ด่าว่าพระสงฆ์ พูดในสิ่งไม่จริง เขาจะได้รับกรรมอย่างไรคะ
#1
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 11:04 AM
#2
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 11:28 AM
แต่คิดว่า...ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง....ชีวิตนั้นก็นำพาไปสู่ความหาเจริญไม่...
ไฟล์แนบ
#3
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 11:29 AM
ส่วนใหญ่จะไปมหานรกขุมที่ 2 ค่ะ
ขออภัยค่ะ ขุม 4
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#4
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 11:53 AM
#5
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 02:12 PM
แต่ตกนรกขุม ๒ ชัวร์เพราะพูดเท็จ
#6
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 02:20 PM
พอเห็นกระทู้นี้ ก็เลยรีบนั่งวาดการ์ตูนเลยค่ะ รีบไปหน่อย ก็เลยออกมาไม่สมประกอบ รูปไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ รูปแรกกับรูปสุดท้าย ถ้าจับผิดได้ การ์ตูนมีต่างกันหนึ่งตัวค่ะ...เพราะหาภาพไม่ได้
#7
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 02:41 PM
ทำเองเลยเหรอคะ
เก่งจังเลยนะคะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#8
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 02:51 PM
ทำเองเมื่อเช้าที่อ่านกระทู้นี้ค่ะ...แต่ได้ idea คำพูดมาจากที่อื่นค่ะ...
ขอบคุณค่ะ...ถ้าเก่งคำพูดกับภาพคงออกมาเนี๊ยบ!!!กว่านี้นะคะ
อ๋อออ ภาพการ์ตูน ตัดมาจาก Disney ค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 05:24 PM
//คุณทศพล..//
พูดเท็จนี้ นรกหลุม 2 เหรอคะ???
ไม่ใช่หลุม 4 เหรอคะ มุสา..
จำ ได้ ลาง ๆ เหมือน กัน ค่ะ
.....
นึกว่านรกเรียงตามศีล 5 ข้อ
เกี่ยวกับการฆ่า นรกหลุม 1
เกี่ยวกับฉ้อฉล ลัก ทรัพย์ นรกหลุม 2
เกี่ยวกับ ผิด ลูก ผิด เมีย นรกหลุม 3
เกี่ยวกับ มุสา วา จา นรกหลุม 4
เกียวกับ สุรา ของ มึนเมา นรกหลุม 5
ส่วนหลุมที่ลึกกว่าหลุม 5 ก้อแยกไปต่างหาก
ประมาณนี้อ่ะค่ะ..
แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป
แต่..
เ ป้ า ห ม า ย ไ ม่ เ ป ลี่ ย น แ ป ร
#10
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 06:02 PM
ทรทุกข์อยู่ในนรกอีกนานแสนนานมาก ตัวอย่างของมหานรกขุม 4 ก็เช่น เอาแปรงเหล็กร้อน คล้ายๆ แปรงล้างขวดนม เอามาแปรงล้างปากสัตว์นรก คล้ายๆ ให้สะอาด จนสัตว์นรกตายด้วยความทุกข์ทรมาณ เป็นต้น
แต่สำหรับเคส Study ผู้ที่ทั้งใส่ร้าย และลอบทำร้ายหลวงปู่ และใส่ร้าย หลวงพ่อนั้น ไปอยู่ภพพิเศษครับ โปรดอย่าถามว่า ที่ไหน คุณครูว่าไว้อย่างนั้น
#11
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 10:30 PM
โลกกันตร์นรก นรกน้ำกรด
โลกันตนรก อันว่าโลกันตนรกนี้เป็นขุมยิ่งใหญ่ แปละประหลาดกว่าบรรดาขุมนรกทั้งหลายเพราะอยู่ภายนอกจักรวาล สถานที่ตั้งของโลกันตนรกนี้อยู่ในจักรวาล ๓ โลก ถ้าจะเปรียบให้เห็นเป็นมโนภาพก็เหมือนกับเอาดอกปทุมชาติ ๓ ดอกมาตั้งชิดติดกัน ก็จะเกิดมีช่องว่างขึ้นในตอนกลางจักรวาล ต่าง ๆ ก็ตั้งชิดติดกันเช่นกับดอกปทุมชาติ ๓ ดอกนั้น
ตรงช่องว่างเว้นอยู่ในระหว่าง ๓ โลกจักรวาลนั้นเอง เป็นสถานที่ตั้งแห่งนรกขุมพิเศษนี้ เพราะฉะนั้น นรกขุมพิเศษนี้จึงมีชื่อว่า โลกันตนรก = นรกขุมนี้พิเศษอันอยู่สุดโลกจักรวาล
ก็ในโลกันตนรกนี้ มีสถาพมืดมนเป็นยิ่งนัก แสงดาวแสงเดือนและแสงตะวันส่องไปไม่ถึง เป็นสถานที่อันมืดมนนอนธการ สามารถที่จักห้ามเสียซึ่งความบังเกิดขึ้นแห่งจักษุวิญญาณ เปรียบปานเช่นกับคนหลับตาในคราวเดือนดับข้างแรมฉะนั้น
สัตว์ที่ไปอุบัติเกิดในโลกันนรกนี้ ย่อมมีสภาพแปลกประหลาดพิลึก คือ มีสรีระร่างกายโตใหญ่เป็นยิ่งนัก ประกอบไปด้วยเล็บมือและเล็บเท้ายาวเหลือประมาณ ต้องใช้เล็บมือและเท้าเกาะอยู่ตามเชิงเขาจักรวาลห้อยโหนโยนตัว โดยเอาหัวปักลงมาข้างล้างชั่วนิรันดร์ เปรียบปานดังค้างคาวห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ในมนุษย์โลกที่เราเห็นนี้ฉะนั้น ครั้นเขาได้ประสบการณ์อันแสนจะทรมานด้วยความมืดมากเช่นนี้ เขาก็ได้เแต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่า
อโห ! กรรม ...อโห กรรม....ทำไมตูจึงเป็นอย่างนี้ และ ทำไมตูจึงมาอยู่ที่นี่ ชะรอยที่นี่จักมีแต่เพียงตูเพียงผู้เดียวกระมังหนา
เขาไม่ได้อยู่แต่เพียงผู้เดียวดอก มีอยู่มากมายที่สัตว์บุคคลทั้งหลายตายแล้วไปเกิดที่มันมืดแสนมืด มองไม่เห็นเพื่อนสัตว์นรกโลกันตนรกด้วยกัน และมองไม่เห็นอะไรเลยนั้นเอง
ตลอดเวลาเหล่าสัตว์นรกโลกันตนรกไม่ต้องทำอะไร มีแต่จะห้อยโหนโยนตัวเปะปะด้วยความหิวโหยอย่างเหลือประมาณ ครั้นปีนป่ายตะกายไปถูกต้องตีนมือแห่งกันและกันเข้าแล้ว ก็สำคัญว่าตนมีชะตาผ่องแผ่วโชคดีเจออาหารซึ่งปรารถนาอยากจะกินมานาน จึงต่างก็ดีเนื้อดีใจ มิกิริยาขวนขวายไขว่คว้าฉวยจับกันและกัน โดยต่างตนต่างก็จะตะครุบกันกินเป็นอาหาร
ต่างก็ปล้ำฟัดกันเพื่อจะจับกินเป็นภักษาหารอยู่อย่างนี้ ในไม่ช้าก็เผลอปล่อยมือและเท้าที่ใช้เกาะเชิงชายภูเขาจักรวาลนั้นเลยกันดำดิ่งนรกพลัดตกลงไปเบื้องล้าง โดยลักษณะการมีหัวปักดินลงมาและมีตีนชีฟ้า ลอยละลิ้วลงมาอย่างน่าหวาดเสียว
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#12
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 11:35 PM
โลกันต์นี่เฉพาะผู้มีมิจฉาทิฎฐิอย่างสุดกู่ไม่ใช่เหรอคะ
แต่บางคนที่มาว่า โจมตีวัด ก็เป็นพุทธ เชื่อบุญบาปนะคะ แต่แค้นและไม่ชอบวัดค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#13
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 11:40 PM
บางทีผมผิดช่วยแก้ไขเลยนะครับ เดี๋ยวบาปแบบไม่รู้ตัวเลย
#14
โพสต์เมื่อ 24 June 2006 - 08:11 AM
ทุคติก็เป็นที่ไป!
#15
โพสต์เมื่อ 24 June 2006 - 05:12 PM
ภพภูมิพิืเศษ
#16
โพสต์เมื่อ 24 June 2006 - 05:31 PM
เพราะจะทำให้ตัวเองและคนอื่นไม่ทำบุญไปด้วยครับพอด่าได้1องค์ก็จะด่าหมู่สงอีก
มันจะไปเหลือหรือครับ
ด่าพระสง----ต่อไปก็ด่าธรรมปฏบัติ---เท่ากับด่าพระธรรม
หลวงพ่อหลวงปูท่านเข้าชาน---ทับทวีบุญ---ใครด่าตอนนั้นก็บาปทับทวีอีก---โลกันตร์ครับ90เปร์เชนต์ยกเว้นใกล้ตายขอขมาพระรัตนตรัยทันถิงรอด
แต่หากด่าหรือนินทาเป็นอาชีพกก็ลำบากครับ
ทำสังฆทาน1ครั้ง---ได้ผลเต็มที่500ชาติ
ด่าพระสงฆ----100000ชาติเป็นผังหายนะเป็นอย่างต่ำ
บาปช่างเป็นอจินไตยนัก
ลูกขอเผ่นไปนิพพานก่อนเจ้าค่ะลูกกลัว
พร่งนี้ไปทำบุญกับหลวงปู่ดีวัดพระรูปจะเอาข้าวสารไปถวายครับ--โมทนานะครับ
#17
โพสต์เมื่อ 24 June 2006 - 07:22 PM
ไม่ค่ะ
โลกันต์นั้นสำหรับผู้ไม่มีสัมมาทิฎฐิเลยค่ะ
แต่พวกที่มาว่าเขาก้ยังมีความเชื่อของเขาค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#18
โพสต์เมื่อ 24 June 2006 - 10:54 PM
=> โรรุวมหานรก หมายถึง "มหานรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้" เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรกในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๔,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วันที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๕๗๖,ooo,ooo ปี (หรือหากนับแบบโบราณ จะนับได้ ๕๗ โกฏิ กับอีก ๖ ล้านปีมนุษย์) และหากนับระยะเวลาทั้งหมดในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๘๓๑,o๔o,ooo ล้านปีมนุษย์
โลกันต์นั้นสำหรับผู้ไม่มีสัมมาทิฎฐิเลยค่ะ
แต่พวกที่มาว่าเขาก้ยังมีความเชื่อของเขาค่ะ
ถูกต้องนะคร้าบ ต้องขอทบทวนความรู้เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องกันอีกสักครั้งครับ
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2310
หมายเหตุ: แต่ถ้าหากการด่าว่าปรามาสพระสงฆ์ผู้มีศีลาจารวัตรงดงามนั้น เป็นการกระทำที่ทำจนเป็นอาจิณกรรม (พหุลกรรม) แล้วล่ะก็ ไปอเวจีมหานรกแน่นอนครับ (ลองศึกษาเรื่องของนายโคฆาตที่กระทำอาจิณกรรมด้วยการฆ่าวัวมากว่า ๕๕ ปี แล้วไปบังเกิดในอเวจีมหานรกเมื่อละโลกไปแล้วประกอบก็ได้ครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#19
โพสต์เมื่อ 25 June 2006 - 10:27 AM
#20
โพสต์เมื่อ 25 June 2006 - 08:31 PM
จะประสบความฉิบหาย ๑๑ ประการ ต่อไปนี้
๑. ไม่บรรลุธรรมที่ตนยังไม่บรรลุ
๒. เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว
๓. สัทธรรมของพระภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว
๔. เป็นผู้หลงเข้าใจว่าได้บรรลุสัทธรรม
๕. เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์
๖. ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง
๗. บอกลาสิกขา คือสึกไปเป็นฆราวาส
๘. เป็นโรคอย่างหนัก
๙. ย่อมถึงความเป็นบ้า คือความฟุ้งซ่านแห่งจิต
๑๐. เป็นผู้หลงทำกาละ คือตายอย่างขาดสติ
๑๑. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
#21
โพสต์เมื่อ 26 June 2006 - 10:18 AM
#22
โพสต์เมื่อ 26 June 2006 - 12:01 PM
ความคิดของหนูนั้นเป็นความคิดที่ดี ที่ประเสริฐแล้ว ที่มีความตั้งใจปรารถนาที่จะช่วยเหลือท่าน แต่หนูต้องเข้าใจด้วยว่า มนุษย์ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมทั้งสิ้น การที่ท่านต้องได้รับผลของกรรมไม่สมแก่เหตุในชาติปัจจุบันก็จริง แต่สมแก่เหตุที่ท่านได้ประกอบไว้เมื่อในอดีตภพใดภพหนึ่ง ชาติใดชาติหนึ่ง ดูตัวอย่างของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิจ๊ะ ท่านบำเพ็ญบารมีมาอย่างอุกฤษฏ์มามากมายมหาศาล เป็นเอกบุรุษแห่งภพสามถึงเพียงนั้น ท่านยังต้องได้รับผลกรรมตอบสนองอย่างที่ไม่มีผู้ได้มาให้ความช่วยเหลือได้ เรื่องของกรรมนี่เป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆ จ่ะ ไม่มีใครมาไถ่ถอนในสิ่งที่เรากระทำ ไม่มีใครมาช่วยเหลือผ่อนผันให้เราได้ไปเสียทุกเรื่องหรอกจ่ะ เราเป็นผู้ลงมือกระทำ เงื่อนนี้เราเป็นผู้ผูกขึ้น เราต้องเป็นผู้แก้เงื่อนปลดปมนั้นด้วยตัวของเราเอง (อตฺหิ อตฺโน นาโถ "ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน")
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#23
โพสต์เมื่อ 26 June 2006 - 01:05 PM
#24
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 04:15 PM