ดูเว็บอย่างว่า.........มีกรรมไหม
#1
โพสต์เมื่อ 09 September 2007 - 08:38 PM
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะดู จึงทำไห้การนั่งสมาธิไม่ขยับเหมือนบวชเป็นเณรที่หลวงพ่อสดฯ แต่ก็อดไม่ได้ มันมีกรรมไหมเพื่อช่วยเตือนสติ ผมรู้ว่ามันไม่ดี แต่ก็โดนจิตอกุศลครอบงำอยู๋ดี ช่วยบอกหน่อยนะครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ
ปล.อยากไปวัดธรรมกายมากไม่ค่อยมีเวลาบ้านอยู๋ไกลสมุทรปราการโน้น
#2
โพสต์เมื่อ 09 September 2007 - 09:02 PM
#3
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 08:06 AM
#4
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 08:14 AM
#5
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 09:33 AM
ให้เราพิจารณาว่าสิ่งสวยงามที่เราเห็นนั้น อีกประมาณ 10-20 หรือ 30 ปี สิ่งสวยงามนั้นก็จะเริ่มเหี่ยวย่น ไม่น่าดูไปตามกาลเวลา นี่แหละครับสิ่งที่ทำผมเลิกเด็ดขาดจากสิ่งเหล่านี้ ลองนำไปใช้ดูก็ได้น่ะครับไม่สงวนสิทธิ์ครับ ยังไงผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ นักเรียนอนุบาลนักรบกองทัพธรรม น่ะครับ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำใจหยุดใจนิ่งที่ศูนย์กลางกายน่ะครับ ช่วยได้ครับ
_______________________________________________________________________
ลองพิจารณาดูเถิดกุหลาบมีดอกที่สวยงามน่าดอมดม แต่คมหนามของกุหลาบก็แหลมน่ากลัวไม่แพ้กัน
#6
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 10:49 AM
- เลิกอยาก ลาหยอก หลุดออกจากกาม เดิมตามขันธุ์สามเร็วไว
#7
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 12:08 PM
#8
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 05:30 PM
#9
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 06:25 PM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#10
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 09:36 PM
"ด้วยอานิสงส์อันเกิดมีแต่การพิจารณาให้เห็นตรงไปตามความเป็นจริงในสภาวะอันไม่เที่ยงแห่งรูปนามสังขารธรรมนี้ ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้ที่ไม่ยินดีในเบญจกามคุณอันเป็นประดุงดั่งเปือกตม ทั้งที่เป็นของมนุษย์ตลอดจนที่อันทิพย์ จงมีจิตยินดีในการหลีกออกจากกาม มีจิตยินดีในการบำเพ็ญพรตพรหมจรรย์ให้สะอาด บริสุทธิ์ บริบูรณ์ มีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร มีที่สุดแห่งธรรมเป็นเป้าหมาย ตราบชีวีหมดสิ้นอายุขัย และตลอดไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งเข้าสู่พระนิพพาน ถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญฯ"
สิ่งที่ได้แนะนำไปนี้เป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ เพราะสำหรับนักปฏิบัติธรรมแล้ว เรื่องกามนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่มักพลาดพลั้งกันได้ง่ายที่สุด เพราะเหตุว่า รูปสมบัติอันดูน่าใคร่ น่าเย้ายวนหลงใหลของทั้งชายหญิงนั้น ย่อมเปรียบเป็นเช่น น้ำมันกับไฟ ได้พานได้พบกันเมื่อใด ย่อมพุ่งพล่านลุกโชนขึ้นมาในทันที เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายพึงหมั่นตั้งจิตอธิษฐานออกจากกามอยู่เนืองๆ ตามที่ได้แนะนำไป จะได้เอาตัวรอด จะได้สร้างบารมีไปได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อทำได้ดังนี้ ย่อมได้ชื่อว่า เป็นผู้ดำเนินรอยตามพระบาทแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำเนินตามแบบอย่างอันประเสริฐและดีงาม ที่มหาปูชนียาจารย์ของเราได้มอบไว้ให้เป็นมรดกธรรมอันล้ำค่ายิ่งสืบไป
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#11
โพสต์เมื่อ 12 September 2007 - 12:28 PM
#12
โพสต์เมื่อ 12 September 2007 - 06:05 PM
..................ข้าพเจ้ามิใช่มอมเมา...แต่ดูเพื่อพิจารณา..และเกิดปัญญาตามมา....
#13
โพสต์เมื่อ 12 September 2007 - 10:43 PM
ปกติฮอร์โมนคนเราก็มีทุกวันอยู่แล้ว จากการนอนหลับนานมากพอ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศชาย และจะมีมากในตอนเช้า อวัยวะเพศจึงแข็งตัว
การไปดูยั่งว่าพวกนั้น จึงเป็นการเพิ่มความอยากในกามมากขึ้นกว่าปกติ ซึ่งหากเรามีความอยากมากกว่าปกติ (หมกหมุ่น) ความอยากนี้เรียกว่า กามฉันทะ ในนิวรณ์ 5 จะขัดขวางการเจริญสมาธิ ของเรา จิตของเราจะร้อนไม่เป็นสุข การทำสมาธิของเราก็ไม่ค่อยเจริญไปถึงไหน จะนั่งไม่ได้นานด้วย
แต่ถ้าเป็นพระ ไม่ได้เลย
ส่วนเรื่องมาวัดนั้น ให้กำหนดเอาเอง ว่าภายในปีหนี่ง วันไหนบ้างที่ควรจะมา สำคัญมาก พลาดไม่ได้ เพราะจะได้มาวัดได้เสียที อย่างของเรา วันทอดกฐินสำคัญมาก ขาดไม่ได้ เป็นบุญใหญ่ ตามที่พระพุทธเจ้ากำหนดเอาไว้
#14
โพสต์เมื่อ 13 September 2007 - 12:16 AM