เราเป็นอะไรเนี่ย.. ช่วยตอบที.. ?
#1
โพสต์เมื่อ 02 July 2008 - 10:18 PM
เพราะปัญหาเรื่องคน คือ เจ้าของบริษัทไม่ซื่อต่อภรรยาซึ่งเป็นอาจารย์สอนเราตอนเรียนโท
และยังแจกเงินให้สาวๆลูกน้องเรา ซึ่งใครๆก็รู้ว่าคืออะไร.. แต่ไม่มีใครเล่นด้วย
มากกว่านั้น เราเหนื่อยที่จะต้องมาคอยสร้างภาพพจน์ที่ดีให้เขาดูดีในสายตาลูกน้องเรา
ในเมื่อเขาทำตัวไม่ดีแบบนี้ และทำให้น้องๆเรา(เราคุมหมดทั้งบริษัท)เสื่อมศรัทธากับองค์กร
มากกว่านั้นคือ เขาชอบพูดถึงวัดในแง่ร้าย ซึ่งเรารับไม่ได้เลย..
และยังชอบพูดให้เราเลิกถือศีล ๘ อีก ซึ่งเรารำคาญมาก.. แล้วหลังๆยังชอบหาเรื่องเราอีก..
สถานการณ์ตอนนี้..
- ตังค์เก็บไม่เหลือแล้ว.. (อายจัง)
- เราต้องจ่ายหนี้ค่าบ้านอีก 2 ล้าน เดือนละ 20,000 บาท
- จ่ายหนี้บัตรเครดิตอีกร่วมแสนบาท จ่ายเดือนละประมาณ หมื่นเศษๆ
- คุณพ่อเกษียณนานแล้ว ตังค์เก็บแทบไม่เหลือแล้ว
- คุณแม่ไม่มีรายได้อื่นใด นอกจากที่ลูกๆให้
- พี่ชายบอก.. ไม่มีเงินช่วยแล้วนะ.. เพราะเขาก็มีภาระลูกเมีย ซึ่งน่าเห็นใจ
- เราอยากขายบ้านทิ้ง.. เอาเงินมาใช้หนี้.. แล้วเริ่มต้นใหม่กับเงินที่เหลือ (ซึ่งน่าจะราวๆล้านบาท)
(ใจอยากถวายหล่อหลวงปู่ทองคำให้หมดเลย.. แล้วไปอยู่วัด.. แต่วัดคงไม่รับง่ะ..)
แต่.. ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชาย.. ไม่มีใครเห็นด้วยและไม่อยากให้ขายเลย.. แต่ก็ไม่มีตังค์ช่วย
แล้วเราจะทำไงเนี่ย.. เอิ๊ก..
- เรารับงาน Website มาทำที่บ้าน ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะได้กี่ตังค์.. เราไม่กล้าพูด
เพราะแม้จะเพิ่งรู้จักพี่เขา แต่ก็เคารพรักและเกรงใจอย่างมาก (ก็คนมาวัดนี่นา)
(ถ้าสะดวกเรื่องเงินจะทำให้ฟรีเลยนะเนี่ย)
- เราไม่สมัครงานแล้ว เพราะพิสูจน์มาแล้วว่า หากจะถือศีล ๘ แบบเน้นๆ ไม่เหมาะจะทำงานบริษัท
เพราะสิ่งสกปรกข้างนอกนั้น.. มันเยอะมาก.. แต่ละวันต้องกลับมานั่งสมาธิอย่างยาวนาน
เพื่อชำระล้างใจ.. ไม่งั้นจะรู้สึกไม่ดีเลย.. แล้วก็จะพักผ่อนไม่พอด้วย.. อีกอย่างคือ พออายุเริ่มมาก
โอกาสได้งานก็น้อยลงเป็นธรรมดา ถึงจะเก่งยังไงก็เถอะ.. ควรหาอะไรทำเป็นของตัวเองจะดีที่สุด
(แต่ก็ยังไปไม่ถึงไหน)
- คุณแม่มานอนที่บ้าน บ่นให้ฟังทุกวัน ท่านว่า ทำไมเราดูใจเย็นจังเลย..
เราไม่มีตังค์เก็บเหลือเลย.. ยกเว้นตังค์ที่หยอดมณีทวีบุญ ไม่กี่ร้อย.. เพราะ..
- ปกติเราต้องจ่ายหนี้มหาศาลในแต่ละเดือนทั้งบ้าน, บัตรเครดิต(ที่มันเยอะ เพราะที่ผ่านมา
เราเอาหลานสาว(ลูกพี่ชายคนโต คนละพ่อกับเรา)มาเลี้ยงเหมือนลูกสาว (เรียนอยู่ปี 2 แล้ว)
(เพราะพี่ชายต่างบิดา เขาลำบากมากๆ เราอยากช่วย) ค่าใช้จ่ายเลยเพียบบบ)
- อีกอย่างคือ เราจะบ้าทำบุญมาก เดือนละประมาณ 6,000-7,000 บาทตลอด ทั้งที่หนี้สินบานตะไท..
ช่วงพิเศษก็ 15,000-20,000 บาท.. ต้องรูดบัตรมาทำบุญก็ยอมด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง..
เดือนที่ผ่านมาตังค์ไม่พอ เลยต้องหยุดทำบุญ "บูชาข้าวพระตลอดชีวิต" ที่ทำมาเกือบปีแล้ว..
และตั้งใจจะทำตลอดชีวิตจริงๆ.. (แต่ในที่สุด ก็ต้องยอมจำนน.. แต่เราจะกลับมาใหม่แน่ๆ)
แต่ยังเค้นเงินมาทำหนังสือ "อยู่ในบุญ" ที่เป็นเจ้าภาพทุกเดือน.. และคิดว่าจะเป็นไปตลอดชีวิต
เพราะอยากให้เป็นจุดเปลี่ยนของคนอีกหลายคนบนโลก
ทุกวันนี้เราไม่รู้จะทำอย่างไรจึงจะดีที่สุด..
แต่สิ่งที่เรารู้อยู่อย่างเดียวคือ.. เรายังทำทาน รักษาศีล ๘ และนั่งสมาธิทุกวันทุกคืน
แม้จะมีตังค์ทำทานน้อยมากแทบไม่มี (ปลายเดือนที่แล้วยังเค้นมาเลี้ยงเพลพระที่วัด 200 บาทเลย)
ใครจะมาห้าม หรือมาหยุด ไม่ให้เราทำทาน, รักษาศีล ๘, นั่งสมาธิ เราจะไม่ยอมเด็ดขาด..
ส่วนมากก็คุณแม่นี่แหละ เราก็เข้าใจนะว่าท่านเป็นห่วง
ท่านจะเป็นห่วงเราเรื่องปาก-ท้อง-ที่อยู่อาศัย.. ประมาณนี้..
แต่เรากลับดูเหมือนไม่สนใจอะไรในสิ่งที่เป็นอยู่ในชาตินี้เลย..
แต่เราก็ตั้งใจทำงานที่รับมานะ.. ทำทั้งวันถึงกลางคืนเลย..
เราไม่รู้จะทำอย่างไรให้ดีไปกว่านี้แล้ว.. จึงเกิดกระทู้นี้ขึ้นมา..
คำถามที่คาใจ..
1. ตกลงอย่างเรานี่เค้าเรียกว่าใจเย็นหรือ.. ?
2. เราผิดจากคนปกติหรือเปล่า.. ?
3. ทำไมเราเป็นแบบนี้.. ?
4. คนอื่นที่เจอแบบนี้เขาทำยังไงกันหรือ.. ?
5. แล้วเราควรทำอย่างไร.. ?
ที่ถามเพราะหลังจากฟังคุณแม่บ่นบ่อยๆ.. เราเริ่มไม่แน่ใจ และสับสนกับตัวเอง..
เลยต้องถามใครสักคน(ที่มีธรรมมะในหัวใจ)ให้หายข้องใจ..
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ และทุกท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยม..
และกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ และทุกท่านที่ตอบคำถามให้เราหายข้องใจจ้า..
ขอให้ธรรมมะสว่างไสวโชติช่วง.. สาธุ.. สาธุ.. สาธุ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#2
โพสต์เมื่อ 02 July 2008 - 10:55 PM
ทำทุกอย่างด้วยความสมดุลย์ของชีวิต
เมื่อเวลาผ่านไป หลาย ๆ อย่างจะลงตัวด้วยตัวเอง
เป็นกำลังใจให้จ้ะ
#3
โพสต์เมื่อ 02 July 2008 - 11:13 PM
1. ใจเย็น ไม่ใช่ ปล่อยวาง ปล่อยวาง ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย
2. ก็ไม่คิดว่าผิด แค่บางครั้งไม่สมดุลย์ อยู่กับปัจจุบันและทำให้ดีที่สุดทุกวัน เพราะวันนี้เป็นอดีตของพรุ่งนี้ เป็นอนาคต ของ เมื่อวานนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับวันนี้
3. มุ่งมั่นเกินไป (มั้ง)
4. คนอื่น แบบไหนล่ะ เข้าใจเรื่องบุญหรือเปล่า ? ต้องตั้งสติดี ๆ แล้วค่อย ๆ ดูทีละเรื่อง บางปัญหาคลี่คลายด้วยตัวเองได้ บางปัญหาก็ต้องมีเวลาของมัน บางปัญหาก็แก้ไม่ได้ ไปอ่านต่อ ใน AT LAST YOU WIN นะจ๊ะ
5. อ่านคำตอบข้อ 1 - 4
#4
โพสต์เมื่อ 02 July 2008 - 11:24 PM
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอ่านอีกทีจ้า..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#5
โพสต์เมื่อ 02 July 2008 - 11:44 PM
แต่เคยได้ยิน หลวงพ่อท่านสอนสั่ง ทำบุญให้เต็มที่เต็มกำลัง แต่อย่าให้เดือดร้อนตัว...
ทุกวันนี้ จึงต้องพยายามทำให้สมดุล ไม่ให้คนรอบข้างเขาว่าได้.. กลัวว่าไม่เข้าใจแล้วจะเข้าใจผิด
วันนี้ก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และพยายามทำให้คนรอบข้างเข้า... ซักวันหนึ่งจะได้หมดกังวล ทำบุญได้อย่างสบายใจ
เอาใจช่วย เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี นะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 08:48 AM
อิอิ ฟังดูแล้วคุณคงมีวิบาก(เก่า)เหมือนกัน คิดว่างี้ค่ะ
1.ต้องไปทำงานบริษัท(ซักแห่ง)เงินถึงจะพอใช้นะคะ ฟังดูคุณเด็กอนุบาลหน้าใส น่าจะเก่งมาก น่าจะหาที่ทำงานใหม่ได้ แต่พอเข้าไปแล้วอยากให้ทำแบบหลวงพ่อน่ะค่ะ ที่ท่านดูทุกอย่างแต่ไม่รับ(เช่นหลวงพ่อเห็นนรกสวรรค์ เห็นกรรมแต่คือสักแต่ว่าเห็น) งงมั้ยคะ สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราในที่ทำงานจะสกปรกทั้งนั้น (กะลังโดนเหมือนกัน หุหุ) ต้องสักแต่ว่าเห็น และคุณเป็นคนดีน่ารักอยู่แล้วก็เลือก ว่าอันนี้เราไม่รับ สักแต่ว่ามอง ไม่พูดไม่คิด และเลือกทำเลือกพูดแต่ที่ดี(หมายถึงว่าถ้าพูดแล้วเค้าไม่ทำไม่สนเราก็อย่าพูดน่ะค่ะ) ทำเท่าที่ทำได้ไม่ต้องคาดหวังว่าเค้าจะไม่เลว อิอิ (กรรมของเค้าก็ต้องแล้วแต่เค้าเราช่วยได้บ้างเท่านั้นนะคะ)
2.ใจเย็นถูกแล้วค่ะ เพียงแต่คุณแม่ท่านห่วงมาก คิดว่าลูกไม่พยายามคิดหนักเท่าที่ควร บอกท่านไปว่ากำลังพยายามคิดอยู่ครับ คุณแม่รอนิดนึงนะครับ
3.ถ้าจำเป็นสุดขีดต้องไปประนอมหนี้และขายบ้านจะรับไหวหรือคะ แต่เมื่อบุญส่งผลบ้านและทรัพย์ต่างๆ จะคืนกลับมาแน่นอน ขอเป็นกำลังใจให้คนดีลูกหลวงพ่อนะคะ ขอให้ผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยดีที่สุดนะคะ
4.ลองพยายามนำเงินสักเล็กน้อยที่พอหาได้ หรือแบ่งค่าจ้างทำเว็บไซท์ มาทำบุญเข้ากองทุนหลวงปู่ทองคำสิคะ แล้วกราบอธิษฐานขอให้หลวงปู่เมตตาช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤติ ทำมาแล้วค่ะ หลวงปู่จะช่วย รับรองว่าจะตะลึง จิงๆ
ขอร่วมกราบคุณพระศรีรัตนตรัยและพระเดชพระคุณหลวงปู่ทรงเมตตาช่วยคุณเด็กอนุบาลหน้าใสใจดี ผ่านทุกสิ่งไปด้วยดีที่สุด ได้ผลแห่งความดีทุกอย่างนะคะ สาธุค่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 08:48 AM
#8
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 08:59 AM
อนุโมทนาบุญกับ ท่าน จขกท. นะคะ
คุณเป็นคนมีจิตใจแน่วแน่และมุ่งมั่นมากค่ะ
ถือศีล 8 ได้ ทั้งที่ต้องทำงานร่วมกับคนมากมายทั้งบริษัท ถือว่า"เยี่ยมยอด" มากแล้วล่ะค่ะ
เพราะลำพังแค่ศีล 5 ก็ลำบากแล้วนะคะ
ข้อคิดเห็นส่วนตัวนะคะ...............
-การทำบุญ ไม่ควรที่จะให้เดือดร้อน ใคร ทั้งตัวเอง และคนอื่น
เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้บุญเต็มที่ค่ะ
-ไม่เห็นด้วยเลยค่ะ ที่ต้องไปรูดบัตรเครดิต(สร้างหนี้ให้ตัวเอง)เพื่อมาทำบุญ
ทำอย่างนี้คนนอกที่ไม่เข้าใจวัดก็ยิ่งมองวัดไปในทางเสื่อมมากขึ้นกว่าเดิมอีก
ขอโทษนะคะ ถ้าความคิดเห็นนี้อาจจะทำให้ไม่ชอบ
#9
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 09:33 AM
คนทั่วไปในยุด "อายุขัย หมุนลง" จะหาคนดีมีศีล ก็ยากเต็มที (เฮ้อ)
แนะนำว่า "หางานทำเถอะค่ะ โพสลงในเว็บหางานต่างๆ" + "หาอาชีพเสริม"
(วันก่อนเห็นหนังสือเล่มหนึ่ง ที่หารายได้จาก การ นำโฆษณาของ กูเกิ้ล มาลงในหน้าเว็บ ชื่อหนังสือ " AD... ? (จำไม่ได้) " เพิ่งซื้อมาวันก่อน
ถ้าสนใจเดี่ยวจะรีบอ่านแล้วส่งไปให้นะจ๊ะ
จะได้ทำงานกับบ้านได้ สบายใจดี
แต่ถ้าเลือกไม่ได้ ก้ยึดหลัก อิทธบาทสี่นะจ๊ะ
เมตตา
กรุณา
มุทิตา
อุเบกขา
ถ้าวางเฉยได้ ใจจะไม่สะเทือน
คนทุกคน มีกรรมเป็นของตน
ก็กำลังใช้กรรมของเธอ อยู่เช่นกัน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่สามารถ โปรดสัตว์ ได้ทุกคน นะจ๊ะ
เป็นกำลังใจ ให้คนดี เช่นคุณนะคะ
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "
#10
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 09:46 AM
#11
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 10:18 AM
ทำใจใสๆ ไว้ นึกถึงบุญที่ทำไป
ทั้งนี้ เหตุทีเกิดเนี่ย มันก็ไม่ได้เกิดจากใคร มันเกิดเพราะตัวเราเองนั่นแหล่ะค่ะ โทษใครมะได้หรอก
"ความพอเพียง" ก่อให้เกิดสุข
ถามตัวเองสิคะว่า ที่ผ่านมา เรา "พอเพียง" รึป่าว เท่าที่เล่าให้ฟังมานี่ ก็รู้ว่า "ไม่" พอออกจากงาน ก็เลยหนี้บาน อย่างที่เห็น
เรื่องงานออฟฟิสเนี่ยนะคะ ไม่มี ไม่ตายค่ะ ขอบอกได้เลย เต็มปาก
ทำงานที่บ้าน เขาก็รวยกันมานักต่อนักแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น เกิดจาก
1. ปัญญา
2. บุญ
สองอย่างนี้เท่านั้นแหล่ะค่ะ อ้อ ขอบวก ธรรมะเล็กน้อย ไว้เป็นข้อคิดเพิ่มเติมหน่อยนะคะ
1. ไม่สะสมอารมณ์
2. ไม่สะสมสิ่งของ
ตอนนี้คุณใจเย็น ทำถูกแล้ว ตรงตามข้อ 1 เพราะถึงจะฟูมฟาย เครียด เบื่อ กลุ้ม มันก้อไม่ได้ทำให้ปัญหาหาย มีแต่กลับจะยิ่งเพิ่ม สู้ใจนิ่งๆ เดี๋ยวไอเดียดีๆ จะเกิด เองค่ะ มีเยอะแยะ บุคคลเคยล้มละลาย กลับพลิกเอาวิกฤต มาเป็นโอกาส คนจน อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นรวย เพียงเพราะเดินไปเห็น ตลับหมึกที่เขาทิ้งแล้ว ทุกวันนี้กลายเป็นเศรษฐี โอ ทุกอย่างในโลกนี้ เปลี่ยนเป็นเงิน เป็นทองได้หมดแหล่ะค่ะ แม้แต่ "ลม" ใจใส เดี๋ยวปัญญาเกิด รับรอง ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเองค่ะ
ขอแถม "อินเตอร์เน็ต คือตลาดอันกว้างใหญ่ คือขุมทรัพย์แห่งเงินและทอง ลองขุดดูนะคะ"
ส่วนอันที่ว่า "ไม่สะสมสิ่งของ" เนี่ย ลองสำรวจตัวเองดูว่า อันไหนขายได้ ก็ขายๆ ทิ้ง เปลี่ยนสินทรัพย์มาเป็นทุน จะดีกว่า วางไว้เฉยๆ ให้เป็นเครื่องรกใจนะคะ ยิ่งมีสมบัติมาก ก็ยิ่งเอาตัวเองเข้าไปผูกกับสิ่งของมาก เปลือง ค่ะ เปลืองใจ
ปล.มาช่วยเว็บ dmc เอาบุญด้วยสิคะ จะได้มีบุญเกื้อหนุน ให้สำเร็จๆๆ อิอิ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#12
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 10:28 AM
..ก่อนลาออกจากงานทำไมไม่หางานใหม่รองรับก่อนล่ะครับ..ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าต้องมีภาระค่าใช้จ่ายประจำทุกเดือน
งานใหม่ก็ต้องมีรายได้พอเพียงกับภาระที่ต้องจ่าย
ใช้เศรษฐกิจพอเพียงครับ ขายบ้าน มาหาคอนโดถูกๆอยู่น่าจะลดภาระลงได้บ้าง..(ขายบ้านไม่ใช่จะขายง่ายๆเหมืนขายพวงมาลัยสี่แยกนะครับ) ใครไม่อยากให้ขายก็ให้เขามารับซื้อไปผ่อนต่อ
หลวงพ่อไม่สนับสนุนให้ใครไปกู้หนี้มาทำบุญหรอกนะ..เป็นหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้ที่ไหนๆก็ไม่มีความสุขหรอก หาเงินมาใช้ไม่ทัน ความทุกข์จะมาตามหลอกหลอน
ถ้าสถานการณ์คลี่คลายแล้วต่อไปก็คิดใหม่ทำใหม่ให้พอเพียงด้วยนะครับ แต่การทำบุญก็สุดๆเต็มกำลังแต่อย่าเกินกำลังจนเป็นหนี้
เป็นข้อแนะนำนะครับ ไม่ใช่ต่อว่าซ้ำเติม
#13
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 11:16 AM
1.คำนวณรายจ่ายที่จำเป็นจริงๆ(ขอเน้นครับ)ตอนนี้ในแต่ละเดือนว่าเราต้องมีรายจ่ายเท่าไหร่ครับ
2.เราสามารถหารายได้มาใช้จ่ายเพียงพอในแต่ละเดือนหรือไม่ ขณะนี้
3.ถ้าไม่พอคุณควรประกาศขายบ้านเพราะคุณอนุบาลหน้าใสถือศีล8 อยู่แล้วคงไม่มีปัญหาเรื่องที่อยู่ครับ
ดูแล้วคุณมีหนี้หลักๆคือบ้านกับบัตรเครดิต ซึ่งถ้าขายบ้านได้ก็เหมือนการปลดหนี้ไปในตัวครับ
สาธุครับ
#14
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 11:52 AM
1. สิ่งที่เราอยากได้
2. สิ่งที่เราอยากทำ
3. สิ่งที่เราเป็นห่วง
4. สิ่งที่เรากังวล
5. สิ่งที่เป็นภาระ
6. สิ่งให้ความสุขที่สุดสำหรับเรา
7. สิ่งที่ก่อให้เกิดความทุกข์ที่สุดสำหรับเรา
8. เราอยากอยู่ที่ไหน กับใคร
9. อะไรคือตัวแปร ตัวสนับสนุนให้เราพบกับความสำเร็จทุกครั้ง
10. เราทำสิ่งตรงข้ามกับคำตอบทั้งหมดได้หรือไม่
หากคุณตอบคำถามข้อที่ 10 ได้ นั่นอาจหมายถึงความสุขของคุณ นะครับ
สู้ต่อไปนะครับ ขอให้กำลังใจ และขออนุโมทนาในความมุ่งมั่นในบุญ
สาธุ
#15
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 12:08 PM
๑. ถ้ามีคนต่อว่าเราว่า "มีเงินเท่าไหร่เอาไปทำบุญหมด"; http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4731
๒. ทำบุญอย่างไรไม่ให้เดือดร้อนผู้อื่น; http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4766
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#16
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 01:09 PM
#17
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 01:49 PM
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอครับ
#18
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 01:49 PM
สิ่งที่ทำนี้จะนำมาซึ่งความสุข ทำต่อไปนะคะและขออนุโมทนาบุญด้วย
ถ้าอยู่ในบุญตลอด เดี๋ยวก็จะได้ทางออกที่ดีที่สุด
ขอเป็นกำลังใจให้คะ
"อินเตอร์เน็ต คือตลาดอันกว้างใหญ่ คือขุมทรัพย์แห่งเงินและทอง ลองขุดดูนะคะ"
เห็นด้วยอย่างยิ่งคะ
#19
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 03:40 PM
#20
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 03:48 PM
ชีวิตเป็นเรื่องซับซ้อน เจอเรื่องอะไรก็แล้วแต่ก็ต้องอยู่ให้เป็น อยู่ด้วยสติ อยู่โดยรับรู้สภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
ถึงแม้ไม่มีทรัพย์ทำบุญก็ไม่เป็นไร หรอกครับ ที่สำคัญต้องรักษาใจไว้นะครับ
#21
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 04:02 PM
อะไรที่ตึงเกินไป หรือหย่อนเกินไป มันก็ไม่ดีนะครับ
แนะนำให้อยู่ในบุญให้ตลอดเวลา เพื่อดึงบุญเก่ามาช่วยให้เร็วที่สุด นั่งสมาธิเยอะๆๆๆๆๆๆ
#22
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 05:05 PM
ถามว่าคุณเป็นอะไร ผมตอบแบบเต็มปากเต็มคำว่า คุณเป็นนักสร้างบารมี เพราะฉนั้นอย่ายอมแพ้อุปสรรคแค่นิดหน่อยครับ ใช้สติปัญญาไตร่ตรองสักนิดทุกวิธีย่อมมีทางแก้แน่นอนครับ ยกตัวอย่างปัญหาของผมให้คุณจขกท.ดูก็แล้วกัน เผื่อเป็นแนวทางให้คุณจขกท.ได้
ตอนนี้ผมก็เหมือนกับคุณจขกท. คือเป็นหนี้บัตรเครดิตเงินผ่อน ประมาณ100000บาท แต่ผมชำระเดือนละไม่เกิน6000เพราะทุกครั้งที่ผมใช้บัตรผมจะเลือกผ่อนชำระเป็นปีซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนผมน้อยลง ตอนนี้เหลืออีก2ปีผมจึงจะใช้หนี้หมด แต่ผมมีวิธีที่สามารถใช้หนี้ได้หมดภายใน1ปี วิธีของผมคือ เอาบัตรเครดิตออกจากกระเป๋าตัง ใส่กล่องล๊อคแม่กุญแจทิ้งกุญแจลงชักโครก ไม่ใช้มันอีกเด็ดขาด
ผมมีรายได้เดือนละ19000 หักให้ป้าผม2000 ให้พ่อแม่ผม2000สมทบทุนให้ท่านไว้ทำบุญ เหลือ15000
ใช้หนี้บัตรเครดิต6000ค่าโทรศัพท์อีก1500(บ้าน+มือถือ) เหลือ7500
ฝากเงินเข้าธนาคาร5000ห้ามถอนเด็ดขาด เหลือตังใช้2500ต่อเดือน
ทำบุญ1000เหลือตังใช้กินข้าวเดือนละ1500 เฉลี่ยวันละ50บาท พอ2มื้อครับ ^ ^
ครบ1ปีผมจะมีตังเก็บในธนาคาร 60000บาทซึ่งพอดีกับหนี้ที่เหลือของผม ถอนออกมายัดลงหนี้ให้หมด \ ^ ^ / ไชโยปลดหนี้ได้แล้ว
เมื่อปลดหนี้ได้แล้วเงินผ่อนค่าหนี้ผมก็จะไม่ต้องผ่อนอีกต่อไป เหลือแค่เสียค่าโทรศัพท์เท่านั้น ทีนี้ผมก็มีเงินเก็บมากขึ้นกว่าเดิม มีเงินทำบุญเยอะขึ้นกว่าเดิม เยส! ได้เป็นเจ้าภาพกฐินกับเขาบ้างละทีนี้ ^ ^
แม้ช่วงนี้ผมจะตังทำบุญเพียงน้อยนิด แต่เพื่อให้หนี้สินหมด ตอนนี้ผมก็คงต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวานละครับจริงป่ะ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#23
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 05:34 PM
ตอนนี้ผมมีรายได้เดือนละ2500บาท(เดกม.ต้นอ่ะครับ)
ผมเอาเงิน1000ไว้สร้างองค์พระทุกเดือนอีก1ปีจะครบ1องค์รวมเป็น2องค์
ที่เหลืออีก1500บาทเอาไสว้ใช้สัพเพเหระ พอวันเสาร์-อาทิตย์ผมก็ไปสถานีรถไฟเพื่อไปหาพระซื้อตั๋วถวายปานะท่านจนกว่ารถไฟจะออกมีอยู่ครั้งนึงพระท่านขึ้นรถผิดขบวนท่านจะไปซื้อตั๋วแต่ตังส์ไม่พอโชคดีผมไปเจอเลยออกตังส์ไปให้ปลื้มจริงๆอิอิ
ปล.หลงพ่อไม่แนะนำให้กู้เงินมาทำบุญนะครับแต่ถ้าใช้หมดก็ไม่เปนไรแต่ถ้าใช้ไม่หมดบุญก็จะหย่อนลงมา สาธุ
#24
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 06:27 PM
ช่วงพิเศษก็ 15,000-20,000 บาท.. ต้องรูดบัตรมาทำบุญก็ยอมด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง
แล้วคุณก็บอกว่าคุณไม่มีเงิน
หลายคนที่มาแสดงความเห็นกับคุณก็บอก สาธุ สาธุ
คุณทำบุญเพื่ออะไร เพื่อสังคม หรือเพื่อที่คุณจะได้สะสมบุญของคุณเอง
แต่คุณบาปต่อแม่ บาปต่อแฟน เพราะคุณทำให้ท่านเป็นห่วงคุณ
คิดสักนิดนะครับ
#25
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 08:01 PM
#26
โพสต์เมื่อ 03 July 2008 - 08:05 PM
แต่ในเมื่อคุณได้สร้างบุญไปแล้วด้วยจิตเป็นกุศล ผมก็ขอแนะนำให้เริ่มตั้งต้นหลักใหม่นะครับ ต้องวางแผนการเงินให้ดี คำนวนว่าแต่ละเดือนรายจ่ายเท่าไร และต้องหายรายได้มาให้สมดุล แม้งานที่ต้องทำนั้นอาจทำให้ใจหมอง แต่ผมขอแนะนำให้สร้างขันติบารมี มากกว่าที่จะหนีสถานการณ์นะครับ ถ้าหากคุณทนได้ แก้ไขปัญหาในที่ทำงานด้วยปัญญา แผ่เมตตาให้เจ้านาย และอดทนทำหน้าที่กัลยาณมิตร อธิษฐานจิตประกอบเป็นประจำ ผมว่าเมื่อบุญส่งผล ก็สามารถเปลี่ยนเจ้านายคุณได้เหมือนกัน แต่ในเมื่อออกจากงานมาแล้ว ดีที่สุดในเวลานี้ก็คือปฏิบัติธรรม อธิษฐานจิต และหางานที่มีรายได้พอเพียงมาค้ำจุนชีวิตนะครับ ที่สำคัญคือนอกจากบุญจะทำงานในส่วนละเอียดแล้ว คุณเองก็ต้องประกอบเหตุในส่วนหยาบด้วยเช่นกันครับ
สำหรับการสร้างทานบารมีในช่วงนี้ผมก็เห็นว่าทำต่อไปได้นะครับ เพียงแต่ต้องให้สมดุลกับรายรับและรายจ่ายที่มี ขอให้หมดหนี้หมดสิน เหลือกินเหลือใช้ เหลือไว้สร้างบารมีนะครับ
#27
โพสต์เมื่อ 04 July 2008 - 08:45 AM
#28
โพสต์เมื่อ 04 July 2008 - 09:50 AM
เมื่อวานหมดแรง สลบ..
คือ ที่เรารูดบัตรทำบุญก็มีแค่ 2 ครั้งได้ ตอนนั้นเงินเดือน 46,000 บาทอ่ะ
คิดว่าเราน่าจะใช้หนี้ได้ในไม่ช้า เพราะอยากได้บุญใหญ่นั้นมากๆ
ทำเสร็จแล้วเราก็ปลื้มนะ ปลื้มมากๆด้วย
แม้ตอนนี้.. เราก็ยังปลื้มและไม่รู้สึกว่าเราผิดแต่อย่างใด เพื่อบุญนั้นเรายอมได้ทุกอย่าง
เราอาจคิดแตกต่างนิดนึง ก็ยอมรับว่าไม่ค่อยดี
แต่เรามองว่ามันไม่ต่างจากการควักลูกนัยตาสดๆ การสละอวัยวะสดๆ ของพระโพธิสัตว์ เพื่อผู้อื่น..
ใจเรายังชุ่มเย็นในบุญที่ทำอยู่เสมอ.. และสถานการณ์เลวร้ายรอบตัวที่บีบคั้นไม่อาจเปลี่ยนสิ่งนี้ได้
สำหรับเรา.. อะไรก็ได้.. แต่เพื่อบุญที่ทำ เพื่อผู้ที่รับทานจากเรา.. ต้องเลิศเสมอ..
แม้เราต้องเสียทุกอย่างไป..
แม้ต้องสละทรัพย์ทุกอย่างไป ไม่มีบ้านอยู่..
แต่เรายังรักษาศีล ยังนั่งสมาธิได้.. เราคิดแค่นี้จริงๆนะ..
ถ้าจะว่ากันจริงๆแล้ว ถามว่าเราเบียดเบียนตนเองไหม..
เราว่าไม่นะ.. เพราะบ้านที่เราอยู่นี้ บ้านเดี่ยวซื้ออยู่คนเดียว 80 ตรว.
ตอนแรกต้องการมีครอบครัว แต่แฟนทิ้ง เราเลยไม่สนใจอะไรแล้ว ขอทำบุญอย่างเดียวดีกว่า
หากจะต้องเสียบ้านไป.. เราก็หมดหนี้บัตรเครดิต หมดหนี้ค่าบ้าน
ส่วนเราอยู่ที่ไหนก็ได้.. ยังไม่เห็นมีอะไรในชีวิตที่ติดลบเลย..
อีกอย่างนึง.. ที่เราดูเหมือนใจเย็นเช่นนี้ (แบบที่คุณแม่พูดกับเราเสมอๆ)
อาจเป็นเพราะ.. ช่วงชีวิตที่ผ่านมา เราผ่านบทพิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า..
ยิ่งให้.. จะยิ่งมี.. แม้ระหว่างทาง.. จะเจียนตายแค่ไหน.. แต่ก็จะไม่ตาย..
จริงๆนะ.. เราเลยเฉยๆไง..
แต่เรากลับมามองที่ "ทางสายกลาง"
แม้ว่าพระโพธิสัตว์ที่สั่งสมบารมีมายาวนาน ยังต้องค้นทางสายกลางให้เจอเลย
บางครั้งบางคราว เราก็รู้สึกว่าการสร้างบารมีอย่างยิ่งยวดในเส้นทางของท่าน
หลายครั้งก็ "ตึงเกินไป"
เราเอง แม้อาจเทียบไม่ได้กับพระโพธิสัตว์ แต่บางคราวเราก็มองว่าบางอย่าง.. ตึงเกินไปหรือเปล่า.. ?
ต่อไปเราคงต้องเอา "ทางสายกลาง" มาใช้ทั้งทางโลก และทางธรรม
มาใช้ทั้งกายหยาบ และภายใน
ถามว่าทำไมไม่สมัครงานให้ได้ก่อนลาออก
ก็เพราะเราไม่คิดอยากจะทำงาน Office อีกเลยนั่นแหละ จึงไม่สมัคร
ครั้นจะทำอะไรเป็นของตัวเอง.. เราก็ใจดีเกิน
คิดตังค์ลูกค้าก็ดันไปเกรงใจ ดันไปสงสารเขา..
เพื่อนอุบาสิกาคนนึงเคยฟังชีวิตการทำงานของเรา เขาบอกว่า..
ดูเหมือนพี่ไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ในโลกภายนอก.. น่าจะเกิดมาเป็นนักบวชมากกว่า..
แต่เหมือนมีอะไรมากดไว้..
ยังไงจากนี้ไป.. เราจะเอาความคิดเห็นที่ดี ข้อคิดดีๆ ของเพื่อนๆมาเป็นเครื่องเตือนใจนะ..
กราบขอบพระคุณทุกท่านมากๆเลยจ้า.. สาธุ.. สาธุ.. สาธุ..
Tomorrow.. เราจะรอ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#29
โพสต์เมื่อ 04 July 2008 - 10:03 AM
และอยากฟังความเห็นคนอื่นจริงๆนะ ว่าคนอื่นคิดยังไง และเราปกติหรือเปล่า.. ?
ซึ่งก็ได้คำตอบว่า.. ไม่ค่อยปกติ.. 555
แต่ยังไงเราจะพยายามปรับให้ปกติเหมือนคนอื่นละกัน
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#30
โพสต์เมื่อ 04 July 2008 - 12:06 PM