด เว้นการเสพกาม เสพเมถุน
ข้อที่ ๖ , ๗ , ๘ นั้นก็เพื่อช่วยอุปการะให้การประพฤติพรหมจรรย์ สะอาด บริสุทธิ์ยิ่งขั้น
หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆว่า เพื่อป้องกัน กามกำเริบ
องค์แห่งศีลแต่ละข้อ ของศีล ๘
ก็เพื่อเป็นจุดตรวจสอบ check points ว่า เรารักษาศีลได้สะอาด บริสุทธิ์ได้มากแค่ไหน
ศีลเราด่าง ทะลุ หรือ ขาด อย่างไร
รวมถึงเป็นการฝึกสติ อย่างเข้มงวดให้เราด้วย
ยิ่งสติสมบูรณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอุปการะ สมาธิให้สงบ นิ่งมั่นคงมากเท่านั้น
คุณประโยชน์ของการรักษาศีล ๘ คือ
ช่วยให้ใจปลอดกังวลเรื่องกิน ช่วยให้ใจสงบสงัดจากกาม
และสนับสนุนการประพฤติธรรม การปฏิบัติธรรม ( สมาธิ / สมถะ-วิปัสสนา กรรมฐาน ) ให้ก้าวหน้า เจริญยิ่ง ๆ ขึ้น
คือ ศีลที่ บริสุทธิ์ ช่วยให้ การเจริญสมาธิ มีใจสงบ หยุด นิ่ง แน่น มั่นคงมากยิ่งขึ้น
เมื่อเรารักษาศีล ๘ ก็ไม่ควรลืมเจตนาและวัตถุประสงค์ของการรักษาศีล ๘ ด้วย
ในเรื่ององค์แห่งศีล เราก็ควรศึกษาให้เข้าใจ และรักษาให้เคร่งครัด
แต่อย่าให้ถึงกับเคร่งเครียด วิตกกังวล
ฉะนั้น ในเรื่ององค์แห่งศีลบางจุด ที่เราอาจทำได้ไม่ครบ หรือ ผิด พลาด / สิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์พาไป
เช่น
ถ้าเรารักษาศีล ๘ แต่มีเตียงสูงใหญ่ ยัดนุ่นอย่างดี ในสถานที่พัก ( บ้าน / รร. ฯล )
ก็ควรลงมานอนบนพื้นห้อง แข็ง ๆ ช่วยนวดตัวดีและ ทำให้มีสติก่อนนอนดีนะครับ
แต่ถ้าจะนอนบนเตียง ก็ควรพิจารณาว่า
ก็สักแต่ว่า นอน ๆ ไป อย่าให้กามกำเริบ แล้วกันครับ
สรุปว่า
ศีล มีเรื่องของเจตนา มาเกี่ยวข้องด้วย
ถ้าแม้นองค์แห่งศีล บางข้อเราไม่สมบูรณ์
แต่วันนั้น คืนนั้น ขณะนั้น เรามีสติ ไม่ประมาท กามไม่กำเริบ ใจยังผ่องใสทั้งวันทั้งคืน สมาธิก็ก้าวหน้า
ก็ถือได้ว่า
บรรลุวัตถุประสงค์ในการรักษาศีล ๘ แล้วนะครับ
ที่กล่าวอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่า สนับสนุนให้ละเลย องค์แห่งศีล นะครับ
ผมไม่เห็นด้วยกับการรักษาศีล แบบคนหัวหมอ
ที่ฉลาดหาช่องโหว่ของกฎหมายบ้านเมือง แล้วเจตนาละเมิด หลีกเลี่ยงนะครับ
และไม่ได้เจตนาส่งเสริมการกินอาหารในยามวิกาล / ดูการละเล่น / ลูบไล้ของหอม / นอนบนเตียงหรูหรา
แล้วมาเน้น รักษาใจ เพียงอย่างเดียวหรอกนะครับ
อย่างที่เคยทราบกันบ้างแล้วว่า
บางพุทธกาลสมัยที่ มวลมนุษย์มีธาตุธรรมสะอาด มีศีล มีคุณธรรม มีบุญบารมีมากอยู่แล้ว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางพระองค์ ทรงมีพุทธบัญญัติ วินัย ๘ สิกขาบท หรือ ศีล ๘
ก็เพียงพอให้พุทธสาวก สาวิกา สามารถขจัดกิเลส อาสวะ บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล เป็นอรหันต์ได้แล้ว
เพราะการรักษาศีล ๘ รวมถึงปาติโมกข์ศีลของภิกษุ ที่ได้ผลดี จำเป็นต้องมีสติและสำรวมอินทรีย์
มีสติและสำรวมการมอง การฟัง การดม การรับรสทางลิ้น และสัมผัสทางผิวกายอยู่เสมอ
อย่างที่พระเดชพระคุณ หลวงพ่อ ทตฺตชีโว สอนไว้ว่า
และอะไร ไม่ควรคิด ( เรื่องที่เป็นข้าศึกกุศลธรรม เรื่องที่ทำให้กิเลส อาสวะกำเริบ ) ก็อย่าไปคิด ไปปรุงแต่ง
และอย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ธมฺมชโย เคยกล่าวถึง
การสนทนาของคุณยาย อาจารย์ กับ พระมหา จบเปรียญธรรมชั้นสูง
เรื่อง ศีล เป็นอย่างไร ต้องรักษาศีลอย่างไร
เมื่อพระมหา ตอบคำถามยังไม่ชัดเจน (คงตอบแบบท่องจำจากตำรา )
คุณยาย อาจารย์ จึงเฉลยคำตอบแบบนักปฏิบัติ โดยความหมายว่า
สรุป
แล้วรักษาดวงศีลนั้น ๆ ให้เห็นชัด ใส สว่าง มั่นคง ตลอดเวลา
จึงเป็นการรักษาศีล ที่สะอาด บริสุทธิ์ อย่างแท้จริงครับ
#17
โพสต์เมื่อ 27 June 2010 - 10:21 PM