กำลังจะทำบาปครั้งใหญ่ที่สุดครับ
#1
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 12:27 PM
ก่อนหน้านี้มีหนูเข้ามาในบ้าน คาดว่าน่าจะตัวสองตัว ซึ่งผมก็พยามหาทางที่จะให้มันออกไป โดยไปซื้อกรงดักหนูมาหลายอัน กะว่าจะจับออกให้หมด มันก็ได้ผลครับ คือมันมาติดอยุ่ตัวสองตัว แต่ตัวที่ทำให้ผมเครียดสุดคือ มีอยู่ตัวหนึ่ง มันเข้ามาติดตอนเช้า ซื่งผมต้องรีบออกจากบ้าน จึงยังไม่ได้นำมาปล่อย กะว่าตอนเย็นก่อนค่อยปล่อย แต่พอตอนเย็นปรากฏว่า มันคลอดลูกออมามาครับ อีก 3 ตัว ผมจึงรีบนำไปปล่อย แต่ก็กังวลมากขึ้น เพราะนั่นหมายความว่าตอนนี้มันน่าจะออกลูก ออกหลานกันเต็มบ้านผมแล้วแน่ๆ เลย
และมันก็เป็นจริงครับ ตอนนี้มันน่าจะมีเกือบ 10 ตัวได้ เพราะเจอมันได้ในหลายๆ แห่งในบ้าน และที่สำคัญ กรงที่มันเคยดักได้ ตอนนี้ ไม่ได้เลยครับ เหมือนมันจะรู้ มันวิ่งชนกรงบ้าน ผ่านกรงไปบ้าง บางกรงมันเข้าไปกินกล้วยที่ผมเอาไปล่อไว้ มันกินแค่ครึ่งเดียวครับ และน่าจะกินแบบเบาๆ กรงมันเลยไม่ปิดลงมา
ช่วงดึกๆ หลังจากปิดไฟนอน มันก็จะเริ่มส่งเสียง มีเสียงวิ่ง เสียงเหมือนกัดกัน และตอนเช้าก็จะพบว่ามีขี้ของมันในหลายๆ ที่ของบ้าน ที่ผมกลัวมากคือฉี่ของมันจะไปลงอาหาร หรือมันไปฉี่ตรงไหน แล้วลูกผมอาจจะเอามือไปโดน แล้วไปจับอาหารเข้า หรือมันจะทำอะไรที่ทำให้บ้านผมต้องไปกินฉี่ของมัน ผมไม่อยากให้ใครในบ้านซักคนต้องรับกรรมนี้เลยครับ
ก็เลยต้องยอมเสียสละสร้างบาปครั้งใหญ่ (ปกติที่บ้านจะพยามรักษาศิล 5 ให้เป็นปกติครับ มากสุดก็บี้มด ตบยุงบ้าง แต่น้อยมาก) ผมจะซื้อกาวดักหนูมาดักมันครับ ซึ่งวิธีมันได้ผลครับ สมัยที่ผมยังไม่ได้เข้าวัด ยังไม่เคยคิดจะถือศิล เคยใช้ครับ วางไว้ตรงที่มันวิ่งผ่าน รับรอง วันสองวัน ได้แน่นอน และ มันก็จะติดอย่างนั้นจนกว่ามันจะตาย ซึ่งมันบาปมากแน่นอน เป็นวิธีที่ไม่อยากเลือกเลย แต่หาทางอื่นไม่ได้แล้ว ดังนั้นก่อนที่ผมจะต้องทำบาปในครั้งนี้ เลยจะมาขอปรึกษาท่านผู้รู้ในที่นี้ก่อนครับ ว่ามีทางอื่นที่จะไม่ต้องบาปหรือเปล่าครับ
ก่อนแนะนำผม ทราบสิ่งที่ผมทำก่อนครับ
1. ผมพยามที่จะแผ่เมตตาแล้ว มันไม่สำเร็จครับ นั่งสมาธิ มันยังทำผมตกใจ
2. หนูมันต้องการอาหารครับ ผมทราบ ผมพยามทิ้งขยะทุกวัน ขนมในบ้านก็พยามใส่กลอง ซึ่งตอนนี้มันไม่มากัดถุงขนมผมแล้ว
3. บ้านผมเก็บเกือบหมดแล้ว มีแค่บางที่เท่านั้น ที่เป็นที่รกๆ ห้องเก็บของ ผมนำของใส่กล่องพลาสติกที่มันกัดไม่ได้ แต่มันก็อาศัยอยู่ข้างๆ กล่องครับ เพราะได้ยินมันวิ่งชนกล่องอยู่ครับ
4. ผมไม่รู้ว่ามันอยากออกจากบ้านผมหรือเปล่า แต่คงออกยาก เพราะผมปิดรูไว้หมดแล้ว เพราะผมกลัวมันจะเข้ามาเพิ่ม ถ้ามันอยากออก ก็คงจะยากอยู่เหมือนกัน ผมอธิฐานให้มันเข้ากรง เพราะผมจะเอาไปปล่อย แต่มันไม่ยอมครับ
ซึ่งจะเห็นว่าผมพยามใช้วิธีที่ไม่ต้องสร้างบาปกรรมกันมันแล้ว แต่มันไม่สำเร็จครับ
สุดท้ายนี้ขอรบกวนท่านผู้รู้ที่จะนำหนูออกจากบ้านได้ครับ หากหมดหนทางแล้ว คงต้องยอมเสียสละเพื่อทุกคนในบ้านครับ กลัวเหมือนกันครับว่ามันจะจองเวรกับผมไปอีกหลายชาติ แต่ถ้าโดนฉี่มันสักครั้ง สักคนในบ้าน ผมก็คงต้องจองเวรกับมันในชาตินี้แน่ครับ
กะว่าจะจัดการก่อนหล่อหลวงปู่ทองคำครับ เพราะจะได้อุทิศส่วนกุศล 6 บาท ให้กับพวกที่มันต้องตายด้วยครับ
ขอบคุณทุกๆ ท่านล่วงหน้าครับ
ดิลก
#2
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 01:05 PM
เคยเห็นอุปกรณ์พวกที่สร้างความถี่สูง ซึ่งมันจะรบกวนโสตประสาทของหนู จนต้องย้ายบ้านหนีนะคะ
ลองหาซื้อดู , middleway เคยเห็นขายตามช่องทีวี ที่โทรสั่งซื้อน่ะค่ะ
แต่ผลลัพธ์ต้องใช้เวลานิดนึง ประมาณ 1-2 เดือน จึงจะหมดบ้านค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 01:35 PM
#4
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 02:15 PM
#5
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 02:20 PM
อยากได้ อยากมี อยากเป็น แม้กระทั่งอยากเห็นธรรมะมากเกินไป ก็จัดอยู่ในความอยากที่ทำให้ใจหยาบ
#6
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 02:22 PM
ถ้าใช้ได้จริงช่วยแนะนำ จขกท ด้วยนะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 03:16 PM
#8
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 04:13 PM
ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ผมไปเอาแมวเหมียวน่ารักๆที่วัดแถวบ้านมาอุปการะเลี้ยงดู ตอนนี้ไม่ได้เห็นหนูมาเป็นปีแล้วครับ แมวมันไม่ได้กัดกินหนูนะครับ แต่สัญชาติญานหนูมันได้กลิ่นแมว มันก็กลัวไปเองครับ
#9
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 05:23 PM
#10
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 05:25 PM
#11
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 05:35 PM
#12
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 05:56 PM
และก็อาจจะเลี้ยงแมว ร่วมด้วยก็ได้ อย่างน้อย หนู และ งู ก็จะไม่มี
#13
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 06:48 PM
ก็โอเคนะครับ
แต่ว่า
ฉี่แมว กับฉี่หนูนี้ซิ อันไหนจะแรงกว่ากัน
ผมว่า อุปกรณ์ที่สร้างความถี่ น่าจะเข้าท่านะครับ
#14
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 09:24 PM
แฟนคงจะลืมปิดประตู มันเลยเข้ามาได้ กลุ้มใจมาก ๆ ไม่รู้จะไล่อย่างไรดี พยายามจะไม่ให้ผิดศีล จะเลี้ยงแมวก็ไม่ได้คะ
ลูกยังเล็กกลัวจะแพ้ขนแมว เลยลองไล่ด้วยกลิ่น ทั้งลูกเหม็น และลองใช้เครื่องไล่ด้วยสัญญาณไฟฟ้าความถี่สูง
เป็นเครื่องที่ซื้อมาถูก ๆ 400 บาท
ไม่ได้ผลคะ พยายามเป็นเดือน ๆ เลย
มีแค่ตัวเดียว เดินไปมาแบบไม่เกรงใจเราเลย
จนกระทั่งวันหนึ่ง หนูเจ้ากรรมนั้นมาแพ้ภัยตัวเอง มาหลบเราอยู่ในเครื่องซักผ้า
ไอ้เราก็ปั่นผ้าตามปกติ ดันไปอยู่ใกล้มอเตอร์ (หุหุหุ) พยายามจะไม่ยินดีแล้วนะ (หุหุหุ ) กลัววิบากกรรมเหมือนกันนะเนี่ย
แนะนำเครื่องความถี่สูงที่โฆษณาดูละกันคะ (น่าจะใช้ได้นะ)
ทำดีได้กับตัว ทำชั่วไม่ได้ดี
#15
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 10:08 PM
1. แมวเลี้ยงไม่ได้ครับ มีลูกเล็ก กลัวแพ้ ที่สำคัญ ผมก็แพ้ครับ อยู่กับแมวสักพัก ได้จามไม่หยุดครับ
2. เครื่องความถี่สูงก็ลองแล้วครับ ฝากบอกหลายๆ ท่านด้วยครับ มันไม่ได้ผลครับ เปิดทั้งวันทั้งคืน มันก็ไม่ไปครับ
3. เศษอาหารเนี่ยมันก็มีบ้างครับ พยามทิ้งทุกวันครับ
ตอนแรกจะไปหาไม้ไล่หนูที่มีขายแถวๆ วัดเหมือนกันครับ แต่พอดีฟังคุณโน๊ตมาเลยเลิกคิดครับ ยังไงถ้าใครพอมีวิธีอื่นอีก รบกวนด้วยครับ ก่อนวันพรุ่งนี้ครับ เพราะพอดีวันนี้เป็นวันพระครับ เลยยังให้โอกาสหนูอีก 1 วันครับ พรุ่งนี้คงต้องลงมือแล้วครับ
เมื่อสักครู่กลับมาจากบ้าน เจอขี้หนูอยู่ 2 ก้อนบนเตียงนอน มันสุดจะทนแล้วน่ะครับ บาปครั้งนี้คงเพราะพญามารไม่ปราณีผมแล้วล่ะครับ
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ให้ความเห็น และข้อแนะนำดีๆ ครับ
ดิลก
#16
โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 10:48 PM
๑) เครื่องความถี่ ultrasound เคยใช้ได้ผลจริงค่ะ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องปรับคลื่นความถี่ทุกๆ ๗ วัน มิฉะนั้น หูหนูมันจะชินกับเสียง ใช้เวลาประมาณ ๔๕ วันก็จะอพยพหนีไปค่ะ (แต่ก่อนไปมันจะอาละวาดเล็กน้อย เพราะไม่อยากจากบ้านอันแสนสุขไป)
๒) กรงดักหนู ก็เป็นหนทางหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่า คุณต้องล้างกรงให้สะอาดทุกครั้งหลังจากที่มีหนูติด เพราะเวลามันติด มันจะตกใจและฉี่ราด เมื่อนำมาใช้กครั้ง เพื่อนๆหนูด้วยกันจะได้กลิ่นฉี่จากหนูตัวเดิม ซึ่งคงจะไม่ใช่กลิ่นฉี่ปกติ มันจึงไม่เยื้องกรายเข้าไป และอาหารที่ล่อต้องเป็นอาหารคาวจัดๆ ค่ะ
เมื่อติดแล้วเอาไปปล่อยบริเวณอื่นทีไม่ค่อยมีบ้านคน มิฉะนั้น มันก็ไปเข้าบ้านเขาอีก เคยทะยอยดักติดกรงทีละตัวๆ ได้เป็นนับสิบตัวเลยค่ะ จนหนูหมดบ้านไปในที่สุด ยังเคยเอามาปล่อยท้องนาแถววัดเลยค่ะ ตอนปล่อยก็คุยกับเขาดีๆ ให้ไปดี
อดทนหน่อยนะคะ อย่าใช้กาวเลย เคยเห็นแล้วน่าเวทนา มันทรมานมาก
มีเคล็ดลับของคนโบราณ ให้พูดเพราะๆ กับเขา อย่าดุด่า เพราะยิ่งดุด่า เขายิ่งแกล้ง ...ไม่ลองไม่รู้นะคะ
ขอให้รักษาศีลได้สำเร็จนะคะ
สาธุ
ข้าวรวงงาม ย่อมโน้มต่ำ
#17
โพสต์เมื่อ 30 September 2008 - 12:08 AM
ถ้าคุณ ฆ่าเขาด้วยกาวดักหนู อย่างเจตนา แล้วเขาตาย
จะครบองค์ที่ศีลข้อหนึ่งขาดนะ
ผลกรรมจะต้องชดใช้แบบเดียวกัน ในอบาย นับครั้งไม่ถ้วนนะจ๊ะ
แม้ใช้ส่วนกรรมแล้ว เศษกรรมเวลาเกิดมาเป็นมนุษย์
ก็อาจจะมีอุบัตเหตุให้โดน อะไรแบบกาวยึดไว้ ทรมาณไว้ คล้ายคลึงกัน
นับครั้งไม่ถ้วน..นะ ไหวหรือ
...
ชีวิตของใครก็ตามเขารัก เขาหวงมาก
เกเรยังไงก็ห้ามฆ่า
จะคิดว่าแลกกับ ความสะอาด อนามัย หรือ ความรำคาญ ของเรา
แม้เป็นในบ้านเราก็ไม่ได้เลย
นี่คือกฏแห่งกรรม แม้ไม่แฟร์ แต่เราก็อยู่ใต้กฏอันนี้ทุกคน ไม่เว้น
...
ยิ่งหนู เป็นสัตว์ฉลาด ถ้าเขาโกรธผูกเวร วิบากก็ยิ่งหนักมาก
ขอบอกว่าไม่คุ้มเลย..
แล้วทำไงดี..
ให้ทำบุญแล้ว ก่อนแผ่เมตตาทุกครั้ง นั่งสมาธิ..
นั่งสมาธิ อธิษฐาน ขอให้บุญช่วยผ่อน
น่าจะเป็นวิบากกรรมของเราในอดีตจ้ะ
เป็นวิธีละเอียด..นะ
ส่วนหยาบก็ใช้วิธีของคุณ SuperMom น่ะ perfect
อดทนเท่านั้น จึงจะไม่ไปอบายจ้ะ
...
บางครั้ง แม้แต่ต้องสละชีวิต ยังต้องทำถ้าจะรักษาศีลให้ได้
ถ้าเป็นหัวใจนักสร้างบารมี ทำให้ชินไว้..
...
ท่องไว้ ไม่มีกรรมอะไร ทำแล้วจะลบได้
อดทน อดทน อดทนจ้ะ
สาธุล่วงหน้าจ้ะ ทำได้อยู่แล้ว
#18
โพสต์เมื่อ 30 September 2008 - 02:32 AM
http://www.palungjit...anners/garu.gif
http://www.thaipeaceful.com/ เวปของเรา
http://garu.diaryis.com/ ไดอารี่ของเรา
#19
โพสต์เมื่อ 30 September 2008 - 03:26 AM
ที่ว่ามันเป็นกาวที่เหนียวมากเนี่ยเพราะเคยมีหนูตัวใหญ่พยายามจนกระทั่งหนีออกมาจากกาวดักหนูได้ แล้วเนื้อกาวมันก็เลอะพื้น ดิฉันพยายามอยากช่วยมันด้วย คือลุ้นให้มันออกไปให้ได้ โชคดีมันแข็งแรงก็หลุดไปได้ แต่ตัวก็เต็มไปด้วยกาว ยังคิดว่าบริเวณลำตัวตลอดไปถึงก้นของมันเลอะกาวไปหมด มันจะมีชีวิตไปได้ไม๊ คือมันจะสามารถขับถ่ายได้ไหมนะ ขนาดมือเราที่เลอะใช้แฟ๊บธรรมดายังเอาไม่ออกเลย พื้นที่เลอะใช้อะไรก็ไม่ออก สุดท้ายดิฉันต้องใช้น้ำยาของแอมเวย์ถู เลยรู้ว่ามันทรมานขนาดไหนกว่าจะเอาออกได้
เล่าต่อนะคะ...หลังจากวันนั้นเพียงประมาณสองวัน พี่สะใภ้ ภรรยาของพี่ชายซึ่งเอากาวมาดักหนูที่เล่ามาข้างบน ก็มีอันต้องแท้งลูกไป ก็อึ้งเลยนะคะเพราะเค้าอยากมีลูกมาก ดิฉันไม่ทราบว่าเหตุการณ์นี้มันเกี่ยวกันหรือเปล่า คือฆ่าลูกเค้า ก็ส่งผลฆ่าลูกตัวเอง (เพราะจิตคิดที่จะฆ่าอยู่เสมอ ดึงดูดผู้มีกรรมปาณาติบาตมาเกิด) อันนี้เดาเอาเองนะคะผิดถูกอย่างไร ขออภัย
เรื่องเอากาวดักหนูเนี่ย ไม่ใช่ว่าเค้าทำเป็นครั้งแรก แต่เค้าทำมาหลายครั้งแล้ว แต่รู้สึกตั้งแต่แท้งลูก ก็ไม่กล้าดักหนูอีกเลย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะพี่ชายเป็นคนไม่นับถือพระ ไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม แต่พี่สะใภ้ดูจะเหมือนได้คิดบ้าง
เมื่อก่อนบ้านดิฉันก็มีหนูวิ่งกันให้สนุกสนาน แต่ก็ไม่รู้ทำยังไง เพราะแมวที่เคยเลี้ยงไว้ก็ตายหมดแล้ว หนูก็เลยเยอะมาก ตอนหลังก็ให้คนเก็บบ้านไม่ให้มีที่สะสมข้าวของมาก อะไรบริจาคได้ก็บริจาค ทำให้บ้านโล่งๆ สะอาดๆ ไม่มีเศษอาหาร(สำคัญที่สุด) ฝาขวดน้ำปลาซีอิ้ว ก็ต้องปิดให้หมด ไม่งั้น มันไม่มีอะไรจะกิน ก็มาแทะจนได้แหละค่ะ คือหนูมันคงหาอะไรกินไม่ได้แล้ว ก็กัดแม้กระทั่งกล่องนมUHT ที่เห็นหนาๆมันยังกัดจนทะลุเลย ..เค้าก็หิวเหมือนที่เราหิว ..ไม่อยากให้เค้าอยู่ ก็ไล่วิธีอ้อม คือ
"ตัดเสบียง" เก็บอาหารให้มิดชิด เค้าก้อหนีไป "ที่ชอบๆ" เองแหละค่ะ
หนูมันชอบที่ไหน เป็นที่ชอบ ที่ชอบของมัน มันก็ไปเองแหละค่ะ
ดังนั้น ถ้าเราทำที่ตรงนั้นให้มันไม่ชอบ มันก็ไม่น่าจะชอบอยู่นะคะ
มันจะได้ย้ายสำมะโนครัวไปหากินที่ใหม่เอง ..แต่แน่นอนก็ต้องใช้เวลา และ "ขันติ" + "แผ่เมตตา" ที่คุณแม่SuperMom บอก เห็นด้วยเลยค่ะ ทำตามนั้นแหละค่ะ
แก้ไขอย่างนี้ดีกว่านะคะ เพราะเสียเวลาป้องกันหน่อย แต่ไม่ต้องทุกข์ยาวนานในอบาย หรือรับกรรมนี้เวลามาเกิดเป็นมนุษย์ ที่สำคัญเวลาเค้าปรับคดี เค้าเล่นเอาเศษกรรมหลายๆกรรมมารวมกันนี่นา โดนที..อ่วมเลย..พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกแล้วว่า ..มารไม่ใช่หมู และมารไม่ใช่แมว เพราะว่ามาร ก็ต้องเป็น มาร แบบขี้โกงอะ .. ก็เรายังไม่ชนะเค้านี่นา แต่ก็ต้องรู้เท่าทันเค้านะคะ อย่าลืมค่ะ "บาปแม้เพียงนิด อย่าคิดทำ" คำสอนของท่านท่องให้ขึ้นใจ
แต่มันก็ยากที่จะ หาอุบายแยบคาย สอนตัวเองตอนนั้น ดิฉันเข้าใจ ..นี่เลยค่ะ มาเรียนพระอภิธรรมสิคะ จะเข้าใจอะไรอีกเยอะเลย
บุญเราทำ ก็ทำได้เฉพาะตอนเกิดเป็นมนุษย์นี่แหละ จะเกิดมาทีก็ยาก จะทำทีก็ยาก หรือทำไป ได้ผลบุญมา กลับต้องเอามาใช้หนี้ตรงนี้ ต้องเดินถอยหลังมาอีก บารมีเราก็ไม่รุดหน้าสักที หวังสุขอันไพบูลย์กว่าในเบื้องหน้าเถิดค่ะ
หากศึกษาจากเรื่องพระอภิธรรมแล้ว จะรู้ว่าทำไมเราต้องมาอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ เพราะเหตุใดหนอในอดีต เราจึงอยู่บ้านที่มีหนูคอยกวนมากมาย (ในกรณีที่คุณอาจคิดว่า เราเองทำบ้านสะอาดสุดๆแล้ว) รายละเอียดเชิญศึกษาในพระอภิธรรมเถิดค่ะ สนุกดี อยากให้ไปลงเรียนดูบ้าง แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว คงต้องรอไปปีหน้า
ดิฉันขออนุญาตคัดลอก ข้อความในอีกกระทู้นึงมาให้อ่านดูนะคะ เผอิญเกี่ยวกับเรื่องพระอภิธรรมและผลแห่งกรรมพอดี ซึ่งป้าถวิล วัติรางกูลท่านเป็นบุคคลที่มีดวงปัญญามาก เคยไปศึกษาพระอภิธรรมที่วัดระฆัง ท่านสามารถบรรยาย เขียนและเล่าธรรมะได้ดีมาก ด้วยภาษาที่นุ่มนวลสละสลวย จากเรื่องยากๆก็อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ลองอ่านดูนะคะ
ทำไม บุญ - บาป จึงมีดอกเบี้ยเป็นล้านๆ เท่าตัว
.......คุยกันวันนี้ ป้าใคร่ขอย้ำให้เราทุกคนรู้จักอานุภาพของจิตใจว่า มีฤทธิ์มีอำนาจยิ่งใหญ่
สร้างบุญบาปแต่ละครั้งมีผลที่เกิดนับเท่าไม่ถ้วน ว่ามีเหตุมีผลมีที่เป็นที่มาอย่างไร เพื่อว่า
เมื่อเข้าใจดีแล้ว จะได้สร้างเหตุที่ดีที่สุดให้ตนเอง เวลารับผลจะได้พบแต่สิ่งงดงามไพบูลย์
ป้าจะยกเรื่องเล่า เป็นตัวอย่างให้ฟัง ๒ - ๓ เรื่อง
เรื่องแรก คุณคงเคยอ่านเรื่องราวประวัติพระเถระพระเถรีต่างๆ หลายรายทำบุญใหญ่
เช่น ถวายมหาทานต่อพระภิกษุสงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประธานเพียงครั้งเดียว
มีผลานิสงส์ให้เกิดท่องเที่ยวอยู่ในสุคติภูมิมี เทวดา และ มนุษย์อยู่เป็นเวลายาวนานเป็น
สิบๆ กัป ไม่ไปเกิดที่อบายภูมิเลย กระทั่งชาติสุดท้ายพบและฟังธรรมจากพระสัมมาสัม
พุทธเจ้าบรรลุเป็นพระอรหันต์ ทำบุญครั้งเดียวนะคะ บุญทำไมมากมายขนาดนั้น
เรื่องที่สอง เป็นเรื่องบาปบ้าง พระอรหันตเถรีอุบลวรรณา ก่อนปรินิพพานได้เล่าให้
พุทธบริษัทฟังถึงชาติหนึ่งได้เกิดเป็นสตรี ทำปาณาติบาตฆ่าแพะตัวหนึ่งทำเป็นอาหาร
เลี้ยงเพื่อนของสามี ตายลงต้องรับกรรมตกนรก เศษกรรมทำให้เกิดเป็นแพะและถูกเชือด
ตาย มีจำนวนชาติที่เกิดเป็นแพะเท่าจำนวนขนในตัวทีเดียว แพะตัวหนึ่งมีเส้นขนกี่เส้น
ก็เกิดจำนวนเท่านั้นชาติ ทำไมฆ่าเพียงตัวเดียว หนเดียว ต้องตายแล้วตายอีกนับชาติไม่ถ้วน
คณฟังแล้วสงสัยมั๊ยว่า ทำไมผลของกรรมมีดอกเบี้ยทบต้นมากมาย ป้าเคยสงสัยมาก่อน
นึกท้วงติงทุกครั้งที่อ่านพบเรื่องทำนองนี้ คิดเอาเองว่าไม่ยุติธรรมเลย เมื่อทำกรรมเพียงหนึ่ง
น่าจะได้ผลตอบแทนแค่หนึ่งเท่ากัน เช่นฆ่าหนึ่งชีวิต ก็ควรไปเกิดใช้หนี้แค่ชาติเดียว
....นี่ทำไมนับเท่าไม่ถ้วน ต่อมาเมื่อป้าได้ศึกษาพระอภิธรรมภาคปริยัติ เรื่องการทำงานของ
วิถีจิต เกือบยี่สิบปีมาแล้ว จึงได้เข้าใจ จะลองคุยให้คุณฟังดูนะคะ
.......จิตที่คิดอะไรๆ ได้นั้น เป็นเพราะมีการทำงานของจิตเกิดขึ้น เรียกว่า วิถีจิต ซึ่งมีมาก
มายหลายชนิดแตกต่างกัน ตามแต่อารมณ์ที่รับมาคิด แต่ละวิถีจิตประกอบด้วยส่วนประ
กอบย่อยคือ ขณะจิต ทำงานต่อเนื่องกันอยู่ วิถีจิตของแต่ละอารมณ์ มีจำนวนขณะจิตไม่
เท่ากัน มีมาก มีน้อย มีมากที่สุดไม่เกิน ๑๗ ขณะ คือนับแต่จิตยังไม่เริ่มทำงาน จนทำงาน
เสร็จในแต่ละครั้ง เรียกว่า ๑ วิถี
๑ วิถีจิต ชนิดที่มี ๑๗ ขณะจิต มีการทำงานดังนี้คือ
ขณะที่ ๑ คือ ภวังคจิตค้างอยู่เก่า เป็นขณะจิตที่ยังไม่เริ่มทำงาน
ขณะที่ ๒ ภวังคจิตเริ่มไหวตัว เป็นขณะที่อารมณ์ใหม่มากระทบ
ขณะที่ ๓ เป็นขณะตัดอารมณ์อดีตทิ้ง เพื่อรับอารมณ์ใหม่
ขณะที่ ๔ เป็นขณะพิจารณาว่า เป็นอารมณ์เกิดจากทวารไหน ( คือจาก ตา หู จมูก
ลิ้น หรือกาย )
ขณะที่ ๕ เป็นขณะที่วิญญาณของทวารนั้นๆ เกิดตามมา
ขณะที่ ๖ เป็นขณะรับอารมณ์จากวิญญาณนั้นๆ ส่งต่อขณะจิตต่อไป
ขณะที่ ๗ เป็นขณะทำการไต่สวนอารมณ์นั้นๆ ว่าดี หรือไม่อย่างไร ( คือ นำข้อมูลมีอยู่
เดิมมาพิจารณา )
ขณะที่ ๘ เป็นขณะที่ทำหน้าที่ตัดสินลงไปว่า จะเอาอย่างไรให้แน่นอนลงไป
ขณะที่ ๙ ถึงขณะที่ ๑๕ รวม ๗ ขณะ เรียกว่า ชวนะจิต ทำหน้าที่เสพอารมณ์ที่ตัดสิน
มาแล้ว
ขณะที่ ๑๖ ถึงขณะที่ ๑๗ เป็นขณะที่ทำหน้าที่ยึดอารมณ์ต่อเนื่องจาก ๗ ขณะที่แล้ว
.......วิถีจิตหนึ่งๆ ( ทางตำราพระอภิธรรม ) ทำงานแยกย่อยกันดังที่กล่าว แต่ทางภาค
ปฏิบัติ หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนรวบย่อด้วยการเห็นภาพภายในจิต หน้าที่ของจิต
คือ เห็น จำ คิด รู้ ซึ่งก็ทำหน้าที่ครบทุกขณะจิตในแต่ละวิถีทำนองเดียวกัน
คุณฟังป้าคุยแล้ว ไม่ต้องปวดหัวไปตามหรอกค่ะ ป้าเพียงอ้างเอามาเป็นหลักฐาน
เท่านั้นว่า เวลาเราคิดอะไร แต่ละเรื่องแต่ละครั้งจิตใจของเราทำงานกันละเอียดลออ
แค่ไหน วิถีจิตแต่ละวิถี ทำงานรวดเร็วมาก ไม่สามารถหาเครื่องมืออะไรมาใช้วัดความ
เร็วได้ เกิดขึ้นทำงานเสร็จก็ดับลง คิดสิ่งใดเพียงเรื่องเดียว จิตจะทำงานกันเป็นแสนๆ
เป็นล้านๆ วิถี
ในวิถีจิตหนึ่งๆ นั้น ขณะจิตที่ทำหน้าที่ให้ผล คือขณะจิตที่ ๙ ถึง ๑๕ ที่เรียกว่า
ชวนะจิต รวม ๗ ขณะ ชวนะจิตที่ ๑ ให้ผลในชาติปัจจุบัน ชวนะจิตที่ ๗ ให้ผลในชาติ
ถัดไปหลังจากตายแล้ว ชวนะจิตที่เหลือ ๒ - ๖ ให้ผลตั้งแต่ชาติที่ ๓ เป็นต้นไป
ถ้าคิดเรื่องใดมีวิถีจิตเกิดกี่ล้านวิถี ชวนะจิตที่ค้างอยู่ให้ผลในภพชาติเบื้องหน้าจึง
เป็นล้านๆ ชาติตามไป
.......เป็นไงคะ หายสงสัยแล้วหรือยังว่า ทำไมฆ่าแพะตัวเดียว ต้องไปตกนรก ออกจาก
นรกต้องมาเกิดเป็นแพะและถูกฆ่าตายทุกครั้ง นับจำนวนชาติที่ถูกฆ่าเท่าจำนวนเส้น
ขนในตัวมัน
เข้าใจดังนี้แล้ว ขอให้พวกเราทุกคนทำการกุศลใดๆ พยายามทำให้ครบองค์ประกอบ
ทั้ง ทาน ศีล เจริญภาวนา และทำให้เต็มที่เต็มกำลังของพวกเรานะ
....... คัดลอกจากบทความของหนังสือวารสารกัลยาณมิตร เรื่อง จากความทรงจำ
ของ อุบาสิกา ถวิล (บุญทรง) วัติรางกูล
#20
โพสต์เมื่อ 30 September 2008 - 12:22 PM
ผมอ่านแต่ละท่านแล้ว ทำเอาไม่กล้าเลยครับ งั้นขอรบกวนถามผู้รู้เรื่องแมวสักหน่อยครับ
มีแมวพันธ์ไหนที่
1. มีขนน้อย เลี้ยงแล้วไม่แพ้ ไม่มีอันตรายกับเด็กเล็ก 1 ขวบ
2. ไม่กินหนู (เอาไว้ขู่มันอย่างเดียว ผมเคยเห็นแมวมันคาบหนูไว้ในปาก รู้สึกหยองๆ )
3. เลี้ยงง่าย
4. หาซื้อได้ที่ไหน ราคาเท่าไร
5. วิธีเลี้ยงมันอย่างถูกต้อง
และข้อแนะนำอื่นๆ เกี่ยวกับแมวครับ
จริงๆ แล้วคุณแม่แฟนผม เลี้ยงแมวครับ แต่เค้าเลี้ยงแมวไทย ธรรมดานี่แหละ เลี้ยงแบบบ้านๆ เลย คือปล่อยมันไปทั่วไปหมด เหมือนเราไปวัดอื่นแล้วเห็นแมวตามกุฏิวัดเลย และนั่นทำให้ผมไม่คิดจะเลี้ยงแมวเลย แต่ก็เคยเห็นแมวที่สวยๆ ตัวสีขาว ดูมันนิ่งๆ สงบๆ ดี รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับ
ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ดิลก
#21
โพสต์เมื่อ 30 September 2008 - 04:13 PM
เป็นอันว่า ถาม google หรือสัตวแพทย์ง่ายกว่าน่ะครับ
#22
โพสต์เมื่อ 01 October 2008 - 09:48 PM