ทำให้มารดาตายโดยไม่เจตนา (๒)
#1
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 08:29 PM
เจตนา ความตั้งใจ, ความมุ่งใจหมายจำทำ, เจตน์จำนง, ความจำนง, ความจงใจ,
เป็นเจตสิกที่เกิดกับจิตทุกดวง เป็นตัวนำในการคิดปรุงแต่ง หรือเป็นประธานในสังขารขันธ์
และเป็นตัวการในการทำกรรม หรือกล่าวได้ว่า เป็นตัวกรรมทีเดียว ดังพุทธพจน์ว่า
เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ แปลว่า เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม
อ้างอิง เรื่องเจตนา
http://abhidhamonlin...aphi/p2/010.htm
ปาณาติบาตมีองค์ ๕
๑. ปาโณ สัตว์นั้นมีชีวิต
๒. ปาณสญฺญิตา รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต
๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า
๔. อุปกฺกโม ทำความเพียรเพื่อฆ่า
๕. เตน มรณํ สัตว์ตายเพราะความเพียรนั้น
อ้างอิง องค์ประกอบของการทำปาณาติบาต
http://abhidhamonlin...aphi/p5/059.htm
อันนี้จะอธิบายเรื่องขององคุลีมานที่กำลังจะฆ่าแม่ตัวเองได้ ว่าเป็นอนันตริยะถึงจะไม่ได้เจตนาจะ
ฆ่าแม่ของตนเองแต่ว่า มีองค์ประกอบครบแล้ว จึงเรียกว่ากระทำปาณาติบาต และเมื่อกระทำปาณาติบาต
จึงเป็นอนันตริยกรรม ส่วนการทำให้มารดาตัวเองตายโดยไม่เจตนานั้นไม่ครบองค์ ของปาณาติบาต
คือ ขาด จิตคิดจะฆ่า และ ขาด ทำความเพียรเพื่อจะฆ่า จึงไม่จัดว่าเป็นอนันตริยกรรม
มีพระวินัยสนับสนุนเรื่องที่ยกมาดังนี้
[ภิกษุฆ่าพ่อแม่เป็นต้นในกองฟางไม่ต้องปาราชิก]
ในวิสัยแห่งตติยปาราชิกนี้ ผู้ศึกษาควรทราบเรื่องทั้งหลายแม้เหล่าอื่น
มีกองฟางเป็นต้น.
จริงอยู่ ภิกษุใด ทำในใจว่า เราจักเช็คดาบหรือที่เปื้อนเลือด
แล้วสอดเข้าไปในกองฟาง ฆ่ามารดาก็ดี บิดาก็ดี พระอรหันต์ก็ดี
คนอาคันตุกะก็ดี ยักษ์ก็ดี เปรตก็ดี สัตว์ดิรัจฉานก็ดี
ซึ่งนอนอยู่ในกองฟางนั้นตาย ภิกษุนั้น ด้วยอำนาจแห่งโวหาร
เรียกว่า ฆาตกร ได้ แต่เพราะไม่มีวธกเจตนา
เธอจึงไม่ถูกต้องกรรม ทั้งไม่ต้องอาบัติ.
ส่วนภิกษุใด เมื่อกำลังสอด (ดาบหรือหอกนั้น) เข้าไปด้วยอาการอย่างนั้น
กำหนดได้ว่าสัมผัสกับร่างกาย ก็สอดเข้าไปฆ่าให้ตายด้วยคิดว่า
ชะรอยจะมีสัตว์อยู่ภายโนจงตายเสียเถอะ.
กรรมพันธ์ (ข้อผูกพันทางกรรม) และอาบัติของเธอนั้น
พึงทราบโดยสมควรแก่เรื่องเหล่านั้น.
เมื่อภิกษุสอด (ดาบหรือหอกนั้น ) เข้าไปเพื่อ
เก็บไว้ในกองฟางนั้นก็ดี โยนเข้าไปที่พุ่มไม้ป่าเป็นต้น ก็ดี
ก็นัยนี้.
พระไตรปิฎก และ อรรถกถา ฉบับ มหามงกุฏ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๒
ฉะนั้นจากหลักนี้จะผมสามารถ สรุปได้ว่าการทำให้มารดาตายโดยไม่เจตนานั้น
ไม่เป็นอนันตริยะกรรม โดยที่อาจจะขัดแย้งกับ พระอภิธรรมที่คุณจังกึมยกมา โพสต์ #๔
ส่วนกรรมที่ทำโดยไม่เจตนาโดยการเหยียบมดแมลง นั้นก็ไม่ครบองค์ปาณาติบาต
เช่นเหยียบ มดแมลงตาย อันนี้ไม่น่าเป็นปาณาติบาต แต่ก็มีบาป ( เข้าใจถูกหรือเปล่าไม่รู้ )
เพราะเป็น กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม คือ กรรมที่กระทำโดยไม่เจตนา
แต่ว่าจะมีผลหนักขนาดไหนไม่ร้ เช่น อาจจะถูกกระทำโดยไม่เจตนาเหมือนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้
#2
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 08:36 PM
อย่างไรก็ตาม กฎแห่งกรรม เป็นเรื่องละเอียด
ทำดีต่อไปนะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 09:54 PM
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4429
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#4
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 11:20 PM
กระทู้นี้มีหลากหลายความคิดเห็นมากเลยค่ะ ตั้งแต่ความคิดเห็นส่วนตัว จนกระทั่งไปถึงยกจากพระไตรปิฏกมาเลย ยังแตกต่างกัน
ส่วนตัวไม่ได้ ซีเรียสมากแต่สงสารคนที่กระทำการนี้ลงไป แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามคิดว่า ขออย่าให้ได้ทำอนันตริยกรรมเลย เป็นดีที่สุด ถึงแม้จะทำด้วยมีหรือไม่มีเจตนาก็ตาม ยังไงก็คงมีวิบากติดตัวไปไม่มากก็น้อยหล่ะค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 10:01 AM
หมั่นให้ทาน รักษาศิล เจริญภาวนา
ตามมหาปูชนียาจารย์ ท่านจะปรับปรุงผังใหม่ให้เราเอง..
ครับ..โปรดอย่าคิดนำ ครับผ๊ม...
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#6
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 03:53 PM
สงสัยนิด ๆ น่ะ พอดีศึกษาดูแล้วมันเข้ากับกระทู้ของคุณจังกึมก็เลยเอามาใช้ตอบกระทู้ ที่
เห็นว่าแปลกอยู่ในกระทู้คือ ไม่มีใครยกเรื่อง องค์ ๕ ของการทำปาณาฯ ขึ้นมาอ้างเลยเพราะ
ว่าจะสามารถ อธิบายได้ หลาย ๆ เรื่องคือ เรือง พระยากง พระยาพาน พระยาพานไม่เจตนาฆ่า
แม่ตัวเองแต่ว่า ครบองค์ ๕ ของการทำปาณาติบาต จึงเป็นอนันตริยะกรรม องคุลีมานก็เช่นกัน
ครบองค์ ๕ เหมือนกัน แม้ว่าจะเจตนาฆ่าคนอื่นแต่ไม่เจตนาฆ่าแม่ ถ้าฆ่าไปแล้วก็ต้องเป็น
อนันตริยะกรรม
และอีกประการหนึ่งที่น่าสงสัยมาก ที่พระพุทธพจน์ว่า "เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม"
ไฉนจึงมี
กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม คือ กรรมที่กระทำโดยไม่เจตนา ขึ้นมาอีก
สาธุกับทุกคำตอบและธรรมทานทุกท่านเลยครับ
#7
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 05:56 PM
สรุปคือ เราไม่ได้วัดว่าเป็นอนันตริยกรรม แค่เพียงมีหรือไม่มีเจตนา แต่ดูที่ ครบองค์ 5 ของการทำปาณาติบาต หรือไม่ เป็นหลัก
ถ้าเจตนา แต่ไม่ครบองค์ ปาณาติบาต แสดงว่าไม่เป็นอนันตริยกรรม และ
ถ้าไม่เจตนา แต่ครบองค์ 5 ของปาณาติบาต ก็จัดเป็นอนันตริยกรรม
อย่างนี้ถูกต้องใช่ไหมค่ะ
..........................................
ขอบคุณคุณทศพลอีกที ที่เอากระทู้นี้มาปัดฝุ่นใหม่นะค่ะ นึกว่าจะร้างไปซะแล้ว
#8
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 09:26 PM
ถูกต้องครับ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ครบองค์แห่งปาณาติบาตก็ตาม เพียงแค่เราไปทำให้ท่านเลือดตกยางออก ฟกช้ำดำเขียวโดยเจตนานี่ ก็จัดเป็นคุรุกรรม (กรรมหนัก) เพราะทำกับพระอรหัตพระอรหันต์ของลูก แม้จะมีโทษไม่เท่าอนันตริยกรรม แต่ก็ทำให้ตกขุมบริวารของอเวจีมหานรกแล้วนะครับ
ถ้าครบองค์ ๕ ประการนี่ เขาเรียกว่าเจตนาแล้วนะครับพี่จังกึม อย่างนี้ลงอเวจีมหานรกสถานเดียวเลยล่ะครับ
ต้องขออนุญาตสมาชิกทุกท่านทั้งเก่าและใหม่ด้วยการ relecture ให้กับทุกท่านเลยนะครับ เนื่องจากผมได้บรรยายเกี่ยวกับรายละเอียดของศีลข้อปาณาติบาตไว้อย่างละเอียดในกระทู้นี้แล้วครับ (ขอผมปัดฝุ่นด้วยคนนะครับพี่ทศพล)
=> http://www.dmc.tv/fo...p?showtopic=546
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#9
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 09:46 PM
ยังมีข้อสงสัยอยู่ถ้าหากเรา ทำปาณาให้ครบทั้ง ๔ ข้อขาดข้อ ๕
นั่นคือสัตว์นั้นไม่ถึงตาย แต่อาจจะตายในภายหลังจากนั้น
หรืออาจจะบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ถึงตายรอดมาได้
ข้อนี้ น่าจะผิตศีลข้อปาณาติบาตด้วยหรือเปล่า
เพราะว่าเข้าใจว่าจะทำให้ชีวิตสัตว์นั้นสั้นลงจากความเป็นจริง
#10
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 11:15 PM
ในความหมายของพี่คือ ไม่เจตนาทำร้ายบิดามารดา แต่เจตนาที่จะฆ่าคนอื่นแต่พลาดไปถูกบิดามารดาของตน อย่างที่คุณทศพลได้บอกไว้หน่ะค่ะ
#11
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 11:21 PM
Okay I see. กรณีนี้ไม่เป็นอนันตริยกรรมครับผม
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#12
โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 12:01 AM
ตอบว่าเป็นอนันตริยะกรรมแบบที่คุณขุนศึกตอบทีแรก หน่ะถูกแล้วครับ มีเจตนาจะฆ่าคนอื่น แต่พลาดไปโดนแม่ตนเองเข้า
เพราะว่า ครบองค์ ๕ ปาณาติบาตพอดี ตัวอย่างเรื่องนี้ คือเรื่อง พระยากง พระยาพาน และ เรื่ององคุลีมาน ถ้าองคุลีมานฆ่า
แม่ตัวเองเข้าก็ครบองค์ปาณาติบาต ถึงจะไม่รู้ว่าคนที่ถูกฆ่าเป็นแม่ตัวเอง ก็เป็นอนันตริยะกรรม ตรงกับพระไตรปิฏกพอดี
#13
โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 10:37 AM
#14
โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 11:14 AM
"กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพราะว่าย้อนไปอ่านเรื่อง พุทธพจน์เรื่องเราว่าเจตนาคือกรรม ก็เลยมีความ
สงสัยนิด ๆ น่ะ พอดีศึกษาดูแล้วมันเข้ากับกระทู้ของคุณจังกึมก็เลยเอามาใช้ตอบกระทู้ ที่
เห็นว่าแปลกอยู่ในกระทู้คือ ไม่มีใครยกเรื่อง องค์ ๕ ของการทำปาณาฯ ขึ้นมาอ้างเลย"
เหตุที่ไม่นำมาอ้างเพราะเรื่องนี้มันได้เกิดขึ้นไปกับแล้วกับคนที่คุ้นเคยกันน่ะครับ(ลูกพระธัมเหมือนกัน) ถ้าเรื่องยังไม่เกิดขึ้น ความเห็นของผม เห็นว่า สามารถตอบตามทฤษฎีได้เต็มที่ และอยากจะตอบเช่นนั้น แต่เนื่องจากมันเกิดขึ้นกับญาติ(ทางธรรม)เราแล้ว เราต้องหาวิธีตอบดีๆ ไม่ให้เขาเสียกำลังใจ จนหมดอาลัยตายอยากในชีวิตด้วยนะครับ
ดังเช่น เรื่องราวของพระจุลปัณถก ที่ความจำไม่ดี เรียนหนังสือไม่รู้เรือง พระพี่ชายจึงไล่ให้ไปสึกเสีย ปรากฏว่า ท่านคิดไกลกว่านั้น คือ คิดฆ่าตัวตายเลย ดีที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปปลอบ และเทศน์สอนให้ถูกจริตทันเวลา
หรือแม้แต่เพชรมาตเคราแดงที่ฆ่าคนตาไปกระพริบ หากบอกทุกอย่างตรงตามจริงหมด แล้วเขาหมดกำลังใจ เขาก็ไม่บรรลุธรรมใช่มั้ยครับ
#15
โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 04:33 PM
เพราะว่าการทำให้มารดาตายโดยไม่เจตนานั้นไม่เป็นอนันตริยะกรรม
เพื่อนทางธรรมท่านนั้นรู้แล้วคงสบายใจขึ้น
#16
โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 05:21 PM
การจะทำให้ครบองค์ผิดศีลข้อ 1 นั้น ต้องประกอบไปด้วย
๑) ปาโณ สัตว์นั้นมีชีวิต
๒) ปาณสญฺญิตา รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต
๓) วธกจิตฺตํ มีจิตคิดจะฆ่า
๔) ปโยโค ประกอบความเพียรเพื่อทำให้สัตว์นั้นตกล่วง (ล้ม/ตาย)
๕) เตนมรณํ สัตว์นั้นตายลงด้วยความเพียรนั้น
ในกรณีที่ถอยรถไปชนมารดาของโยมคนนั้นเนี่ย "เขาไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ตรงนั้น"
ก็ถือว่าไม่เข้าข่าย ข้อ 1 ซึ่งก็ไม่ใช่กรรมปาณาติบาตแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นอนันตริยกรรม ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ สรุปว่าไม่ใช่อนันตริยกรรมค่ะ
นั่นคือมารดาหมดอายุขัยค่ะ แค่อาศัยรถของลูกไปทำให้หมดอายุขัยเท่านั้นเองค่ะ
วิบากที่จะตามมาส่งผลอย่างมาก ก็คือเมื่อถึงคราวที่ตัวเองหมดอายุขัย ก็จะมีคนที่ไม่ได้มีเจตนามาทำให้ชีวิตล่วงไปเท่านั้นเองค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#17
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 11:20 PM
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5019