คนวัดธรรมกายนิสัยดีกันเยอะนะครับ
#1
โพสต์เมื่อ 21 November 2007 - 05:59 PM
ตอนนี้ผมอกหัก ก็สู้กับใจตัวเองอยู่ครับ
ไม่รู้จะหายตอนใหน
มีแค่นี้ละครับ ขอบคุณครับ
#2
โพสต์เมื่อ 21 November 2007 - 06:23 PM
ฟังข่าวกีฬากะ บิ๊กจ๊ะ มีแต่ บอลแพ้ กะชนะ ฟังธรรมะ ชนะกิเลสตลอดกาล
#3
โพสต์เมื่อ 21 November 2007 - 06:55 PM
แต่คนนอกมองเห็นเป็นเรื่องเล็กๆ ชิวๆ ขำขำ เดี๋ยวอาทิตย์นึงก็หายครับ
#4
โพสต์เมื่อ 21 November 2007 - 08:03 PM
#5
โพสต์เมื่อ 21 November 2007 - 08:09 PM
วันนี้ทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือมาครับ เอาบุญมาฝากทุกๆคนเลย
#6
โพสต์เมื่อ 21 November 2007 - 08:29 PM
วันนี้ ก็มีคนมาบอกว่า อกหัก บอกหลักในการครองเรือนเค้าไป
คือ มี ศรัทธา ศีล จาคะ ( ความเสียสละ ) ปัญญา เสมอกัน
ว่าคู่ของเราคนนี้ อาจจะได้สร้างบุญ มากับเรา เพียงแค่นี้ ไม่ใช่ คู่บุญคู่บารมีที่ แท้จริง ทำให้ต้อง พลัดพราก
" มีทุกข์.... ให้รู้ เหตุแห่งทุกข์ .... ให้ละ "
ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหน แต่ยังไงซะ " สัตว์โลก ย่อมมีกรรมเป็นของตัว "
บุญรักษาค่ะ ^0^
#8
โพสต์เมื่อ 21 November 2007 - 09:23 PM
ความดีใจ เสียใจ สมหวัง ผิดหวัง เป็นธรรมดาในโลก
คุณฉลาด มีปัญญา และเข้มแข็งมากพออยู่แล้วครับ
อยู่ห่างจากคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ที่อาจทำให้ใจประหวัดถึงเธอบ้างก็ดีครับ
เชิญแวะไปที่กระทู้
สาระธรรม เหตุแห่งความรัก
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=13224
มีพุทธภาษิต เกี่ยวกับความรัก จึงฝากมาให้ศึกษาประกอบ
อปฺปิเยหิ กุทาจนํ
ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกขํ
อปฺปิยานญฺจ ทสฺสนํ . . . ฯ ๒๑๐ ฯ
อย่าติดอยู่ในสิ่งที่เรารัก หรือไม่รัก
การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก เป็นทุกข์
การพบเห็นแต่สิ่งที่ไม่รัก ก็เป็นทุกข์
Be not attached to the beloved
And never with the unbeloved.
Not to meet the beloved is painful
As also to meet with the unbeloved.
ตสฺมา ปิยํ กยิราถ
ปิยาปาโย หิ ปาปโก
คนฺถา เตสํ น วิชฺชนฺติ
เยสํ นตฺถิ ปิยาปิยํ . . . ฯ ๒๑๑ ฯ
เพราะฉะนั้น ไม่ควรรักสิ่งใด
เพราะพลัดพรากจากของรัก เป็นทุกข์
ผู้ที่หมดความรักและความไม่รักแล้ว
เครื่องผูกพัน ก็พลอยหมดไปด้วย
Therefore hold nothing dear,
For separation from the beloved is painful.
There are no bonds for those
To whom nothing is dear or not dear.
ปิยโต ชายเต โสโก
ปิยโต ชายเต ภยํ
ปิยโต วิปฺปมุตฺตสฺส
นตถิ โสโก กุโต ภยํ . . . ฯ ๒๑๒ ฯ
ที่ใดมีของรัก ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีของรัก ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีของรักเสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มี
From the beloved springs grief,
From the beloved springs fear;
For him who is free from the beloved
Thire is neither grief nor fear.
เปมโต ชายเต โสโก
เปมโต ชายเต ภยํ
เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส
นตถิ โสโก กุโต ภยํ . . . ฯ ๒๑๓ ฯ
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีความรักเสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มี
From love springs grief,
From love springs fear;
For him who is free from love
Thire is neither grief nor fear.
รติยา ชายเต โสโก
รติยา ชายเต ภยํ
รติยา วิปฺปมุตฺตสฺส
นตถิ โสโก กุโต ภยํ . . . ฯ ๒๑๔ ฯ
ที่ใดมีความยินดี ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความยินดี ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีความยินดีเสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มี
From attachment springs grief,
From attachment springs fear;
For him who is free from attachment
Thire is neither grief nor fear.
กามโต ชายเต โสโก
กามโต ชายเต ภยํ
กามโต วิปฺปมุตฺตสฺส
นตถิ โสโก กุโต ภยํ . . . ฯ ๒๑๕ ฯ
ที่ใดมีความใคร่ ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความใคร่ ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีความใคร่เสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มี
From lust springs grief,
From lust springs fear;
For him who is free from lust
There is neither grief nor fear.
#9
โพสต์เมื่อ 21 November 2007 - 10:20 PM
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#10
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 05:04 AM
#11
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 08:07 AM
เพราะเราจะได้มีชีวิตที่อิสระสักทีไงครับพี่น้อง อิสระในการสร้างบารมี อิสระในการสร้างความดี ไม่ต้องมีคนมาคอยแบ่งค่าใช้จ่ายของเรา จากที่ต้องแบ่งไปเป็นค่าใช้จ่ายให้คนรักจนเหลือเงินทำบุญเพียง5บาท ตอนนี้กลับมามีเหลือ50แล้วพี่น้อง น่ายินดีมิ ชิมิชิมิ
ที่สำคัญคุณเจ้าของกระทู้ไม่ต้องคิดมาก ขอให้สู้ต่อไปในการสร้างบารมีและทำความดี สู้เขาทาเคชิ! ( - -" แล้วทาเคชิมานเกี่ยวอะไรด้วยหว่า ^ ^" เหะๆ )
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#12
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 09:30 AM
อ่านข้อความของคุณเคยเข้าวัดทีไร ฮาทุกที (อ่านสนุกดี)
แต่ว่า.. เท่าที่จำได้ จากโพสของคุณเคยเข้าวัด..
คุณเคยเข้าวัดเองก็คิดที่จะแต่งงานไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไม?? แต่ดูเหมือนว่าการเป็นโสดสำหรับคุณเคยเข้าวัดดูจะมีความสุขซะมากกว่านะคะ ไม่เปลี่ยนใจเป็นโสดเหรอคะ (ฮุๆ)
#13
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 10:46 AM
อกหัก ก็มีความสุข
เดี๋ยวก็หายค่ะ เหมือนเป็นหวัดนั่นแหละ อิอิ
#14
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 11:41 AM
#15
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 02:23 PM
หาหนังสือธรรมะอ่าน
อย่าฟังเพลงอกหัก
พยายามอย่าไปที่ๆเคยไปด้วยกัน
รักมากก็ผูกพันมาก ผูกพันมากก็ทุกข์มาก
รักมากเท่าไหร่มันก็ใช้เวลาลืมนานมากเท่านั้น
บางทีอาจใช้เวลาทั้งชีวิตในการลืมคนหนึ่งคน
บางสิ่งอยากจำกับลืม
บางสิ่งอยากลืมกลับจำ
แต่ความทรมานจะค่อยๆลดลงไปตามกาลเวลา
แรกๆเหมือนจะทนไม่ได้
แต่พอนานๆไปก็เริ่มดีขึ้นเอง
เดี๋ยวพอเราไปเจอสิ่งใหม่ เจอคนใหม่เราก็ดีขึ้น
ดีที่สุดคือไม่มีรักใหม่
เพราะรักของชายหญิงมันเป็นรักที่มีทุกข์มากสุขน้อย
แรกรักก็ดูดี ดูสวยงามไปทุกอย่าง
พอเวลาผ่านไปแล้ว มีแต่ทุกข์
เหมือนสุนัขแทะกระดูก กินน้ำลายตัวเองคิดว่าเป็นสุขแต่ไม่ใช่
เหมือนหนอนที่อยู่ในของเน่าในส้วมคิดว่าตัวเองสุข
แค่นี้แหละยาวไป
หาหนังสือ ความรักที่น่ารักมาอ่านนะ
จะดีขึ้น
#16
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 05:10 PM
บทแรก : อกหัก ดีกว่า รักไม่เป็น
บทที่สอง : ถ้ารักเป็น จะไม่มีวัน อกหัก
อ่านแล้วเข้าใจไหมครับ
#17
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 05:37 PM
ยังไงก็ขอให้เจ้าของกระทู้หายเร็วๆค่ะ
อยู่กับครอบครัว กับเพื่อนๆ หาหนังสือธรรมมะอ่าน
เดี๋ยวอีกสักพักหนึ่งก็ดีขึ้นค่ะ
#18
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 06:44 PM
เค้าคนเนี้ยสุดยอดแล้ว
โลกมีไว้ให้เรียนรู้ แต่ไม่สู้...เรียนรู้ภายใน
สุขที่สุดแล้วน้า...
ตอนผมอกหักนะ คุณเอ้ยยย...ไม่เอาอะไรกับใครเลย อยู่ไปวันๆ(เสียดายเวลาจริงๆ)
พอนานๆ เข้า เหมือนชีวิตไร้ทิศทาง มีความคิดแว๊บๆ เข้าในสมองตอนไหนก็ไม่รู้
อยากเข้าวัด เอาฟ่ะวัดไหนก็ได้ที่ทำให้หายทุกข์ นึกขึ้นได้ว่าพระพี่ชายบวชอยู่ที่วัดพระธรรมกาย
แต่ก็ไม่ได้ไปปรับทุกข์กับหลวงพี่ท่านหรอก ไปเดินเล่นดูธรรมชาติ พอได้เข้าวัดบ่อยๆ
เริ่มรู้จัก ธรรมะ+ชาติ(ชีวิตหนึ่งที่เกิดมา) กลายเป็นธรรมชาติ ที่นิสิ เริ่มคิดได้ "อกหัก" เป็นเรื่อง ธรรมชาติ
หร่ำมาตั้งนาน พี่น้องได้สาระ อะไรไปจากผมบ้างป่ะครับ
สุดท้าย โสดดีที่สุด ทำบุญเต็มๆ ได้ความรู้สึกกว่าเยอะ
* อย่าลืมรักคุณแม่เยอะๆ นะครับ
#19
โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 12:37 PM
แต่ว่า.. เท่าที่จำได้ จากโพสของคุณเคยเข้าวัด..
คุณเคยเข้าวัดเองก็คิดที่จะแต่งงานไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไม?? แต่ดูเหมือนว่าการเป็นโสดสำหรับคุณเคยเข้าวัดดูจะมีความสุขซะมากกว่านะคะ ไม่เปลี่ยนใจเป็นโสดเหรอคะ (ฮุๆ)
ส่วนตัวผมไม่เคยคิดอยากจะแต่งงานเลยครับ เข็ดกับการอกหักมานักต่อนัก แต่ผมโดนคุณแม่พยายามบีบให้แต่งอ่าครับ พี่น้อง! แต่ผมก็พยายามบ่ายเบี่ยงท่านเรื่อยมา จนเดี๋ยวนี้คุณแม่ผมใช้มาตราการเด็ดขาด แนะนำผู้หญิงมาให้ผมรู้จักและให้พักอาศัยอยู่ใกล้ๆกัน ผมก็พยายามจะทำตัวให้ห่างเหินเข้าไว้ และบอกคุณแม่ว่ายังไม่พร้อมอยู่ตลอด เหนื่อยใจครับ เครียดเรื่องงานต้องมาเครียดเรื่องนี้อีกเนอะ ชิมิชิมิ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#20
โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 03:05 PM
ชอบจัง ตลกดีคะ
พยายามหนีต่อไปนะคะ
และขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้หายไวๆจะได้มีแรงลุยต่อ สู้ๆ ทาเคชิ (ขอก๊อบจากคุณเคยเข้าวัดซะเลย )
#21
โพสต์เมื่อ 24 November 2007 - 11:21 PM
ทำให้ตนเองเข้าถึงธรรมะภายในให้ได้
ให้ตัวเองได้พบความสุขภายในก่อนเป็นอันดับแรก
แล้วจะพบความรักที่ยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์กลางกาย
แผ่ขยายความสุข ความรัก ที่มหาศาล แผ่มวลความสุขไปยังใครๆ คนอื่นๆ สัตวโลกทั้งหลาย
แม้ใครๆที่เรานึกออก ก็รับความสุขและความรักอันนี้ไปด้วย
เมื่อมีความสุขเต็มปรี่ ความรักที่ใสๆไม่สิ้นสุด
แล้วจะไม่มีคำว่า อกหัก
มีแต่คำว่า ใจใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ หัวใจเข้มแข็งยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ และเรื่อยๆ
#22
โพสต์เมื่อ 25 November 2007 - 03:41 PM
#23
โพสต์เมื่อ 27 November 2007 - 11:27 PM
จะรักหรือไม่รัก อยากแต่งหรือไม่อยากแต่งต้องชัดเจนนะครับ
หากผู้หญิงที่คุณแม่เรานะนำให้นั้น ถึงกับลงทุนมาอยู่ใกล้ขนาดนั้น
แสดงว่าผู้หญิงคนนั้น เขาประสงค์ในตัวคุณแน่แล้วครับ
บอกผู้หญิงไปเลยว่าเราไม่รัก เราไม่แต่งงานกับเธอแน่ๆ
เพื่อเธอจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากับเราครับ พี่น้อง!
แต่ใช้ศิลปะให้มากหน่อยนะครับเพราะคนเรามีชีวิตจิตใจ แต่ต้องบอกเธอ
....โดยตัวเราอย่าสับสนระหว่างการอยู่เป็นโสด กับยังไม่เจอคนที่ถูกใจ!!!!