ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

งานวิจัยกับเรื่องการทำสมาธิ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 November 2006 - 09:47 AM

ผลการวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประเทศอเมริกา เกี่ยว กับเรื่องการทำสมาธิ


[attachmentid=10062]

[attachmentid=10063]

[attachmentid=10064]



วารสารของ สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประเทศอเมริกา ได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยชิ้นล่าสุดของสถาบันเกี่ยว กับเรื่องการทำสมาธิ ว่าการปฏิบัติธรรมทำสมาธิแบบ พุทธศาสนามิใช่เพียงก่อให้เกิดความสงบภายในจิตใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีกับกระบวนการทำงานของสมองมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ และความ เชื่อมโยงกับอารมณ์ทางด้านดีอย่างถาวรอีกด้วย

ทั้งนี้นักวิจัยได้ทำการทดลองโดยเปรียบเทียบการทำงานของสมองของผู้เข้ารับการทดลองในสองกลุ่มหลัก ซึ่ง กลุ่มแรกเป็นกลุ่มพระภิกษุสงฆ์จำนวน 8 รูป มีอายุเฉลี่ยประมาณ 49 ปี แต่ละรูปมีประสบการณ์ในการนั่งสมาธิตั้งแต่ 10,000 ถึง 50,000 ชั่วโมง ภายในระยะเวลา 15 ถึง 40 ปีที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มนักศึกษาที่มีอายุเฉลี่ยประมาณ 21 ปี จำนวน 10 คน ส่วนใหญ่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการ ปฏิบัติธรรมทำสมาธิมาก่อน และเพิ่งได้รับการอบรม ในเรื่องการทำสมาธิได้เพียง 1 สัปดาห์ก่อนเริ่มการทดลอง

การทดลองครั้งนี้ นักวิจัยใช้เครื่องมือที่เรียกว่าอิเล็กโทรเอนเซฟาโลแกรมส์ (Electroencephalograms) ในการวัดระดับการทำงานของคลื่นสมองแกมมา รวม 3 ครั้ง คือ ก่อน ระหว่าง และหลังการ ปฏิบัติสมาธิ ซึ่งคลื่นสมองแกมมาเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองที่เชื่อมโยงความทรงจำ ระดับการเรียนรู้ ระดับสมาธิและการมองโลกในแง่ดี ผู้เข้ารับการทดลองทั้งสองกลุ่มถูกจัดให้นั่งสมาธิแบบทิเบตในห้องทดลองที่ ผ่อนคลาย และมีการทำสมาธิเน้นให้ รู้สึกถึงความรักและความเมตตาต่อสรรพสิ่ง โดยจะไม่ใช้วิธีการเพ่งจิตต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แม้แต่ลมหายใจ

ผล ปรากฏว่า ในช่วงก่อนการนั่งสมาธิ คลื่นสมอง แกมมาของกลุ่มพระภิกษุมีระดับที่สูงกว่ากลุ่มนักศึกษา และระดับความแตกต่างนี้ ได้ปรับสูงขึ้นอย่าง มากระหว่างการนั่งสมาธิ ซึ่งระดับคลื่นสมองแกมมา ของกลุ่มภิกษุในระหว่างการนั่งสมาธิครั้งนี้ นับว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีรายงานมา เป็นที่ชัดเจนว่า กลุ่มพระภิกษุ มีการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ทางด้านบวก เช่น ความสงบสุข มีประสิทธิภาพกว่ากลุ่มที่ไม่เคยปฏิบัติสมาธิใดมาก่อน นอกจากนี้ ยังสรุปได้ว่า ระดับคลื่นแกมมาที่สูงของภิกษุก่อนการปฏิบัติสมาธินั้น แสดงให้เห็น ว่าสมองได้มีการพัฒนาอย่างถาวรหากได้รับการปฏิบัติ ธรรมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ถึงแม้ว่าปัจจัยทางด้านอายุและสุขภาพอาจจะทำให้คลื่นสมองแกมมา มีระดับที่แตกต่างกันไป แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สังเกตได้ ชัดจากการทดลอง คือ จำนวนชั่วโมงของการปฏิบัติ สมาธิ ส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของคลื่นสมองแกมมา

นอก จากนี้ ยังมีนักวิจัยอีกกลุ่มหนึ่งที่ศูนย์วิจัยจิต และสมองยู.ซี เดวิส (UC Davis Center for mind and brian) เมืองแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับแรงบันดาลใจจากสารขององค์ดาไลลามะแห่งทิเบต ที่กล่าวถึงความเชื่อมโยงของวิทยาศาสตร์และพุทธศาสนา และยังได้รับเงินสนับสนุนจากสถาบันศึกษาเรื่องจิตสำนึก แห่งซานตาบาร์บารา ซึ่งสถาบันนี้ได้รับเงินบริจาคจาก ริชาร์ด เกียร์ พระเอกหนุ่มชื่อดังของฮอลลีวูดผู้มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนานั่นเอง

ดัง นั้น โครงการนำร่องจึงได้จัดตั้งขึ้น เพื่อศึกษา ถึงการทำงานของสมองระหว่างการนั่งสมาธิ และสาเหตุที่ทำให้ผู้ปฏิบัติสมาธิสามารถเชื่อมต่อกับอารมณ์ในแง่บวกได้ง่าย กว่าคนปกติ โดยจะเริ่มโครง การจริงในวันที่ 22 กันยายน พ.ศ.2549 โดยกลุ่มผู้ทดลองจำนวนทั้งสิ้น 30 คนจะถูกคัดเลือกจากประเทศยุโรป เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และพาไปฝึกอบรมนั่งสมาธิในระยะเวลากว่า 1 ปี ในสถานที่เงียบๆ แห่งหนึ่งในเมืองแคลิฟอร์เนีย เพื่อนักวิจัยจะได้สังเกตถึงพฤติกรรมของกลุ่มผู้ทดลอง

ดอกเตอร์อลัน วอลเลซ หัวหน้าศูนย์วิจัยจิตและสมอง ยู.ซี เดวิส จบการศึกษาปริญญาเอกทางด้านศาสนา จากมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด และเคยบวชเป็นภิกษุมาก่อน เป็นผู้ออกแบบการทดลองเพื่อทดสอบความจำ ปฏิกิริยาตอบสนองทางอารมณ์ การจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พร้อมกับจัดตารางชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายให้กับทุกคน โดย เริ่มจากตื่นนอนตอน 6 โมงเช้าเพื่อนั่งสมาธิกลุ่มและเดี่ยวจน ถึงเวลา 10 โมง มีการเสิร์ฟอาหารเป็นเวลาที่แน่นอน และมีเวลาว่าง 2 ชั่วโมงต่อวัน จุดประสงค์ของตาราง เวลา คือเพื่อที่จะสร้างกิจวัตรที่แน่นอน ที่ไม่รบกวน เวลานั่งสมาธิและมุ่งเน้นที่ความสมดุลของการทำงาน ของจิตใจเป็นสำคัญ

กลุ่ม ผู้ทดลองจะได้รับเงินตอบแทนจำนวน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือนในการเข้าร่วมการทดลองครั้งนี้ เนื่องจากทุกคนต้องอยู่ห่างบ้านและสิ่งที่คุ้นเคยมาอยู่ ในกฎระเบียบที่ทางสถาบันจัดให้ นอกจากนี้ ทุกๆสองสัปดาห์ ผู้ช่วยนักวิจัยจะเข้ามาเก็บข้อ มูลอย่างละเอียด เช่น ผลเลือด น้ำลาย ความดัน และศึกษาทดลองเพื่อที่จะตรวจวัดการทำงานของสมองผ่านเครื่องอิเล็กโทรเอนเซ ฟาโลแกรมส์ อีกทั้งยังตรวจ วัดระดับความเครียดและระบบการทำงานของภูมิต้านทานอย่างละเอียดอีกด้วย

ดอก เตอร์อลันกล่าวทิ้งท้ายว่า การทดลองครั้งนี้ นับว่าเป็นการทดลองที่น่าตื่นเต้นสำหรับศูนย์วิจัย เนื่องจากเป็นความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญชื่อดังทางด้านสมอง นักจิตวิทยา และพุทธศาสนิกชน ด้วยข้อมูลที่เก็บอย่างละเอียดตั้งแต่ต้น และเงินทุนสนับสนุนที่คาดว่าจะได้รับบริจาคถึง 2 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ จะทำให้การทดลองครั้งนี้สมบูรณ์และเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์และพุทธศาสนา ต่อไป

Abstract


Practitioners understand "meditation," or mental training, to be a process of familiarization with one's own mental life leading to long-lasting changes in cognition and emotion. Little is known about this process and its impact on the brain. Here we find that long-term Buddhist practitioners self-induce sustained electroencephalographic high-amplitude gamma-band oscillations and phase-synchrony during meditation. These electroencephalogram patterns differ from those of controls, in particular over lateral frontoparietal electrodes. In addition, the ratio of gamma-band activity (25-42 Hz) to slow oscillatory activity (4-13 Hz) is initially higher in the resting baseline before meditation for the practitioners than the controls over medial frontoparietal electrodes. This difference increases sharply during meditation over most of the scalp electrodes and remains higher than the initial baseline in the postmeditation baseline. These data suggest that mental training involves temporal integrative mechanisms and may induce short-term and long-term neural changes.

Methods


The subjects were eight long-term Buddhist practitioners (mean age, 49 +/- 15 years) and 10 healthy student volunteers (mean age, 21 +/- 1.5 years). Buddhist practitioners underwent mental training in the same Tibetan Nyingmapa and Kagyupa traditions for 10,000 to 50,000 h over time periods ranging from 15 to 40 years. The length of their training was estimated based on their daily practice and the time they spent in meditative retreats. Eight hours of sitting meditation was counted per day of retreat. Control subjects had no previous meditative experience but had declared an interest in meditation. Controls underwent meditative training for 1 week before the collection of the data.

We first collected an initial electroencephalogram (EEG) baseline consisting of four 60-s blocks of ongoing activity with a balanced random ordering of eyes open or closed for each block. Then, subjects generated three meditative states, only one of which will be described in this report. During each meditative session, a 30-s block of resting activity and a 60-s block of meditation were collected four times sequentially. The subjects were verbally instructed to begin the meditation and meditated at least 20 s before the start of the meditation block. We focus here on the last objectless meditative practice during which both the controls and Buddhist practitioners generated a state of "unconditional loving-kindness and compassion."

Meditative Instruction. The state of unconditional loving-kindness and compassion is described as an "unrestricted readiness and availability to help living beings." This practice does not require concentration on particular objects, memories, or images, although in other meditations that are also part of their long-term training, practitioners focus on particular persons or groups of beings. Because "benevolence and compassion pervades the mind as a way of being," this state is called "pure compassion" or "nonreferential compassion" (dmigs med snying rje in Tibetan). A week before the collection of the data, meditative instructions were given to the control subjects, who were asked to practice daily for 1 h. The quality of their training was verbally assessed before EEG collection. During the training session, the control subjects were asked to think of someone they care about, such as their parents or beloved, and to let their mind be invaded by a feeling of love or compassion (by imagining a sad situation and wishing freedom from suffering and well being for those involved) toward these persons. After some training, the subjects were asked to generate such feeling toward all sentient beings without thinking specifically about anyone in particular. During the EEG data collection period, both controls and long-term practitioners tried to generate this nonreferential state of loving-kindness and compassion. During the neutral states, all of the subjects were asked to be in a nonmeditative, relaxed state.

EEG Recordings and Protocol. EEG data were recorded at standard extended 10/20 positions with a 128-channel Geodesic Sensor Net (Electrical Geodesics, Eugene, OR), sampled at 500 Hz, and referenced to the vertex (Cz) with analog band-pass filtering between 0.1 and 200 Hz. EEG signals showing eye movements or muscular artifacts were manually excluded from the study. A digital notch filter was applied to the data at 60 Hz to remove any artifacts caused by alternating current line noise.

Bad channels were replaced by using spherical spline interpolation (12). Two-second epochs without artifact were extracted after the digital rereferencing to the average reference.

Spectral Analysis. For each electrode and for each 2-s epoch, the power spectral distribution was computed by using Welch's method (13), which averages power values across sliding and overlapping 512-ms time windows. To compute the relative gamma activity, the power spectral distribution was computed on the z-transformed EEG by using the mean and SD of the signal in each 2-s window. This distribution was averaged through all electrodes, and the ratio between gamma and slow rhythms was computed. Intraindividual analyses were run on this measure and a group analysis was run on the average ratio across 2-s windows. The group analysis of the topography was performed by averaging the power spectral distribution for each electrode in each block and then computing the ratio of gamma to slow rhythms before averaging across blocks.

Despite careful visual examination, the electroencephalographic spectral analysis was hampered by the possible contamination of brain signals by muscle activity. Here we assume that the spectral emission between 80 and 120 Hz provided an adequate measure of the muscle activity (14, 15). The muscle EEG signature is characterized by a broad-band spectrum profile (8-150 Hz) peaking at 70-80 Hz (16). Thus, the variation through time of the average spectral power in the 80-120 Hz frequency band provided a way to quantify the variations of the muscle contribution to the EEG gamma activity through time. To estimate the gamma activity, adjusted for the very high frequencies, we performed a covariance analysis for each region of interest (ROI) for each subject. The dependent variable was the average gamma activity (25-42 Hz) in each ROI. The continuous predictor was the electromyogram activity (80-120 Hz power). The categorical predictors were the blocks (initial baseline with eyes open and neutral blocks from 2 to 4) and the mental states (ongoing neutral versus meditation).

For the group analysis, separate repeated ANOVAs were then performed on the relative gamma and adjusted gamma variation between states, with the blocks as the within factor and the group (practitioners versus controls) as the categorical predictor. For the intrasubject analysis, we compared separately the relative gamma and the raw gamma activity averaged within the ROIs in the initial baseline state versus the meditative state.

Phase-Synchrony Detection. Electrodes of interest were referenced to a local average potential defined as the average potential of its six surrounding neighbors. This referencing montage restricted the electrical measurement to local sources only and prevented spurious long-range synchrony from being detected if the muscle activity over one electrode propagated to another distant electrode. The methods used to measure long-range synchronization are described in detail in Supporting Methods, which is published as supporting information on the PNAS web site. In summary, for each epoch and electrode, the instantaneous phase of the signal was extracted at each frequency band between 25 and 42 Hz in 2-Hz steps by using a convolution with Morlet wavelets. The stability through time of their phase difference was quantified in comparison with white-noise signals as independent surrogates. A measure of synchronous activity was defined as the number of electrode pairs among the 294 studied combinations that had higher synchrony density on average across frequencies than would be expected to occur between independent signals. The electrode pairs were taken between the ROIs when we measured the scalp distribution of gamma activity (see Fig. 3a). A repeated-measures ANOVA was performed on the average size of the synchrony pattern across all frequency bands and epochs in each block with the original resting state and the meditative state as the within factors and the group (practitioners versus controls) as the between-groups factor.

Fig. 3. Absolute gamma power and long-distance synchrony during mental training. (a) Scalp distribution of gamma activity during meditation. The color scale indicates the percentage of subjects in each group that had an increase of gamma activity during the mental training. (Left) Controls. (Right) Practitioners. An increase was defined as a change in average gamma activity of >1 SD during the meditative state compared with the neutral state. Black circles indicate the electrodes of interest for the group analysis. (cool.gif Adjusted gamma variation between neutral and meditative states over electrodes F3-8, Fc3-6, T7-8, Tp7-10, and P7-10 for controls and long-time practitioners [F(1, 16) = 4.6, P < 0.05; ANOVA]. © Interaction between the group and state variables for the number of electrode pairs between ROIs that exhibited synchrony higher than noise surrogates [F(1, 16) = 6.5, P < 0.05; ANOVA]. The blue line represents the controls; the red line represents the practitioners. (d) Correlation between the length of the long-term practitioners' meditation training and the ratio of relative gamma activity averaged across electrodes in the initial baseline (P < 0.02). Dotted lines represent 95% confidence intervals.


Fig. 1. High-amplitude gamma activity during mental training. (a) Raw electroencephalographic signals. At t = 45 s, practitioner S4 started generating a state of nonreferential compassion, block 1. (cool.gif Time course of gamma activity power over the electrodes displayed in a during four blocks computed in a 20-s sliding window every 2 s and then averaged over electrodes. © Time course of subjects' cross-hemisphere synchrony between 25 and 42 Hz. The density of long-distance synchrony above a surrogate threshold was calculated in a 20-s sliding window every 2 s for each cross-hemisphere electrode pair and was then averaged across electrode pairs (see Methods). Colors denote different trial blocks: blue, block 1; red, block 2; green, block 3; black, block 4.


Fig. 2. Relative gamma power during mental training. (a and cool.gif Intraindividual analysis on the ratio of gamma (25-42 Hz) to slow (4-13 Hz) oscillations averaged through all electrodes. (a) The abscissa represents the subject numbers, the ordinate represents the difference in the mean ratio between the initial state and meditative state, and the black and red stars indicate that this increase is >2- and 3-fold, respectively, the baseline SD. (cool.gif Interaction between the subject and the state factors for this ratio [F(2, 48) = 3.5, P < 0.05; ANOVA]. IB, initial baseline; OB, ongoing baseline; MS, meditative state. (c-e) Comparisons of this ratio between controls and practitioners over each electrode [t > 2.6, P < 0.01, scaling (-2.5, 4); t test] during the premeditative initial baseline ©, between the ongoing baseline and the meditative state (d), and between the ongoing baseline and the initial baseline (e).


ไฟล์แนบ


"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#2 ชาร์ป

ชาร์ป
  • Members
  • 985 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ปทุมธานี

โพสต์เมื่อ 06 November 2006 - 02:15 PM

สุดยอดเลยครับ

#3 Bunman

Bunman
  • Members
  • 13 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 November 2006 - 02:09 PM

ข้อความน่าสนใจมากครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ

#4 glouy.

glouy.
  • Members
  • 605 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 November 2006 - 03:53 PM

สาธุ กับ บทความ,วารสาร ดีดี สมาธิ เป็นสิ่งอัศจรรย์ เหนือสิ่งอื่นใด

ลูกพระธรรม

#5 clear

clear
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 November 2006 - 10:29 AM

เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีมาก ๆ น่าสนับสนุนให้สถาบันต่าง ๆ ยึดเป็นหลักพื้นฐานในการพัฒนาองค์กร เพราะส่วนใหญ่ปัญหาระหว่างผู้คนมักเกิดจากขาดความนิ่งทางอารมณ์


#6 AngelElle

AngelElle
  • Members
  • 18 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 03:34 PM

Wowww, so amazing !
I really got more inspiration to meditate everyday.^^
Hope everyone does everyday also na ka.

A nu mo tha na , Saaaaaa tuuuuuu
eiei happy.gif happy.gif

~~~~~~HAppy together~~~~~~

ไฟล์แนบ



#7 ใจสูง

ใจสูง
  • V-Cyber Admin
  • 282 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:อาชีพนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาค่า

โพสต์เมื่อ 16 November 2006 - 09:16 PM

เป็นข้อมูลที่ดีมากค่า

เป็นประโยชน์

คนที่มีปัญญา(ทางโลก) จะหันมาศึกษาการฝึกสมาธิ และธรรมะมากขึ้น

อนุโมทนาบุญกับคุณฟ้าร้างนะคะ

#8 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 01:31 AM

medditation rules!!
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#9 suriya1503

suriya1503
  • Members
  • 23 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 September 2007 - 07:56 PM

ดีจังเลย สมาธิยังมีอะไรอีกมากมาย

#10 ยัยตัวเล็ก072

ยัยตัวเล็ก072
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 October 2007 - 12:49 PM

หมั่นนั่งสมาธิกันนะคะ ตอนอยู่ม.3 เคยเรียนคณิตศาสตร์ 2 ชั่วโมงติดต่อกัน ใน1 วัน มันก็ค่อนข้างหนักแล้วสิ่งที่เรียนเป็นเนื้อหาของม.4 พอกลับบ้านก็ปวดหัวทุกครั้ง พอเริ่มสังเกตตัวเอง ก่อนวันที่จะเรียนคณิต ก็จะนั่งสมาธิ แล้วพอเรียนเสร้จ กลับบ้านมาก็ไม่ปวดหัวอีกแล้วคะ ตามความคิดของนู๋ สมาธิคงช่วยให้สมองได้พักผ่อนเป็นการเพิ่มพลังของทั้งจิต ร่างกายและสมอง แล้วยังได้บุญพร้อมทั้งทำให้เข้าถึงธรรมได้ง่ายยิ่งขึ้น สรรพคุณของสมาธิมีมากมายจนกล่าวไม่หมดเลยค่ะ แล้วสมาธิยังเป็นสิ่งที่ทำให้พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ด้วย nerd_smile.gif

#11 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 13 July 2010 - 06:14 AM

สมาธิแก้ปัญหาทั้งร่างกายและจิตใจ พิสูจน์ได้จริง

คิดถึงจขกท นานมากแล้วไม่ได้อ่านข้อเขียนดี ๆจากเธอเลย
แต่ก็เข้าใจค่ะ

#12 *lentastyle*

*lentastyle*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 22 September 2011 - 09:06 AM

ЛенТаСтиль - производитель элегантной женской одежды, сочетает в себе непревзойденный стиль и качество. Для производства одежды под брендом Лента используются лучшие материалы и аксессуары из Германии, Италии и Испании. Найди свой стиль на lentastyle.com
При пошиве изделий мы используем натуральные ткани и волокна в сочетании с разнообразными фактурами, широкую цветовую гамму, качественную фурнитуру из Европы.
Нашими принципами сотрудничества являются создание максимально комфортных условий для клиентов, гибкая система скидок.

Одежда оптом в москве
e-mail: [email protected]
Отдел продаж
+375 162 29 81 15
Skype: lenta_mng

Фирменный оптово - розничный магазин в г.Москва:
Торговые комплекс «Дубровка», Шарикоподшипниковая, 13
Ст. метро «Дубровка», 7 линия, павильоны 50,52
Тел. 8 (965)150-73-53

Фирменный оптово - розничный магазин в г.Бресте:
Железнодорожный вокзал станции «Брест-Центральный»
Тел. +375 162 20-86-44


одежда оптом
магазин одежды для женщин
одежда для женщин стильная одежда оптом
одежда оптом от производителя магазин модной одежды
женская одежда из белоруссии оптом