เลิกกับแฟน น้ำตาตกอะ
#1
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 07:01 PM
ผมกับแฟนทะเลาะกันเพราะผมมีความหึงหวงเขา และทะเลาะกันไปเลยหลุดคำหยาบไปว่าแฟนหลายคำ สุดท้ายก็ต้องจบแบบไม่สวยครับ
ถ้าผมไม่ใช้อารมณ์นำ ไม่โกรธเคือง หึงหวงน้อยลง ไม่กล่าวคำไม่สุภาพ อย่างน้อยวันนี้ผมก็ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ ทะเลาะกันแค่ใหนแต่ไม่เคย จะมองหน้ากันไม่ติดแบบนี้เลย ใจไม่เคยว้าเหว่ สิ้นหวังเหมือนครั้งนี้ แต่ก่อนทะเลาะกันผมก็ง้อเขาได้ แต่ครั้งนี้ไม่มีอีกแล้ว เพราะเขาบอกว่ามีดาราคนหนึ่งมาชอบ แล้วตกลงกันดูใจกันไปแล้ว ดาราคนนี้บินไปหาตลอด
เป็นผมนะสินะ ที่ต้องอยู่คนเดียว อยู่โดดเดี่ยว เค้าไม่รักเราแล้ว ไม่มีเค้าแล้วมันเจ็บปวดไปทั่วร่างจิง เจ็บอยู่ตลอดอย่างนี้ อะไรใดๆไม่อยากทำเลย ไม่มีกำลังใจแล้วทุกอย่าง ฟังพระเทศน์ตามวิทยุได้สักพัก จิตใจก็ยังไม่น้อมธรรม เลย มันหดหู่ อยากร้องไห้ สลับอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา
#2
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 08:17 PM
..มารเนี่ยร้ายจริงๆ จากผู้ชายด้วยกัน ก็เอาวิบากมาทำให้เป็นหญิง แท้จริงก็ยังเป็นชายนี่แหละ ไม่พ้นชายรักชาย ร่างกายหนุ่มสาวก็ทำให้เกิดอารมณ์อยากครองเรือน อยากคบหา แต่พอสิ้นอายุก็เหี่ยว ย่น ไปตามกาล
...เนื้อหนังที่ดูผ่อง ขาว นวล ก็เป็นที่ไหลออก ไหลเข้าของของเสีย เหงื่อ เลือด ขี้ไคล ของเหม็นของเน่าทั้งนั้น ข้างในมีแต่เส้นเลือด เส้นเอ็น น้ำเหลือง น้ำหนอง ทั้งคาวและมีกลิ่นเหม็น แต่ก็ถูกเก็บไว้ใต้ผิวหนังขาวๆ นวลๆ ใสๆ ผ่องๆ ทำให้มองไม่เห็นความจริง
...อารมณ์รัก เมื่อเข้ามา ความรักไม่ได้ทำให้เพียงเป็นคนตาบอด ^ _^ แต่ยังทำให้หูหนวกด้วย คือมองไม่ออก แล้ว ยังไม่ฟังคนอื่นเตือนอีกตะหาก หุหุ ร้ายนะ มารเนี่ย ร้ายสุดๆ เข้าถึงอารมณ์ส่วนลึกเลยแหละ วูบเดียวก็ทำให้เราหลง เนื้อตัวสั่น เคลิบเคลิ้มไปกับความรัก ความเสน่ห์หา ...
....พอผิดหวังทีนี่ล่ะ เจ็บสุดๆ แต่...คนเริ่มก็ไม่พ้นเจ้าตัวนั่นแหละ ที่เริ่ม รัก เจ็บ วนไปเวียนมาไม่จบไม่สิ้น แต่บางทีก็ เริ่ม รัก สมหวัง สุข แต่ไม่นานก็ต้องจากกันอีก ไม่ว่าจากเป็น หรือจากตาย สุดท้ายก็ไม่พ้น เจ็บ.... จะรักยังไงก็ต้องเจ็บ และจบ นี่แหละหมุษย์หนอ ยังไม่สิ้นกิเลศ ยังไม่สิ้นวิบากกรรม
...จะรักใครก็ให้ดูก่อนว่า รักตรงไหน? ถ้าเขาไม่มีเส้นผม ไม่มีคิ้ว ไม่อาบน้ำ ไม่แปรงฟัน และขับถ่ายทั้งของแข็ง และของเหลว จะยังรักอยู่ไหม? ถ้าเขาบังเอิญประสบอุบัติเหตุ แขนขาด ขาด้วน ตาบอด พิการ หรือนอนนั่งขับถ่ายของเสียโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว...คุณจะยังรักและรับผิดชอบดูแลความรักนั้นอยู่ไหม? ถ้าจะมองหมุษย์ก็ต้องมองให้ละเอียดผ่านสิ่งที่ดูงดงามนั้นไปอีกให้ได้ สตรีก็มองชาย แต่ตัวคุณเคยเป็นชายมาก่อน ผู้ชายรักชาย.... ผู้ชายก็มองสตรี ซึ่งก็อดีตผู้ชายที่มีวิบากกรรมกาเมฯ ถ้าชอบก็แปลว่า ชาย รัก ชาย อีกนั่นแหละ
#3
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 08:29 PM
#4
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 08:31 PM
เอาใจช่วยน่ะ ขอให้มีกำลังใจ พอเวลาผ่านเลยไปแล้วมองย้อนกลับมาคุณจะพบมันไม่มีอะไรเลยจริงๆ
#5
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 08:32 PM
มีพบ มีจาก มีพราก มีเจอ มีสมหวัง ผิดหวัง สุขใจ ทุกข์ใจ
ลองใช้เวลาในแต่ละวัน ที่คิดถึงเธอ แล้วใจเศร้าหมอง
มาให้ตัวเอง ทำความดีกับมารดา บิดา และอีกหลายคนที่ยังรัก ห่วงใยคุณอยู่
และศึกษาธรรมะสิครับ
โลกทัศน์ คุณจะเปลี่ยนไป ในทางที่ดีขึ้นครับ
สาระธรรม เหตุแห่งความรัก
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=13224
หรือถ้าสนใจ แนวทางให้หายเศร้า
แนะนำกระทู้เก่า รวมเรื่องอกหักบนเว็บบอร์ด DMC รวบรวมโดย คุณ ณ 072
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=18089
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=22420
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=17046
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=7434
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=22215
http://www.dmc.tv/fo...amp;mode=linear
http://www.dmc.tv/pa...07-02-13-3.html
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=13224
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5435
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=21618
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=17628
case
http://www.dmc.tv/pr...2551-01-28.html
+ เพื่อนผมอกหัก ทำยังไงดีครับ เขาเศร้ามาก
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=22430
ขอให้เจ้าของกระทู้ หายโศกเศร้า เข้าทางธรรมะ ไว ๆ นะครับ
หาก รักตัวเอง
อย่าลืม
บวชพระให้ได้อย่างน้อย ๑ พรรษา สักครั้งในชีวิตลูกผู้ชาย ด้วยนะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 08:49 PM
เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ไม่นานหรอก
เวลาจะช่วยให้ดีขึ้น
เจ็บเดี๋ยวก็หายเอง
ดีใจด้วยนะที่จะได้เจอคนใหม่
พอเจอคนใหม่เดี๋ยวก็ลืมคนเก่าเองแหละ
แล้วเจอคนใหม่แรกรักก็ดีนะมันเพลิดเพลินไปกับความรัก
แต่พอไม่นานก็ทุกข์อีกเพราะหึง หวง ห่วง เพราะการพลัดพราก
ก็ต้องไปมีคนใหม่อีก..........มันก็วนอยู่แบบนี้แหละ
#7
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 09:30 PM
---
#8
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 10:13 PM
อันเหวลึก อย่านึกว่าเหวตื้น ปากเหวลื่น อย่าคนองไปลองผลัก
ตกเหวหิน ปีนป่ายนั้นง่ายนัก ตกเหวรักเสือกสน ไปจนตาย
................................................
กุญแจแก้ปัญหา คือเวลา
อย่าประมาทในวัย วันเวลา จงใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา อดีตก็ผ่านไปแล้ว อณาคตก็ยังมาไม่ถึง
แต่ปัจจุบันอยู่ในมือเรา วันนี้ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะขอบคุณกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะบ่วงคล้อง
พันธนาการหนึ่งหลุดไปแล้วเหลือแต่ความเป็นอิสระในตัวเองที่จะทำอะไรเล่าที่ดีที่สุด เดินให้ถูกทิศ
ทางแล้ววันหนึ่งเมื่อคุณมองย้อนมายังอดีตคือวันนี้ คุณอาจจะขำ ตลก ไม่มีสาระ ตกอยู่ในมือมาร
นั่นเอง ที่นี่คุณมีกัลยาณมิตรที่แคร์กันและกัน ทำให้เกิดความคิดเห็นที่ถูกต้องเป็นสัมมาทิฎฐิเป็น
ฝ่ายพระ ธรรมขาวนำไปสู่สุข สงบ ร่มเย็น ไม่ เร่าร้อนด้วยกิเลสสส ตัณหา................
ขอแนะนำเชิญชวนไปบวชสัมผัสชีวิตสมณะดูสักหนึ่งพรรษาค่ะ
และเวลานี้อยากให้อ่านและศึกษาหนังสือ สองเล่มอ่านง่าย ๆ สบายๆ แต่ความหมายลึกซึ้งนักโดยตะวันธรรม
หรือหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ ของลูก ๆ นรอ.รร.อนุบาลฝันในฝันวิทยาค่ะ
1. lovely love...all you need to know to make your love happy..ความรักที่น่ารัก
2.AT LAST YOU WIN....ในที่สุดคุณก็ชนะ
#9
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 11:55 PM
อย่าเอาใจไปผูก ไปยึดกับไตรลักษณ์สิครับ
ความรักก็เป็นไตรลักษณ์ (ส่วนรักที่หมายถึง "เมตตา" อันนั้นดี)
ความรักที่ไม่ใช่เมตตา คือความรักปราถนาในทางกาม อยากมีอยากได้ อยากครอบครอง เห็นแก่ตัว ใครอย่ามาแย่ง เป็นของเรา ของเรา เท่านั้น หากรักแบบนี้เปลี่ยนไป จากรักนอกจากจะกลายเป็นทุกข์ อาจจะกลายเป็นแค้นได้ทันที
คนที่เรารัก ก็เป็นไตรลักษณ์ ตัวเราเอง ก็เป็นไตรลักษณ์
สิ่งที่เป็นไตรลักษณ์ คือมีสามัญญลักษณะ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
หากคุณเอา ใจ ไปผูกไว้กับ ไตรลักษณ์ เอา ใจ ไปผูกอยู่กับอารมณ์ รัก ดลภ โกรธ หลง คาดหวัง
คุณมีสิทธิ์เป็นทุกข์ได้ทุกเมื่อ
เมื่อคุณก็รู้แล้ว ต่อไปจงอย่าเอาใจไปผูกกับไตรลักษณ์ เข้าใจว่าคุณยังเป็นปุถุชน ก็ขอให้คุณ เผื่อใจไว้ อย่าคาดหวังกับอะไรๆในไตรลักษณ์นี้เลย แล้วจะทุกข์น้อย จนถึงไม่ทุกข์
ฟังคำประโยคนี้นะครับ
"กูว่าแล้วโลกนี้มีสามอย่าง เขาไม่รัก ก็เกลียด หรือเฉยๆ"
เมื่อคุณเผลอยึดไตรลักษณ์ไปแล้ว คุณทุกข์ไปแล้ว นั่นคือคุณกำลังเป็นทาสของอารม์ รัก โลภ โกรธ หลง
ปล่อยให้ เวทนา และอกุศลธรรมครอบงำ
คุณต้องเห็นมันด้วยปัญญา แล้วปลงปล่อยวางมันเสีย
เมื่อเข้าใจดังนี้ นั่นคือคุณเห็นด้วยปัญญา จากการรู้คิดดังที่ผมกำลังกล่าวมา
เมื่อเห็นด้วยปัญญารู้คิดแล้ว จงทำจิตให้สงัดจากนิวรณ์ ข้อ กามฉันทะ ดีใจ เสียใจ
โดยการนึกถึงดวงสว่าง ณ 072 แล้วหยุด การหยุดคือการปล่อยวาง ตรงกลางๆของกลาง
เมื่อใจเข้าที่ ถูกศูนย์ถูกส่วน คุณจะสงบ มีสติ แลเห็นดวงปฐมมรรค แล้วประคองอารม์นั้นไว้ อย่าให้นิวรณ์มาทำร้ายคุณอีก คุณจะไม่เป็นทาสของอารมณ์อีกต่อไป ตามกำลังแห่งการปฏิบัติธรรม
ธรรมะอยู่ในทุกสรรพสิ่ง สรรพสิ่งคือธรรมะ จงเรียนรู้กับมัน ให้เห็นตามความเป็นจริงเถิด แล้วจงอยู่กับมัน โดยที่เราไม่เป็นทาสมัน
ประสบการณ์ครั้งนี้ เป็นโอกาศดีทีทำให้คุณได้เรียนรู้ชีวิต จิตใจ อารมณ์ พิจารณาธรรมะ อินทรีย์ของคุณจะแก่กล้าจนเป็นพละ ต่อไปคุณจะแกร่งขึ้น รู้เท่าทัน และเห็นสรรพสิ่งด้วยปัญญาจากการปฏิบัติธรรม
คุณจะมีจิตใจที่สูงส่งยิ่งขึ้น แล้วพัฒนา กาย วาจา ใจ ตนเอง ไปสู่ความเป็นอริยะ
ความรักแบบกามราคะ ก็มีส่วนดีบ้างนะครับ เป็นการให้เราได้เรียนรู้อารมณ์ตรงนั้น และก็มีส่วนในการสร้างสรรสิ่งดีๆ เพราะในสังสารวัฎฎ์อันยาวนาน เราคนมีกิเลสอย่างปุถุชน ไม่สามารถเลี่ยงได้หมด แต่เราสามารถนำกามราคะ มาเป็นประโยชน์แก่การบำเพ็ญบารมี เช่น การสร้างครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกาย สร้างสรรญาติพี่น้อง ตละกูล ที่เกื้อกูลแก่การสร้างบารมีไปทุกภพ ทุกชาติ ตราบเข้าถึงที่สุดแห่งธรรม
สาธุครับ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#10
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 12:25 AM
หากคุณไม่นำอารมณ์นำหน้า เรื่องอาจจะไม่เลวร้ายแบบนี้ก็ได้
จงเรียนรู้ไว้ครับ ว่าอย่าเป็นทาสของอารมณ์มากไป จงมีสติ ควบคุมมันเสมอ แล้วทำให้อารมณ์ไม่ดีหายไปด้วยการหยุด ณ 072
...................
ถึงคุณไม่เอาอารมณ์นำหน้า แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเขาจะรักคุณตลอดไป เขาจะไม่ทิ้งคุณไปคบหาดาราคนนั้น หรือผู้ชายคนอื่นๆอีก
อย่าลืมว่า ไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน นะครับ คุณมีสิทธิ์ที่จะทุกข์ได้ทุกเมื่ออยู่ดี รู้จักเผื่อใจไว้บ้าง
ถึงแม้จะรักกันจนสมหวังไปตลอดชีวิต สุดท้ายก็ต้องพรากจากกันด้วยความตายเป็นธรรมดา
...................
อย่างไรเสีย แม้เป็นความรักแบบกามราคะ ก็ยังมีส่วนดีบ้างตามที่กล่าวไว้โพสต์ก่อน ขอให้คุณเรียนรู้สรรพสิ่งไปนะครับ ดีแล้ว และพยายามไม่เป็นทาสของมัน อยู่กับมันด้วยความเข้าใจ
ไตรลักษณ์ ต้องไม่คาดหวังมาก ไม่ยึดมาก ก็จะไม่ทุกข์มากครับ หรืออาจจะไม่ทุกข์เลยถ้าเข้าใจมัน หรือ ไม่ยึดมัน ไม่คาดหวังมัน
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#11 *innerspot*
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 01:26 AM
#12
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 02:41 AM
ยังกะกระทู้เรียกแขกเลย ว่าแต่เนื้อเรื่องมันเปล่งๆ นะครับ :-)
แต่เอาเถอะ สรุปว่าอกหักก็แล้วกัน ดูเจ็บดีนะ แต่สำหรับผู้ชายไม่มีคำปลอบหรือคำสอนครับ เพราะอย่างเรามันก็เอาตัวรอดได้ในทุกสถานะการอยู่แล้ว ใช่ไหมไอ้น้องรัก! มีใหม่เื่มื่อไหรมาเล่่าให้้ฟังบ้างนะ แต่จะบอกว่าสุดท้ายมันก็มีแต่ช้ำมากกันช้ำน้อยนั่นหละ มาบวชสร้างบารมีกับหมู่คณะดีกว่า สนุกสนานบุญบันเทิงกว่าเยอะ
#13
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 09:31 AM
ไม่ว่าใคร...ถ้าเลือกทางผิดก็คงไม่มีทางไปถึงที่หมายตามที่ต้องการได้หรอก!.
"อาวุธสงครามเป็นสิ่งที่สร้างการสู้รบกันแน่หรือหรือเป็นเพราะว่าจิตใจคนกันแน่"
"ทั้งที่เรียกร้องหาสันติภาพแต่มือกลับถือปืนเอาไว้นั่นอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกก้ได้"
"ผู้ปฏิเสธการสังหารผู้คนแม้จะตายอย่างทรมานก็สามารถข่มตาหลับลงได้
ในทางกลับกันผู้ที่สังหารผู้คนมากมายแม้จะตายอย่างสงบก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้..."
#14
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 01:47 PM
#15
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 02:13 PM
#16
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 03:03 PM
....ยังวัยรุ่นอยู่....จะวิตกไปใย...บวชอย่างเดียว...ไม่ต้องเลี่ยวไปไหน...
....เอาบุญหลายๆ..ฟ้าครอบก่อนสำคัญที่สุด...อย่างอื่นนั้นน่ะ...มันของแถมนะ...อย่าไปสนใจมันเลย...
....ถ้าได้บุญหลายๆๆๆๆ...ฟ้าครอบ...แล้ว...(กันเหนี่ยวไว้ก่อนตาย)
....บุญบารมีจะทำให้เป็นผู้ที่สมปราถนาทุกๆอย่าง...ตลอดไป....ไม่ต้องอกหักอีกแล้ว
....มีบุญมากๆๆ...
....ค่อยกลับไปหาจีบใหม่ก็ได้....สวยกว่าคนเก่าอีก...คนเก่านี้ยกให้ดาราไปเถอะ....อนาคตยังอีกยาวไกล
....คิดเสียว่าบุญเรายังน้อยอยู่..(ปลอบใจตัวเองไปก่อน)....(ดาราไม่รักใครนานหรอกจ๊ะ...เดียวก็เบื่อ)
...เรามักเข้าใจผิดว่ารักแรกมีคุณค่า...แต่ผิดหวังมากๆ..หลายครั้ง...จะทำให้เห็นคุณค่าของความรักจริง.ๆๆ..
รักต่อๆ ไป...จะเป็นรักที่แท้จริงครับ...
#17
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 03:22 PM
......ผิดหวังน้อยแสดงว่า.......รักตัวเองน้อยไม่ยึดติด....(ไม่สมปราถนา...ก็ไม่เสียใจมาก..ครับ)
....จริงๆ แล้วเรากำลังรักตัวเองมากไปหรือเปล่า....ครับ...
....เอาตนเองเป็นจุดศูนย์กลาง....ปราถนาจะได้สิ่งต่างๆ...ที่คิดว่าเป็นสิ่งดีๆๆสำหรับตนเอง
....(สิ่งที่คิดว่าดีจริงๆ...นั้นดีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้)
....ถ้ารักตัวเองมากจริงๆๆๆ....ต้องบวชอย่างเดียว..ครับ...
#18
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 08:27 PM
#19 *sky noi*
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 08:56 PM
ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ จะดีใจเสียใจไปทำไม
สิ่งทั้งหลายก็คล้ายความฝัน ตื่นขึ้นมาก็พลันหายไป
ดั่งของที่ขอยืมมา ในไม่ช้าต้องคืนเขาไป
ชีวิตที่ผ่านมา เหมือนภาพลวงตา กลางทะเลทราย
สักวันต้องไปสู่จุดสลาย ทำไมจะต้องไปผูกพัน
ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากคลายความผูกพัน คลายความผูกพัน
ปล่อยวางได้ ใจก็จะสบาย สบายอย่างที่ไม่เคยเป็น
ไม่ช้าใจจะใสบริสุทธิ์ หยุดนิ่งอยู่กลางกาย
จะเข้าถึงความสุขที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีประมาณ
ชีวิตจะเบิกบาน ด้วยตัวของเราเอง
"ชีวิตจะเบิกบานด้วยตัวของเราเอง"
เพลง ชีวิตก็เป็นอย่างนี้
ศิลปิน เจิน เจิน
#20
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 09:13 PM
ขอส่วนตัวนิดนะครับ ขอมอบเพลงนี้ให้น้องคนนึงที่ผมรู้จักด้วยนะครับ "อยู่ในบุญนะครับ"
#21
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 10:09 PM
1. เลิกฟังเพลงรัก ในรถให้เอา CD หลวงพ่อใส่ไปให้หมด
2. เลิกดูละครรักๆใคร่ๆ ดูแต่ DMC (คำสอนของท่านจะช่วยปรับปรุงแนวคิด การดำเนินชีวิตให้มุ่งหน้าสร้างบารมี แล้วเราจะไม่เป็นทาสกิเลส)
3. นั่งสมาธิจริงจังขึ้น เช่นไปนั่งสมาธิที่ห้องปัญญา วิหารหลวงปู่ ไปวัดทุกอาทิตย์
4. นั่งสมาธิทุกวันก่อนนอน และตื่นนอน
5. ไปนั่งสมาธิ 7 วันที่ไหนก็ได้ของวัด
6. เมื่อเข้าถึงความสุขของสมาธิ จะทำให้ลืมความทุกข์ มีแต่ความสุขในใจเท่านั้น มีความสุขจริงๆ จริงแสนจริง
" แล้วเราจะตกหลุมรักตัวเอง เป็นหลุมรักภายใน เป็นหลุมรักใสๆ ไม่ตกหลุมรักใคร มีแต่ความรักใสๆให้ทุกคน "
** เป็นกำลังใจให้นะคร้า **
#22
โพสต์เมื่อ 05 May 2010 - 07:05 AM
แต่ถ้าให้ทันสมัย บวชโครงการเข้าพรรษานี้ดีใหมครับ
ถือโอกาสชวนออนไลน์เสียเลยครับ สาธุ
#23
โพสต์เมื่อ 05 May 2010 - 08:34 PM
ว่ารักร้อน ดังไฟ ใครวาดหวัง
หากรักร้อย ก็ช้ำร้อย ให้ระวัง
อย่าจริงจัง สิ่งทั้งหลาย ไม่แน่นอน
ดอกรักแย้ม ยิ้มหยัน เมื่อวันวาน
เป็นตำนาน เป็นบทเรียน เป็นบทสอน
รักเกินร้อย ช้ำเกินร้อย อย่างแน่นอน
ดับรักร้อน เรียนรัก ด้วยปัญญา
ถ้าพอมีเวลาอ่าน ก็ขอฝากบทความที่พี่บ่าวเขียนไว้จากประสบการณ์จริงของชีวิตจ้า อิ อิ
http://www.banyaiboo...bao/130-b520501
#24
โพสต์เมื่อ 06 May 2010 - 08:10 AM
#25
โพสต์เมื่อ 06 May 2010 - 09:54 PM
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้ จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#26
โพสต์เมื่อ 07 May 2010 - 02:37 PM
อยู่กับเพื่อน ๆ อยู่กับธรรมะ ให้มาก ๆ
จะได้ลืมเรื่องต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น
เป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ
แล้วอย่าลืมมาบวชรุ่นเข้าพรรษาด้วยนะ