
พญามารใจร้าย
#1
โพสต์เมื่อ 04 February 2006 - 03:02 PM
แต่ทว่าหนทางที่มืดมิดก็ย่อมมีทางสว่างอยู่บ้างจริงใหม เพราะอย่างน้อยดิฉันก็มีพญาบุญที่จะคอยปกป้องดิฉันเสมอ และคอยห้ามปรามในสิ่งที่ดิฉันกำลังจะกระทำด้วยอำนาจของพญามารที่เลวร้ายตนนั้น แม้ว่ากำลังแรงฤทธิ์ของพณาบุญจะอ่อนกว่าเจ้าพญามารก็ตาม แต่ในจิตใจในส่วนลึกของดิฉันนั้น ดิฉันรักและเข้าข้างพยาบุญมากที่สุด เราจึงร่วมหัวกันที่จะกำจัดพญามารตนนั้น โดยการใช้รหัส 072 เข้าช่วยทุกท่านคงจะรู้จักกันดีนะคะ การดำเนินการครั้งแรกมันก็แสนอยากแสนลำบาก เพราะในขณะที่ดิฉันกำลังรวมรวมใจไว้ที่ศูนย์กลางกายนั้น ดิฉันก็ต้องพบเจอภาพความวุ่นวาย ทั่งเรื่องการเรียน หนังสือเล่มโตที่ต้องอ่าน การบ้านที่ต้องส่งพรุ่งนี้ พร้อมทั้งเสียงที่กระซิบอยู่ข้างหูว่า ลืมตาได้แล้วเธอกำลังจะตกเหว เพราะความรู้สึกที่ดิฉันกำลังเผชิญอยู่นั้นมันก็คือ เหวลูกใหญ่พร้อมด้วยพลังอันลึกลับสิ่งหนึ่งที่กำลังดึงร่างของดิฉันให้ตกลงไป ดิฉันเริ่มกลัวในความรู้สึกนั้น ดิฉันกำลังหวั่นใหวและฟุ่งซ่าน แต่ดิฉันก็พยายามข่มใจตัวเองว่าไม่ให้กลัว เสียงกระซิบยำเตือนไม่หยุดเขาพูดด้วยนำเสียงอันทรงพลังกว่าเดิมพันเท่าว่า อืม...ตื่นเถอะสาวน้อยอันตรายได้เข้ามาหาเธอแล้ว ฉันกำลังจะลืมตาแต่ทว่าเสียงกระซิบอีกข้างหนึ่งก็ได้ห้ามดิฉันไว้...สาวน้อยเอ๋ยนี่คือบททดสอบของพญามารเท่านั้นเธอต้องเอาชนะมันให้ได้ เอาชนะความหวั่นใหว ความฟุ้งซ่านนั้นให้ได้ ดิฉันพยายามรวมใจอีกครั้งและนึกถึงองค์พระใสๆในกลางท้องตามที่หลวงพ่อท่านสอนไว้ และแล้วความสงบก็เกิดขึ้นภายในจิตใจที่สว่างไสวของดิฉัน อีกทั้งความสุขที่พึงจะหาได้จากที่ไหนนั้นไม่มีเลย
และสิ่งที่ดิฉันได้รับสุดท้ายคือ การเอาชนะเจ้าตัวพญามารร้าย ด้วยรหัส 072 ที่ทำให้ดิฉันได้คิดสอนตนเองเป็น และนั้นก็หมายถึงดิฉันได้เอาชนะใจของตัวเองแล้ว และถึงแม้ว่าดิฉันจะมีจิตใจที่เข้มแข็ง แต่พญามารก็ไม่ได้ห่างหายไปไหนมันกำลังหาช่องทางที่จะเข้ามาครอบคลุมจิตใจของดิฉันอีกครั้ง ในยามที่จิตใจของดิฉันนั้นอ่อนแอลง แต่ถึงอย่างไรก็ตามดิฉันจะไม่ยอมให้ความคิดอันชั่วร้ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในความคิดของดิฉันอีก เพราะเป้าหมายในชีวิตของดีฉันคงไม่ต่างไปจากท่านผู้มีบุญทุกท่านหรอกค่ะ มันก็ คือการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร และปฎิบัติธรรมให้เข้าถึงวิชาพระธรรมกาย จะได้ไปอยู่กับ หลวงพ่อสด หลวงพ่อธรรมะไชโย คุณยายอาจารย์ ที่ดุสิตบุรี (วงบุญพิเศษ)เขตบรมโพธิสัตว์ สุดท้ายเด็กหญิงอายุ 14 คนนี้อยากจะตะโกนด้วยความปิติใจให้ก้องพิภพสักสามครั้งว่า ชิตังเม ชิตังเม ชิตังเม
ดิฉันขอขอบพระคุณท่านผู้มีบุญทุกท่าน ที่กรุณาอ่านข้อความในครั้งนี้
และดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชื่อของดิฉันจะถูกจาลึกไว้ในหัวใจของท่านผู้มีบุญทุกท่าน อนุโมทนาสาธุค่ะ
#2
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 04 February 2006 - 09:12 PM
คำว่า พญาบุญ คุณบัPญัติ เองหรือเปล่า
ประโยคแบบ
เสียงกระซิบยำเตือนไม่หยุดเขาพูดด้วยนำเสียงอันทรงพลังว่า อืม..ตื่นเถอะสาวน้อยอันตรายได้เข้ามาหาเธอแล้ว ฉันกำลังจะลืมตาแต่ทว่าเสียงกระซิบอีกข้างหนึ่งได้ห้ามดิฉันไว้..
นี่คือบททดสอบของพญามารเท่านั้นเธอต้องเอาชนะมันให้ได้ เอาชนะความหวั่นใหว ความฟุ้งซ่านนั้นให้ได้
เหมือนคำสอนของเทวนิยม เลยนะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 06 February 2006 - 01:09 PM
แนะนำให้เขียนหนังสือ หรือบทความไปลงตามเว็บไซต์ต่างๆ แต่คำที่เกี่ยวข้องกับมหาปูชนียาจารย์อาจจะต้องสงวนไว้นะคะ เพราะคงไม่ง่ายต่อการเข้าใจของคนภายนอกเท่าไร
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#4
โพสต์เมื่อ 06 February 2006 - 02:53 PM
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#5
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 06 February 2006 - 04:38 PM
น่าสนใจ แนวการเขียน เหมือนอ่านบทกวี
#6
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 06 February 2006 - 04:51 PM
#7
โพสต์เมื่อ 06 February 2006 - 05:25 PM
ในพระไตรปีฎกบอกว่า มารมี 5 ฝูง คือ
1. กิเลสมาร คือ โลภ โกรธ หลง ที่คอยเข้ามาครอบงำจิตใจเราตลอดเวลา กิเลสบังคับให้สร้างกรรม (ชั่ว) เมื่อสร้างกรรมก็มีวิบาก (ผลของกรรม) มารองรับ ทำให้ทุกข์ทนอยู่ร่ำไป
2. ขันธมาร คือ ร่างกายของเราเอง ที่บังคับไม่ได้เลย เดี๋ยวปวด เดี๋ยวเมื่อย เดี๋ยวแก่ เดี๋ยวเจ็บ
3. อภิสังขารมาร คือ วิบากกรรมในอดีตที่ตามมาทัน ทำให้เราประสบทุกข์ต่างๆ นาๆ
4. มัจจุมาร คือ ความตาย มาเป็นมารขัดขวางไม่ให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไป
5. เทวบุตรมาร คือ ผู้มีความเห็นผิด คอยขัดขวางความดีของผู้อื่นมีทั้งมนุษย์ เทวดา ต่างๆ
ซึ่งเทวบุตรมาร ในพระไตรปิฎก เป็นเพียงเทวดาที่มีความเห็นผิดเท่านั้นหรือไม่ ก็ต้องศึกษาให้ดีๆ เพราะเทวบุตรตนนี้มีฤทธิ์มากขนาดขึ้นไปสวรรค์ชั้นพรหมได้
อีกทั้งยังมีฤทธิ์ขนาดบังใจพระอานนท์ไม่ให้ทูลให้พระพุทธเจ้าอยู่ต่อตลอดกัปป์ได้อีกด้วย
อักทั้งในพระไตรปิฎก มักจะมีความว่า มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก มารโลก
น่าสงสัยว่า มารโลกนี่คือที่ไหน ก็ในเมื่อเทวดาที่มีความเห็นผิดนั้นอยู่ในเทวโลก
#8
โพสต์เมื่อ 07 February 2006 - 01:27 AM
กระผมขอตอบแบบคร่าวๆ ว่า เป็นภพๆ หนึ่งที่อยู่นอกภพ ๓ ออกไป (ไม่ใช่นิพพานและโลกันตร์) และเป็นสถานที่อันสถิตอยู่ของผู้ทำหน้าที่ในการผลิตกระแสอาสวะกิเลสมาบังคับ ปกครอง มนุษย์และหมู่สัตว์ ให้เห็นผิด พูดผิด และทำผิด จากนั้นจึงเก็บเหตุที่มนุษย์ได้ทำพลาดพลั้งเหล่านั้น ไปปรุงให้เกิดเป็นผล (วิบาก) และผลที่เกิดขึ้นตามมานี่เอง จึงก่อให้เกิดภพภูมิ/สถานที่รองรับการเสวยผล และสุดท้ายจึงกลายมาเป็นสังสารวัฏ อันเป็นวังวนแห่งความเวียนว่ายของเหล่าสรรพสัตว์อย่างไม่รู้จบ (กรงขังแห่งพญามาร) มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
#9
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 07 February 2006 - 08:23 AM
#10
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 07 February 2006 - 09:54 AM
#11
โพสต์เมื่อ 07 February 2006 - 10:15 PM
อาการจิตตก คือ อาการอย่างหนึ่งของดวงจิตที่เศร้าหมอง เพราะเป็นกังวลกับเรื่องราวต่างๆ ที่แล่นเข้ามากระทบสู่จิตใจ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับสภาวะทุกข์ (หมายถึง ทุกข์ประจำ ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถหลีกเลี่ยงได้ อาทิ ความแก่และความเจ็บ เป็นต้น) และทุกข์จร อาทิ ปิยวิปโยค (พลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก) อัปปิยสัมปโยค (ประสบพบเจอกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักบ้าง) และปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้นตามต้องการบ้าง เป็นต้น
ประการแรก ส่งผลต่อสุขภาพจิต => ทำให้สุขภาพจิตทรุดโทรม
ประการที่สอง เป็นการเปิดช่องให้วิบากกรรมชั่วที่กำลังถึงคราวให้ผล สามารถส่งผลได้ง่ายขึ้น (เพราะฉะนั้น ต้องรักษาใจของเราให้ผ่องใสอยู่เสมอนะครับ)
เมื่อเราทำบุญด้วยอาการของใจที่เศร้าหมองไม่ผ่องใส บุญที่ได้ก็ย่อมหกหล่นเป็นธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกันครับ
ขอตอบแบบง่ายๆ ก็แล้วกันนะครับว่า เขาทำเพื่อต้องการให้มนุษย์ตกอยู่ภายใต้อาณัติของเขา (เป็นบ่าวเป็นทาส) อย่างไม่สามารถพบหนทางแห่งการเลิกเกิด คือ "นิพพาน" ได้นั่นเอง (พูดง่ายๆ ก็คือ บังคับให้มนุษย์ต้องเวียนเกิดเวียนตายให้เขาดูเล่นอยู่ร่ำไปนั่นแหละครับ)
#12
โพสต์เมื่อ 08 February 2006 - 10:13 AM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ

#13
โพสต์เมื่อ 08 February 2006 - 12:22 PM
เมื่อเราเปิดไฟในห้องที่มืด ความสว่างบังเกิดขึ้น ถึงแม้เราจะมีเมตตาต่อความมืดเพียงใด ไม่อยากให้ความมืดต้องสูญสลายไป เราก็ไม่สามารถทำได้ครับ เพราะเมื่อห้องสว่างขึ้น ความมืดย่อมหายไปโดยอัตโนมัติ มันเป็นธรรมชาติของมันอย่างนี้แหละครับ
แต่เมื่อใดก็ตามที่ความสว่างอ่อนกำลังลง ความมืดย่อมเข้ามาแทนที่โดยอัตโนมัติเช่นกัน เราไม่สามารถจะไปร้องขอความเมตตาจาก ความมืดได้ว่า เหลือความสว่างไว้หน่อยเถิด ให้ความมืดกับความสว่างอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่มีใครสามารถทำเช่นนั้นได้ครับ
#14
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 08 February 2006 - 03:32 PM
สิ่งที่อยากรู้คือ จิตตก เพราะเกิดจากความกังวลว่าจะเกิดบาปในจิตใจ จากความคิด ( อาจเกิดจากมารเข้าแทรก ) เพราะกังวลจากการที่อยากมีจิตที่ผ่องใสตลอด จะทำให้บุญที่สั่งสมมาดีทั้งหมดทั้งมวล ( ซึ่งขณะทำบุญจิตไม่ตก มีความศรัทธาและปลื้มตลอด ) แต่จิตมาตกภายหลังจะทำให้บุญที่เก็บสั่งสมไว้ดีแล้ว หกหล่นมากหรือไม่ครับ กราบอนุโมทนา
#15
โพสต์เมื่อ 08 February 2006 - 04:24 PM
พญามารใจร้าย คือสิ่งที่ดิฉันกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ มันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของดิฉัน และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่คอยชี้นำให้ดิฉันกระทำหรือไม่กระทำสิ่งไหน มันแทรกซึมความคิดของดิฉันทุกอย่างจนดิฉันเกิดความวุ่นวายและสับสน และไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดี เพราะตอนนี้จิตใจของดิฉันอ่อนแอและไม่มีความเข้มแข็งพอที่จะไปสู่รบกับเจ้าพญามารตนนั้นได้ และในสุดท้ายดิฉันก็อาจจะต้องพบกับความแพ้พ่าย และต้องพลัดพรากจากเส้นทางการสร้างบารมี พลัดพรากจากเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่านไปในที่สุด ซึ่งดิฉันไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้นเลย
แต่ทว่าหนทางที่มืดมิดก็ย่อมมีทางสว่างอยู่บ้างจริงใหม เพราะอย่างน้อยดิฉันก็มีพญาบุญที่จะคอยปกป้องดิฉันเสมอ และคอยห้ามปรามในสิ่งที่ดิฉันกำลังจะกระทำด้วยอำนาจของพญามารที่เลวร้ายตนนั้น แม้ว่ากำลังแรงฤทธิ์ของพณาบุญจะอ่อนกว่าเจ้าพญามารก็ตาม แต่ในจิตใจในส่วนลึกของดิฉันนั้น ดิฉันรักและเข้าข้างพยาบุญมากที่สุด เราจึงร่วมหัวกันที่จะกำจัดพญามารตนนั้น โดยการใช้รหัส 072 เข้าช่วยทุกท่านคงจะรู้จักกันดีนะคะ การดำเนินการครั้งแรกมันก็แสนอยากแสนลำบาก เพราะในขณะที่ดิฉันกำลังรวมรวมใจไว้ที่ศูนย์กลางกายนั้น ดิฉันก็ต้องพบเจอภาพความวุ่นวาย ทั่งเรื่องการเรียน การงานที่ต้องรับผิดชอบ พร้อมทั้งเสียงที่กระซิบอยู่ข้างหูว่า ลืมตาได้แล้วเธอกำลังจะตกเหว เพราะความรู้สึกที่ดิฉันกำลังเผชิญอยู่นั้นมันก็คือ เหวลูกใหญ่พร้อมด้วยพลังอันลึกลับสิ่งหนึ่งที่กำลังดึงร่างของดิฉันให้ตกลงไป ดิฉันเริ่มกลัวในความรู้สึกนั้น ดิฉันกำลังหวั่นใหวและฟุ่งซ่านแต่ดิฉันพยายามข่มใจตัวเองว่าไม่ให้กลัว เสียงกระซิบยำเตือนไม่หยุดเขาพูดด้วยนำเสียงอันทรงพลังว่า อืม..ตื่นเถอะสาวน้อยอันตรายได้เข้ามาหาเธอแล้ว ฉันกำลังจะลืมตาแต่ทว่าเสียงกระซิบอีกข้างหนึ่งได้ห้ามดิฉันไว้..นี่คือบททดสอบของพญามารเท่านั้นเธอต้องเอาชนะมันให้ได้ เอาชนะความหวั่นใหว ความฟุ้งซ่านนั้นให้ได้ ดิฉันพยายามรวมใจอีกครั้งและนึกถึงองค์พระใสๆในกลางท้องตามที่หลวงพ่อท่านสอนไว้ และแล้วความสงบก็เกิดขึ้นภายในจิตใจที่สว่างไสวของดิฉัน อีกทั้งความสุขที่พึงจะหาได้จากที่ไหนนั้นไม่มีเลย
และสิ่งที่ดิฉันได้รับสุดท้ายคือ การเอาชนะเจ้าตัวพญามารร้าย ด้วยรหัส 072 ที่ทำให้ดิฉันได้คิดสอนตนเองเป็น และนั้นก็หมายถึงดิฉันได้เอาชนะใจของตัวเองแล้ว และถึงแม้ว่าดิฉันจะมีจิตใจที่เข้มแข็ง แต่พญามารก็ไม่ได้ห่างหายไปไหนมันกำลังหาช่องทางที่จะเข้ามาครอบคลุมจิตใจของดิฉันอีกครั้ง ในยามที่จิตใจของดิฉันนั้นอ่อนแอลง แต่ถึงอย่างไรก็ตามดิฉันจะไม่ยอมให้ความคิดอันชั่วร้ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในความคิดของดิฉันอีก เพราะเป้าหมายในชีวิตของดีฉันคงไม่ต่างไปจากท่านผู้มีบุญทุกท่านหรอกค่ะ มันก็ คือการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร และปฎิบัติธรรมให้เข้าถึงวิชาพระธรรมกาย จะได้ไปอยู่กับ หลวงพ่อสด หลวงพ่อธรรมะไชโย คุณยายอาจารย์ ที่ดุสิตบุรี (วงบุญพิเศษ)เขตบรมโพธิสัตว์ สุดท้ายเด็กหญิงอายุ 14 คนนี้อยากจะตะโกนด้วยความปิติใจให้ก้องพิภพสักสามครั้งว่า ชิตังเม ชิตังเม ชิตังเม
ขอบคุณท่านผู้มีบุญทุกท่านที่กรุณาอ่านข้อความในครั้งนี้ และหวังว่าชื่อของดิฉันคงจะถูกจาลึกไว้ในหัวใจของท่านผู้มีบุญทุกท่านนะคะ อนุโมทนาสาธุค่ะ
#16
โพสต์เมื่อ 08 February 2006 - 04:30 PM
เนื่องจากบุญมี 3 วาระครับ คือ ก่อนทำบุญ ขณะทำบุญ และหลังทำบุญ
1. ท่านใดที่รักษาความผ่องใสของใจได้ตลอดทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำบุญ ย่อมได้บุญเต็มเปี่ยมไม่มีหกตกหล่นเลยครับ
2. ท่านใดที่ก่อนทำบุญจิตตก เช่น ไม่อยากทำ แต่พอทำไปแล้วปลื้ม และหลังทำเห็นสิ่งที่ตนบริจาคไว้ นำไปใช้ประโยชน์เพื่อส่วนรวม จิตก็ยิ่งปลื้ม อย่างนี้ บุญย่อมหกตกหล่นในวาระก่อนทำบุญ
3. ท่านใดที่ก่อนทำบุญก็ผ่องใส แต่ขณะทำจิตตก เช่น เคสน้อยใจ ที่เพิ่งออกอากาศไป แต่หลังทำบุญจิตกลับมาผ่องใสใหม่ อย่างนี้ บุญย่อมหกตกหล่นในวาระขณะทำบุญ
4. ท่านใดที่ก่อนทำบุญก็ผ่องใส ขณะทำบุญก็ผ่องใส แต่พอหลังจากทำบุญจิตตก เช่น บริจาคเงินสร้างวัด ก่อนสร้างปลื้ม ขณะสร้างปลื้ม แต่หลังสร้างแล้ว เห็นเขาสร้างไม่เหมือนกับแบบที่ตนตั้งใจไว้ เลยจิตตก อย่างนี้ บุญย่อมหกตกหล่นในวาระหลังทำบุญครับ
#17
โพสต์เมื่อ 10 February 2006 - 11:18 PM
#18
โพสต์เมื่อ 27 June 2006 - 07:05 PM
สาธุ สาธุ สาธุ...
#19
โพสต์เมื่อ 17 March 2007 - 03:44 PM