เก็บ...ตก...(ดี) บันทึกอุปัฏฐาก (ภาคต่อ)
#1
โพสต์เมื่อ 25 September 2009 - 04:59 PM
ใครที่อ่านแล้ว ก็ไม่ว่ากันนะคะ...ตรงนี้ ให้สำหรับท่านที่ไม่มีเวลาอ่าน...หรือยังไม่ได้อ่าน เข้ามาอ่านกันนะคะ....
จันทร์ที่ 18 มกราคม 2542
ค่ำนี้ท่อ Main ประปาแตก น้ำไม่ไหล ผมเลยต้องวางแผนจัดสรรน้ำที่มีอยู่
เตรียมสำรองไว้ให้หลวงพ่อ แล้วที่เหลือจัดการแบ่งกันให้ครบทุกคน
ใช้ทรัพยากรของวัดอย่างประหยัด ใช้เท่าที่จำเป็น และจำเป็นต้องใช้ให้คุ้มค่ะ
เริ่มซึ้งใจกับคำของยายที่บอกว่า
"ถ้าเราใช้น้ำใช้ไฟไม่เป็น เราก็ต้องไปเป็นขี้ข้าไฟ ขี้ข้าน้ำ คือ ต้องคอยหาเงินมาใช้หนี้น้ำไฟพวกนี้"
น้ำประปามีค่าขึ้นมาทันที เมื่อต้องใช้อย่างจำกัด
บางสิ่งมีค่าขึ้นมาทันที เมื่อสิ่งนั้นจากเราไป
จันทร์ที่ 25 มกราคม 2542
**อยากเข้าวัด เพราะวันหนึ่งแก่ตัวไปก็ต้องเข้าวัด
**ถ้าแสวงหาคำตอบตอนที่ร่างกายแข็งแรง ถ้าพบคำตอบแล้วเรายังสามารถทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะ
**เข้าวัดแล้วทำให้เรามีความคิดเป็นตัวของตัวเอง มีมาตรฐานในการดำเนินชีวิต ดีกว่าไปเปลี่ยนความคิดตอนแก่
**ถ้าเข้าวัดเร็วตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เรายังมีโอกาสเลือก โอกาสศึกษาได้มาก
สักวันหนึ่งพวกเขาก็ต้องเข้า อยู่ที่ว่าจะเข้าวัดอย่างไร เข้ามาเอง หรือให้คนอื่นหามเข้ามา
อาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2542
ช่วงที่หลวงพ่อรับแขกที่ศาลาดุสิต มีคนเป็นเบาหวานโรคเดียวกับหลวงพ่อ เขามากราบขอบารมี
หลวงพ่อบอกเขาไปว่าอย่ายอมแพ้นะ เป็นโรคเดียวกันต้องเอาชนะให้ได้
ก่อนที่แขกท่านนั้นจะกราบลาหลวงพ่อ เขาขอให้หลวงพ่อแข็งแรงๆ อายุยืนๆ เป็นร้อยปี
เขาบอกหลวงพ่อว่า มีอุ๊ยทางภาคเหนือทำนายไว้ว่าหลวงพ่อจะอายุยืน 220 ปี
หลวงพ่อฟังแล้วบอกว่า "จะพยายามหายใจ"
อาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2542
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เศรษฐกิจของประเทศค่าเงินบาทลดลงเรื่อยๆ แต่คนเข้าวัดมาทำบุญเพิ่มขึ้นไม่ลดลงเหมือนค่าเงินเลย
หมายความว่าทุกคนเริ่มเข้าใจเรื่องบุญ และเห็นคุณค่าของการทำบุญมากขึ้นตามที่หลวงพ่อสอน
ที่ประทับใจผมมากคือ (ประทับใจคนพิมพ์ด้วยอ่ะ อิอิ) มีผู้หญิงท่านหนึ่งแต่งตัวเรียบร้อย อายุราวๆ 40 ปี ตอนที่เข้ามาถวาย
เห็นมีถาดเปล่าๆ ใบเดียว ไม่มีซอง ไม่มีดอกไม้ เหมือนคนอื่นๆ
ท่าทางตื่นๆ
พอยกถาดจะถวายหลวงพ่อ มือที่กำอยู่ก็แบออก มีเหรียญ 10 บาท 1 เหรียญ วางอยู่ในถาด
ถวายเสร็จเธอนิ่งอยู่อย่างนั้น พนมมือจะพูด แต่พูดไม่ออก ท่าทางตื่นเต้นมาก
เธอมองหลวงพ่อแล้วน้ำตาไหล ร้องไห้ พยายามกัดฟันจะพูด แต่ไม่มีเสียงออกมา
ผมเห็นแล้วนึกสงสัยว่า เธอปกติสมบูรณ์ดีหรือเปล่า
หลวงพ่อบอกว่า เธอปีติกับสิ่งที่ทำได้ยากในศรัทธาที่เกิดขึ้น
มารู้ว่า วันนี้ เธอมีเงินติดตัวมาวัดแค่ 15 บาท
เมื่อเช้าทำบุญไปแล้ว 5 บาท เหลือติดตัวอยู่เพียง 10 บาท สุดท้ายเลยตัดสินใจเอามาถวายหลวงพ่อ
ที่ร้องไห้พูดไม่ออกเพราะเธอปีติ เห็นแล้วก็รู้สึกปีติกับเธอเช่นกัน (สาธุ สาธุ สาธุ...)
อาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2542
วันแห่งความรัก คิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง คิดถึงแม่ และนึกถึงแม่อย่างคุณหงส์ คนที่เข้าวัดมาทำบุญคนหนึ่ง
คุณหงส์เป็นผู้นำบุญ ลูกไม่สบายหนักอยู่ในห้องไอซียู เธอเฝ้าลูก ตัวเธอเองหิวมาก ไม่ได้ทานอะไรเลย
วันอาสาฬบูชาเมื่อสองปีก่อน เธอตัดสินใจพาสาธุชนมาวัดทำบุญ ทำหน้าที่เต็มที่ในฐานะผู้นำบุญ และในฐานะแม่
เธอคิดว่า ถ้าอยู่เฝ้าลูก 24 ชม. ก็ช่วยอะไรลูกไม่ได้ เพราะทุกอย่างฝากไว้กับหมอ แต่สิ่งที่เธอจะช่วยได้คือ มาเอาบุญ กลับไปช่วยลูก
ในโลกเล็กๆ ใบนี้มีแม่อยู่ 2 ประเภท คือ แม่ที่เป็นห่วงลูก แต่ช่วยลูกไม่ได้ กับแม่ที่ห่วงลูกแบบบัณฑิตอย่างเช่นคุณหงส์นี้
แต่ช่วงนั้นคุณหงส์บอกว่า ความคิดสับสนมาก จะมาดี หรือไม่มาดี คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก มีวิธีเดียวที่จะคิดออกคือ
ต้องออกจากความคิด แล้วเอาความคิดมาจัดระเบียบใหม่
จากนั้นก็ตัดสินใจเลือกเอาว่า ความคิดไหนมีประโยชน์ ก็เลือกเอาความคิดนั้น
คุณหงส์คงคิดถึงสาเหตุว่า ที่ลูกถูกรถชนเพราะอะไร
มันคงเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน รอเวลาระเบิด พอถึงเวลามันก็ตูม
แล้วก็คิดได้ว่า ลูกตต้องให้หมอผู้เชี่ยวชาญดูแลรักษา
ส่วนตัวเราถ้าเป็นทุกข์ จิตใจก็เสียอานุภาพ
สู้เราไปหาบุญดีกว่า เอาบุญมาช่วยลูก แล้วกลับมาบอกลูกว่า แม่เอาบุญมาฝาก
ลูกนึกได้ให้อนุโมทนา ถ้านึกไม่ได้แม่นึกให้เอง ขอให้ลูกหายวันหายคืน
เขาห่วงลูกอย่างนี้ เข้าท่าดี
เขาห่วงแบบหายห่วง แต่บางคนห่วงจนน่าเป็นห่วง
#3
โพสต์เมื่อ 25 September 2009 - 07:36 PM
#4
โพสต์เมื่อ 25 September 2009 - 09:44 PM
#5
โพสต์เมื่อ 25 September 2009 - 09:54 PM
สาธุๆๆ
ชอบเรื่องคนทำบุญ 10 บาทมากๆๆๆๆ
#6
โพสต์เมื่อ 25 September 2009 - 09:55 PM
เพิ่งอ่านLogBook จบ เมื่อวานนี้เอง
ได้ทบทวนเหตุการณ์ ความรู้สึก อารมณ์ ความนึกคิดในกาลก่อน
ที่เคยอยู่ในหลายสถานการณ์นั้น ๆ ด้วย
ยิ่งได้อ่าน LogBook ได้รับทราบข้อมูลแท้จริง จากอุปัฎฐาก
ซึ่งอยู่ใกล้ชิดพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ธัมมชโย ทั้งยามกลางวันและค่ำคืน
ก็ยิ่งตระหนักและซาบซึ้งถึงคุณธรรม ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ
และการสร้างคุณประโยชน์เพื่อความเจริญของพุทธาจักรและสังฆมณฑล ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ
มากยิ่งขึ้นครับ
อนุโมทนา คุณ โค้ก อลงกรณ์ สถาปิตานนท์
มา ณที่นี้ ด้วยครับ
anumothana_sadhu.gif 22.04K 53 ดาวน์โหลด
#7
โพสต์เมื่อ 25 September 2009 - 10:25 PM
นึกชื่นชมความอดทนในการสร้างบารมีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ทำให้มานึกสะท้อนดูตัวเอง.....ว่ายังไม่ได้เรื่องเลย
ทำให้สำนึกได้ว่าต้องเร่งพัฒนาตัวเองด้วยการสั่งสมบุญให้มากยิ่งๆขึ้นค่ะ
#8
โพสต์เมื่อ 26 September 2009 - 10:45 AM
อ่านแบบมาราธอน จบภายในวันเดียว
คงต้องหาโอกาสอ่านซ้ำอีกรอบ
ณ 072 เพิ่งเข้าวัดได้ไม่นาน ได้อ่านบันทึกอุปัฏฐาก แล้วก็ทำให้ทราบเรื่องราวเก่าๆ มากขึ้น
มีบันทึกอยู่วันนึง ที่ ณ 072 จำได้ และรู้สึกซาบซึ้ง ก็คือที่บอกว่า จุ๊ๆ อย่าเิอ็ดไป ต้องแอบไปฝึกขับรถคันนึง ที่จอดอยู่ที่เต้นท์ 8 เพื่อให้คล่อง
และทำให้เห็นว่าผู้ถ่ายทอดเรื่องราว ทำเรื่องเครียดให้เป็นเรื่องไม่เครียดได้อย่างน่ารัก
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#9
โพสต์เมื่อ 27 September 2009 - 09:45 PM
#10
โพสต์เมื่อ 29 September 2009 - 06:44 AM
ชอบเรื่องวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2542 นี่จริงๆ ครับ
#11
โพสต์เมื่อ 30 September 2009 - 10:56 AM
ไฟล์แนบ
#12
โพสต์เมื่อ 02 October 2009 - 11:23 PM
#13
โพสต์เมื่อ 06 October 2009 - 09:42 AM
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย