สัตว์โลกที่สูญพันธุ์
#1
โพสต์เมื่อ 02 September 2008 - 02:40 PM
#2
โพสต์เมื่อ 02 September 2008 - 03:07 PM
ก็สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรมน่ะครับ เพราะแม้แต่มนุษย์เราสักวันก็ต้องสูญพันธุ์(จากกัปนี้) แล้วก็มาเกิดใหม่(ในกัปหน้า)
#3
โพสต์เมื่อ 02 September 2008 - 04:59 PM
#4
โพสต์เมื่อ 02 September 2008 - 08:06 PM
สวัสดีครับนักเรียนอนุบาลบุญโต๊โต
ไม่ใช่การหมดกรรมของสัตว์ครับ ด้วยความรู้เท่าหางอึ่งของผมแล้ว ผมว่าน่าจะเป็นการที่ไม่มีสัตว์ที่มีกรรมปรุงแต่งให้เกิดมามีรูปร่างอย่างนั้นถึงเวลามาเกิดอีกแล้วมากกว่าครับ เพราะสังขารเป็นการปรุงแต่งของกรรมครับ
หรือคุณเคยเข้าวัดว่าไงครับ (เบิ่งหูรอฟัง.....)
อนุโมทนาบุญครับ
#5
โพสต์เมื่อ 02 September 2008 - 09:35 PM
#6
โพสต์เมื่อ 02 September 2008 - 09:37 PM
แต่ก็อาจจะพันธุ์ใหม่ๆแปลกๆเกิดขึ้นเรื่อยๆ บางทีก็เกิดเองตามธรรมชาติ บางมนุษย์ก็ทำขึ้น เคยเห็นปลาไม่มีหางแปลกดี ทำได้ไง
#7
โพสต์เมื่อ 02 September 2008 - 10:32 PM
การจะได้มาเป็นสัตว์เดรัจฉานนี่ก็ต้องคัดด้วยนะไม่รู้ใครเป็นผู้จัดจำแนกเหมือนกัน ว่าตอนเป็นมนุษย์ทำกรรมชั่วใดไว้ อย่างเช่น มักเจ้าชู้ผิดลูกเมียคนอื่น ผิดศีลข้อกาเมฯ ก็มาเกิดเป็นวัวเป็นควายเพราะกรรมที่ไปสวมเขาให้คู่ชีวิตตัวเอง พอหมดวิบากกรรมจากวัว ควายก็ไปเกิดเป็น ลิง เป็นค่าง บ่าง ชะนี เพราะวิบากกรรมหลอกลวง โกหก สามีหรือภรรยาตัวเอง ปิดบังซ่อนเร้นอะไรประมาณนี้ แล้วก็สุดท้ายก็จะไปเกิดเป็นสุนัขจรจัด บ้าง แมวจรจัดบ้างวิบากกรรมเบาบางใกล้ไปเกิดเป็นมนุษย์ได้ก็จะไปเกิดเป็นสุนัข แมว ที่มีเจ้าของเลี้ยงดูจนตาย ถึงจะได้พ้นวิบากสัตว์เดรัจฉานมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็รับวิบากกรรมเจ้าชู้ต่อไปในชีวิตมนุษย์ ก็จะมีความทุกข์ในเรื่องความรักเคยไปเจ้าชู้เขาเอาไว้ในอดีตชาติ อย่างจระเข้ถ้าใครจำได้ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน หลวงพ่อท่านได้เมตตาแสดงธรรมให้ฟังเกี่ยวกับวิบากกรรมของสื่อที่บิดเบือนความจริง คือทำร้ายผู้อื่นด้วยเอาความเลวร้ายที่ไม่จริงไปใส่ให้กับผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะกับผู้มีคุณธรรมสูง หากินด้วยปลายปากกา และปากตัวเอง เมื่อมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็จะไปรับวิบากกรรมนี้ให้ไปเกิดเป็นชาละวัน ลัลลา หากินด้วยปากซึ่งมีฟันอันแหลมคมนั่นเอง ก็รอรับผลกรรมกันไปยามที่วิบากมันตามมาทัน แต่เราไม่มีความจำเป็นในการนั่งรอวิบากกรรมใดๆ ทั้งสิ้นเพราะหลวงพ่อสอนเทคนิคให้รู้ทันและหลบมันได้ ถึงแม้วิบากมันตามมาทันจริงแบบว่าเรารับศึกหลายด้านมาก กรรมชั่วที่เคยทำสั่งสมมาในอดีตเยอะไปหมดเราเผลอแวบเดียว มันก็มาเสียบเสียแล้ว เฮ้อ เซซซ็ง อย่าเผลอเชียว นี่ก็พยายามทำตามเทคนิคของหลวงพ่อท่านอยู่คงต้องใช้ความพยายามอย่างแรงกล้าทีเดียว แม้มืดตื้อ มืดมิดก็มีสิทธิ์หลับสบายได้
ยกตัวอย่างมาซะยืดยาว เอาเป็นว่าสัตว์ที่มีเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่เนี่ยมันก็คงมีเชื้อของวิบากกรรมที่กระทำทุศีลเหมือน ๆ กันดึงกันให้มาเกิดร่วมเผ่าพันธุ์เดียวกัน เหมือนกับ มนุษย์ที่มีโรคที่เป็นกรรมพันธุ์ เรียกว่ามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ หรือบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ที่เห็นกันมันก็ยังสืบสายพันธุ์แห่งวิบากกรรมกันอยู่ ส่วนสัตว์ที่มนุษย์ระบุว่าสูญพันธุ์ไปแล้วก็ลักษณะเดียวกันแต่ตรงกันข้าม พอดีมนุษย์เราอายุขัยน้อยเลยไม่มีเวลาอยู่รอดูสัตว์ประเภทสูญพันธุ์มัน Back to Return นั่นเอง
#8
โพสต์เมื่อ 02 September 2008 - 10:34 PM
อาจยังมีอยู่มากมายในจักรวาลอื่นๆ และเท่าที่ฟังจากพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อทัตตะฯ เรื่องกำเนิดโลกและมวลมนุษย์
ชาติ ทำให้ผมเข้าใจว่า สัตว์ทุกชนิดไม่เคยสูญพันธุ์ เพียงหายไปจากโลกในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น และจะกลับมาสู่ดลกใน
เวลาที่เหมาะสมและอาจเปลี่ยนวิธีเกิดไปตามสภาวะของโลกในเวลานั้นๆ เช่น สักวันหนึ่งมนุษย์อาจออกลูกเป็นไข่ก็ได้
#9
โพสต์เมื่อ 03 September 2008 - 09:33 AM
#10
โพสต์เมื่อ 03 September 2008 - 11:05 AM
#11
โพสต์เมื่อ 03 September 2008 - 01:23 PM
#12
โพสต์เมื่อ 03 September 2008 - 03:14 PM
ผมยังอยู่อนุบาล แต่คำถามนี้ระดับปริญญาตรีเลยง่ะ โดนคุณบุญโตเด็ดแทนเลย เอิ้กๆ ^ ^"
ถ้าให้ผมตอบอ่ะนะครับคุณบุญโต ผมจะตอบว่า กรรมยังไม่หมด แต่เพราะไม่มีต้นแบบ(พ่อพันธุ์แม่พันธุ์)เหลือแล้วน่ะครับ สาเหตุที่ผมคิดว่ากรรมยังไม่หมด เพราะลองสังเกตุดูให้ดี แม้สัตว์บางชนิดจะสูญพันธุ์ไปแต่ก็มีสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงเกิดขึ้นมาแทนจริงไหมครับ ขอเอาจักรวาลวิทยามาเปรียบเทียบ เวลาเกิดไฟล้างโลกนรกจะย้ายจักรวาลไปจักรวาลที่พึ่งเย็นตัวลงถูกไหมครับ ผมคิดว่าการสูญพันธุ์ของสัตว์ก็มีหลักการคล้ายๆกัน คือสัตว์ชนิดนี้สูญพันธ์หมดต้นแบบที่จะให้มาเกิด ก็ย้ายไปเกิดในสายพันธุ์อื่นที่มีลักษณะคล้ายๆกัน หากไม่มีลักษณะที่คล้ายต้นแบบ กรรมก็จะบันดาลให้มีคนจับเอาไปผสมจนเป็นสายพันธ์ใหม่ออกมา เช่น ปลาทอง ปลาหัววุ้นหรือหัวสิงห์ และอื่นๆอีกมากมายที่เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ หรือหากไม่มีตรงตามกรรมที่ต้องมาชดใช้ กรรมก็จะทำให้เกิดผิดรูปผิดร่างจากพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไป
อย่าลืมนะครับ กรรมนั้นเปรียบได้เหมือนเฉดสี ซึ่งเกิดจากแม่สี3สีคือ โลภ โกรธ หลง มาผสมปนเปกันได้เป็นล้านเฉดสี ซึ่งสีที่ใกล้เคียงกันที่สุดเรายังดูแทบไปออกว่าแตกต่างกันเพราะโทนสีใกล้เคียงกันมาก จนอาจต้องตีให้เป็นสีเดียวกัน ซึ่งหากเราจะเอามาใช้แทนกันก็ยังได้
หรืออาจจะคิดอย่างนี้ก็ได้ครับจะได้ง่ายต่อการเข้าใจ มีกรรมโลภโกรธหลง สัตว์ตัวไหนที่มีกรรมโลภโกรธหลง กรรมก็ส่งให้ไปเกิดที่สัตว์นั้น อ่ะ สัตว์นั้นสูญพันธุ์ไป หากไม่มีสัตว์ที่ใกล้เคียงกัน อ่ะ งั้นให้ไปเกิดเป็นสัตว์ที่มีโลภ โกรธ ก่อน ส่วนกรรมหลงก็รอส่งผล ตามที่ผมคิดน่าจะเป็นทำนองลักษณะนี้น่ะครับ - -"
ยกตัวอย่าง กรรมของคนเป็นโรคเอดส์ โทนสีอาจใกล้เคียงกับกรรมของคนทั่วไป จึงทำให้เราดูไม่ออกว่าใครเป็นเอดส์หรือไม่เป็นเอดส์คุณบุญโตว่าจริงไหมครับ กรรมที่ทำให้เกิดเป็นกวางตัวเมียกับกรรมที่ทำให้เกิดเป็นสมันอาจมีโทนสีที่ใกล้เคียงกันจึงทำให้มีลักษณะที่คล้ายๆกัน
และคุณบุญโตอย่าลืมว่ายังมีกรรมที่กำลังส่งผล และกรรมที่รอส่งผลอยู่อีกนะครับ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าจจะอธิบายยังไง ซึ่งหากจะให้ผมอธิบายตามที่ปัญญาอันน้อยนิดของผมวิเคราะห์ได้ คงต้องนั่งพิมพ์เป็นวัน แต่หวังว่าคุณบุญโตคงไม่เอาไปคิดเป็นจริงเป็นจังนะครับ อย่าลืมว่าผมเป็นแค่เด็กอนุบาลอยู่นะครับ ^ ^
ตัดบทซะเนียนเลยเรา เหอๆๆ ^ ^"
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#13
โพสต์เมื่อ 03 September 2008 - 05:23 PM
อย่างเช่น มนุษย์สมัยนี้มีหน้าตาแบบนี้ มีขนาดตัวเท่านี้ มีการเกิดแบบนี้ ก็คงยากที่จะมีมนุษย์ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ปัจจุบันมาก ๆ เกิดขึ้นมาได้ ที่เกิดมาประหลาดมากเกินไปก็มักจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ และแม้ว่าจะมีผู้มีบุญมากแค่ไหนมาเกิด ก็ไม่น่าจะแตกต่างจากมนุษย์ในยุคนั้นมากนัก เช่น ขนาดร่างกาย อายุขัย ย่อมเป็นไปตามเกณฑ์ของมนุษย์ในแต่ละยุค ส่วนสัตว์ที่มีจำนวนน้อยอยู่แล้วก็ย่อมมีความเป็นไปได้ว่าจะสูญพันธุ์ได้ง่าย ขึ้นอยู่กับลักษณะการดำรงชีพและสิ่งแวดล้อมด้วยครับ
หากเรามองดูพฤติกรรมของคนในโลก เราจะพบว่า โดยมากมักจะประพฤติตัวคล้าย ๆ กัน คนเจ้าชู้ คนสำส่อน คนขี้ขโมย อะไรทำนองนี้หาได้ง่ายและคล้าย ๆ กัน ที่ประพฤติแตกต่างไปบ้างมักมีน้อย ดังนั้น เป็นไปได้ว่าสัตว์บางชนิดก็มีจำนวนมาก บางชนิดก็มีจำนวนน้อย บ้างก็เกิดพันธู์ใหม่ บ้างก็สูญพันธุ์ เป็นอยู่เช่นนี้ตราบที่สัตว์โลกยังไม่พ้นไปจากกฏแห่งกรรม
แต่ไม่ว่าสัตว์จะสูญพันธุ์หรือไม่สูญพันธุ์ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับว่าสัตว์เหล่านั้นก็คืออดีตมนุษย์ทั้งนั้น การที่เขาพลัดไปเป็นสัตว์ก็ไม่ใช่เรื่องดี แม้สูญพันธุ์แต่ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ต่อไปและมีโอกาสไปเป็นยิ่งกว่าสัตว์ก็เป็นได้
ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ ไม่มีใครไปเกิดเป็นสัตว์ได้เลยยิ่งดี ที่เราเห็นว่าสัตว์ตัวโน้นน่ารัก สัตว์ตัวนี้สวยงาม สัตว์ตัวนี้หายาก ล้วนแต่เป็นความเคยชินที่เราอาศัยอยู่กับกามตัณหามานานนั่นเอง ผู้รู้ท่านเห็นแจ้งมาแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สาระไม่ใช่แก่นสาร หมั่นตามหาสิ่งที่หายากยิ่งกว่าสัตว์สูญพันธุ์ในตัวเราให้พบ แล้วเราจะได้มาช่วยกันทำให้กิเลสสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง