โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 09:52 AM
อ่า...เท่าที่ได้เคยอ่านมานะครับ พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ดังนี้
บนสวรรค์ชั้นที่ 6 จะมีเทวบุตรองค์หนึ่งซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ โดยสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนมชีพอยู่ เทวบุตรมารองค์นี้ได้มาเบียดเบียนพระโพธิสัตว์ในวันที่จะตรัสรู้ครับ ซึ่งเรารู้จักกันในนาม พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร แต่ก็ได้พ่ายแพ้ต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปในวันตรัสรู้นั่นเอง หลังจากนั้น ก็ไม่ได้กล่าวถึง เทวบุตรมารองค์นี้อีกเลย จนกระทั่ง....
สมัยต่อมา หลังพุทธปรินิพพาน ยุคพระเจ้าอโศกมหาราช หลังจากที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทำการสร้างเจดีย์ 84,000 องค์แล้ว ต้องการจะสมโภชใหญ่ทั่วแผ่นดิน พระอรหันต์ในยุคนั้นเล็งเห็นด้วยญาณว่า งานสมโภชนี้จะไม่ราบรื่น เพราะจะมีเทวบุตรมารองค์หนึ่งลงมาขัดขวาง ซึ่ง เทวบุตรมารองค์นั้นก็คือ พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร องค์เดียวกับที่มาเบียดเบียนพระโพธิสัตว์ในวันตรัสรู้นั่นเอง และ พระอรหันต์ก็ได้รับมอบหมายให้ พระอุปคุตเถระ มาทำหน้าที่กำราบเทวบุตรมารองค์นี้ ไม่ให้มาขัดขวางงานสมโภชใหญ่ครั้งนี้ได้ โดยพระอุปคุตเถระ ได้ประลองฤทธิ์กับเทวบุตรมารองค์นี้ สุดท้ายเทวบุตรมารองค์นี้ก็พ่ายแพ้ไป และพระอุปคุตเถระยังได้จับเอาเทวบุตรมารองค์นี้ไปผูกมัดติดเอาไว้กับภูเขาลูกหนึ่งและเนรมิตหมาเน่าเอาไปห้อยคอเทวบุตรมารองค์นี้ด้วย
ต่อมาเทวบุตรมารองค์นี้ก็ได้สำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระโพธิสัตว์ในสมัยพุทธกาล ว่าถึงแม้ตนจะเบียดเบียนพระองค์แต่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยทำอะไรตอบโต้ตนเลย มานะและมิจฉาทิฏฐิจึงคลายตัวสลายหายไป แล้วอธิษฐานว่า ถ้าตนพอจะมีบุญเก่าที่สั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน ขอให้ตนได้บรรลุธรรม ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตเยี่ยงพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย
ในเวลานั้นเอง พระอุปคุตเถระ ได้แอบเฝ้าดูเทวบุตรมารองค์นี้อยู่ เมื่อได้ยินถึงคำอธิษฐานของเทวบุตรมารองค์นี้ ก็รีบมาคลายเชือกและเอาหมาเน่าออกทันที และ บอกว่า บัดนี้ ท่าน (หมายถึง พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร ) ได้เป็นผู้ที่น่ายกย่องแล้ว เพราะ การที่ท่านอธิษฐานแบบนี้ เท่ากับว่า ท่านได้เป็น พระโพธิสัตว์ ซึ่งจะเป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์ในอนาคต ภายภาคเบื้องหน้าแล้ว
หลังจากนั้น พระอุปคุตก็ได้ขอร้องให้ พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร ได้ช่วยเนรมิตกายให้ละม้ายคล้ายกับกายเนื้อของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องด้วย ตนและมหาชนรุ่นหลังพุทธปรินิพพานไม่เคยได้มีโอกาสได้เห็นกายเนื้อของพระมหาบุรุษเลย นอกจากได้เห็นแต่กายธรรม คือ พระธรรมกาย แต่เพียงอย่างเดียว พระยาวสวัตดีเทวบุตรมารก็รับคำว่าจะเนรมิตกายให้ด้วยเทวฤทธิ์ของตน แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามพระภิกษุและมหาชนทั้งหลายทำความเคารพตนในพระรูปกายของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่ง พระภิกษุและมหาชนทั้งหลายก็รับคำ
ต่อมา พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร ก็ได้เนรมิตกายตนให้เหมือนกับรูปกายเนื้อของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยอสีติมหาสาวกทั้ง 80 รูป ทำให้พระภิกษุและมหาชนทั้งหลายที่เฝ้ารอดูถึงกับตื่นตะลึงในความสง่างามและงดงามของพุทธลีลารวมไปถึงเหล่าอสีติมหาสาวก มีพระสารีบุตร พระมหาโมคคัลนะ เป็นต้น และพร้อมใจกันก้มลงกราบ ทำให้พระยาวสวัตดีเทวบุตรมารถึงกับตกใจ รีบคืนร่างสู่ร่างเดิมทันที และทำการต่อว่า ว่า ทำไมถึงก้มกราบตนทั้งๆ ที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว พระอุปคุตเถระได้ตอบว่า ที่ตนและมหาชนทั้งหลายก้มลงกราบนั้น ด้วยมีจิตเลื่อมใสในพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยอสีติมหาสาวกทั้ง 80 รูป ไม่ได้คิดจะกราบพระยาวสวัตดีเทวบุตรมารแต่อย่างไร เมื่อได้อธิบายจนเข้าใจกันแล้ว พระยาวสวัตดีเทวบุตรมารก็ขอตัวเหาะกลับไปยังวิมานของตนในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี และก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงอีกเลยทั้งในพระไตรปิฎกและพระคัมภีร์ต่างๆ ตราบจนถึงปัจจุบันนี้
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย