ถ้าเราแบ่งบุญให้ผู้อื่น บุญเราจะลดลงหรือเปล่าครับ
ถ้าเราแบ่งบุญให้ผุ้อื่น บุญเราจะลดลงหรือเปล่าครับ
เริ่มโดย Nice2, Oct 09 2010 12:54 AM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 09 October 2010 - 12:54 AM
#2
โพสต์เมื่อ 09 October 2010 - 01:47 AM
บุญไม่ลดลงครับ กลับจะเป็นผลดีแก่ผู้อุทิศหรือแผ่ส่วนบุญ
อุปมาเหมือนเรามีเทียนที่จุดไฟสว่างแล้วเผื่อแผ่ไปจุดให้คนอื่นๆ เมื่อโลกสว่าง เราก็สว่างไปด้วย เพราะแสงสว่างนั้นก็ย้อนกลับมาหาเรา ผู้เป็นต้นบุญต้นแบบ
.................
บุญนั้นแบ่งไม่ได้ โอนไม่ได้ครับ แต่ก็มีสำนวนที่เรียกกันว่า แบ่งบุญกัน เป็นอย่างไรเอ่ย...
แต่การที่เราแผ่ และอุทิศส่วนกุศล นั้นเป็นบุญกิริยาวัตถุชนิดหนึ่ง (อาจเรียกเล่นๆกันเป็นสำนวนบ้างว่า..แบ่งบุญกัน ก็หมายเอากรณีนี้ครับ) รวมไปถึงการบอกบุญ การประกาศข่าวบุญ การให้คนอื่นรับรู้ และร่วมในบุญที่เราทำ
ผู้ให้เรียก ปัตติทานมัย
ผู้รับอนุโมทนาสาธุ เรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย
ผู้ที่ได้บุญมากที่สุดคือผู้สร้างบุญเองครับ
ดังนั้นก่อนตายอ่ะ แสวงบุญสร้างบารมีกันให้มากๆ ไม่ใช่ให้คนข้างหลังจัดงานใหญ่โตไปให้เท่านั้น ถ้าเราตายไปแล้ว คนที่ทำบุญงานศพอ่ะ ได้บุญกันมากที่สุด ไม่ใช่เราที่ตายแล้ว เราได้แค่ ปัตตานุโมทนามัย
..................
บุญ สามารถหมดได้ แต่ไม่ได้หมดด้วยการแบ่ง เพราะบุญแบ่งไม่ได้ โอนไม่ได้
แต่หมดเพราะใช้อานิสงส์ผลบุญหมด หรือว่ามีบาปมาตัดรอน ให้บุญส่งผลสู้บาปไม่ได้ หรือส่งได้แต่น้อยกำลังลง ครับ
อุปมาเหมือน บุญ เป็น น้ำจืดในโอ่ง ส่วน บาป เป็นเกลือ
อันไหนมากกว่า อันนั้นก็แสดงผลออกมา
ถ้าน้ำน้อยน้ำก็เค็ม ถ้าน้ำแห้งก็คือบุญหมด ก็เหลือแต่เกร็ดเกลือล้วนๆ เค็มสุดๆ
ถ้าน้ำเยอะมากจนแทบจะไม่รู้รสเกลือ เผลอๆเกลืออาจจะเจือจางระเหยไปหมดก็ได้
ดังนั้นก็สมควรเร่งสร้างบุญบารมีกันให้มากๆ อย่าเอาแต่ใช้บุญที่ท่านเรียกกันว่า "กินของเก่า" หมดเมื่อไหร่บาปก็ได้ช่องส่งผลเต็มที่ทันที
...................
พระเดชพระคุณหลวงปู่สดสอนไว้ว่า......"หาบุญได้ ใช้บุญเป็น"
เมื่อรู้จักสร้างบุญกุศลแล้ว ก็ควรอธิษฐานบารมี หรือใช้ปัญญาบารมี ให้เป็นประโยชน์แก่การดำเนินชีวิต หริอปฏิบัติธรรม สร้างบุญบารมีสืบต่อไป
...................
ภาคปฏิบัติ
เอาใจหยุดนิ่ง ณ 072 ให้ได้
ที่ตรงนี้คือ อู่ทะเลบุญ เป็นกำเนิดแห่งบุญ เป็นที่หลั่งไหลออกแห่งผลบุญ
เมื่อหยุดนิ่งถูกส่วนดีแล้ว เราสามารถอธิษฐานบารมีให้บุญส่งผลได้อย่างแรง ตามปราถนาเลยทีเดียวครับ
อุปมาเหมือนเรามีเทียนที่จุดไฟสว่างแล้วเผื่อแผ่ไปจุดให้คนอื่นๆ เมื่อโลกสว่าง เราก็สว่างไปด้วย เพราะแสงสว่างนั้นก็ย้อนกลับมาหาเรา ผู้เป็นต้นบุญต้นแบบ
.................
บุญนั้นแบ่งไม่ได้ โอนไม่ได้ครับ แต่ก็มีสำนวนที่เรียกกันว่า แบ่งบุญกัน เป็นอย่างไรเอ่ย...
แต่การที่เราแผ่ และอุทิศส่วนกุศล นั้นเป็นบุญกิริยาวัตถุชนิดหนึ่ง (อาจเรียกเล่นๆกันเป็นสำนวนบ้างว่า..แบ่งบุญกัน ก็หมายเอากรณีนี้ครับ) รวมไปถึงการบอกบุญ การประกาศข่าวบุญ การให้คนอื่นรับรู้ และร่วมในบุญที่เราทำ
ผู้ให้เรียก ปัตติทานมัย
ผู้รับอนุโมทนาสาธุ เรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย
ผู้ที่ได้บุญมากที่สุดคือผู้สร้างบุญเองครับ
ดังนั้นก่อนตายอ่ะ แสวงบุญสร้างบารมีกันให้มากๆ ไม่ใช่ให้คนข้างหลังจัดงานใหญ่โตไปให้เท่านั้น ถ้าเราตายไปแล้ว คนที่ทำบุญงานศพอ่ะ ได้บุญกันมากที่สุด ไม่ใช่เราที่ตายแล้ว เราได้แค่ ปัตตานุโมทนามัย
..................
บุญ สามารถหมดได้ แต่ไม่ได้หมดด้วยการแบ่ง เพราะบุญแบ่งไม่ได้ โอนไม่ได้
แต่หมดเพราะใช้อานิสงส์ผลบุญหมด หรือว่ามีบาปมาตัดรอน ให้บุญส่งผลสู้บาปไม่ได้ หรือส่งได้แต่น้อยกำลังลง ครับ
อุปมาเหมือน บุญ เป็น น้ำจืดในโอ่ง ส่วน บาป เป็นเกลือ
อันไหนมากกว่า อันนั้นก็แสดงผลออกมา
ถ้าน้ำน้อยน้ำก็เค็ม ถ้าน้ำแห้งก็คือบุญหมด ก็เหลือแต่เกร็ดเกลือล้วนๆ เค็มสุดๆ
ถ้าน้ำเยอะมากจนแทบจะไม่รู้รสเกลือ เผลอๆเกลืออาจจะเจือจางระเหยไปหมดก็ได้
ดังนั้นก็สมควรเร่งสร้างบุญบารมีกันให้มากๆ อย่าเอาแต่ใช้บุญที่ท่านเรียกกันว่า "กินของเก่า" หมดเมื่อไหร่บาปก็ได้ช่องส่งผลเต็มที่ทันที
...................
พระเดชพระคุณหลวงปู่สดสอนไว้ว่า......"หาบุญได้ ใช้บุญเป็น"
เมื่อรู้จักสร้างบุญกุศลแล้ว ก็ควรอธิษฐานบารมี หรือใช้ปัญญาบารมี ให้เป็นประโยชน์แก่การดำเนินชีวิต หริอปฏิบัติธรรม สร้างบุญบารมีสืบต่อไป
...................
ภาคปฏิบัติ
เอาใจหยุดนิ่ง ณ 072 ให้ได้
ที่ตรงนี้คือ อู่ทะเลบุญ เป็นกำเนิดแห่งบุญ เป็นที่หลั่งไหลออกแห่งผลบุญ
เมื่อหยุดนิ่งถูกส่วนดีแล้ว เราสามารถอธิษฐานบารมีให้บุญส่งผลได้อย่างแรง ตามปราถนาเลยทีเดียวครับ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 09 October 2010 - 02:01 AM
ในวิชชาธรรมกายระดับละเอียดๆ บางครั้ง การช่วยเหลือผู้อื่นย่อมต้องแลกไปด้วยบุญบารมีของผู้ช่วยเหลือ แต่ก็มิใช่การแบ่งบุญนะครับ เป็นการใช้บุญบารมีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
....................
ในวิชชาธรรมกายเบื้องกลาง สามารถตรวจดูดวงบุญบารมีได้ ว่ามีขนาดเท่าไรแล้ว
ขนาดดวงบุญตั้งแต่หนึ่งองคุลีมือ ไปถึงหนึ่งคืบของผู้เป็นเจ้าของ และกลั่นตัวเข้าเป็นอุปบารมี ปรมัตถ์บารมี
ในวิชชาธรรมกายเบื้องสูง สามารถคำนวนดวงบุญบารมีให้รวมกันได้ดี ไม่ถูกภาคอกุสลาธรรมาย่อยแยกไป
และสามารถนำบุญบารมีมาอธิษฐานบารมีให้เป็นไปตามปราถนา รื้อผังบาป ตั้งผังบุญ ให้สำเร็จตามปราถนา
....................
ในวิชชาธรรมกายเบื้องกลาง สามารถตรวจดูดวงบุญบารมีได้ ว่ามีขนาดเท่าไรแล้ว
ขนาดดวงบุญตั้งแต่หนึ่งองคุลีมือ ไปถึงหนึ่งคืบของผู้เป็นเจ้าของ และกลั่นตัวเข้าเป็นอุปบารมี ปรมัตถ์บารมี
ในวิชชาธรรมกายเบื้องสูง สามารถคำนวนดวงบุญบารมีให้รวมกันได้ดี ไม่ถูกภาคอกุสลาธรรมาย่อยแยกไป
และสามารถนำบุญบารมีมาอธิษฐานบารมีให้เป็นไปตามปราถนา รื้อผังบาป ตั้งผังบุญ ให้สำเร็จตามปราถนา
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#4
โพสต์เมื่อ 09 October 2010 - 02:40 AM
ขอเสริมค่ะ
หลวงพ่อคุณครูไม่เล็กเคยยกตัวอย่างไว้ประมาณนี้
ถ้าเปรียบบุญเป็นกล้วยไม้สวย ๆ ชื่อ "คัทลียา" ซึ่งออกดอกช้ามาก
(เขาเปรียบเหมือนการศึกษา : กล้วยไม้ออกดอกช้า ฉันใด(การศึกษาและเข้าให้ถึงพระธรรมกายก็นานยิ่งกว่านั้น)
การศึกษาเป็นไป ฉันนั้น
ออกดอกคราใด งามเด่น
เฉกเช่นกล้วยไม้ นั้นแล......./จำไม่ค่อยได้แล้ว จขกท)
บุญเปรียบเหมือนคัทลียาแสนสวย หากเราเก็บไว้ในห้อง ชื่นชมแต่เพียงผู้เดียว เราก็ชื่นใจคนเดียว
แต่ถ้าเราเอาดอกไม้นี้ไปไว้ที่ในห้องโถงในวัดใหญ่ ๆ คนมากันเป็นแสน ๆได้เห็น ได้ชื่นชม ได้ชื่นใจ
ถามว่าดอกไม้ยังเท่าเดิมไหม เปลี่ยนไป หายไปไหม เปล่าเลย คัทลียาก็ยังคงเช่นเดิม บุญก็เช่นกันค่ะ
หลวงพ่อคุณครูไม่เล็กเคยยกตัวอย่างไว้ประมาณนี้
ถ้าเปรียบบุญเป็นกล้วยไม้สวย ๆ ชื่อ "คัทลียา" ซึ่งออกดอกช้ามาก
(เขาเปรียบเหมือนการศึกษา : กล้วยไม้ออกดอกช้า ฉันใด(การศึกษาและเข้าให้ถึงพระธรรมกายก็นานยิ่งกว่านั้น)
การศึกษาเป็นไป ฉันนั้น
ออกดอกคราใด งามเด่น
เฉกเช่นกล้วยไม้ นั้นแล......./จำไม่ค่อยได้แล้ว จขกท)
บุญเปรียบเหมือนคัทลียาแสนสวย หากเราเก็บไว้ในห้อง ชื่นชมแต่เพียงผู้เดียว เราก็ชื่นใจคนเดียว
แต่ถ้าเราเอาดอกไม้นี้ไปไว้ที่ในห้องโถงในวัดใหญ่ ๆ คนมากันเป็นแสน ๆได้เห็น ได้ชื่นชม ได้ชื่นใจ
ถามว่าดอกไม้ยังเท่าเดิมไหม เปลี่ยนไป หายไปไหม เปล่าเลย คัทลียาก็ยังคงเช่นเดิม บุญก็เช่นกันค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 09 October 2010 - 08:25 AM
สาธุครับ
>>..........ชีวิตนี้ขอมอบแด่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย..........<<
#6
โพสต์เมื่อ 09 October 2010 - 10:14 AM
อนุโมทนาบุญกับการสนทนาธรรมของทุกท่านครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ .....
ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน .....
ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ .....
อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 09 October 2010 - 01:04 PM
สาธุครับ
แบ่งเงิน ได้ศรัทธา
แบ่งศรัทธา ได้บุญ
แบ่งบุญ ได้บุญๆๆๆ
แบ่งบุญๆๆๆๆ ได้มรรคผลนิพพาน
มรรคผลนิพพานได้ยังไง?
แบ่งบุญให้ สรรพสัตว์ ทั้งหลาย ใจสบาย ไม่มีใครจองเวร เป็นเห็น มรรคผลนิพพาน
มรรคผลนิพพาน บุญเยอะไหม?
เยอะมั้ง...
อยากได้มรรคผลนิพพานไหม?
ไม่อยาก.....
ทำไมถึงไม่ีอยากได้?
ให้หยุด
ทำไมต้องหยุด?
"หยุดเป็นตัวสำเร็จ"
แบ่งเงิน ได้ศรัทธา
แบ่งศรัทธา ได้บุญ
แบ่งบุญ ได้บุญๆๆๆ
แบ่งบุญๆๆๆๆ ได้มรรคผลนิพพาน
มรรคผลนิพพานได้ยังไง?
แบ่งบุญให้ สรรพสัตว์ ทั้งหลาย ใจสบาย ไม่มีใครจองเวร เป็นเห็น มรรคผลนิพพาน
มรรคผลนิพพาน บุญเยอะไหม?
เยอะมั้ง...
อยากได้มรรคผลนิพพานไหม?
ไม่อยาก.....
ทำไมถึงไม่ีอยากได้?
ให้หยุด
ทำไมต้องหยุด?
"หยุดเป็นตัวสำเร็จ"
#8
โพสต์เมื่อ 09 October 2010 - 10:21 PM
..ขอยกคำพระศาสดามา ณ ที่นี้สั้นๆละกันนะครับ "...บุญกุศลที่เธอทั้งหลายสร้างไว้นั้น ก็เปรียบเหมือนเทียนไขที่ถูกจุดแล้ว การแบ่งบุญคือการเอาเทียนอีกเล่มมาต่อไฟ แสงที่เทียนเล่มเดิมหาได้ลดหายไปใช่หรือไม่? " (ประมาณนี้)
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....
#9
โพสต์เมื่อ 11 October 2010 - 04:56 PM
ขอบคุณครับ
.....
.....