ถึงไม่ได้เป็นแบบนี้ ดูแล้วก็เศร้าเหมือนกัน ขอให้ผู้ที่เป็นแม่ มีแต่ความสุขความเจริญนะครับ ให้ได้ลูกที่เป็นดั่งลูกแก้ว พาก้าวข้ามความโหดร้ายของวัฏฏะได้อย่างปลอดภัย สาธุ
เราคนวัดเป็นอย่างนี้กันบ้างหรือเปล่าครับ
#1
โพสต์เมื่อ 14 June 2006 - 08:53 PM
ถึงไม่ได้เป็นแบบนี้ ดูแล้วก็เศร้าเหมือนกัน ขอให้ผู้ที่เป็นแม่ มีแต่ความสุขความเจริญนะครับ ให้ได้ลูกที่เป็นดั่งลูกแก้ว พาก้าวข้ามความโหดร้ายของวัฏฏะได้อย่างปลอดภัย สาธุ
#2
โพสต์เมื่อ 14 June 2006 - 09:58 PM
เตือนสติเราให้รำลึกถึงพระคุณบิดามารดา
แล้วตอบแทนท่านด้วยนะครับ
อนุโมทนาครับ
#3
โพสต์เมื่อ 14 June 2006 - 10:01 PM
#4
โพสต์เมื่อ 14 June 2006 - 10:32 PM
สำหรับผมผมขอเก็บคำตอบเอาไว้ในใจก็แล้วกันนะครับ เพราะพูดล้านคำก็ไม่เท่าทำหนึ่งครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#5
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 01:42 AM
น้าจี้
#6
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 02:09 AM
แม่คือผู้ให้ที่มีหัวใจยิ่งใหญ่อย่างไม่มีประมาณ
และการที่จะมีลูกที่ดีที่สามารถพาแม่ข้ามฝั่งสังสารวัฏฏได้
แม่ก็ควรเริ่มเป็นกัลยาณมิตรคนแรกให้ลูกค่ะ
กราบระลึกถึงพระคุณแม่ค่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 08:06 AM
#8
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 08:11 AM
#9
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 08:57 AM
#10
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 09:16 AM
#11
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 10:06 AM
คือดอกบัวบาน...ของลูกทุกคน
แค่ธุลีความดีของท่านร่วงหล่น
พระคุณมากล้น พ้นจักรวาล
โปรดจำไว้...เส้นทางสวรรค์ที่ปรารถนา
อยู่ที่ฝ่าเท้ามารดา
เมื่อลูกก้มวันทา กราบกราน
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#12
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 10:54 AM
ภาพนี้เตือนใจดีนะคะ อนุโมทนาบุญค่ะ
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#13
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 11:01 AM
อย่าเข้าใจผิดนะ เฉพาะ 2รูปบนครับ รูปที่เหลือไม่เป็นอย่างนี้
เมื่อได้เล่าเรียน ผมก็ตั้งใจเรียนมิให้ท่านห่วงหรือสร้างภาระให้ท่านในเรื่องการเรียน การบ้าน ประหยัดเพราะรู้ว่าบ้านเราไม่ใช่คนมีฐานะ
เมื่อเริ่มงาน เงินเดือนเดือนแรก ผมมอบให้ท่านด้วยความภูมิใจ และมอบบางส่วนสำหรับเดือนต่อๆไปเพื่อให้ท่านได้ใช้ตามอัธยาศัย
หมั่นมาเยี่ยมท่านทุกสุดสัปดาห์ ซึ่งท่านจะตระเตรียมทำอาหารของโปรดให้ผม เมื่อทราบว่าผมมาเยี่ยมท่าน ทราบว่าท่านเหนื่อยแต่ก็เป็นความสุขของท่าน
เมื่อเข้าวัด ก็ได้ความรู้ที่ถ่องแท้จากพระเดชพระคุณฯ ถึงหน้าที่-ของบุตรต่อบิดามารดา จึงหาทางตอบแทนคุณท่านให้มากที่สุด
พาท่านมาวัดทุกๆอาทิตย์ต้นเดือน สุขภาพท่านเสื่อมถอยเยอะ ผมต้องขอดูแลท่านก่อนนะ ไม่อาจปลีกเวลามาร่วมงาน รวมพล DMC ได้ในขณะนี้ อยากดูแลชีวิตบั้นปลายของท่าน
ท่านนั่งสมาธิดู DMC ทุกวันไม่เคยขาด ท่านบอกลูกๆว่าดวงท่านใสมาก ท่านมีความสุขและปรารถนาจะสร้างบุญบารมีร่วมกับหมู่คณะ
ภูมิใจครับที่ได้เกิดมาเป็นบุตรคนหนึ่งของท่านและได้ทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรให้กับท่าน
#14
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 11:22 AM
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#15
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 02:25 PM
ฝ่ายลูก ก็ควรรีบๆตั้งตัวเสีย อย่าเป็นภาระให้แม่
ตั้งตัวได้แล้วก็รีบเลี้ยงท่าน อย่าปล่อยให้ท่านตรอมใจ น้อยใจว่าลูกไม่รัก
ฝ่ายผู้ที่คิดจะแต่งงานมีลูก ก็ควรนึกเสียว่าการมีลูกนั้นเป็นภาระอันหนักอึ้ง
ทำให้เสียเวลาการสร้างบารมีได้พอสมควร
แล้วก็เสี่ยงต่อการเจอลูกที่จะไม่มีวันตั้งตัวได้
ดังนั้นการประพฤติพรหมจรรย์จึงจะเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#16
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 03:27 PM
ทำให้เสียเวลาการสร้างบารมีได้พอสมควร
แล้วก็เสี่ยงต่อการเจอลูกที่จะไม่มีวันตั้งตัวได้
ดังนั้นการประพฤติพรหมจรรย์จึงจะเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด
สาธุกับแง่คิดนี้ด้วยครับ...ถูกต้องเลยนะครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#18
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 05:07 PM
ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อทัตตะ เคยเทศน์ให้ธรรมทายาทชายกลุ่มหนึ่งฟัง ไหนใครที่วันๆ คิดว่า พ่อแม่เรามีพระคุณมากมาย เราจะต้องคอยหาทางตอบแทนพระคุณพ่อแม่ให้ได้ ไหนใครวันนึงวันนึงคิดอย่างนี้บ้าง ปรากฏว่าเงียบ
หลวงพ่อบอก สงสัยวันนึงคงจะบ่อยไป เอาอย่างนี้ อาทิตย์นึงไหนใครคิดบ้าง ก็ยังเงียบ
หลวงพ่อบอกต่อ เอ้า อาทิตย์นึงยกไว้ เดือนนึงล่ะ ใครคิดอย่างนี้บ้าง ก็ยังไม่มีใครแสดงตัว
หลวงพ่อเลยบอก เดือนนึงยกไว้ ปีนึงล่ะ ใครคิดอย่างนี้ ถึงตอนนี้ค่อยมีบางคนยกมือ
หลวงพ่อบอก อืม ปีนึงคิดสักครั้งก็ยังดี เอางี้หลวงพ่อถามใหม่ แล้วถ้าคิดที่จะหาลูกสาวชาวบ้านเขามาเลี้ยงล่ะ วันนึงคิดกี่ครั้ง ปรากฏว่า มีเสียงเฮ เกิดขึ้น
หลวงพ่อจึงบอก นี่มันเป็นซะอย่างนี้นะ พ่อแม่มีพระคุณมากมายแต่คิดถึงท่านปีละครั้ง หรือไม่คิดเลย แต่คิดจะเลี้ยงลูกสาวชาวบ้านล่ะก็ คิดทุกวันทีเดียว
#19
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 05:33 PM
เหมือนดังภาพ
อนุดมทนาสาธุนะคะ
#20
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 05:40 PM
1. ชวนท่านเข้าวัด จากเดิมที่เข้าตามลูกชาย เดี๋ยวนี้ทราบไหมครับว่า รักบุญสุดชีวิต หาบุญด้วยกำลังทรัพย์ยังไม่พอ ถวายแรงช่วยวัด ตอนนี้ท่านได้ไปเป็นอาสาอยู่ที่ที่นึงของวัดที่สงบเงียบ อากาศดี
2. ชวนท่านนั่งสมาธิ จากเดิมก็นั่งเสร็จแล้วก็บ่นๆ แต่ตอนนี้ เข้ากลางคล่องปรื๋อ องค์พระทั้งใหญ่ ทั้งชัด ทั้งใส ทั้งสว่าง
3. จากเดิมที่คอบปลอบท่านเพราะท่านมีความทุกข์ใจ ร้องให้ประจำ กลัวอยู่ไม่ทันเห็นลูกชายรับปริญญา แต่ตอนนี้ ท่านเป็นที่ปรึกษาให้กับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จิตใจท่านเข้มแข็งมากๆ
แต่ทั้งหมดที่ผมทำได้ เพราะผมทำตัวให้ดี ให้ท่านไม่เป็นห่วง ไม่ว่าเราจะอยู่ไกลหรือใกล้ท่าน ท่านก็มั่นใจว่าเราไม่ทำตัวเหลวไหล เชื่อมั่นว่าเราอยู่ในศิลตลอดเวลา ให้ท่านเชื่อมั่นในความดีที่ติดตัวผม และที่สำคัญ ผมคอยบอกท่านประจำว่า ที่ผมเป็นคนดีได้ เพราะวัด เพราะหลวงพ่อ และจคอยคุยกับท่านตลอดเวลาว่า เราต่างคนต่างต้องเก็บบุญเป็นของตัว เราเกิดมาได้เป็นแม่ลูกกันในชาตินี้ ได้เพราะบุญบาปใกล้เคียงกัน ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะได้เกิดมาเจอกันอีกไหม เพราะฉะนั้น ผมจะทำหน้าที่ที่ดีที่สุดที่ได้ชื่อว่าลูกควรจะทำได้ นั่นคือ ให้ท่านได้เก็บเสบียงไว้ใช้ในวัฏฏะ พูดทีไร คุณแม่ผมก็ร้องให้ทุกที ร้องเพราะสุขใจนะครับ
แทบเท้ามารดา
ไฟล์แนบ
#21
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 10:53 PM
1. ชวนท่านเข้าวัด จากเดิมที่เข้าตามลูกชาย เดี๋ยวนี้ทราบไหมครับว่า รักบุญสุดชีวิต หาบุญด้วยกำลังทรัพย์ยังไม่พอ ถวายแรงช่วยวัด ตอนนี้ท่านได้ไปเป็นอาสาอยู่ที่ที่นึงของวัดที่สงบเงียบ อากาศดี
2. ชวนท่านนั่งสมาธิ จากเดิมก็นั่งเสร็จแล้วก็บ่นๆ แต่ตอนนี้ เข้ากลางคล่องปรื๋อ องค์พระทั้งใหญ่ ทั้งชัด ทั้งใส ทั้งสว่าง
3. จากเดิมที่คอบปลอบท่านเพราะท่านมีความทุกข์ใจ ร้องให้ประจำ กลัวอยู่ไม่ทันเห็นลูกชายรับปริญญา แต่ตอนนี้ ท่านเป็นที่ปรึกษาให้กับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จิตใจท่านเข้มแข็งมากๆ
แต่ทั้งหมดที่ผมทำได้ เพราะผมทำตัวให้ดี ให้ท่านไม่เป็นห่วง ไม่ว่าเราจะอยู่ไกลหรือใกล้ท่าน ท่านก็มั่นใจว่าเราไม่ทำตัวเหลวไหล เชื่อมั่นว่าเราอยู่ในศิลตลอดเวลา ให้ท่านเชื่อมั่นในความดีที่ติดตัวผม และที่สำคัญ ผมคอยบอกท่านประจำว่า ที่ผมเป็นคนดีได้ เพราะวัด เพราะหลวงพ่อ และจคอยคุยกับท่านตลอดเวลาว่า เราต่างคนต่างต้องเก็บบุญเป็นของตัว เราเกิดมาได้เป็นแม่ลูกกันในชาตินี้ ได้เพราะบุญบาปใกล้เคียงกัน ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะได้เกิดมาเจอกันอีกไหม เพราะฉะนั้น ผมจะทำหน้าที่ที่ดีที่สุดที่ได้ชื่อว่าลูกควรจะทำได้ นั่นคือ ให้ท่านได้เก็บเสบียงไว้ใช้ในวัฏฏะ พูดทีไร คุณแม่ผมก็ร้องให้ทุกที ร้องเพราะสุขใจนะครับ
ขออนุโมทนาสาธุการ ขอให้รักษาความดีนี้ไว้ตลอดไป ประดุจดั่งเกลือที่รักษาความเค็มนะครับ สาธุ...
ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#22
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 09:55 AM
สื่อความหมายได้ดี มากๆเลยครับ ไม่ใช่รักแม่เพียงคนเดียว ต้องรัก(พ่อ)ด้วยน่ะ
อนุโมทนาบุญด้วย.สาธุ
#23
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 10:07 AM
ขอให้คุณแม่คุณสู้เพื่อพ่อ มีสุขภาพแข็งแรง ได้รับบุญได้เต็มที่ อย่างเบิกบานทุกวันค่ะ
#24
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 01:39 PM
โดยเฉพาะลูกที่กำลังเริ่มโต แตกหนุ่มแตกสาว อยู่ระหว่างกำลังเริ่มคิดว่า ทำไม ๆ ๆ สมควรดูไว้
ขอบคุณมากค่ะ
#25
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 02:37 PM
เดี๋ยวนี้เริ่มกลับ บ้านบ้างและให้เงินพ่อ และ แม่ หรือโทรไปหาถามสารทุก
ท่านอยู่บ่อยๆ
#26
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 03:58 PM
#27
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 04:34 PM
#28
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 06:07 PM
มีบทกวีเกี่ยวกับมารดา มาฝากครับ
มาตาสดุดี โดย หลวงพรปรีชา
อันพระคุณมารดาหาใดเปรียบ ......... บ่มิเทียบเทียมเท่าล้นเกล้าอยู่
สุดจะคณนาด้วยตราชู ......... สุดหยั่งรู้หนักเบาว่าเท่าไร
มหาสมุทรสุดฝั่งยังหยั่งรู้ ......... ความรักดูยืดยาวสืบสาวได้
อีกขุนเขาโขนเขินและเนินไพร .........ความกว้างใหญ่วัดขนาดตามมาตรา
อันพิภพว่ากว้างเวิ้งว้างแสน ......... จบดินแดนเลขคำนวณสอบสวนหา
กำหนดได้ครบครันด้วยปัญญา .........มิใช่ว่าสุดคำนวณประมวลวัด
อีกทั้งห้วงเวหานภากาศ ......... ยังสามารถหยั่งทำเขตจำกัด
อาทิตย์จันทร์ดาราสารพัด ......... ทุกส่วนสัดสอบดูรู้ประมาณ
แต่พระคุณมารดาสุดหาช่อง ......... ที่จะปองกำหนดจดกล่าวขาน
รู้แต่ว่ายิ่งใหญ่ใดมิปาน ......... สุดจะทานเทียบทำกำหนดนับ
ฉะนี้แน่แม่ของเราเฝ้านับถือ ......... อย่าดึงดื้อฟังว่าอย่าสับปลับ
อย่าถือโทษดกรธขึ้งถึงสำทับ ......... กล่าวบังคับขู่เข็ญเช่นใครใคร
ท่านกรากกรำลำบากได้ยากยิ่ง ......... ทุกทุกสิ่งสิ่งเสียสละเพราะจะให้
เราผู้บุตรสุดที่ห่วงดั่งดวงใจ .........ปราศภัยทั้งผองมาพ้องพาน
ยามตั้งครรภ์
ยามตั้งครรภ์ ท่านก็เริ่มประเดิมรัก ......... ยามตั้งครรภ์ ท่านก็เริ่มประเดิมรัก
ถนอมครรภ์หมั่นประคองมิต้องงาน ......... เกรงทารกจะพาลลำบากกาย
จะยืนนั่งเดินนอนค่อยผ่อนเบา ......... เพราะเกรงเจ้าจะสะเทือนเคลื่อนสลาย
ยิ่งนานวันครรภ์ยิ่งหนักมิพักคลาย ......... ท่านยิ่งหมายมุ่งระวังการนั่งเดิน
ยอมลำบากมิให้ยากแก่ครรภ์ด้วย ......... หวังอำนวยสุขเราแต่เพลาเนิ่น
มิยอมให้ใดพลาดมิขาดเกิน ......... ท่านเพลิดเพลินมุ่งนำภาร์รักษาครรภ์
ถึงจะหนักสักเท่าไรไม่บอกบ่น ......... ความกังวลเท่าไรไม่หวาดหวั่น
สีหน้าสุขแช่มชื่นทุกคืนวัน ......... เพราะรักนั้นอยู่ที่บุตรสุดอาทร
ยามจะคลอดทอดร่างระริดปวด ......... แสนยิ่งยวดแทบชีวิตจะปลิดถอน
ความเจ็บรุนแรงทวีซ้ำถี่ซ้อน ......... หัวใจอ่อนหวิวหวาดแทบขาดใจ
ถึงกระนั้นใช่ท่านจะถือโกรธ ......... หมายมั่นโทษรังเกียจก็หาไม่
พอเห็นหน้าทารกร้องความข้องใจ ......... ก็กษัยสูญทันทีมีแต่รัก
ความเจ็บปวดปลิดหายคล้ายมิเกิด ........ เฝ้าแต่เพลิดเพลินทวียินดีนัก
นั่นคือผลที่อุ้มครรภ์มานานนัก ......... ได้ประจักษ์ลืมลำบากที่ยากกาย
ถึงสิบเดือนแม่ประคองอุ้มท้องมา ........ หวังเห็นหน้าบุตรในครรภ์แสนมั่นหมาย
มุ่งถนอมให้ยิ่งทั้งหญิงชาย .......... มุ่งถนอมให้ยิ่งทั้งหญิงชาย
ยามเป็นทารก
เมื่อยังอ่อนนอนเบาะฉอเลาะพูด ......... ก็ได้ดูดนทนั้นที่ถันคู่
เหมือนดื่มน้ำจากอุราน่าเอ็นดู ........ ร่างกายผู้มารดาพาร่วงโรย
ยามลูกร้องรีบประคองเข้ารับขวัญ ......... ไม่เป็นอันกินนอนผ่อนระโหย
ตัวเองชั่งแต่หวังจะกอบโกย ......... ความสุขโปรยให้แก่บุตรสุดที่รัก
มดมิไต่ไรมิตอมถนอมเจ้า ......... ทุกค่ำเช้ามิได้เห็นเป็นงานหนัก
สิ่งใดผิดสำแดงแสลงนัก ......... ท่านก็จักงดไว้ไม่รับประทาน
ยามลูกตื่นก็เห่กล่อมไม่ยอมหลับ ......... ทิ้งสำรับยามลูกร้องเรียกอาหาร
ยามลูกป่วยก็รักษาพยาบาล ......... ลูกสำราญแม่จึงชื่นระรื่นใจ
เมื่อเติบโต
ครั้นอายุเติบใหญ่ยิ่งใฝ่รัก .......... ความฟูมฟักจะถดถอยน้อยหาไม่
กลับทวีความระวังทุกอย่างไป .......... เกรงโพยภัยจะมีมาบีฑา
เฝ้าอบรมสอนสั่งให้ยั้งคิด .......... สิ่งใดผิดใดชอบสอบศึกษา
ให้รู้เช่นชั่วดีมีปัญญา ............. มีคุณค่าสมกำเนิดเกิดเป็นคน
แม้ยามโกรธลงโทษถึงดุด่า ......... เจตนาสอนสั่งจึงนั่งบ่น
ใช่จักเกลียดจักชังฝังกมล ........ ความรักท้นท่วมอยู่มิรู้วาย
ถึงทำผิดหนักหนาถึงสาหัส ........ ทุกคนตัดไม่คบค้าพาแหนงหน่าย
อันแม่หรือจะมีจิตคิดโหดร้าย ....... ตัดลูกชายลูกหญิงไม่ตริงนาน
ความรักของมารดา
ท่านพร้อมจะอภัยให้ทุกเมื่อ .......... รักไม่เบื่อเกลียดไม่ลงเพราะสงสาร
นึกเมื่อยามอุ้มท้องต้องทรมาน ......... ให้ดื่มธารจากทรวงอกฟกช้ำมา
ความรักของผู้อื่นดาษดื่นนั้น ......... ย่อมมีวันจืดจางอย่างน้ำท่า
แต่ความรักของท่านผู้มารดา ......... รักดั่งดวงจิตจริงไม่ทิ้งขว้าง
มีเมตตาการุณย์หนุนเป็นทาง .......... มิใช่อย่างรักละเมอหลงเพ้อไป
ตั้งแต่น้อยเติบใหญ่มิหน่ายลูก .......... คิดฝังปลูกให้รุ่งเรืองเฟื่องสมัย
ลูกได้ดีแม่ก็ปลื้มลืมเหนื่อยใจ ........... เพราะนั่นไซร้คือผลที่ทนมา
การสนองคุณมารดาของบุตร
[color=#CC0000]พระคุณท่านมารดาฉะนี้นี่ ......... บุตรที่ดีควรระลึกหมั่นศึกษา
กำหนดฟังฝังไว้ในอุรา ......... แล้วคิดหาทางปองสนองคุณ
ที่ท่านเลี้ยงที่ท่านรักยิ่งกว่าชีวิต .......... ยอมอุทิศทุกสิ่งรับสนับสนุน
มิให้ท่านขาดเหลือเฝ้าเจือจุน .......... ให้ท่านอุ่นนอกคลายหายทุกข์ร้อน
อย่าให้ท่านเสียใจได้เศร้าโศก ......... เนื่องเพราะเรานอกโอวาทพลาดคำสอน
สิ่งใดดีจงนำพามุ่งอาทร ......... คิดผันผ่อนให้แม่สุขทุกคืนวัน
กิจสำคัญขั้นสุดท้ายบุตรชายหญิง ............ ควรอย่างยิ่งจะจำกำหนดหมั่น
เมื่อถึงคราแม่มีคุณสิ้นบุญนั้น ............ งานศพพลันจัดนิยมตามสมควร
อีกทำบุญสุนทานกุศล ......... เพื่อเป็นผลอุทิศให้ได้ตามส่วน
ประพฤติได้ดั่งนี้เช่นชี้ชวน .......... ประพฤติได้ดั่งนี้เช่นชี้ชวน.
ป.ล. รวมบทกวีพระคุณมารดา.doc
ไฟล์แนบ
#29
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 08:34 PM
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#30
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 10:25 PM
เป็นภาพที่โดนใจมากๆ คราบ
เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*
ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*