นักเรียนที่...ถูกเฆี่ยน !!!
เป็นประจำ
ครูสมชายตั้งกติกาว่า ถ้าใคร
มาสายจะถูกครูเฆี่ยน
ปรากฏว่า สมเพียรมาสายทุกวัน แม้จะถูกครูเฆี่ยนทุกวัน ๆ ละ
สามที แต่สมเพียรก็ยังมาสาย
ไม่หยุด ราวกับไม่รู้จักเข็ดหลาบ เขาทนถูกครูตีทุกวันจนเรียนจบ
๓๐ ปีต่อมา โรงเรียนต้องการ
ทำป้ายโรงเรียนใหม่ให้สมศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการจึงขอให้ครูสมชาย
โทรไปหาลูกศิษย์คนนี้ ซึ่งตอนนั้นเป็นตำรวจคุ้มครองเหมืองหินอ่อน
ครูสมชายรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เพราะมั่นใจว่าลูกศิษย์คนนี้ไม่มี
วันลืมรอยไม้เรียวของครู
แต่เมื่อออกปากขอความช่วยเหลือ เขากลับตอบทันทีว่า
“ได้เลยครับ ไม่มีอะไรขัดข้อง”
ครูสมชายถึงกับอึ้งไปเลย
จากนั้นก็บอกความในใจว่า
“ครูขอโทษนะที่สมัยเรียน
ครูตีเธอทุกวันเลย”
แต่เขาไม่โกรธครูเลย
แล้วเขาก็เล่าความจริงให้ฟังว่า
ตอนนั้นเขาเป็นเด็กวัด
ต้องตามหลวงพ่อไปบิณฑบาต หลวงพ่อท่านชรามากจึงเดินช้า
กว่าเขาจะกลับถึงวัดและได้กินข้าวก้นบาตรก็ได้เวลาเรียนแล้ว แต่เขายังต้องเก็บข้าวไว้กิน
ตอนเย็น ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรจะกิน เลยต้องมาสายทุกวัน
ครูสมชายเพิ่งถึงบางอ้อ ตอนนั้นเอง แล้วเขาก็พูดต่อว่า
“ครูครับ ไม่ต้องเสียใจ
ถ้าครูไม่เฆี่ยนผม
ป่านนี้ผมเป็นโจรไปแล้ว
ไม่ได้ใส่เครื่องแบบตำรวจ
อย่างนี้”
เวลาผ่านไปนานถึง ๓๐ ปี
ครูสมชายถึงเพิ่งรู้ว่าลูกศิษย์
คนนี้ไม่ได้เกกมะเหรกเกเร
หากเพียงแต่ครูถามเขาสักคำ
ว่าทำไมเขามาสายเป็นประจำ
ก็คงจะไม่ลงโทษเขามากมายขนาดนั้น
ทางด้านสมเพียร แม้ชีวิตจะดูเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ลำบากยากแค้นแล้วยังไม่วาย
ถูกครูเฆี่ยนทุกวันราวกับเป็น
เด็กเหลือขอ แต่เขาก็ไม่ได้ก่นด่าชะตากรรม แต่ยังขอบคุณครู
ที่ตีเขาจนได้ดี
น่าเสียดายที่คนที่เห็นความดี
ของเขานั้นมิใช่ผู้บังคับบัญชา
ชั้นสูง มิเช่นนั้นเขาคงมีชีวิต
ที่สุขสงบในบั้นปลาย
สมเพียร แซ่เจ่ง คนนี้
ต่อมาเปลี่ยนนามสกุลเป็น
สมเพียร เอกสมญา คนเดียว
กับ “จ่าเพียร” ของชาวบ้าน
ที่บันนังสตา ซึ่งได้รับเลื่อนยศจาก พ.ต.อ. เป็น พล.ต.อ.
หลังจากที่ชีวิตเขาหาไม่แล้ว