ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

ช่วยบอกเค้าหน่อยค่ะ!


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 gigg_cmu^_^

gigg_cmu^_^
  • Members
  • 11 โพสต์
  • Interests:Dhammakaya

โพสต์เมื่อ 11 March 2008 - 01:17 PM

http://www.cafepress...pt_/fpt_/c_666/

#2 crystal.mind

crystal.mind
  • Members
  • 280 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:BKK
  • Interests:Book Music

โพสต์เมื่อ 11 March 2008 - 02:07 PM

เมื่อวานดูข่าว เกี่ยวกับเรื่องการลบหลู่ศาสนาโดยการนำภาพทีควรเคารพ มาทำเสื้อผ้า ที่ไม่เหมาะสม

รู้สึกว่าภาพที่ปรากฎในทีวีคือ เว็บไซท์นี้แหละค่ะ

และทางราชการบอกให้พวกเรา ช่วยกันเป็นหูเป็นตา โดยแจ้งไปที่ สำนักงานพระพุทธศาสนา

ซึ่งเขาจะดำเนินการติดต่อไปยังเว็บ เพื่อดำเนินการให้แก้ไข ซึ่งบางครั้งก็ได้ผล บางครั้งก็ไม่ได้ผลค่ะ เพราะเว็บไม่ได้จดทะเบียนในเมืองไทย เลยบังคับไม่ได้ ถ้าคนที่ทำเขาไม่เกรงกลัวบาป และไม่เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมด้วย

คือ คาดว่าน่าจะขายไม่ได้กี่ชิ้นหรอก แต่ทำเอาความมันส์ ความสะใจ ของคนทำเท่านั้นเอง (น่าสงสาร เฮ้ออออ)
" เกิดมาเพื่อ ทำพระนิพพานให้แจ้ง + แสวงบุญ + สร้างบารมีค่ะ "
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "


#3 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 11 March 2008 - 04:13 PM

ยิ่งโกรธยิ่งแค้น ยิ่งเข้าทางยิ่งเพิ่มความสะใจให้แก่เขา ดังนั้น ปล่อยวางดีกว่าครับ - -"
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#4 Chatkaew

Chatkaew
  • Members
  • 118 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 March 2008 - 05:50 PM

ได้เคยส่ง mail ไปทักท้วงตอนที่มีการ post กระทู้นี้ขึ้นมาครั้งแรก ก้เขียนไปท้วงติงอย่างสุภาพนะค ทางบริษัทฯ เขาก็ตอบกลับมาด้วยดีว่า ขออภัยและเขาจะเร่งพิจารณาเรื่องนี้ให้

ก็ติดตามอยู่เหมือนกันว่าเมื่อไรจะหยุดการเผยแพร่สินค้า และ website ตามที่ท้วงติงไป แต่ถ้าหากเป็นการรับเรื่องเพื่อให้ผ่านๆ ไป ก็คงต้องประท้วงไปใหม่อีกแล้วล่ะค่ะ

#5 ใจสูง

ใจสูง
  • V-Cyber Admin
  • 282 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:อาชีพนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาค่า

โพสต์เมื่อ 11 March 2008 - 10:50 PM

วันนี้ดูข่าว DMC News เห็นบอกว่ากระทรวงต่างประเทศ (เอ๊ะ หรือว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาหว่า?)แจ้งไปแล้วนะคะ แล้วก็มีเว็บต่างประเทศ ส่งจดหมายมาขอโทษ เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วย

#6 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 March 2008 - 01:00 AM

บาปหนา
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#7 sunshining

sunshining
  • Members
  • 111 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 March 2008 - 08:09 AM

อเวจีมหานรก เป็นที่ไปรึเปล่าเนี่ย...

#8 อยู่กับยาย

อยู่กับยาย
  • Members
  • 138 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 March 2008 - 11:26 AM

ภพชาติต่อไปไม่ต้องคิดเลยนะ ถ้าเจอคนที่เกิดมาแล้วมีหน้าตาเป็นสุนัข ก็เขาเหล่านั้น นั่นแหละ ที่ทำกรรมนี้ไว้
ก็บอกแล้วว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แต่สำหรับคนที่ไม่มีศาสนา ก็คงจะไม่สนเรื่องนี้หรอก จริงมั๊ย

ยัง กัมมัง กะริสสามิ เราทำกรรมใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่วก็ตาม
ตัสสะ ทายาโทภะวิสสามิ เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น


#9 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 13 March 2008 - 03:17 PM

ข้อแรกนะครับ สงสารเขาเถอะครับ ด้วยความฉลาดของเขาแล้ว เขาก็คิดแค่ว่าเป็นความแปลกใหม่ น่าจะขายได้ เพราะเรื่องแบบนี้ในบ้านเขาเมืองเขา การนำเอารูปบุคคลที่ควรเคารพแม้แต่ในวัฒนธรรมของเขา มาทำล้อเล่นเพื่อหาประโยชน์นั้นเป็นเรื่องปกติ เป็นศิลป บาปบุญคุณโทษเป็นอย่างไร ตัวกลมๆแบนๆอย่างไหนไม่เคยเห็น ไม่เคยมีใครสั่งสอนชี้แนะ

ผมเคยคุยกับเด็กชาวต่างชาติบางคนอายุ 15 ปี ถามเขาว่า อะไรคือสิ่งที่เขาอยากได้ที่สุดตอนนี้ คำตอบคือ อายุ 18 เพราะจะได้ทำทุกอย่างตามที่ตัวเองต้องการ โดยไม่ต้องมีพ่อแม่เข้ามายุ่งเกี่ยวอีก สรุปโดยรวมที่คุยกัน คือ พ่อแม่มี "หน้าที่"เลี้ยงดูเขา เพราะทำให้เขาเกิดมาเท่านั้น ไม่มีสิทธิยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเขา ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกันเลย อยากปล่อยให้เขาเกิดมา ก็ต้องเลี้ยงดูไปตามกฏหมาย ด้วยเหตุนี้เขาจึง "ยอมทน" เป็นผู้อาศัยในบ้านเป็นเวลา 18 ปี แล้วหลังจากนั้นชีวิตเป็นของเขาสมบูรณ์ ใครจะมายุ่งเกี่ยวมิได้

ในขณะที่พ่อแม่บางคน ก็ถือว่าการเลี้ยงดูเป็นภาระที่ต้องกระทำ เมื่อลูกอายุ 18 ก็ไล่ออกจากบ้านหน้าตาเฉย ถือว่าหมดภาระหน้าที่แล้ว หรือถ้าอยากอยู่ต่อก็ต้องจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารมา เหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่มาเช่าห้องอยู่ เขาแปลกใจมากที่ผมยังอยู่รวมกันทุกคนพ่อแม่พี่น้องลูกหลานในบ้านหลังเดียวกัน แม้ผมจะอายุเกือบ..(อะ..อะ..ไม่บอก)

เพราะฉะนั้นการที่เขาเอารูปเคารพสูงสุดของเรา ไปทำอย่างนั้น เขาถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ เขาไม่เข้าใจหรอกว่า ทำไมถึงทำไม่ได้ เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า ทำไมกับเรื่องแค่นี้พวกเราถึงต้องออกมาโวยวาย แค่เรื่องล้อเล่นขำๆ

เราทุกคนที่นี่ถือว่าโชคดีอย่างมากที่ได้เกิดในร่มเงาของพระพุทธศาสนา มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุณธรรมยิ่ง มีพ่อแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงดูเราเพราะหน้าที่ แต่เลี้ยงดูเราด้วยความรักอย่างที่สุด มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณยาย หลวงพี่พระอาจารย์ต่างๆ กัลยาณมิตรมากมาย คอยดูแลส่งเสริมในสิ่งที่ถูกที่ควร ฉุดรั้งในสิ่งที่ไม่พึ่งยุ่งเกี่ยว รักกันไว้นะครับ

ส่วนเรื่องที่พวกเขาเหล่านั้นทำ เราทุกคนต้องออกมาเคลื่อนไหวครับ สอดส่องดูแล ขัดขวาง อย่าถือว่าไม่ใช่หน้าที่ฉัน ต้องกระทำกันทุกคน ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่เขากระทำ และผลของการกระทำ ให้ทุกคนในโลกนี้เข้าใจว่า มงคลชีวิตคืออะไร

ช่วยๆกันนะครับ

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#10 กุ้งรพ.หัวหิน

กุ้งรพ.หัวหิน
  • Members
  • 201 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 April 2008 - 01:59 PM

คุณทัพพีคะ
เป็นที่วัฒนธรรมที่ทำกันต่อต่อมาในหลายคนด้วยมั้ยคะ เพราะคนไทย หรือเอเซีย ส่วนใหญ่ก็คือรักลูกมาก เลี้ยงลูกแบบใกล้ชิด คอยดูแล ทุกข์สุข(แทบทุกนาที....หุหุ) แต่ฝรั่งบางทีเค้าอ้างว่าเลี้ยงแบบห่างห่างจะได้ช่วยตัวเองได้ (เช่นแยกนอนตั้งแต่แบเบาะ เอาใส่รถเข็นไปไหนมาไหนไม่อุ้ม ให้เดินเองตั้งแต่ตัวนิดเดียว ให้คิดเรื่องต่างต่างเอง)
แต่คนไทยชอบอุ้มเพราะรักอยากใกล้ชิดลูกมาก มีอะไรก็อยากให้บอกพ่อแม่ช่วยคิดหลายหัวดีกว่าหัวเดียว
ลูกก็ได้รับคลื่นความรักนี้ เค้าก็เลยรู้สึกรักพ่อแม่ อยากอยู่ใกล้ใกล้ (อย่าว่าแต่ให้ไปไหนไกลเลยค่ะ กินข้าวหรือยังก็อยากรู้ กินข้าวน้อยก็สงสัยทำไม เป็นไรหรือเปล่า)
เคยมีฝรั่งขึ้นโรงพัก แล้วแม่มาประกัน แม่ด่าว่าไม่ควรทำให้(แก)เกิดมาเลย ลูกตอบว่าไงรู้ไหมคะ I dont ask to be born!!
ขอโทษนะคะ ฟังแล้วใจไม่ดี ขอโทษด้วยนะคะ