วันนี้ผมไปอ่านหนังสือที่ร้าน 7-eleven เจอหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า กรรมเก่าจากอดีตชาติ เรื่องบันทึกจากพุทธกาล มีการกล่าวถึง อมรราช อรหันผี(ในที่นี่ผู้เขียนหมายถึงผีดิบ)ที่อ้างว่าเกิดในสมัยพุทธกาลและมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันโดยปรากฎในร่างหนุ่มแขกผิวคล้ำฐานะร่ำรวยที่เป็นหลานของมิคลัณฑิกสมณกุตตก์ ที่รับจ้างฆ่าพระ 500 รูป
1.มิคลัณฑิกสมณกุตตก์ คือใครครับ?
2.มิคลัณฑิกสมณกุตตก์ มีความเป็นมาอย่างไรครับ?
3.คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ?
ขอบคุณครับ
มิคลัณฑิกสมณกุตตก์
เริ่มโดย อรชุน, Dec 18 2007 06:43 PM
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 18 December 2007 - 06:43 PM
#2
โพสต์เมื่อ 18 December 2007 - 10:38 PM
เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ คิดว่าเป็นเรื่องแต่งนะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 18 December 2007 - 10:49 PM
เง็ง
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#4
โพสต์เมื่อ 18 December 2007 - 11:17 PM
หนังสือที่เจ้าของกระทู้กล่าวถึง ผมยังไม่เคยอ่านหรอกครับ
จึงไม่สามารถสนทนา แสดงความคิดเห็นอะไรได้
ส่วนคำถามเกี่ยวกับ มิคลัณฑิกสมณกุตตก์
มีปรากฎใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑
ตติยปาราชิกสิกขาบท
นิทานปฐมบัญญัติ เรื่องภิกษุหลายรูป
มิคลัณฑิกสมณกุตตก์
มีคำอธิบายโดยย่อว่า
คนโกนผมไว้จุกนุ่งผ้ากาสาวะผืนหนึ่ง ห่มผืนหนึ่ง ทำนองเป็นตาเถน ฯ
ซึ่งตติยปาราชิกสิกขาบท นั้น
เป็นเรื่องของภิกษุหลายรูป ที่ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธโอษฐ์ เกี่ยวกับ
อสุภกถา ทรงพรรณนาคุณแห่งอสุภกัมมัฏฐาน
ทรงสรรเสริญคุณแห่งการเจริญอุสภกัมมัฏฐาน ทรงพรรณนาคุณอสุภสมาบัติเนืองๆ
ว่า สังขาร ร่างกายเป็นของอสุภะ มีปฏิกูล น่ารังเกียจต่าง ๆ
ภิกษุหลายรูป จึงคิดเบื่อในร่างกายของตนเองเป็นที่สุด
จึงปลงชีวิตตนเองบ้าง วานเพื่อนภิกษุ ปลงชีวิตให้ตนเองบ้าง
และมีภิกษุหลายรูป ที่ไปจ้าง มิคลัณฑิกสมณกุตตก์ ด้วยบาตรและจีวร ให้ปลงชีวิตตนเองบ้าง
สรุปว่า ครั้งนั้น
และต่อมาพระบรมศาสดา จึงมีพุทธบัญญัติ ตติยปาราชิกสิกขาบท
ซึ่งก็เป็นวิบากกรรม ปาณาติบาต ของเหล่าภิกษุเหล่านั้น ที่สดับธรรม แล้วขาดโยนิโสมนสิการ
จึงคิดปลงชีวิตตนเอง ดังกล่าว
เชิญเจ้าของกระทู้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มิคลัณฑิกสมณกุตตก์ ได้ที่
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑
ตติยปาราชิกสิกขาบท
นิทานปฐมบัญญัติ เรื่องภิกษุหลายรูป
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ บรรทัดที่ ๗๔๓๖ - ๗๔๙๒. หน้าที่ ๒๘๘ - ๒๙๐.
http://www.84000.org...amp;pagebreak=0
จึงไม่สามารถสนทนา แสดงความคิดเห็นอะไรได้
ส่วนคำถามเกี่ยวกับ มิคลัณฑิกสมณกุตตก์
มีปรากฎใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑
ตติยปาราชิกสิกขาบท
นิทานปฐมบัญญัติ เรื่องภิกษุหลายรูป
มิคลัณฑิกสมณกุตตก์
มีคำอธิบายโดยย่อว่า
คนโกนผมไว้จุกนุ่งผ้ากาสาวะผืนหนึ่ง ห่มผืนหนึ่ง ทำนองเป็นตาเถน ฯ
ซึ่งตติยปาราชิกสิกขาบท นั้น
เป็นเรื่องของภิกษุหลายรูป ที่ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธโอษฐ์ เกี่ยวกับ
อสุภกถา ทรงพรรณนาคุณแห่งอสุภกัมมัฏฐาน
ทรงสรรเสริญคุณแห่งการเจริญอุสภกัมมัฏฐาน ทรงพรรณนาคุณอสุภสมาบัติเนืองๆ
ว่า สังขาร ร่างกายเป็นของอสุภะ มีปฏิกูล น่ารังเกียจต่าง ๆ
ภิกษุหลายรูป จึงคิดเบื่อในร่างกายของตนเองเป็นที่สุด
จึงปลงชีวิตตนเองบ้าง วานเพื่อนภิกษุ ปลงชีวิตให้ตนเองบ้าง
และมีภิกษุหลายรูป ที่ไปจ้าง มิคลัณฑิกสมณกุตตก์ ด้วยบาตรและจีวร ให้ปลงชีวิตตนเองบ้าง
สรุปว่า ครั้งนั้น
QUOTE
มิคลัณฑิกสมณกุตตก์
ได้บาตรจีวรเป็นค่าจ้างแล้ว จึงปลงชีวิตภิกษุเสียวันละ ๑ รูปบ้าง ๒ รูปบ้าง ๓ รูปบ้าง ๔ รูป
บ้าง ๕ รูปบ้าง ๖ รูปบ้าง ๗ รูปบ้าง ๘ รูปบ้าง ๙ รูปบ้าง ๑๐ รูปบ้าง ๒๐ รูปบ้าง ๓๐ รูป
บ้าง ๔๐ รูปบ้าง ๕๐ รูปบ้าง ๖๐ รูปบ้าง ฯล ..
ได้บาตรจีวรเป็นค่าจ้างแล้ว จึงปลงชีวิตภิกษุเสียวันละ ๑ รูปบ้าง ๒ รูปบ้าง ๓ รูปบ้าง ๔ รูป
บ้าง ๕ รูปบ้าง ๖ รูปบ้าง ๗ รูปบ้าง ๘ รูปบ้าง ๙ รูปบ้าง ๑๐ รูปบ้าง ๒๐ รูปบ้าง ๓๐ รูป
บ้าง ๔๐ รูปบ้าง ๕๐ รูปบ้าง ๖๐ รูปบ้าง ฯล ..
และต่อมาพระบรมศาสดา จึงมีพุทธบัญญัติ ตติยปาราชิกสิกขาบท
ซึ่งก็เป็นวิบากกรรม ปาณาติบาต ของเหล่าภิกษุเหล่านั้น ที่สดับธรรม แล้วขาดโยนิโสมนสิการ
จึงคิดปลงชีวิตตนเอง ดังกล่าว
เชิญเจ้าของกระทู้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มิคลัณฑิกสมณกุตตก์ ได้ที่
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑
ตติยปาราชิกสิกขาบท
นิทานปฐมบัญญัติ เรื่องภิกษุหลายรูป
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ บรรทัดที่ ๗๔๓๖ - ๗๔๙๒. หน้าที่ ๒๘๘ - ๒๙๐.
http://www.84000.org...amp;pagebreak=0
#5
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 12:31 AM
อนุโมทนาบุญกับคุณDd2683ด้วยนะครับ...สาธุ
#6
โพสต์เมื่อ 20 December 2007 - 01:42 PM
ขอขอบคุณคุณพี่ Dd2683 ที่ตอบสองข้อแรกครับ
ผมขอตอบข้อสามว่า
นี่คือวิธี เปลี่ยนจริงเป็นเท็จ หลังจากนั้นก็ เปลี่ยนเท็จเป็นจริง คือ
๑. คนชื่อ มิคฯ มีจริง (สอดคล้องกับทุภาษิตว่า ไม่มีมูล หมาไม่ขี้) แต่ตายไปแล้ว ก็แต่งเรื่องเท็จต่อเติมว่า ยังไม่ตาย แต่อยู่มาจนถึงปัจจุบัน
๒. แล้วก็เอาคำดีๆ คือ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ ไปรวมกับคำทั่วไปคือ ผี เทพ เพื่อยกระดับผีและดิสเครดิตพระอรหันต์ ทำให้เสมอกัน (สอดคล้องกับ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ผี ผีเสมอกับพระอรหันต์ เทพเสมอพระโพธิสัตว์)
๓. ต่อไปก็แต่งเรื่องราวยาวๆ ให้สนุกเหมือนไซอิ๋ว แฮรี่พอตเตอร์ แล้วโปรโมทให้ติดปากติดตลาด
๔. ต่อไปก็เปลี่ยนเท็จเป็นจริง ด้วยการอาศัยคนหมู่มากกว่า โดยการสถาปนาให้เป็นสถาบัน เช่นมีตำหนักใหญ่โต ขายเครื่องรางของขลังหลายๆรุ่นขนาดใหญ่โตสวยงามห้อยคอโชว์นอกเสื้อเดินโชว์ตามห้างทำให้เป็นแฟชั่นทันสมัยนิยม ขั้นตอนนี้ทำเงินมหาศาล (๕๐๐ปีก่อนเห้งเจียเป็นนิยาย เดี๋ยวนี้มีศาลเจ้าลิง อนาคตมีตำหนักแฮรี่พอตเตอร์ เจ้าของตำหนักก็รวยไป)
๕. ทำการตลาดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชนะ ได้เป็นชนกลุ่มใหญ่ ยกขึ้นเป็นลัทธิศาสนา มีกฎหมายรับรอง
วิธีป้องกันคือ ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ เหมือนพี่ Dd2683 ค้นหาข้อมูลมาพิสูจน์
ชิตังเม รวย,ดี
สาธุ
ผมขอตอบข้อสามว่า
นี่คือวิธี เปลี่ยนจริงเป็นเท็จ หลังจากนั้นก็ เปลี่ยนเท็จเป็นจริง คือ
๑. คนชื่อ มิคฯ มีจริง (สอดคล้องกับทุภาษิตว่า ไม่มีมูล หมาไม่ขี้) แต่ตายไปแล้ว ก็แต่งเรื่องเท็จต่อเติมว่า ยังไม่ตาย แต่อยู่มาจนถึงปัจจุบัน
๒. แล้วก็เอาคำดีๆ คือ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ ไปรวมกับคำทั่วไปคือ ผี เทพ เพื่อยกระดับผีและดิสเครดิตพระอรหันต์ ทำให้เสมอกัน (สอดคล้องกับ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ผี ผีเสมอกับพระอรหันต์ เทพเสมอพระโพธิสัตว์)
๓. ต่อไปก็แต่งเรื่องราวยาวๆ ให้สนุกเหมือนไซอิ๋ว แฮรี่พอตเตอร์ แล้วโปรโมทให้ติดปากติดตลาด
๔. ต่อไปก็เปลี่ยนเท็จเป็นจริง ด้วยการอาศัยคนหมู่มากกว่า โดยการสถาปนาให้เป็นสถาบัน เช่นมีตำหนักใหญ่โต ขายเครื่องรางของขลังหลายๆรุ่นขนาดใหญ่โตสวยงามห้อยคอโชว์นอกเสื้อเดินโชว์ตามห้างทำให้เป็นแฟชั่นทันสมัยนิยม ขั้นตอนนี้ทำเงินมหาศาล (๕๐๐ปีก่อนเห้งเจียเป็นนิยาย เดี๋ยวนี้มีศาลเจ้าลิง อนาคตมีตำหนักแฮรี่พอตเตอร์ เจ้าของตำหนักก็รวยไป)
๕. ทำการตลาดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชนะ ได้เป็นชนกลุ่มใหญ่ ยกขึ้นเป็นลัทธิศาสนา มีกฎหมายรับรอง
วิธีป้องกันคือ ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ เหมือนพี่ Dd2683 ค้นหาข้อมูลมาพิสูจน์
ชิตังเม รวย,ดี
สาธุ
#7
โพสต์เมื่อ 06 April 2008 - 10:50 AM
ขอบคุณทุกท่านมากครับที่ช่วยไขปัญหาคาใจให้แก่ผม ไม่งั้นผมคงงงและสงสัยอีกนานเลยครับ โดยเฉพาะคุณ Dd2683 และ คุณ DJ96.25PM2-3 ขอบคุณมากครับ