ถ้า สามเณร ทำไม่ดี จะอาบัติไหม
#1
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 12:26 PM
ตอนบรรพชาเป็นสามเณร ต้องถือศีล ๑๐ ข้อ และบ่อย ๆ ที่สามเณรทำผิดศีล
เช่น ศีลข้อ ๕ งดเว้นจากการเสพสุราของดองของเมา
ศีลข้อ ๖ งดเว้นจากการบริโภคอาหารในยามวิกาล
ศีลข้อ ๑๐ งดเว้นจากการรับทองและเงิน
ส่วนข้ออื่น ๆ ก็มีบ้างแต่ไม่มาก
สามเณรศีลทำผิดแล้วไม่มีบทลงโทษหรือ
สามเณรบางคนถอดจีวรและไปเที่ยวกลางคืนถือว่าขาดจากความเป็นสามเณรหรือไม่
#2
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 01:02 PM
DMC The only one
ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก
ไม่หยุดไม่ถึงพระ ตัวหยุดนี้แหละเป็นตัวสำเร็จ
ผลไม้ดกนกชุม น้ำเย็นปลาชอบอาศัย
คติธรรม พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
#3
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 08:23 PM
ต้องยิ่งวัดแถว ๆ ต่างจังหวัดด้วยยิ่งเห็นสิ่งไม่ถูกต้อง จึงต้องระวังคนใกล้เคียงญาติมิตรเราเท่าที่
ทำให้ไม่ให้ทำอะไรผิดพลาด
สามเณรจะถูกให้สึกก็เฉพาะพระผู้ปกครองเห็นว่ากระทำผิดตามมูลความผิดคือผิดศีลที่
มีองค์ประกอบ ๑๐ ข้อ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพระผู้ปกครองจะว่ากล่าวตักเตือนได้หรือไม่ถ้าไม่ได้ก็ไล่สึก เป็นอันว่า
สามเณรนั้นไม่มีอาบัติ แต่ขึ้นอยู่กับพระผู้ปกครอง
ที่เห็นนว่าผิดกันบ่อย ๆ คือสามเณรนั้น ห้ามรับ เงิน หรือ ทอง ( ศีลข้อ ๑๐ )
แต่ผู้ปกครองที่ส่งบวชมักจะให้เงินติดตัวมาใช้อยู่เสมอ เป็นการผิดถึงไม่อาบัติ
แต่ผิดศีล ก็น่าจะบาป ข้อนี้ไม่แน่ใจ
สามเณรนั้นถูกไล่ให้สึกไปก็ไม่มีข้อห้ามให้กลับมาบวชเป็นพระได้อีก ถูกหรือไม่
#4
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 11:30 PM
ตอยยากจังครับ เพราะปกติผมเองก็ไม่เคยคาดคิดถึงความผิดหรืออาบัติของสามเณรซะด้วยครับ
เท่าที่อ่านมาอาจจะยังอ่านได้ไม่ครบถ้วนนักก็คือยังไม่พบว่ามีการปรับอาบัติสามเณรเลยนะครับ
ส่วนที่ถามว่าถ้าเณรทำผิดศีลแล้วจะอาบัติหรือไม่?? คงต้องตอบแบบเป็นกลางหละครับว่าอาบัติครับ
เพียงแต่การอาบัติของเณรอาจจะยังไม่มีการกำหนดโทษเพราะจิตไร้เดียงสาไม่เจตนาก็ได้ครับ
แต่ถ้าเณรโตแล้วรู้มากรู้เดียงสาแล้วทำผิดก็ถือว่ามีโทษอยู่ดีแหละครับ
อุปมาเหมือนเอามือลูบไบมีดโกนเล่น ไม่ว่าจะลูบแรงหรือลูบค่อยก็บาดทั้งนั้น จะเจตนาผิดศีลมากก็ลูบใบมีดโกนหนัก
เมื่อลูบใบมีดโกนหนักก็ต้องผิดได้แผลคืออาบัติเป็นธรรมดา ส่วนจะมีใครคอยตรวจสอบให้หรือไม่นั้นคงไม่มีคงต้องทำแผลเอง
ไม่เหมือนพระภิกษุครับที่ท่านจะมีพระด้วยกันคอยทำแผลให้เมื่อคราวทำผิดพลาดเป็นอาบัตินั่นเองครับ (รับปลงอาบัติ)
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#5
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 12:19 AM
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#6
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 07:26 AM
ไม่ขาดครับผม แถมยังจะได้บาปมากกว่าคนธรรมดาเสียอีกด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นการกระทำบาปอกุศลในเพศภาวะแห่งการครองผ้ากาสาวพัสตร์อันเป็นธงชัยของพระอรหันต์ครับ (แม้ว่าในขณะนั้น ท่านจะไม่ได้นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ก็ตาม แต่อย่าลืมว่า ท่านยังไม่ได้ลาสิกขาเลยนะครับ)
แต่ผู้ปกครองที่ส่งบวชมักจะให้เงินติดตัวมาใช้อยู่เสมอ เป็นการผิดถึงไม่อาบัติ
แต่ผิดศีล ก็น่าจะบาป ข้อนี้ไม่แน่ใจ
เงิน ทองน่ะ เป็นวัตถุอนามาส คือ ของที่พระภิกษุและสามเณรไม่ควรจับต้องอยู่แล้ว แต่ตามความเห็นของผม ผมคิดว่ามันต้องพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้ด้วยว่า เป็นไปในทิศทางใด ชอบหรือมิชอบด้วยครับ
ไม่ต้องถึง ๕ ข้อหรอกครับ แค่เพียงข้อเดียวก็ขาดจากความเป็นสามเณรแล้วครับ แต่ถ้าหากไปสมาทานศีล ๑o ใหม่ ความเป็นสามเณรก็จะกลับคืนมาดังเดิมครับ
#7
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 07:33 AM
แล้วจะเป็นพระเต็มตัวเต็มใจหรือไม่ ตอนนี้รู้แล้วครับ ยังอุปสมบทเป็นพระได้เต็มตัวอยู่
เพียงแต่ สมาทานศีล ๑๐ ใหม่ก็ได้
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
โอ้ สาธุ ครับ หายสงสัยเสียที สงสัยเพราะพวกที่ทำอะไรไม่ถูกต้อง ไปบวชเป็นพระ
แล้วจะเป็นพระเต็มตัวเต็มใจหรือไม่ ตอนนี้รู้แล้วครับ ยังอุปสมบทเป็นพระได้เต็มตัวอยู่
เพียงแต่ สมาทานศีล ๑๐ ใหม่ก็ได้
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
#8
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 07:42 AM
เพียงแต่ สมาทานศีล ๑๐ ใหม่ก็ได้
ไม่ควรคิดเช่นนี้นะครับ โดยเฉพาะกรณีที่เป็นพระภิกษุแล้ว ถึงแม้ว่าอาบัตินั้นจะเป็นลหุกาบัติ เช่น อาบัติปาจิตตีย์ ซึ่งเมื่อปลงแล้วอาบัตินั้นย่อมตกไปก็ตาม แต่บาปก็ส่วนบาปนะครับอย่าลืม แล้วระยะเวลาในการเป็นสัตว์นรกของพระภิกษุ-สามเณรที่ประพฤติมิชอบนี่ ยาวนานกว่าคฤหัสถ์นับร้อยเท่าพันทวีเลยนะครับ
#9
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 08:10 AM
พอ ๆ กัน แต่การบัญญัติวินัยของพุทธองค์ ก็ยังคงเผื่อความไร้เดียงสาซึ่งเป็นอาจจะเป็นการ
ตัดมรรคผลนิพพาน หรือตัดผลบุญใหญ่ในเพศของสมณะลงไปได้ เป็นพระสัพพัญญุตาญาณ
เล็งเห็นอนาคตจริง ๆ
#10
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 09:36 AM
แต่ก็เห็นทั้งพระทั้งเณร ก็รับเงินกันนะคะ จับเงินถือเงินอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในซองก็ตาม ก็คิดว่าคงจะต้องดูวัตถุประสงค์ของการใช้เงินนั้นมากกว่ารึเปล่า (ไม่อย่างนั้นถ้าไม่จับเงินเลยก็คงต้องเป็นธรรมยุตซึ่งเคร่งเรื่องนี้มาก)
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#11
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 12:24 PM
แต่สมัยนี้ อยากได้น้ำใช้ ก็จ่ายเงินค่าน้ำประปา อยากได้ไฟใช้ ก็ต้องเสียเงินค่าไฟฟ้า ถ้าจะให้อากาศเย็น ก็ต้องเสียเงินค่าไฟฟ้า มาจ่ายไฟให้พัดลม ฯลฯ เมื่อแทบทุกอย่างต้องใช้เงินเช่นนี้ การอยู่เป็นพระในเมือง จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจับเงินทองน่ะครับ
อ้าว บางท่านอาจจะสงสัย ยังงี้ก็ให้พระไปอยู่ในป่าทั้งหมดสิ จะได้ไม่ต้องใช้เงิน อ้าวแล้วเวลาพระอยู่ในป่า ท่านจะมาเทศน์สอนญาติโยมได้สะดวกหรือครับ ก็ต้องอยู่ในเมืองด้วย แล้วแต่จริตอัธยาศัย ว่ากันไป เป็นต้น
#12
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 07:40 PM
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#13
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 11:25 PM
มันก็จริงที่ท่านต้องใช้เงิน
แต่ๆถ้ามาพูดถึงศีลข้อ ๑๐ งดเว้นจากการรับทองและเงิน
นั้น มันดูเหมือนจะขัดแย้งกันนะครับ
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#14
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 03:46 PM
1. สามเณรไม่มีอาบัติ เนื่องจากอาบัติมี 7 กอง ในพระวินัยของพระ สามเณรทำผิดศีลก็คือผิดศีลครับ ไม่เรียกอาบัติ ไม่มีปลงอาบัติ แต่สามารถสมาทานศีล 10 ใหม่ได้ อาจเรียกว่าต่อศีล
2. เรื่องจับเงินทอง เท่าที่เคยอ่านเจอในหนังสือของหลวงพ่อทัตตะ หลวงพ่อบอกว่าผิดศีล และเป็นอาบัติของพระด้วยจริง ๆ แต่พระเถรวาทไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงพระธรรมวินัย ดังนั้นเมื่อทำผิด ก็ขอให้รู้ไว้และปลงอาบัติครับ
#15
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 09:03 PM
#16
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 09:34 PM
ต้องถามว่า ท่านเจตนาหรือเปล่า? ถ้าเจตนาก็ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะทำให้ผิดศีลข้อ ๓ (อพรัมจริยา เวรมณี) นะครับ
#17
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 06:19 PM
แต่ไม่ใช่ว่า เจตนาดีแล้วไปจับตัวสีกา ก็ไม่ใช่นะ แต่ก็คงยกเว้น พระที่ท่านดูแลแม่ที่ป่วยที่ออกข่าวนะค่ะ...เจตนาดีจะรับเงินทอง เพื่ออนุเคราะห์โยมพ่อโยมแม่หรือญาติโยม ถึงแม้ว่า อาจถวายส่วนตัวก็ตาม แล้วนำไปใช้ในทางโลก อันนี้เหมาะสมเหรอ? เพราะญาติโยม ต้องการให้ท่านในทางธรรม บำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อการศึกษาเล่าเรียน ไว้ยามเจ็บป่วย ไม่ใช่เพื่อสนองกิเลสทางโลกของท่านในขณะที่ยังครองเพศสมณะอยู่อันนี้ก็ไม่ใช่นะ
การเป็นผู้ได้โอกาส แล้วเป็นผู้ได้โอกาสที่แท้จริง ไม่ใช่เป็นกันง่าย ๆ เลย
#18
โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 11:20 PM
ลูกพระธรรม
#19
โพสต์เมื่อ 07 August 2007 - 01:30 PM