ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

เขาว่า..วัดนี้รวยแล้ว วัตถุนิยม ไม่นั่งสมาธิด้วยหรอก


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 20 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 November 2009 - 10:34 AM

ตามชื่อหัวข้อน่ะค่ะ

คืออยากจะหาคำใดไปอธิบายให้คนที่เคยนั่งสมาธิด้วยวิธีหยุดใจในศูนย์กลางกาย แล้วเห็นองค์พระแล้วด้วย แต่ปัจจุบันหาว่า วัดนี้วัตถุนิยม เอะอะอะไรก็ vitamin M ได้เข้าใจ เรื่อง

1. ทำไมวัดเราต้องสร้างใหญ่ ทำไมวัตถุนิยม จริงๆแล้ว ไม่ได้เป็นวัตถุนิยมอย่างที่คิด แต่นั่นคือสิ่งที่จะพาคนมาหยุดใจ แล้วเข้าถึงความสุขภายในตะหาก

2. ทำไมต้องทำทาน ไปบวชเลยไม่ได้เหรอ ไม่เห็นจำเป็นต้องรวยก่อน
อันนี้อยากได้ตัวอย่างพระอริยะเจ้าครั้งสมัยพุทธกาลที่ไม่เคยทำทานบารมีมาเลยหรือทำมาน้อย
กับ ตัวอย่างของพระอริยะเ้จ้าที่ทำทานมามาก ไปไหนก็ไม่อด มีเวลาเข้าถึงธรรมง่ายๆ

3. จริงๆ แล้วทุกวัด สอนให้เดินสายแห่ง เอกายนมรรคหมด แต่ทำไมต้องแยกเป็นสายนู้น สายนี้ให้วุ่นวาย

ปล. เขาก็เป็นคนที่แสวงหาทางดับทุกข์คนหนึ่ง แต่วิ่งหาเท่าไร ก็ไม่เจอเสียที
ชอบฟังธรรมแทบทุกวัด ยกเว้นวัดนี้วัดเดียว อยากนั่งสมาธิ แต่ไม่นั่งของวัดนี้หรอก

เอาไงดีคะ อยากชี้หนทางสว่างให้เขาน่ะค่ะ
ขอแบบ ไม่เอาศรัทธานำหน้านะคะ อยากได้แบบเหตุและผล ล้วนๆ น่ะค่ะ

ขอความช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อข้อมูลด้วยค่ะ
ช่วงนี้ต้องการลับเลื่อยให้คมอยู่เสมอ.. จะได้เลื่อยไม้ได้ขาดง่ายๆ ^^
ขอบคุณล่วงหน้าค่า happy.gif
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#2 DMCchild

DMCchild
  • Members
  • 270 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Singapore

โพสต์เมื่อ 18 November 2009 - 11:11 AM

น่าเห็นใจจังค่ะ จะเอาใจช่วยและคอยเป็นกำลังใจให้นะคะ

และก็ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นด้วยดวงปัญญาอันน้อยนิดด้วยคนนะคะ

1. ทำไมวัดเราต้องสร้างใหญ่ ทำไมวัตถุนิยม = เพื่อไว้รองรับผู้มีบุญมาสั่งสมบุญเติมบารมีทั้งในปัจจุบัน และอนาคตที่กำลังจะมาเพิ่มขึ้น ๆๆๆๆๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในทุกๆปีค่ะ และไม่มีวัตถุนิยมค่ะ มีก็เพียงแต่พระของขวัญและของที่ระลึกเพิ่อเป็นเครื่องระลึกนึกถึงบุญอันศักสิทธิ์ในทุกๆบุญที่ได้ทำกับหมู่คณะค่ะ


2. ทำไมต้องทำทาน ไปบวชเลยไม่ได้เหรอ = ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ค่ะและเพื่อเป็นการตัดอาสวะกิเลศออกไปจากใจ (ขออภัยหากสะกดผิด) ยิ่งทำถูกเนื้อนาบุญอันบริสุทธิ์ ผลทานและอานิสงห์บุญก็มีอานุภาพมากไม่มีประมาณค่ะ การบวชก็เพื่อเป็นเนื้อนาบุญแก่สาธุชน และเปรียบเสมือนผู้ถ่ายทอดคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก่ผู้ที่ยังไม่รู้ค่ะ กล่าวคือ ทาน ศีล บารมี ต้องมีพร้อมกันเพื่ออานุภาพบุญอันบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ค่ะ


3. จริงๆ แล้วทุกวัด สอนให้เดินสายแห่ง เอกายนมรรคหมด = เห็นด้วยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าพุทธบุตรใดสามารถถ่ายทอดคำสอนพระสัมมาฯ ให้คนธรรมดาๆ ทั่วไปเข้าใจและปฎิตามได้ง่ายและสบายค่ะ

ขอกราบอนุโมทนาบุญแก่ท่านเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ สู้ต่อไปค่ะ

สาธุ





ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าตั้งใจบำเพ็ญ ขอให้ตามติด ติดตาม หลวงพ่อธัมมฯ ใกล้ชิด ทั้งหยาบและละเอียดตราบวันที่สุดแห่งธรรมเทอญ...สาธุ

#3 ลูกอินทรีย์หัดบิน

ลูกอินทรีย์หัดบิน
  • Members
  • 369 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 November 2009 - 12:26 PM

ต้องใช้บุญเราช่วยครับ บุญเราต้องมากพอ เราต้องนั่งสมาธิให้มาก ๆ แล้ว อธิษฐานจิตให้เขาได้มาเจอคำสอน
ที่โดนใจเขา ที่ครูบาอาจารย์เราได้เทศน์สอนเอาไว้ ได้มาเห็นบรรยากาศในงานบุญ อาหารทุกอย่างก็ฟรี บวชก็ไม่เสียค่าใช้จ่าย

นั่งสมาธิให้นิ่ง ๆ เลยแล้วนึกถึงเขาให้ชัดเจนเลย

ทุกอย่างเริ่มจากตัวเราก่อน จริง ๆ ครับ ไม่ต้องเครียดกังวลหรอก ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยววิธี คำพูดดีๆ จะสะกิดใจเขาเอง
ก็บอกเขาลองมาดูสิ ถ้าไม่ชอบก็กลับแค่นั้นเอง ไม่เห็นเสียหายอะไรเลย แต่อย่าไปคะยั้นคะยอเค้านะครับ เดี๋ยวเค้าจะยิ่งอึดอัด

รายการชีวิตในสังสารวัฏ

ยืนยันตัวจริงเสียงจริงเจ้าของกรณีศึกษากฎแห่งกรรม

http://video.dmc.tv/programs/life_in_samsara/page5.html


หนังสือเรียนธรรมะ DOU           http://book.dou.us/d...ya-book-gl.html

GL 101 จักรวาลวิทยา                            http://book.dou.us/gl101.html
GL 102 ปรโลกวิทยา                              http://book.dou.us/gl102.html
GL 203 กฎแห่งกรรม                             http://book.dou.us/gl203.html
GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์           http://book.dou.us/gl305.html


#4 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 November 2009 - 12:28 PM

QUOTE
เขาก็เป็นคนที่แสวงหาทางดับทุกข์คนหนึ่ง แต่วิ่งหาเท่าไร ก็ไม่เจอเสียที ชอบฟังธรรมแทบทุกวัด ยกเว้นวัดนี้วัดเดียว อยากนั่งสมาธิ แต่ไม่นั่งของวัดนี้หรอก
- คือ ถ้า BIAS ตั้งแต่เริ่มต้น คงต้องใช้เวลามากในการอธิบายสาธยาย
- 10ปากว่า ไม่เท่าตาเห็น 10ตาเห็น ไม่เท่าสัมผัส
- ถ้าไม่วิ่งเข้าหาคำตอบ ก็จะไม่พบคำตอบ เพราะคำตอบอยู่ในวัดนี้...แต่จะลองให้คำตอบในเว็บดู ก่อนอ่านแนะนำให้ท่านเปิดใจด้วยนะครับ

QUOTE
1. ทำไมวัดเราต้องสร้างใหญ่ ทำไมวัตถุนิยม
- ผู้สร้างเป็นผู้ที่คิดใหญ่ทำใหญ่ มีวิสัยทัศน์-ญานทัศนะกว้างไกล มองเห็นชุมชนขยายตัวในวันหน้า เล็งเห็นประโยชน์ปัจจุบันและอนาคตของการรองรับจำนวนคนหมู่มากที่เดินทางเข้ามาปฏิบัติธรรมในบุญสถานนี้ ทั้งภายในและต่างประเทศ ด้วยความรักและปรารถนาดี
- ส่วนวัตถุที่สร้างนั้น จำลองมาเพื่อใช้เป็นกุศโลบายนำใจให้ยึดเหนี่ยวในพระรัตนตรัยผู้มีคุณอันไม่มีประมาณ ระลึกนึกถึงบุญกุศลที่ได้สละเวลาร่วมกันบุกเบิกปฏิสังขรณ์ ทั้งกำลังกาย-หยาดเหงื่อ กำลังใจ และกำลังทรัพย์ เพื่อชนผู้มีบุญรุ่นหลังจะได้สัปปายะและโอกาสที่จะบรรลุอมตธรรม อันนำมาซึ่งสันติสุขภายในและสันติภาพภายนอกโดยแท้จริง

QUOTE
2. ทำไมต้องทำทาน ไปบวชเลยไม่ได้เหรอ
- ทานเป็นบุญกิริยาวัตถุเบื้องต้น ฆ่าความตระหนี่ ความอยากได้ อยากมี ตัดอุปนิสัยสะสมสิ่งที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ทั้งส่งผลให้เกิดมนุษยสมบัติ ทิพยสมบัติ นิพพานสมบัติ
- อย่าลืมนะว่าคืนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรลุโพธิญาน เอาชนะกองทัพเทวบุตรมารก็เพราะทานบารมี ด้วยน้ำที่พระองค์ทรงกรวดให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
- พระสิวลีได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางทาน(ลาภ) ขณะที่พระโลติสสะแม้จะบรรลุอรหัตตผลด้วยปัญญาแต่ต้องเป็นผู้อดอยากยากไร้ ได้รับทุกขเวทนากายจากวิบากกรรมขัดลาภผู้อื่น หากท่านผู้ได้โอกาสทั้งหลายปรารถนาออกบวช ควรพิจารณาเองนะว่าท่านต้องการสถานภาพแบบใด เพื่อไม่เป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญสมณธรรม

QUOTE
3. จริงๆ แล้วทุกวัด สอนให้เดินสายแห่ง เอกายนมรรคหมด แต่ทำไมต้องแยกเป็นสายนู้น สายนี้ให้วุ่นวาย
- วิสุทธิมรรคนั้นพระพุทธองค์กำหนดแนะไว้ 40วิธี ตามจริตมนุษย์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้เข้าถึงเอกานยมรรคซึ่งเป็นหนทางเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
- ที่วุ่นวายและขัดแย้งเพราะผู้ที่ยังไม่ได้เข้าถึงเอกานยมรรคนั่นเอง เมื่อไม่ศึกษาทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ จึงนำความแตกต่างในวิธีการมาแบ่งแยกเป็นสาย เป็นพวก เป็นกลุ่ม เป็นหมู่ เป็นเหล่า หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงนั้นมีอยู่สายเดียวคือ สายพระพุทธเจ้า

คำตอบสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้มา มีเพียงเท่านี้ คำตอบที่ลุ่มลึก รอการมาพิสูจน์ของท่านเหล่านั้น nerd_smile.gif ...เอหิปัสสิโก...

ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#5 Sareochris

Sareochris
  • Members
  • 207 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:-
  • Interests:-

โพสต์เมื่อ 18 November 2009 - 06:18 PM

วัดอยู่เหนือความรวยหรือความจน

หลวงพ่อไม่เคยเบื่อหน่ายเพศสมณะเลยแม้แต่เพียงวันเดียวตั้งแต่บวชวันแรก เผลอประเดี๋ยวเดียว ๓๐ กว่าพรรษาแล้ว เป็นพระนี่อยู่เหนือความรวยความจนนะ พระไม่ได้คิดเรื่องรวยและก็ไม่ได้คิดเรื่องจน มันเหนือตรงนั้นไปแล้ว วัดก็เหมือนกันอยู่เหนือคำว่า วัดรวย หรือ วัดจน

" วัด" เป็นเครื่องวัดของคนเข้าวัดว่า กิเลสหรือสิ่งไม่ดีนั้นหมดไปแค่ไหน ยังเหลืออีกแค่ไหน และก็เป็นสถานที่ตักตวงบุญ เป็นแหล่งเนื้อนาบุญ เป็นแหล่งแห่งความรู้อันบริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะทำให้เราดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ไม่ผิดพลาด มีสุคติเป็นที่ไป มีเป้าหมายคือนิพพาน เราจะมองที่ถาวรวัตถุ หรือจำนวนคนเข้าวัดว่า วัดนี้รวย วัดนี้จน ไม่ถูกนะ

วัดหลวงปู่หลวงตาในหลายๆ วัดที่ต่างจังหวัด ท่านมีแค่กุฏิหลังเล็ก ๆ มีทางจงกรม มีที่พักกลางวัน มีศาลาเอนกประสงค์ ที่ท่านทำอย่างนั้นเพราะท่านมีวัตถุประสงค์ที่จะปลีกวิเวก เพื่อให้กายสงัด ใจจะได้สงัด กิเลสมันจะได้หมดไป นั่นวัตถุประสงค์ของท่าน ไม่ใช่ท่านจนนะ ถ้าท่านจะสร้างให้ใหญ่โตท่านก็ทำได้ แต่ท่านไม่ได้มีวัตถุประสงค์อย่างนั้น ใครมีบุญอยากได้บุญก็มาฟังธรรม ไม่มีใครมาท่านก็ปฏิบัติธรรมทำความเพียรของท่านไป มันแล้วแต่วัตถุประสงค์

อย่างวัดใหญ่ๆหลายๆวัดโดยเฉพาะวัดพระธรรมกายที่สร้างก็มีวัตถุประสงค์เพื่อเอาไว้เป็นสถานที่ประพฤติธรรมให้สาธุชนผู้มีบุญทั้งหลายที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างไกลนัก รถวิ่งสักชั่วโมง ชั่วโมงครึ่ง ได้มาปฏิบัติธรรมรวมกัน เป็นพลังหมู่ในการปฏิบัติธรรมในการศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นจะให้ไปตากแดด ตากลม ตากฝน ก็ทำไม่ได้ เมื่อคนมาเยอะก็ต้องสร้างใหญ่ ไม่ได้เกี่ยวกับรวยหรือจนเลย เพราะว่าวัด หลวงพ่อเอาไปขายไม่ได้ แล้วไม่เคยคิดจะไปขาย เลิกคิดค้าขายหรือทำมาหากินตั้งแต่บวชแล้ว บวชแล้วก็เลิก

หรือมหาธรรมกายเจดีย์ที่สร้างนี่ก็เป็นที่รวมใจให้คนนึกถึงบุญ นึกถึงพระรัตนตรัย ใจจะได้เป็นกุศล เมื่อใจเป็นกุศล เลื่อมใสในพระรัตนตรัย จะได้เป็นรหัสผ่านไปสุคติภพ วัตถุประสงค์เป็นอย่างนี้จึงสร้างให้มันใหญ่ ก็แค่นั้นเอง
เพราะฉะนั้นวัดอยู่เหนือความรวยหรือความจน ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน ส่วนเมื่อเข้าใจแล้วจะไปทำบุญที่ตรงไหน มีศรัทธาตรงไหนก็ทำตรงนั้น ศรัทธาอยากสร้างโรงเรียนก็สร้างโรงเรียน ศรัทธาอยากสร้างโรงพยาบาลก็สร้างโรงพยาบาล หรือสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ซึ่งรักษาไข้ทางกาย และให้วิทยาทานพอแล้ว เราจะมาสร้างโรงพยาบาลรักษาไข้ทางใจ หรือมาสร้างโรงเรียนเป็นที่ศึกษาเรื่องความจริงของชีวิตก็มาสร้างวัด ก็แล้วแต่เรา

แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เรียงขั้นตอนของบุญที่จะได้มากมาตามลำดับ ตั้งแต่ ให้อาหารกับสัตว์เดรัจฉาน กับมนุษย์ทุศีล มนุษย์มีศีล มนุษย์เข้าถึงธรรม ถึงฌานสมาบัติ เป็นโคตรภูบุคคล เป็นพระอริยะบุคคล เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ไล่เรื่อยไปถึงสร้างถาวรวัตถุ เรียงลำดับปริมาณของบุญที่จะได้มากกว่ากัน พระองค์ก็บอกเอาไว้แล้วที่มีอยู่ในตำรับตำรา เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้วเราก็เลือกเอา แล้วแต่ใจของเราจะไขว่คว้าเอา

เพราะฉะนั้นวัดอยู่เหนือความรวยความจน ดังนั้นถ้าใครยังคิดว่าวัดนั้นรวย วัดนั้นจนล่ะก็เลิกคิดได้แล้ว เดี๋ยวนี้เขาอยู่ในยุคคิดใหม่ คิดผิดคิดใหม่ได้ แต่คิดใหม่อย่าให้มันผิด คิดให้ถูกนะจ๊ะ ให้คิดตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์สอนให้คิดนั่นแหละ

จากโอวาทพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
วันจันทร์ที่ ๖ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

ที่มา : วารสารอยู่ในบุญ www.kalyanamitra.org

#6 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 18 November 2009 - 08:13 PM

ตอบได้ดีๆ กันทั้งนั้นเลยครับ ท่าทางเพื่อนน้องฟ้ายังฟ้าอยู่ จะเป็นคนเจ้าความคิดอยู่พอสมควรทีเดียว คนประเภทนี้ บางพวกก็ชอบคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลชัดเจนตรงไปตรงมา แต่บางประเภทก็ชอบคำอธิบายที่เป็นกึ่งๆ คลุมเคลือ กึ่งๆ มีเหตุผล เป็นปริศนานิดๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไปขบคิดต่อ ดังเช่น คำอธิบายประเภทอุปมาอุปไมย ดังนั้น ถ้าน้องอธิบายแบบมีเหตุมีผลชัดเจนตรงประเด็นแล้ว เขาก็ยังไม่(อยากจะ)เข้าใจ ลองอธิบายแบบอุปมาดูบ้างเป็นไรครับ

1. ทำไมวัดต้องสร้างใหญ่

"คุณคิดว่า หากต้องการไปช่วยคนที่ลอยคออยู่ในทะเลบ้าง ติดเกาะบ้าง ลอยแพบ้าง ตามที่ต่างๆ นั้น ควรใช้เรือใหญ่มโหราฬดี หรือใช้เรือเร็วขนาดเล็กดี"

พี่ว่า หากเขาเป็นคนมีเหตุมีผลจริงๆ เขาจะรู้ดีว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกสมบูรณ์พร้อม ทุกอย่างล้วนมีข้อดีและข้อด้อย ผู้เข้าใจโลกจริงๆ จะไม่โจมตีจับผิดกันเอง ซึ่งเขาอาจจะตอบว่า
"เรือเล็ก ช่วยคนได้เร็วขึ้นฝั่งได้ไว แต่ก็ช่วยได้น้อย เอาไปไม่กี่คนน้ำมันหมดก่อน" หากเป็นเช่นนี้ เราก็อธิบายต่อเลยว่าเปรียบเสมือน "การสร้างวัดขนาดพอเหมาะกับหมู่บ้าน ตำบล เพื่อโปรดคนในหมู่บ้านตำบล มีข้อดีคือ คนน้อยเรื่องก็น้อย มุ่งหน้าสร้างบารมีในกลุ่มเล็กๆ เพื่อพ้นทุกข์ได้ง่ายกว่า"

"เรือใหญ่ แน่นอนช่วยคนได้ช้า แต่สามารถช่วยคนได้เป็นจำนวนมาก บางทีอาจช่วยได้หมดทั้งโลก(ขึ้นกับความตั้งใจของเจ้าของเรือ)" หากเป็นเช่นนี้ เราก็อธิบายต่อเลยว่าเปรียบเสมือน "การสร้างวัดขนาดใหญ่เพื่อหวังโปรดคนทั้งโลก มีข้อดีคือ มุ่งโปรดคนจำนวนมากไปพ้นทุกข์ไปด้วยกัน"

สุดท้ายเราก็เสริมไปเลยว่า สร้างวัดจะเล็กหรือใหญ่ล้วนดีทั้งนั้น เล็กก็ช่วยคนได้ไวกว่า ใหญ่ก็ช่วยคนได้มากกว่า ดังนั้น จะไม่ควรจะนำมาเป็นข้อจับผิดกันและกัน แต่เป็นข้อช่วยสนับสนุนกันต่างหาก

ปล. แต่อย่าไปตอบทำนองว่า ควรสร้างวัดใหญ่เท่านั้นจึงจะดี วัดเล็กประโยชน์น้อยมาก (หากตอบเช่นนี้ นอกจากไม่ได้มิตรแล้ว จะได้อมิตรแทนนะครับ)

2. ทำไมต้องทำทาน บวชเลยไม่ได้หรือ

เราอาจพูดให้เขาคิดเป็นปริศนาก่อนครับว่า "มีทั้งได้และไม่ได้ ขึ้นกับจังหวะและเวลา"
เขาอาจถามว่า "หมายความว่ายังไง"

เราก็อุปมาใหม่อีกรอบครับว่า "หากเราแล่นเรืออยู่กลางทะเล กับเราแล่นเรือใกล้จะถึงฝั่ง เวลาไหนควรจะทิ้งเรือทิ้งเสบียงแล้วมุ่งเข้าสู่ฝั่ง"
ถ้าเขาตอบว่า "ก็ต้องเวลาที่เรือใกล้จะถึงฝั่งนะสิ"

เราก็ตอบสวนไปทันทีว่าใช่แล้ว "แต่หากยังอยู่กลางทะเลสมควรสั่งสมเสบียงใช่หรือไม่ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงฝั่ง" แล้วเราก็ค่อยเฉลยว่า "การทำทานก็คือการสั่งสมเสบียงเพื่อเดินทางไกลในสังสารวัฏนั่นเอง

หากเรามั่นใจว่า ชาตินี้เราบวชแล้ว บรรลุนิพพานหมดกิเลสแน่นอน ก็ไม่ต้องเน้นทำทานก็ได้ มุ่งบวชแล้วปฏิบัติธรรมให้หมดกิเลสไปเลย เปรียบเสมือนผู้ที่มั่นใจว่า เขาแล่นเรือใกล้จะถึงฝั่ง(นิพพาน)แล้ว เขาจะทิ้งเรือทิ้งเสบียงมุ่งเข้าสู่ฝั่งได้เลย

แต่ถ้าไม่มั่นใจว่า เราใกล้จะถึงฝั่งล่ะ ควรทำอย่างไร ควรเน้นทำทานสั่งสมเสบียงให้เพียงพอ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรม(แล่นเรือเข้าใกล้ฝั่ง)ใช่หรือไม่ ให้เขาลองไปคิดดู

3. ทุกวัดสอนแบบเดียวกันไม่ได้หรือ ทำไมต้องมีสายนั้นสายนี้ให้วุ่นวาย

ก็ถามเขากลับไปว่า "เรือที่ไปช่วยคนขึ้นฝั่ง จำเป็นต้องมีหน้าตาเหมือนกัน มีขนาดเท่าๆกัน ทุกๆลำหรือเปล่า วิธีการเดินเรือไปช่วยคน จำเป็นต้องใช้วิธีเดียวกันหรือเปล่า" หากเขาตอบว่า "ไม่จำเป็น เรือแบบไหนก็ได้ ขนาดเท่าใดก็ได้ ใช้วิธีการแล่นเรืออย่างไหนก็ได้ ขอเพียงแล่นมาให้ถูกทิศที่จะเข้าถึงฝั่งเป็นใช้ได้"

เราก็เสริมไปเลยว่า "ใช่แล้ว ทำไมต้องไปกังวลด้วยเล่าว่า วิธีเข้าถึงธรรมมีหลายสายจังเลย อันไหนถูกอันไหนผิด ทำไมต้องกังวล ก็ให้เราดูสิว่า สายไหนก็ตาม ที่สอนให้ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส (คำสอนพระพุทธเจ้า) คำสอนนั้น ล้วนใช้ได้ทั้งนั้นแหละ"
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#7 หมอป๊อง

หมอป๊อง
  • Members
  • 761 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กทม.

โพสต์เมื่อ 18 November 2009 - 11:04 PM

glare.gif มาเป็นกำลังใจจ้ะ..สาธุ สาธุ ...ขอให้สำเร็จนะ..

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  img.gif   36.13K   18 ดาวน์โหลด


#8 ตะกร้าอีกใบ

ตะกร้าอีกใบ
  • Members
  • 1297 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 November 2009 - 11:48 PM

เป็นกำลังใจให้พี่ฟ้าอีกคนนะครับ
สู้ สู้ สู้
อย่าขาดการปฏิบัติธรรมแม้แต่เพียงวันเดียว
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง

7 ส.ค. 48



#9 บุญหลาย

บุญหลาย
  • Members
  • 159 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2009 - 02:30 AM

สาธุครับ ^^
"พรุ่งนี้โลกก็เปลี่ยนแปลงแล้ว"


#10 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2009 - 04:11 AM

๐ ทำไมต้องสร้างใหญ่ อันนี้พวกเราได้คำตอบอยู่ในทีแล้วเสมอ ถ้าให้ดีลองมาในงานวันบุญใหญ่ดูซิครับ ส่วนเจดีย์ ที่สร้างใหญ่ ก็ลองให้เขามากราบมาใหว้ดู พอเกิดปิติก็จะทราบคำตอบ ที่ตั้งของศัทธาเป็นอย่างไร

๐ ทำทาน ทำไปทำไม ...ก็ผลของทานคืออะไรละครับ ถ้าไม่ใช่โภค...สมบัติ... ถ้าเป็นพวกวิทยาศาสตร์ จ๋า ก็ลองยกเอาเรื่องระดับความต้องการของ "มัลโลว์" บอกเขาดูนะครับ
ด้วยคนเราต้องกินต้องใช้ หรือจะเอาแบบสรุปทำนองชาวพุทธก็
๑ อย่างน้อยท้องต้องอิ่มก่อน
๒ มีปัจจัย ดำรงชีพตามพอสม
๓ อิ่มในการรักษาศีล
๔ แล้วจะนั่งธรรมมะได้เป็นสุข
อันนี้ต้องว่ากันตามข้อๆ นะครับ อย่าไปข้ามหรือสลับ โบราณท่านพูดเอาใว้คล้องจองน่าฟังว่า "ทาน ศีล ภาวนา" ไม่มีกลับหรือสลับ

๐ คำสอนของวัดเรา ..... ต้องบอกตามจริงนะครับ ว่าอาจจะดูขัดคนที่ไม่เข้าใจพอควรเพราะเป้าหมายของชาวเรา ไปนิพพานนะใช้ แต่อย่างไรก็ต้องที่สุดแห่งธรรม ดังนั้นคำสอนบางอย่างจะไม่เหมือนที่ได้รับจากวัดอื่น แต่ที่ชัดๆ ก็คืออย่างไรคำสอนของเราก็อิงในหลักที่ว่าด้วย "ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส" อย่างที่คุณหัดฝันว่านะครับ

อนึ่ง วัดเราไม่ได้รวย()นะครับ แต่ลูกหลานหลวงพ่อ คุณยาย ทั้งหลายที่ นี่ละครับที่ร่ำรวย

ขอร่วมอนุโมทนากับทุกคำตอบที่น่าสนใจของเพื่อนสมาชิกด้วยนะครับ สา........ธุ

#11 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2009 - 09:46 AM

ขอบคุณทุกท่านมากๆ เลยค่ะ ให้ความชัดเจนมากๆ เลยค่ะ แต่ยังไม่รู้ว่า ต้องชักแม่น้ำอีกกี่สิบสาย ถึงจะทำให้คน คนหนึ่ง ได้เข้าใจถึงหน้าที่ของการเป็นชาวพุทธที่แท้จริง การทำหน้าที่กัลยาณมิตร ไม่ใช่ของง่ายเลยจริงๆ ค่ะ

ส่วนคำถามที่อยากถามเพิ่มนะคะ
1. เขาเคยนั่งสมาธิตามหลักวิชชาธรรมกาย ด้วยการวางใจหยุดนิ่งเฉย ไว้ที่ศูนย์กลางกายแล้วเห็นองค์พระภายใน แต่มาภายหลัง โดนพระอาจารย์ชวนทำบุญหนักหลักเอ็ม ทั้งๆ ที่มาวัดแค่ครั้งแรก เลยฝ่อ เกลียดคำสอนไปเลย ไม่เอาเลย แบบนี้ จะทำอย่างไรดีคะ เราไปบอกเขาไม่ได้ว่า ให้ลองปฏิบัติดูก่อนจะปักใจเชื่อ เพราะเขาก็เคยปฏิบัติมาแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่า ทางนี้ ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธศาสนาที่ถูกต้อง - -"

2. ลองยกเอาเรื่องระดับความต้องการของ "มัลโลว์" --> คืออะไรหรอคะ หาในเน็ตไม่เจอ ขอความกรุณาด้วยค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าอีกครั้งค่ะ biggrin.gif
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#12 Sareochris

Sareochris
  • Members
  • 207 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:-
  • Interests:-

โพสต์เมื่อ 19 November 2009 - 11:00 AM

อ่ะ ป๋าจัดให้เลย ลูก laugh.gif

ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการ(Maslow’s Hierarchical Theory of Motivation)

Maslow กล่าวว่าความปรารถนาของมนุษย์นั้นติดตัวมาแต่กำเนิดและความปรารถนาเหล่านี้จะเรียงลำดับขั้นของความปรารถนา ตั้งแต่ขั้นแรกไปสู่ความปรารถนาขั้นสูงขึ้นไปเป็นลำดับ

ลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ ( The Need –Hierarchy Conception of Human Motivation ) Maslow เรียงลำดับความต้องการของมนุษย์จากขั้นต้นไปสู่ความต้องการขั้นต่อไปไว้เป็นลำดับดังนี้
1. ความต้องการทางด้านร่างกาย ( Physiological needs ) ปัจจัย 4 เงินทอง อาหาร
2. ความต้องการความปลอดภัย ( Safety needs ) งานมั่นคง ปลอดภัย กินอิ่ม นอนหลับ
3. ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ ( Belongingness and love needs ) มีคนรัก ครอบครัวอบอุ่น
4. ความต้องการได้รับความนับถือยกย่อง ( Esteem needs ) ประสบความสำเร็จ ฐานะทางสังคม การเมือง
5. ความต้องการที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง ( Self-actualization needs ) ความสุขที่แท้จริง
ลำดับขั้นความต้องการของมาสโล มีการเรียงลำดับขั้นความต้องการที่อยู่ในขั้นต่ำสุด

จะต้องได้รับความพึงพอใจเสียก่อนบุคคลจึงจะสามารถผ่านพ้นไปสู่ความต้องการที่อยู่ในขั้นสูงขึ้นตามลำดับ

http://www.kmitnbxmi...s...814&Ntype=3
http://www.kmitnbxmi...s...591&Ntype=3
http://webspace.ship...oer/maslow.html

ประวัติความเป็นมาของมาสโลว์
http://th.wikipedia....rg/wiki/อ

#13 ปฏิปทา 072

ปฏิปทา 072

    ขอชื่อ ที่ถูกต้อง ปฏิปทา 072 THANIDA KOIKE

  • Members
  • 1358 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 19 November 2009 - 12:22 PM

มาเป็นกำลังให้ อีกคน จ๊ะ ขอให้ คุณ.น้องฟ้ายังฟ้าอยู่ พบความสำเร็จ นะจ๊ะ สาธุ สาธุ สาธุ

#14 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 19 November 2009 - 07:42 PM

เคยได้ฟังคุณครูบ้าง พระอาจารย์บ้าง ท่านเล่าให้ฟังเกี่ยวกับภารกิจของหมู่คณะบนวงบุญพิเศษน่ะครับ ว่าหมู่คณะนอกจากจะปฏิบัติธรรมรวมกันเป็นหมู่ใหญ่แล้ว ก็ยังจะมีภารกิจคอยไปชักชวนผู้มีบุญมาร่วมวงบุญกับหมู่คณะเป็นระยะๆ บุคคลที่หมู่คณะไปชักชวนนั้นได้แก่

1. พระโพธิสัตว์ ผู้บำเพ็ญบารมีมาในระดับหนึ่งมากบ้าง น้อยบ้าง แต่ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์(ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต) เปรียบเสมือนคนที่มีเรือใหญ่บ้าง กลางบ้าง ที่กำลังแล่นเรือไปคอยตามช่วยเหลือสรรพสัตว์ที่ลอยคอในทะเลทุกข์ ให้ไปขึ้นฝั่ง(พระนิพพาน)ด้วยกัน

พระโพธิสัตว์เหล่านี้ หลายๆ ท่านเมือได้รับทราบถึงมโนปณิธานของหมู่คณะที่ตั้งใจจะช่วยให้หมดมหาสมุทรกันเลยทีเดียว ก็ยินดีที่จะมาร่วมทีมงานกัน (นำเรือมาต่อพ่วงกัน) ในขณะที่หลายท่านก็พอใจที่รวบรวมหมู่คณะเฉพาะวงบุญตัวเองในระดับหนึ่ง แล้วจะเร่งเข้าพระนิพพาน เปรียบเสมือนผู้ที่เป็นเจ้าของเรือขนาดกลาง พอใจที่จะใช้เรือของพวกเขาขนสัตว์พอเต็มลำเรือ แล้วจะรีบมุ่งสู่ฝั่ง อย่างนี้ก็มี

ดังนั้น การชักชวนก็มีทั้งสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้างปะปนกันไป
ซึ่งหมู่คณะของเรา จะหลีกเลี่ยงที่จะชักชวนคนอยู่ 3-4 กลุ่ม คือ
พวกแรก พระโพธิสัตว์ ผู้ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว เปรียบได้กับ เจ้าของเรือที่รวบรวมคนได้เต็มลำเรือของตนเองแล้ว กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ฝั่ง หากไปชักชวนพวกเขาให้ย้อนกลับมาช่วยสรรพสัตว์ที่ยังตกค้าง ก็ดูกระไรอยู่

พวกที่สอง หมู่คณะวงบุญของพระโพธิสัตว์ผู้ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว เปรียบได้กับ ลูกเรือที่ได้ขึ้นเรือของเจ้าของเรือที่พร้อมมุ่งเข้าสู่ฝั่งแล้ว หากไปชักชวนพวกเขาลงจากเรือเขา แล้วมาขึ้นเรือเรา ก็ดูกระไรอยู่ เพราะเขากำลังจะเข้าฝั่งแล้ว

พวกที่สาม ผู้มีบารมีพร้อมจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เปรียบเสมือน ผู้มีเรือเล็กนั่งได้เฉพาะเขาคนเดียว และกำลังมุ่งหน้าสู่ฝั่งแล้ว ก็ไม่เหมาะที่จะไปตามเขาออกจากเรือ เพื่อออกจากฝั่งมาอีกน่ะครับ

พวกที่สี่ คือ พระอริยเจ้าตั้งแต่ระดับพระโสดาบันขึ้นไป เปรียบเสมือน ผู้กำลังจะถึงฝั่งเริ่มทิ้งเรือ ทิ้งเสบียงแล้วว่ายน้ำ หรือ เดินเข้าสู่ฝั่งแล้ว การจะไปนำพวกเขากลับลงมาลงเรือ(ลำเดียวกับเรา)อีก ก็ดูกระไรอยู่ จริงมั้ยครับ
สรุปคือ ผู้ที่พ้นแล้ว หรือ เที่ยงแท้แน่นอนว่าจะพ้นวัฏฏะแล้ว หมู่คณะของเราจะไม่ไปชักชวนน่ะครับ แล้วผู้ที่หมู่คณะชักชวนได้ จะเหลือใครบ้างล่ะ

2. ผู้ที่ได้พรัดพรากจากหมู่คณะไปเกิดตามที่ต่างๆ อย่างนี้ก็มีการไปชักชวนกลับมาได้ครับ แต่ต้องสะสางธาตุธรรมกันก่อน
3. บุคคลทั่วๆไป ที่แทบไม่มีสายบุญกับหมู่คณะ ที่ไปเกิดตามสวรรค์ชั้นจาตุ ดาวดึงส์ หมู่คณะของเราก็จะมีการลงมา(จากชั้นดุสิต) มาเทศน์ให้ฟังที่เทวสภา(ชั้นดาวดึงส์)บ้างเป็นระยะๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งพวกนี้ ก็ไม่อาจตอบได้แน่นอนว่า อนาคตจะเข้ามาร่วมกับหมู่คณะหรือไม่

เพราะฉะนั้น บางทีหากใครไม่ได้มีเชื้อสายกับหมู่คณะมา หรือ มีน้อยมาก อาจลองปล่อยๆไปก่อน เพราะไม่แน่ว่า เขาอาจจะเป็นคนวงบุญของพระโพธิสัตว์องค์อื่นๆ หรือ อาจเป็นพวกคนทั่วๆไปที่ไม่ได้มีสายบุญมากับหมู่คณะก็ได้ จากนั้น ก็ให้เวลาไปกับคนอื่นบ้าง ไม่แน่นะ คนที่คิดว่าใช่อาจไม่ใช่ แต่คนที่คิดว่าไม่ใช่อาจใช่ขึ้นมาก็ได้

สมัยพี่ยังเป็นนิสิตยังไม่เข้าวัด มีเพื่อนคุ้นๆกันอยู่ 5-6 คน ในบรรดานี้มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อโจ เข้าวัด และขึ้นชมรมพุทธ ภายหลังต่อมา เมื่อโจชวนพี่ขึ้นชมรมพุทธ โจได้บอกให้พี่ฟังว่า พี่น่ะเป็นคนสุดท้ายที่โจคิดจะชักชวนขึ้นชมรม เพราะมองไม่เห็นแววว่า คนอย่างพี่จะสนใจศาสนาได้เลย

ตอนนั้น โจเลือกที่ชักชวนเพื่อนคนอื่นๆ ที่โจคิดว่า ตอนขึ้นชมรมแน่ แต่สุดท้ายเพื่อนๆ เหล่านั้น ไม่มีใครติดชมรมเลย จนมาถึงตัวพี่เป็นคนสุดท้ายที่โจชักชวน แล้วพี่ก็ได้มาเป็นกำลังสำคัญของพระศาสนาจนได้ครับ ของมันบ่แน่น่ะ สิบอกไห่

ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#15 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2009 - 08:54 PM

QUOTE
เขาเคยนั่งสมาธิตามหลักวิชชาธรรมกาย ด้วยการวางใจหยุดนิ่งเฉย ไว้ที่ศูนย์กลางกายแล้วเห็นองค์พระภายใน
- แสดงว่าปัจจุบันไม่ได้จรดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายแล้ว หรือเปล่า

QUOTE
เราไปบอกเขาไม่ได้ว่า ให้ลองปฏิบัติดูก่อนจะปักใจเชื่อ เพราะเขาก็เคยปฏิบัติมาแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่า ทางนี้ ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธศาสนาที่ถูกต้อง
- นิ่งแล้วต้องแน่น เพื่อเข้าสู่สภาวะที่ว่า"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต"
- ถอนไปแล้ว สรุปว่าไม่ใช่คำสอนฯ ยากที่จะโน้มน้าว ลองชั่งใจกับเวลาที่ต้องเสียไปกับการเป็นกัลยาณมิตรใน case นี้ ว่าคุ้มค่าหรือไม่

QUOTE
แต่มาภายหลัง โดนพระอาจารย์ชวนทำบุญหนักหลักเอ็ม ทั้งๆ ที่มาวัดแค่ครั้งแรก เลยฝ่อ เกลียดคำสอนไปเลย ไม่เอาเลย แบบนี้ จะทำอย่างไรดีคะ
- เปิดเพลงศรัทธา...
- แนะว่าไม่ได้เป็นการบังคับหรือบีบคั้น แต่พระท่านคงเล็งเห็นกำลังความสามารถของเราก็เป็นได้นะ หากไม่เชื่อคงต้องกราบเรียนพระอาจารย์อีกรูปให้คำแนะนำ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#16 peter10

peter10
  • Members
  • 331 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 November 2009 - 02:28 AM

คิดแบบตรรกะง่ายๆ
คนที่จะปฏิบัติธรรม ใจไม่ควรจะขุ่นมัว ไม่ว่าจะไปวัดไปไหน(โดยเฉพาะบอกว่าไปทุกวัด ก็คงเจออะไรอีกเยอะล่ะคร้บ)
ส่วนตัว แม้กระทั่งเวลาไปเจอหรือทราบข่าวว่า มีเรื่องวัดหรือพระภิกษุที่ทุศีล เราก็ไม่ควรจะไปตำหนิติเตียน เพราะมันบาปปาก ท่านเหล่านั้นทำผิดเองก้ได้รับผลกรรมเอง เราก็ได้แต่ปลงอนิจจัง และละอายใจแทน และวางอุเบกขา
แต่หากใคร โจมตีทำลายพระพุทธศาสนา เราก็อยู่เฉยไม่ได้ ต้องเอาอุเบกขาวาง
เพื่อนคุณมีใจแบบนี้ ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องของเค้า บุญบาปของเค้า เราก็ได้แค่อธิบายความจริงที่เค้าเข้าใจผิดให้ทราบ แล้ววางอุเบกขา
เค้าโจมตีในเรื่องที่เค้าเข้าใจผิดเอง ในฐานะเป็นกัลยาณมิตร ควรว่าคุณควรทำอะไรล่ะครับ

ปล เรื่องชวนทำบุญนี้ มิได้มีใครบังคับ พระอาจารย์ท่านมีหน้าทีบอกบุญท่านก็ทำไปตามหน้าที่ ไม่งั้นป่านนี้ทางวัดเราจะทำงานทันการณ์หรือคับ เราต้องเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก ต้องช่วยกัน เพราะบางคนไม่เคยมาวัด(แบบเพื่อนผม)ไปบอกบุญเค้า เค้าทำมากกว่าผมเสียอีกในบางครั้ง ก็เพราะใจเค้าเปิดรับบุญ เพื่อนคุณมาวัดด้วย เห็นข้อวัตปฏิบัติ แล้วยังเป็นเยี่ยงนี้ก็ต้องว่ากันยาว
บารมีข้อแรก ตก เสียแล้วคงลำบาก เพราะหลวงพ่อพูดทุกวันว่าเราเกิดมาสร้างบารมี ทานบารมีเป็นข้อแรกนะครับ พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงตรัสไว้

เลือกเอา บัวมีสี่เหล่า
เลือกเอา ใจใสๆ

#17 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 November 2009 - 02:06 PM

ตอบอะไรไปก็ไม่เข้าถึงใจนะครับ ถ้าใจมันปิดอยู่

ต่อให้ภัตาหารเตรียมมาปราณีตอย่างไรก็ตาม ถ้าฝาบาตรไม่เปิดก็ใส่บาตรไม่ได้นะครับ

ชาที่ล้นถ้วย ใส่เพิ่มก็ล้นเสียของ แก้ที่ต้นเหตุที่ใจก่อนจะดีกว่า

#18 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 November 2009 - 03:30 PM

โอ้..
ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ณ dmc.tv แห่งนี้ ทุกท่านเลยค่ะ ที่เข้ามาช่วยกันโพสท์แสดงความคิดเห็น ดีๆ และมีคุณค่า ครบถ้วน กระบวนความ กันทั้งนั้นเลย

ของพี่หัดฝัน ก็ใช่เล่น ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยค่ะ
ส่วนของป๋า Sareochris ก็เด็ดค่ะ
ของท่านอื่นๆ ก็อ่านแล้ว ช่ายเลยย ทั้งนั้น

ฟ้าฯ จะลองนำไปใช้กับเขาดูนะคะ โดยเฉพาะคำแนะนำของคุณ "ลูกอินทรีย์หัดบิน" เนี่ย ต้องรีบทำก่อนเป็นข้อแรกเลยค่ะ (จริงๆ ตอนนี้ก็ทำอยู่ค่ะแต่ต้องทำให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก)

ขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างสุดซึ้งค่ะ cry_smile.gif
หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ดินแดนแห่งกัลยาณมิตรที่อบอุ่นแห่งนี้
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#19 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 November 2009 - 05:54 AM

เข้ามาร่วมอนุโมทนาบุญกับเพื่อนสมาชิกอีกรอบนะครับ โดยเฉพาะ นรอ Sareochris นะครับ เพราะอ่านที่เพื่อนนักเรียนสอบถามมาก็กะว่าจะอธิบายฉบับตรงๆ ไม่ประยุกต์ แต่ได้คุณ Sareochris นี่ละครับที่ช่วยอธิบายได้อย่างดีจริงๆ
สาธุ สาธุ สาธุ

เวลาเอาองค์ความรู้ของตะวันตกมาใช้(สำหรับคนที่คุ้นกับองค์ความรู้ทางนั้น) ถ้าเราเอามาผูกกับพระพุทธศาสนาจะเห็นได้ชัดเลยนะครับว่าองค์ความรู้ในพระพุทธศาสนาครอบคลุมและกว้างกว่าจริงๆ


#20 แก้วใสปิ๊ง

แก้วใสปิ๊ง
  • Members
  • 191 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 November 2009 - 09:06 PM

เข้ามาอนุโมทนากับจขกท.และผู้ที่มาให้ธรรมทานทุกๆท่านนะครับ
อยากจะเพิ่มเติมนิดนึงครับ...ในหัวข้อที่ว่าทำไมต้องสร้างใหญ่? dry.gif
จากที่เคยได้ฟังมานะครับมีการเปรียบเทียบอันนึงที่น่าสนใจ...
ในสมัยพุทธกาลมีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ"พระธนิยะ" นำเอาปัจจัยที่
ญาติโยมถวายมาสร้างกุฏิของตนเองอย่างใหญ่โตสวยงาม สร้างจากดินเผาสีแดง
งดงามดั่งตัวแมลงเต่าทอง เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว นำพาสาธุชนจำนวนมากเดินทาง
มาชม ข่าวไปถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้เรียกพระธนิยะมาเฝ้าและตรัสถาม
พระธนิยะก็ตอบรับตามจริง พระพุทธองค์จึงได้สั่งให้ไปรื้อทิ้งเสีย นั่นไม่ใช่กิจของสงฆ์! mad.gif
แต่เมื่อครั้งที่อุบาสิกาวิสาขามีจิตศรัทธา...สละทรัพย์ครั้งใหญ่เพื่อจะสร้างวัดบุพพาราม
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อทราบ กลับอนุโมทนากับนางวิสาขา อีกทั้งยังส่งพระโมคคัลลานะ
ซึ่งเป็นอัครสาวกที่เลิศทางด้านมีฤทธิ์ไปช่วยดูงานก่อสร้างอีกด้วย! nerd_smile.gif
ทั้ง2เคสนี้ต่างกันนะครับ...เพราะอะไร?
เพราะพระพุทธองค์สอนให้สาวกของท่านรักสันโดษ เป็นอยู่อย่างเรียบง่าย กุฏิสงฆ์จึงไม่มีความจำเป็นต้อง
ใหญ่โตงดงาม...แต่กับวัดบุพพารามที่นางวิสาขาจะสร้าง แม้จะใหญ่โตและใช้ทรัพย์มากแต่เป็นสถานที่
ปฏิบัติธรรม เป็นที่ฟังธรรมอันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้คน สาธุชนจำนวนมาก
ปล1.วัดนี้ใหญ่จริงหรือปล่าวต้องลองมาดูงานบุญใหญ่ครับ...เอาใกล้ๆก็เสาร์ที่12ธ.ค.นี้
ปล.2เอาใจช่วยจขกท.นะครับสำหรับการทำหน้าที่ด้วยหัวใจของพระโพธิสัตว์

ถ้าอยากได้"จริง"จะได้...แต่ตอนจะได้ไม่"อยาก"


#21 tong_tong_tong

tong_tong_tong
  • Members
  • 169 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 November 2009 - 11:27 AM

เอารูปเด็กดี v star ให้เขาดู จบแน่ๆครับ