ข้อสงสัย
#1
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 06:30 PM
รู้สึกว่านานเกินไปจะบาปไหม และหมู่คณะยินดีต้อนรับคนที่มีปณิธานเช่นนี้ไหม?
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#2
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 06:34 PM
----------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#3
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 06:41 PM
อยู่ที่หัวใจว่าเป็นพันธ์ไหน
#4
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 07:16 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#5
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 07:41 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#6
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 07:48 PM
#7
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 08:02 PM
#8
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 11:01 PM
เพียงแต่...ผู้ที่ปรารถนาไปที่สุดแห่งธรรม เราก็ไปด้วยกัน เพื่อมโนปณิธานที่มุ่งไว้จะได้สำเร็จ ทำงานเป็นทีมน่ะค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 01:05 AM
กับคนนั่งชม มันต่างกันลิบลับเนาะครับ ไปด้วยกันดีกว่า ไปดูว่าข้างหน้ามีอะไรให้เราช่วยไหม ตั้งใจให้แน่วแน่ อธิษฐานให้มั่นคง จะได้ไม่ตกอบายก่อน ไม่งั้นเสียดายแย่เลย สาธุครับ
#10
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 08:53 AM
ไฟล์แนบ
#11
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 09:20 AM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#12
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 09:44 AM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#13
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 11:36 AM
#14
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 12:32 PM
ไม่ใช่แค่ไม่น่ารังเกียจ แต่น่าอนุโมทนาบุญอย่างยิ่ง
ไม่ใช่แค่ไม่บาป แต่เป็นบุญอย่างยิ่ง
ไม่ใช่ว่า ต้องตามหมู่คณะอย่างเดียว แต่ขอให้เป็นความดีในพระพุทธศาสนา เช่น ขอเป็นพระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ล้วนน่าอนุโมทนา เพราะเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้ครับ เราต้องตอบให้ดี เพราะอาจทำให้ผู้อื่นเขาเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ว่า หมู่คณะเราไม่ได้สอนตามพระพุทธเจ้านะครับ
ไม่ใช่ว่า ไม่เร้าใจเลย แต่เป็นจริตอัธยาศัย แต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าใช้วิธีตอบว่า เป็นพระอรหันต์ดีกว่า เป็นพระพุทธเจ้าดีกว่า หรือ ช่วยทุกชีวิตทั้งโลกให้พ้นทุกข์ดีกว่า ไม่มีอะไรดีกว่าอะไร แต่ขึ้นกับจริตว่าชอบแบบไหนครับ
เราสามารถบอกได้ว่า ตัวเราอยากไปไหนแบบไหน แต่อย่าได้บอกว่า การที่ผู้อื่นอยากในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเหมือนกัน เป็นสิ่งธรรมดาๆ นะครับ เพราะนั่นคือ สิ่งที่น่ายกย่องทีเดียว
#15
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 01:19 PM
--------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#16
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 04:37 PM
สูตรนี้กล่าวว่า พญามารได้ตามพระพุทธเจ้ามา ๗ ปี คอยจ้องหาโอกาส
พระองค์เผลอ ดึงกลับโลกีย์วิสัยให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ช่อง วันหนึ่งไปหาพระพุทธเจ้า
กล่าวว่า
" ท่านมีความทุกข์โศกอะไรหรือ จึงมาอยู่คนเดียว เสื่อมจากสมบัติแล้วหรือ
หรือว่าหาช่องทำชั่วช้าไม่ให้ใครรู้เห็น ทำไมไม่ไปสมาคมกับหมู่คนเล่า "
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า
" เราขุดรากถอนโคนความโศกหมดแล้ว ไม่มีความชั่วจะต้องแอบทำ
เราไม่เกี่ยวเกาะในภพ ( ความมี ความเป็น ) หมดกิเลสแล้ว
นั่งเข้าฌาณอยู่คนเดียว "
มารกล่าวว่า
" ถ้าใจของท่านยังข้องอยู่ใน " ตัวฉัน " " ตัวฉัน " สมณะเอย ท่านไม่มีทาง
พ้นมือเรา "
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
" สิ่งที่คนยึดมั่นถือมั่น เราไม่ยึดมั่นถือมั่น สิ่งที่คนทั้งหลายเขาว่า " เป็นฉัน "
เราก็ไม่ยึดอย่างนั้น มารเอย จงรู้เถิด ท่านไม่มีทางตามเราทัน "
มารกล่าวตรัสพ้อว่า
" เมื่อท่านรู้ทางไปนิพพานแล้ว ทำไมไม่ปลีกตัวไปคนเดียวเล่า
ชวนคนอื่นไปด้วยทำไม "
พระพุทธองค์ตรัสว่า
" คนที่ถึงฝั่ง ( พระนิพพาน ) แล้ว ย่อมพ้นเงื้อมมือมาร
มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องแสดงสัจจธรรมเครื่องพ้นกิเลส "
มารกล่าวด้วยความเสียใจว่า
" ตนได้ถูกพระพุทธเจ้ากำจัดเสียแล้ว มิต่างอะไรกับปูถูกหักก้าม
ความพยายามของตนที่จะทำลายพระพุทธเจ้า เหมือนดังกาเห็นหินสีดุจมันข้น
บินมาด้วยความยินดี เมื่อไม่ได้อาหารก็บินหนีด้วยความผิดหวัง "
ต่อมาธิดามารทั้ง ๓ คือ นางตัณหา นางราคา นางอรดี เห้นบิดาเสียอก
เสียใจ จึงขันอาสามายั่วพระพุทธเจ้าต่างๆ นานา แต่ก็ไม่สามารถทำให้พระองค์
ยินดี จึงกลับไปหาบิดา พญามารเห็นดังนั้นจึงบอกพวกเธอว่า ฉันนึกแล้วว่า
พวกเธอจะทำไม่สำเร็จ การรบกับพระสมณโคดมยากยิ่งกว่าเอาก้านบัวหรือ
หรือเอาเล็บโค่นภูเขา หรือเคี้ยวเหล็กกล้าให้แหลก
คำบรรยายพระไตรปิฎก : พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#17
โพสต์เมื่อ 16 September 2006 - 07:10 PM
---------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#18
โพสต์เมื่อ 17 September 2006 - 09:17 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain